ในใจฉางไทเฮาครุ่นคิดพลางกล่าวถามออกมาในตอนนั้นว่า “ใต้เท้าฉู่ ได้ยินมาว่ามู่อ๋องเป็ห่วงความปลอดภัยของท่านมาก ตอนนี้ท่านกลับมาโดยสวัสดิภาพแล้ว ไม่ทราบว่าท่านได้ส่งจดหมายถึงจวนมู่อ๋องและ รายงานความปลอดภัยแล้วหรือยัง?”
ทุกคนรู้ดีว่าในวันที่เมืองชุ่นเทียนเปิดประตู มู่อ๋องจ้าวอี้ได้กลับมายังจวนมู่อ๋อง เนื่องจากข่าวการเสียชีวิตของท่านแม่ทัพ ทำให้เขารู้สึกหดหู่และล้มป่วย เขาไม่เคยออกมาที่จวนมู่อ๋องอีกเลย แต่นางรู้ว่ามันไม่มีอะไรมากไปกว่าที่อวี่เหวินซินปล่อยข่าวลือ
ครั้นฉางไทเฮาถามออกไป ฮองเฮาอวี่เหวินที่ไม่ได้เตรียมตัวมา สายตาของนางพลันแปรเปลี่ยน ฉางหนิง นางมารร้ายผู้นี้...จะทำอะไร
เพียงครู่เดียวเท่านั้น ฮองเฮาอวี่เหวินมองเห็นเจตนาไม่ดีของนาง ก่อนที่ฉู่ชิงจะตอบ เสียงของฉางไทเฮายังคงดังต่อไปว่า “ไม่รู้ว่าท่านอ๋องมู่...เป็อย่างไรบ้างแล้ว”
ฟังดูคล้ายกับห่วงใย ทว่าในใจของผู้คนมากมายเข้าใจได้ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเห็นใบหน้าดำมืดของฮองเฮาอวี่เหวินก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงคลื่นใต้น้ำระหว่างทั้งสอง
"เขา..." ฉู่ชิงเอ่ยปาก ภายใต้หน้ากากสีเงินลอบขมวดคิ้วเล็กน้อย จ้าวอี้เป็อย่างไรบ้างอย่างนั้นหรือ?
เมื่อวานเขากับเหนียนยวี่แอบเข้าเมืองชุ่นเทียน จึงไม่ได้ทักทายจ้าวอี้ มิรู้เหมือนกันว่าตอนนี้จ้าวอี้...
"จื๋อหร่าน..."
ฉู่ชิงเพิ่งคิดได้ ทว่ามีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงเกือกม้าที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ครั้นทุกคนได้ยินเสียงนั้นพลันตกตะลึงไปเล็กน้อย เสียงนั่น...แทบทุกคนที่ได้ยินต่างรู้จัก
มู่อ๋องจ้าวอี้!
ทว่า...จะเป็ไปได้อย่างไร?
จ้าวเยี่ยนหันมองไปยังทิศทางของเสียงนั้นโดยแทบไม่รู้ตัว เพียงครู่หนึ่ง ม้าก็หยุดลงตรงหน้าผู้คนมากมาย บุรุษบนหลังม้าแต่งกายด้วยชุดสีดำราวกับการแต่งกายของทหารส่วนพระองค์ ทว่าบนเสื้อมีบางสิ่งที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย นั่นคือใบหน้าที่หล่อเหลาสว่างไสวนั่น...
นั่นคือมู่อ๋องจ้าวอี้ตัวจริง!
เขา...ยังไม่ตายหรือ?
ทำไม...
ไม่ใช่แค่จ้าวเยี่ยนที่รู้ข่าวการตายของจ้าวอี้ ยามนี้ครั้นเห็นดวงหน้านั้น ั์ตาพลันฉายประกายเหลือเชื่อ แต่สิ่งที่ตามมาคืออารมณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
อวี่เหวินหรูเยียนกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น พยายามระงับความตื่นเต้นในใจ ดีเหลือเกิน เขายังไม่ตาย นางรู้ว่าเหนียนยวี่ยังไม่ตาย ท่านอ๋องมู่เองก็ย่อมไม่เป็ไรเช่นกัน!
เหนียนอีหลานมองบุรุษผู้นั้นอยู่ด้านหลังผู้เฒ่าหนานกง ราวกับว่าในใจนางพลันเกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ท่านอ๋องมู่ยังไม่สิ้นพระชนม์ เช่นนั้นมิใช่หมายความว่านี่จะเป็ผลดีกับตระกูลหนานกงหรือ?
