“สาวน้อย อย่ากังวลไป หลังจากจัดการไอ้เวรฉินเฟิงนี่แล้วพี่จะสำราญกับเรือนร่างของเธอเอง” วิลเลียมส์ไม่คิดว่าซูชิวเยว่เป็ภัยคุกคามเขาจ้องเรือนร่างอรชรของเธออย่างหยาบคาย
“ฉันไม่้าความช่วยเหลือของเธอ รีบหนีไปซะ!”
“อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ช่วยคุณ ฉันแค่ช่วยตัวเองเท่านั้น”ซูชิวเยว่ตอบแบบไม่สนใจ
ในเมื่อเหวยเสียวเหล่ยและวิลเลียมส์ถอดหน้ากากแล้วแม้ว่าซูชิวเยว่จะไม่เคลื่อนไหว ทั้งสองก็คงจะลงมือกับเธอภายหลังแน่นอนดังนั้นเธอจึงคิดว่าร่วมมือกันกับฉินเฟิงในตอนนี้จะดีกว่า
“ฉันรู้ ฉันถึงได้บอกให้เธอรีบหนีไปซะ แม้ว่าจะเป็เราสองคนก็อาจจะชนะมันไม่ได้” ซูชิวเยว่เข้าใจสถานการณ์แล้วฉินเฟิงก็เข้าใจสถานการณ์นานแล้ว
ดูจากการเคลื่อนไหวของเธอฉินเฟิงบอกได้ว่าตอนนี้เธอมีความแข็งแกร่งอยู่ขั้นสี่ เห็นได้ว่ารับมือกับวิลเลียมส์ไม่ไหวถ้าเธอร่วมมือสู้ด้วย ฉินเฟิงคงจะได้แต่ว่อกแว่กเพราะต้องคอยดูแลเธอ
“แต่...” ซูชิวเยว่อยากจะพูดบางอย่างแต่ฉินเฟิงก็ผลักเธอไปและะโ“รีบหนีไปซะ ถ้าเธอไม่รีบไปตอนนี้ มันจะสายเกินไป!”
ซูชิวเยว่มองฉินเฟิงด้วยความลังเลแล้วเธอก็กระโจนเข้าไปกอดฉินเฟิงแน่นทันทีพร้อมกับพูดข้อความสั้นๆ “ระวังด้วย!”
เขามองรูปร่างงดงามของเธอที่หายไปอย่างรวดเร็วและะโ“ขับเรเบนตันคันนั้นไป!”
“ฮึ่ม อยากจะหนีเรอะ? แต่ต้องได้รับอนุญาตจากพ่อก่อนนะ”วิลเลียมส์คำรามและพุ่งไปข้างหน้าและง้างหมัดที่ใหญ่โตของเขาฉินเฟิงถือกระบี่เจินกังที่เรืองแสงสีเหลืองจางๆพร้อมกับรอยยิ้มอ้างว้างและปะทะเข้ากับหมัดด้วยกระบี่ของเขา
แสงประกายของกระบี่ส่องไปทั่วทิศทางหุบเขาสั่นไหวเบาๆ
ด้วยวิชากระบี่เบื้องต้นนี้การเคลื่อนไหวของเขาจึงดีกว่ามาก ด้วยความเร็วของเขา เขาสามารถหลบการโจมตีของวิลเลียมส์ได้หลังจากการปะทะกันระหว่างกระบี่และหมัดติดต่อกันสิบครั้งก็ยังบอกไม่ได้ว่าใครจะชนะ
“ฉินเฟิง อย่าหนีสิวะ แน่จริงก็มาสู้กันอย่างลูกผู้ชายสิโว้ย”วิลเลียมส์ไล่ตามฉินเฟิงจากยอดเขาไปถึงกลางเขา เขาเหนื่อยมากจนหอบแฮ่กๆ
ฉินเฟิงหยุดและกวาดตามองไปทั้งด้านล่างของูเาเมื่อเห็นว่าซูชิวเยว่ออกไปอย่างปลอดภัยแล้วเขาก็ยิ้ม
“โอเค งั้นนายต้องรับคมกระบี่ของฉันนะ” เมื่อฉินเฟิงพูดจบก็พุ่งเข้าหาวิลเลียมส์ด้วยความเร็วมหาศาลและแกว่งกระบี่ในมือ
วิลเลียมส์ไม่สามารถซ่อนสีหน้าที่ตื่นเต้นและดูถูกได้ตราบใดที่ฉินเฟิงกล้าสู้ระยะประชิดกับเขาเขามั่นใจว่าตนเองสามารถอัดมันให้เละเป็โจ๊กได้
ทั้งสองเข้าใกล้กันมากขึ้นๆกระบี่ของฉินเฟิงฟันลงและวิลเลียมส์ก็แผดเสียงพร้อมกับปล่อยหมัดเหล็กขนาดใหญ่ปะทะเข้าด้วยกัน
ตูม!
