เสียงปะทะดังสะท้านทั่วทั้งม่านพิภพตระกูลฮั่น วิชายุทธ์พิฆาตที่ผสานไปด้วยิญญายุทธ์อันหลากหลายได้สร้างความเสียหายอย่างหนักเป็วงกว้างส่งผลให้อาคารบ้านเรือน สิ่งก่อสร้างโดยรอบรัศมีล้วนถูกทำลายไปจนสิ้น ยิ่งสนามต่อสู้ของสุดยอดฝีมือของทั้งสองฝ่ายแล้วล้วนเต็มไปด้วยจิตสังหารที่สร้างแรงคุกคามต่อผู้ฝึกต้นที่อ่อนด้อยในพลังลมปราณจนไม่อาจย่างก้าวเข้ามายุ่งย่ามบริเวณส่วนนี้ได้
“ไม่คิดว่าผู้าุโลู่แห่งตระกูลหวังจะมากไปด้วยฝีมือเช่นนี้...” บุรุษวัยกลางคนที่เป็หนึ่งในผู้าุโสำนักเทพมารที่ถูกส่งตัวมาได้เอ่ยขึ้นพร้อมกับแสยะยิ้มมุมปาก
“สวะเช่นพวกเ้าที่ละทิ้งเผ่าพันธ์ไปเข้าร่วมกับพวกมารปีศาจอย่าได้ทะนงว่าตนแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น วันนี้ตาเฒ่าผู้นี้จะสั่งสอนเ้าเอง!!”
"ช่างไม่กลัวความตายเสียจริง!!!"
พริบตาเดียวนั้นกรงเล็บที่ห่อหุ้มด้วยปราณมารก็บรรลุถึงเบื้องหน้าของลู่หลาน แรงสะกดข่มของพลังปราณที่ถูกเสริมแกร่งด้วยค่ายกลดวงตามารได้สร้างความกดดันเพิ่มขึ้นหลายเท่า เผชิญหน้ากับกระแสพลังขั้วตรงข้ามของฝ่ายมากเช่นนี้ทำให้ยากที่จะขยับตัวได้ดั่งใจนึก อย่างไรก็ตามกระบี่ในมือยังคงถูกยกขึ้นต้านรับกรงเล็บมารนี้ได้อย่างทันท่วงที
ตู้ม!!!
ยามเมื่อกระบี่เล่มสีดำราวกับห้วงรัตติกาลต้านรับการจู่โจมได้บังเกิดเป็เปลวเพลิงที่อาบเคลือบกระบี่ก่อนจะสลายกรงเล็บมารนี้จนซ่านสลายไปอย่างรวดเร็ว สองเท้าของลู่หลานที่ถูกเร่งเร้าด้วยพลังปราณออกท่าร่างวิชาตัวเบาดีดตัวออกมาว่องไวยิ่ง สีหน้าตื่นตะลึงของ ผู้าุโตำหนักเทพมารต่างจับจ้องไปยังกระบี่ในมือของผู้าุโเฒ่าตรงหน้า สมบัติวิเศษที่สามารถซ่านสลายกรงเล็บมารได้เช่นนี้ คงเป็สุดยอดกระบี่ที่ไม่ธรรมดาสามัญ
“คิดว่าคนตระกูลหวังจะเป็ดั่งลูกพลับนิ่มให้พวกเ้าบีบได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นรึ ช่างไม่เจียมตัวเสียจริง!!!” สีหน้าและท่าทางของลู่หลานยามนี้เคร่งครึมและแผ่จิตสังหารอันแรงกล้าอย่างหนักหน่วง เปลวเพลิงสีเขียวส้มอันเกิดจากิญญายุทธ์ประจำตัวนั้นได้ก่อร่างเป็วิหคที่บินเหนือท้องฟ้าก่อนจะกู่ร้องออกมาสะท้านไปทั่วทั้งบริเวณ
“ปากดีนักนะตาเฒ่า วันนี้ข้าจะสังหารเ้าให้ได้!!”