ในสายตาของทุกคน บุรุษคนนั้นกลับตัวลงจากหลังม้าโดยไม่สนใจสายตาของผู้คนที่ยืนอยู่นอกเขตพำนัก เขาเดินเข้าไปหาฉู่ชิงด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ดียิ่งนักนะ จื๋อหร่าน เ้าเข้าเมืองมายามใด เหตุใดไม่บอกข้า? ข้าตามหาจนทั่วอยู่นานมาก เสี่ยวยวี่เอ๋อร์เล่า? เ้าเอาเสี่ยวยวี่เอ๋อร์ไปไว้ที่ไหน?”
ยามที่จ้าวอี้เอ่ยถาม สายตาเขาสอดส่องมองหาคนในฝูงชนอย่างกระตือรือร้น ฉู่ชิงอยู่ที่นี่ ยวี่เอ๋อร์เองก็น่าจะอยู่ที่นี่ด้วยจึงจะถูก ทว่าเหตุใด...
เขากวาดตามองไปรอบๆ ทว่ากลับไม่พบคนที่กำลังมองหา ทว่าสายตาของฉู่ชิงมองข้ามคนในฝูงชนไปยังหนึ่งในนางกำนัลที่ยืนก้มหน้าอยู่ มุมปากใต้หน้ากากยกยิ้มบาง
ฉู่ชิงไม่ได้ตอบ แต่ ‘เสี่ยวยวี่เอ๋อร์’ ของจ้าวอี้แว่วเข้าไปในหูของผู้คนมากมาย ทำให้ในใจผู้คนพลันเกิดคลื่นอารมณ์นับพันสาดซัด
ดวงตาของอวี่เหวินหรูเยียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนฉายแววเศร้าสร้อย ในสายตาของมู่อ๋องมีเพียงเหนียนยวี่เท่านั้น
‘เสี่ยวยวี่เอ๋อร์’ คำสามคำนี้ ดังเข้ามาในหูของเหนียนอีหลาน ราวกับมีดปักเข้ากลางใจ
เหนียนยวี่...ท่านอ๋องหลีมิได้บอกนางว่าเหนียนยวี่ตายไปแล้วหรือ? เหตุใด...
ความหมายในคำพูดของท่านอ๋องมู่...หมายถึง นางยังไม่ตายอย่างนั้นหรือ?
เป็ไปได้อย่างไร? เหนียนยวี่ตายแล้ว เหนียนยวี่ต้องตายไปแล้ว คืนนั้นไฟลุกลามโหมกระหน่ำเสียขนาดนั้น....
ดวงตาของเหนียนอีหลานลุกวาว นางยังคงสะกดจิตตัวเองอยู่ในใจ อย่างไรเสียนางก็ไม่มีทางยอมรับความจริงได้ว่าเหนียนยวี่ยังมีชีวิตอยู่
“เ้าพูดอะไร? เ้าพูดว่ายวี่เอ๋อร์…ยวี่เอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่หรือ?” องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเดิมนั่งอยู่ในรถม้าแล้ว ครั้นนางได้ยินว่าเหนียนยวี่ยังมีชีวิตอยู่จึงรีบก้าวลงมาและคว้ามือของจ้าวอี้มากุมไว้อย่างตื่นเต้นยินดี
“แน่นอนว่ายังมีชีวิตอยู่ เสี่ยวยวี่เอ๋อร์เป็คนโชคดีอย่างยิ่ง ต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม อีกอย่างมีข้าจ้าวอี้อยู่ด้วย ย่อมปกป้องยวี่เอ๋อร์ได้อย่างแน่นอน ผีร้ายหน้าไหนก็ไม่มีทางทำร้ายนางได้!”
เหนียนยวี่เหลือบมองเขาจากด้านหลังกลุ่มคนที่ยืนอยู่ ความอบอุ่นที่อธิบายไม่ถูกไหลเวียนอยู่ในหัวใจนาง เพราะความเป็ห่วงขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอและการพูดว่าจะปกป้องของมู่อ๋องจ้าวอี้
“ใช่แล้ว ยวี่เอ๋อร์เป็คนที่โชคดี เปิ่นกงคาดไม่ถึงเลยว่าฉู่ชิงจะยังคงปลอดภัยและนำทหารของค่ายเสินเช่อให้รอดพ้นจากไฟไหม้และ 'โรคระบาด' นั่นได้ ยวี่เอ๋อร์เองก็ต้องไม่เป็อะไรแล้วเช่นกัน” ชิงเอ๋อร์พึมพำ และถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกในท้ายที่สุด
คำพูดเหล่านี้ ครั้นเหนียนอีหลานได้ยิน ร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วของนางพลันสั่นสะท้านเล็กน้อย
ใช่ ฉู่ชิงยังไม่ตาย มู่อ๋องก็ยังไม่ตาย เหนียนยวี่ก็อาจจะยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน!