หมัดกับกระบี่ปะทะกันอีกครั้งด้วยเสียงที่เหมือนกับขบวนพยุหะเข้าชนกันฉินเฟิงโดนส่งกระเด็นไปบนอากาศด้วยหมัด เขาดูเหมือนกับสายว่าวขาดสายตาของวิลเลียมส์เต็มไปด้วยความรื่นเริงครั้งนี้เขาไม่ให้โอกาสฉินเฟิงหายใจและพุ่งไปข้างหน้าทันทีเล็งอีกหมัดไปที่หัวของฉินเฟิง
ฉินเฟิงหลับตาอยู่เขาเหมือนกำลังจะสลบแต่มุมปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับคราบเืฉากนี้ดูแปลกตา ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาและแตะปลายเท้าบนพื้นพุ่งขึ้นจากพื้นด้วยตัวที่เบาราวกับนกกระจอก และมาที่ด้านหลังของวิลเลียมส์
แล้วเขาก็แตะฝ่ามือไปเบาๆ
ฝ่ามือนี้ทั้งนุ่มนวลและบางเบาดูเหมือนกับกำลังลูบหลังของคนรักมากกว่าท่าต่อสู้
ตูม!
เสียงฝ่ามือนี้ไม่ได้สนั่นไปทั้งหุบเขาแต่เสียงมันต่ำมากและดูเหมือนฟ้าร้องอย่างไม่ขาดสาย
ตูมๆๆๆ!
ร่างของวิลเลียมส์ดูเหมือนกับมีะเิอยู่ข้างในครั้งนี้เมื่อโดนจุดชนวนเสียงะเิก็ดังแบบต่อเนื่องเขายังอยู่ในท่าโจมตีเมื่อกี้อยู่แต่ร่างของเขายืนแข็งเป็รูปปั้นไม่ได้ขยับมานาน
เืไหลทะลักออกจากปากแล้วก็ทะลักครั้งที่สอง...เขากระอักเืจนกระทั่งเืในตัวเหือดแห้งสายตาของเขาเต็มไปด้วยความใเขาไม่คิดว่าฉินเฟิงจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์จีนที่ฝึกฝนทั้งกำลังภายในและภายนอก
ฝ่ามือของเขาใช้พลังลมปราณมันดูเหมือนแค่วางบนหลังเท่านั้นแต่ะเิพลังลมปราณไหลกดไปทั่วทั้งอวัยวะภายในและทำลายมันแตกเป็เสี่ยงๆ
“ฉินเฟิง...แกกล้าฆ่าฉันเหรอ? ตระกูลวิลเลียมจะไม่มีทางยกโทษให้แกแน่”หลังจากพูดเสร็จ ลมหายใจของวิลเลียมส์ก็หยุดโดยสมบูรณ์
เมื่อเขาตายเหวยเสียวเหล่ยก็ลากสวี่รั่วโหรวลงมาจากูเา“ฉินเฟิงรีบมัดมือตัวเองและเตรียมโดนจับซะ ไม่งั้นฉันจะฆ่ายายเด็กนี่”
แต่ครั้งนี้วิลเลียมส์ยังอยู่ในท่าโจมตีและยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท้องฟ้าที่มืดมิดเหวยเสียวเหล่ยจึงไม่ผิดสังเกต “วิลเลียมส์ แกทำอะไรอยู่? รีบต่อยให้ฉินเฟิงมันสมองไหลสิวะ”
“รีบขยับสิโว้ย ฉันได้คนรักของฉินเฟิงมาไว้ในกำมือแล้วมันไม่กล้าทำเป็ไม่รู้ไม่เห็นแน่”
“ไอ้เวร นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว? แกยังมีอารมณ์มาโพสท่าปัญญานิ่มอะไรแบบนี้อีกเหรอวะ?”