สีหน้าของผู้าุโสำนักเทพมารยามนี้บิดเบี้ยวพร้อมกับฉายฉัดไปด้วยจิตสังหารอันเข้มข้นรุนแรง ทั้งสองมองหน้ากันอย่างระวังท่าทีก่อนจะพุ่งทะยานเข้าโจมตีกันอีกครั้ง รัศมีโดยรอบหนึ่งลี้ล้วนไม่มีผู้ใดเข้ามาวุ่นวายได้ด้วยเพราะแรงกดดันอัดแน่นนี้ถึงกับสังหารผู้อ่อนด้อยที่หลงทิศเข้ามาจนร่างกายต่างะเิเป็ชิ้นเนื้อทั้งสิ้น…
ตรงอีกด้านฝั่งหนึ่งไม่ไกลไปนัก ร่างของชายชราที่สวมใส่หน้ากากปกปิดได้กระเด็นออกไปไกลอย่างเห็นได้ชัด แม้จะไม่เห็นถึงใบหน้าที่ซ่อนอยู่ทว่ากลับััได้ว่าจิตสังหารลุกท่วมครอบงำโทสะมากเพียงใด ทั้งตรงมุมปากปรากฏโลหิตสายหนึ่งไหลรินอย่างไม่ขาดสาย ส่วนท่อนแขนด้านขวาตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรอยแผลเหวอะหวะพร้อมกับอาการปวดร้าว
หวังป๋อเหวินมองชายชุดดำตรงหน้าที่เป็หนึ่งในผู้าุโจากทางสำนักเทพมารอย่างไม่กลัวเกรง ตัวตนชั่วร้ายสามานย์เช่นนี้หาได้มีจิตสำนึกแต่อย่างใด แม้อีกฝ่ายจะได้รับแรงสนับสนุนจากค่ายกลดวงตามารอุบาทว์นั่น แต่เขาก็เป็ถึงราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาขั้นสูงผู้หนึ่งที่ไม่อ่อนด้อย ยิ่งได้รับโอสถวิเศษจากเหลนในก่อนหน้านี้ แม้จะไม่ส่งผลให้ตัดผ่านเลื่อนระดับได้ ทว่ายามนี้พลังปราณในร่างกายก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าเลยทีเดียว
“ตาเฒ่าตระกูลหวัง อย่าได้คิดว่าจะเอาชนะข้าได้ง่ายถึงเพียงนั้น ใช่ว่าข้าไม่เคยสังหารราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาขั้นสูงไปเสียเมื่อไหร่ รับมือ!!!”
“ข้าก็ใช่ว่าจะไม่เคยสังหารเศษสวะที่เข้าร่วมกับพวกมารปีศาจไปเสียเมื่อไหร่ อย่าหาว่าข้าไม่ปราณีเ้าแล้วกัน!!!”
สองผู้แกร่งกล้าที่สมบูรณ์พร้อมไปด้วยรากฐานพลังปราณเทพยุทธ์ิญญาได้ะเิพลังออกมาท่วมท้นแผ่ซ่านได้ทั่วทั้งบริเวณส่งผลให้ห้วงอากาศบริเวณถึงกับบิดเบี้ยวจนไม่สามารถกลับคืนปกติได้ ห้วงพลังอหังการทั้งสองได้บังเกิดเป็เปลวเพลิงสีม่วงดำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้น และเปลวเพลิงสีน้ำเงินครามพิสุทธิ์ที่ขยายทอดยาวไปทั่ว
ทุกสายตาต่างจดจ้องมายังสนามต่อสู้ดังกล่าว ด้วยเพราะตัวตนทั้งสองนั้นเป็สุดยอดฝีมือของกองกำลังอย่างแท้จริง เหนือน่านท้องฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยสองเปลวเพลิงพิสดารไม่ว่าผู้ใดย่อมไม่อาจย่างกรายเข้าใกล้ได้ ด้วยััได้ว่าลมปราณที่แกร่งกร้าวขึ้นคล้ายกับเป็ศาสตร์ลับยกระดับฝีมือรูปแบบหนึ่งที่ได้รับการเสริมจากปราณมาร และอีกฝั่งหนึ่งก็ถือได้ว่าเป็ความเข้มข้นบริสุทธิ์ของพลังปราณที่ถูกะเิออกมาจนมีระดับที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน...