แต่ทำไม...ทำไมนางไม่ตาย!?
เมื่อคิดถึงทุกสิ่งที่นางเคยประสบใน่เวลาที่ผ่านมา เหนียนอีหลานรู้สึกเกลียดชังในใจและความเกลียดชังนั้นแทบจะไม่สามารถยับยั้งได้ ราวกับตัวนางจะแหลกลาญ นางกำหมัดแน่นราวกับว่า้าจะบดขยี้ผู้ใดก็ไม่ปาน
"อี้...อี้เอ๋อร์..."
เสียงสั่นเทาดังขึ้น จ้าวอี้ชะงักงัน เขาหันกลับไปมองสตรีที่ยืนอยู่ไม่ไกล เขารีบก้าวเข้าไปหานางทันที "เสด็จแม่ ลูก..."
จ้าวอี้กำลังถวายความเคารพ ทว่าก่อนที่เขาจะได้ก้มศีรษะลงไป ฮองเฮาอวี่เหวินพลันเอื้อมมือออกไปคว้าข้อมือของเขา ฝ่ามือที่สั่นเทานั้นทำให้จ้าวอี้ชะงักไปทันที เขาเงยหน้าขึ้นสบตาฮองเฮาอวี่เหวิน ในสายตาคู่นั้นอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งความรัก ความตื่นเต้นดีใจ...และแม้กระทั่งความโกรธ!
จ้าวอี้ไม่ได้โง่เขลา เขาย่อมรู้อย่างแน่นอนว่า เหตุใดฮองเฮาอวี่เหวินโกรธ ยามที่นางกำลังจะเอื้อนเอ่ยอะไรบางอย่าง ฮองเฮาอวี่เหวินพลันเก็บความรู้สึกในทันที รอยยิ้มบนใบหน้าของนางเบ่งบาน “อี้เอ๋อร์ บังเอิญเสียจริง เมื่อครู่นี้เสด็จป้าไทเฮาของเ้ายังถามไถ่ถึงเ้าอยู่เลย เพียงพริบตาเดียวเ้าก็มาแล้ว ยังไม่ขอบพระทัยในความเป็ห่วงของเสด็จป้าของเ้าอีกหรือ?”
จ้าวอี้ผงะไปครู่หนึ่ง เขาหันไปมองฉางไทเฮา นางดูไม่มีความสุขนัก เขาผู้ซึ่งมีจิตใจบริสุทธิ์แต่เดิม จึงไม่คิดมาก เขาคารวะให้ฉางไทเฮาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส "เสด็จป้า อี้เอ๋อร์ทำให้ท่านเป็ห่วงแล้ว สมควรตายเสียจริงพ่ะย่ะค่ะ"
ด้วยคำที่เอ่ยคารวะนี้ ทำให้บรรยากาศพลันแปลกประหลาดทันใด
่เวลาที่จ้าวอี้ปรากฏตัว ในใจของฉางไทเฮารู้สึกปั่นป่วนเป็อย่างยิ่ง จ้าวอี้...เขายังไม่ตาย!
ครั้นนางหวนนึกถึง คำพูดที่ตัวนางเอ่ยกับอวี่เหวินซินไปเมื่อครู่นี้...การปรากฏตัวของจ้าวอี้ราวกับอวี่เหวินซินตบเข้าที่ใบหน้านางอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อหน้าผู้คนนางบอกให้จ้าวอี้มาคารวะขอบใจนาง ทว่าความหมายในคำพูดนั้น นางตั้งใจจะบอกกับตนว่า โอรสของนางยังมีชีวิตอยู่ นางยังคงเป็ต่อและความเป็ต่อเช่นนี้มันเหมาะสมแล้ว!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉางไทเฮาเริ่มทนไม่ไหว นางกำผ้าเช็ดหน้าแน่น ไม่สามารถยิ้มอย่างเป็มิตรได้
“เสด็จพี่ ท่านเป็อะไรหรือไม่ เหตุใดสีหน้าไม่ค่อยดีเลยเล่า ไม่สบายตรงไหนหรือ?” ฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยถามอย่างรู้ทัน นางขมวดคิ้วอย่างเป็ห่วง แต่ในใจรู้สึกพึงพอใจกับสีหน้าของฉางไทเฮา
หึ ฉางหนิง สตรีสารเลว ในที่สุดก็ดีใจไม่ออกแล้วหรือ?