เหวยเสียวเหล่ยะโจนคอแห้งแต่วิลเลียมส์ก็ไม่ขยับเลยสักนิดถ้าเขาขยับขึ้นมาจริงๆ ฉินเฟิงคงช็อกตายแน่
มีดบินที่ส่องประกายเย็นเฉียบโผล่ขึ้นในมือของเขาทันทีด้วยการสะบัดมือเพียงชั่วครู่ มีดบินก็ลอยไปเหมือนกับกระแสไฟฟ้าวินาทีต่อมามันก็ปักอยู่บนคิ้วของเหวยเสียวเหล่ย
“กรี๊ด ฉินเฟิง!”เมื่อสวี่รั่วโหรวรู้สึกว่าการจับของเหวยเสียวเหล่ยอ่อนแรงลงเธอก็ะโด้วยความกลัวและวิ่งไปหาฉินเฟิงอย่างไม่คิดชีวิต
ฉินเฟิงอ้าแขนด้วยรอยยิ้มและต้อนรับสาวน้อยคนสวยคนนี้
“ฉินเฟิงไปกันเถอะ รีบออกไปจากที่นี่กัน”เธอพุ่งเข้าหาอ้อมกอดของฉินเฟิงและกอดเขาแน่นเธออยากจะเบียดตัวเองเข้าไปในอ้อมอกของเขา
“โอเค เราจะไปกันเดี๋ยวนี่ล่ะ ไปเอาจักรยานบนยอดเขากัน”มันไม่มีทางที่ฉินเฟิงจะทิ้งจักรยาน 28 นิ้ว อันล้ำค่าของเขา
หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่น่าตกตะลึงขึ้นสวี่รั่วโหรวก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำทันที หลังจากเดินไปครึ่งทางเธอมองฉินเฟิงด้วยแววตาขอโทษ “ฉินเฟิง...ฉะ...ฉันปวดชิ้งฉ่อง”
ฉินเฟิงมองดูศพของเหวยเสียวเหล่ยและวิลเลียมส์แล้วก็กลับมามองสวี่รั่วโหรวที่เขินอาย เขาััผมนุ่มสลวยของเธอและกล่าว “ไปเถอะฉันจะรอเธออยู่ที่นี่เอง และเอาจักรยานเราลงมาด้วยถ้าเสร็จแล้ว”
สวี่รั่วโหรววิ่งไปอย่างเขินอายทันที
หลังจากส่งสวี่รั่วโหรวฉินเฟิงก็มาถึงหน้าศพของทั้งสอง ด้วยการที่ท้องฟ้ามืดมากสวี่รั่วโหรวจึงไม่รู้ว่าพวกเขาตายแล้ว ฉินเฟิงตั้งใจจะส่งเธอเพื่อเขาจะได้จัดการศพ
เนื่องจากนิสัยของสวี่รั่วโหรวอ่อนโยนมากฉินเฟิงจึงไม่้าให้เธอเห็นด้านมืดและสกปรกของโลก
เมื่อเขามาถึงวิลเลียมส์เขานั่งยองๆและสายตาก็จับจ้องไปที่หมัดของวิลเลียมส์มีนวมเหล็กส่องประกายเย็นเฉียบที่ปะทะกับกระบี่เจินกังของฉินเฟิงมากกว่าร้อยครั้งและพวกมันก็ยังไม่มีความเสียหายอะไรแถมยังดูเหมือนใหม่
นี่ต้องเป็ของล้ำค่าแน่นอนฉินเฟิงไม่คิดมากและหยิบถุงมือสนับออกจากมือของวิลเลียมส์เมื่อเขาถือถุงมือสนับลมหนาวเย็นที่ทิ่มแทงกระดูกก็พัดผ่านเขาฉินเฟิงสั่นสะท้านั้แ่หัวจรดเท้า ความเมื่อยล้าหายไปดั่งเปลวควันและเขาก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาอย่างไม่มีเหตุผล
“นวมเหล็กเหมันต์ ระดับอุปกรณ์ : สีขาวขั้นสูงสร้างด้วยโลหะเย็นพันปีเป็วัสดุหลัก มันแข็งแรงมาก สามารถถล่มหินขยี้ภูผาได้คุณสมบัติโดยธรรมชาติของโลหะเย็นทำให้ผู้สวมใส่เย็นฉ่ำั้แ่หัวจรดเท้าและทำให้การตัดสินใจชัดเจนขึ้นมันสามารถเพิ่มความอดทนและความแม่นยำในการต่อสู้ได้อีกด้วย”เสียงไร้อารมณ์ของระบบดังออกมาทำให้ฉินเฟิงผวาใครจะรู้ล่ะว่าระบบก็มีฟังก์ชันตรวจสอบด้วย?