เหนือท้องฟ้าอีกด้านหนึ่งหวังจิ่งหลงยังคงปะทะกับฮั่นหลี่เฉียงด้วยความดุเดือดชนิดที่กล่าวเป็การปะทะที่สะท้านฟ้าะเืดินคงไม่เกินจริงไปนัก ดวงตาวาวโรจน์ของประมุขตระกูลฮั่นเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอันท่วมท้นก่อนจะพุ่งทะยานออกไปอย่างฉับไวพร้อมกับพัดหยกในมือที่ถูกกระชับแน่น เพียงอึดใจเดียวก็บรรลุถึงเบื้องหน้าของหวังจิ่งหลงแล้ว
ด้วยประสาทััอันฉับไวของหวังจิ่งหลงนั้นได้บังเกิดเป็กระบี่เพลิงที่ถูกผนึกขึ้นจากิญญายุทธ์เข้าพาดกระหน่ำพัดวิเศษที่พกพามาด้วยพลังทำลายล้างไม่อ่อนด้อย
เพลงกระบี่เพลิงที่ถูกเรียกใช้ออกมาปรากฎเป็สายอัคคีที่เปี่ยมไปด้วยความร้อนแรงถึงขีดสุดฟาดกลับไปด้วยความเร็วไม่แพ้กัน ความเข้มข้นของเปลวเพลิงของสายเือันบริสุทธ์ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายนั้นส่งผลให้ใบหน้าของฮั่นหลี่เฉียงแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้อาจจะหลบหนีได้ทันทว่าเขาก็พอััได้ว่าสายอัคคีเมื่อครู่ได้ถูกแฝงเร้นด้วยพลังพิสดารที่ไม่อาจระบุได้
เปลวเพลิงสีเขียวมรกตที่อาบย้อมไปด้วยปราณมารได้ะเิพวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง วิถีของพัดวิเศษพลันแปรเปลี่ยนไปตามท่วงท่าที่สอดประสาน วิชายุทธ์พัดพิฆาตอันเป็วิชาขึ้นชื่อของตระกูลฮั่นได้สำแดงอาณุภาพที่แท้จริงเสียที พัดหยกเพลิงนั้นได้แยกร่างนับร้อยที่หมุนวนดูคล้ายกับโล่เพลิงที่ป้องกันผู้บัญชาการจากสายอัคคีที่โหมกระหน่ำฟาดเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง
“ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามวันนี้ข้าจะสังหารเ้าให้ได้!!!” ฮั่นหลี่เฉียงกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ด้วยแรงหนุนจากปราณมารที่นับทวีความเข้มข้นนั้นได้ส่งผลให้พลังปราณในร่างกายได้ล้นทะลักปะทุถึงขีดสุด เทียบได้กับราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาขั้นสูงย่างก้าวที่อ่อนด้อยกว่าราชทินนามเทพ์ิญญาไม่กี่ส่วนเพียงเท่านั้น
“ขึ้นอยู่ที่ว่าท่านจะมีคุณสมบัตินั้นเพียงพอหรือไม่!!!!” หวังจิ่งหลงตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมระดมเรียกพลังปราณในร่างกายถึงขีดสุดเช่นกัน
“โซ่ตรวนพัดหยกปลิดิญญามารคลั่งสถิต!!” พริบตานั้นได้บังเกิดโซ่ตรวนสีดำทมิฬที่ผูกประสานได้พัดิญญาที่แยกออกนับร้อย นับพันสายหมุนคว้างปัดป่ายกินพื้นที่หลายลี้ กลิ่นอายที่แผ่ซ่านล้วนแข็งกร้าวดุดันยิ่ง ฮั่นหลี่เฉียงประสานมือเป็ท่วงท่าพิสดารก่อนที่เปลวเพลิงร้อนแรงจะอาบย้อมบนกระแสสายโซ่ตรวนเหล่านี้ทั้งสิ้น
ฟิ้ว!!!! ฟิ้ว!!!! ฟิ้ว!!!!
กระแสสายโซ่ตรวนสีดำทมิฬต่างพวยพุ่งออกไปอย่างไร้ทิศทางทว่ากลับรวดเร็วและทวีความรุนแรงหลายเท่า ทั้งยังแฝงไปด้วยปราณมารอันเข้มข้นถึงขีดสุดที่ผสานเข้ากับเปลวเพลิงพิสดารของเชื้อสายตระกูลฮั่นอันร้อนระอุ
เพียงตวัดมือส่งการเท่านั้น การเคลื่อนไหวที่ไร้ทิศทางเมื่อครู่ทางพุ่งเข้าโจมตีโดยมีเป้าหมายล้วนเป็กองกำลังฝั่งพันธมิตรของตระกูลหวังทั้งสิ้น เสียงกรีดร้องทรมานของเหล่าทาสิญญาที่พันผูกได้แปรเปลี่ยนเป็กะโหลกิญญาที่พุ่งทะยานสู่เบื้องหน้ายากที่จะหลบหนีได้โดยง่าย
ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!!!
วิหคเพลิงสีครามประกายสุดอหังการของหวังจิ่งหลงได้พวยพุ่งทะยานขึ้นเหนือฟ้าก่อนจะเข้าปะทะกับโซ่ตรวนมารก่อเกิดเสียงสะท้านดังก้องยิ่งกว่าครั้งใด แรงะเิกระจายออกทั่วทิศจนเกิดเป็คลื่นทำลายล้างไปทั่ว
“ผู้แกร่งกล้าพันธมิตรตระกูลหวังทุกคนจงกลับมารวมกันเดี๋ยวนี้!!!” หวังจิ่งหลงตวาดกร้าวสั่งการเสียงดังสะท้าน ผู้แกร่งกล้าและสุดยอดฝีมือพันธมิตรของกองทัพตระกูลหวังทั้งหมด บัดนี้เมื่อได้รับคำสั่งแล้วจึงเริ่มเคลื่อนไหวตามคำสั่งบัญชาการทันที
พลังลมปราณที่ลึกล้ำไม่อ่อนด้อยกว่าราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาได้ปะทุขึ้นจากกองกำลังผู้แกร่งกล้าของตระกูลหวัง เปลวเพลิงอันเกิดจากิญญายุทธ์ต่างปะทุะเิขึ้นก่อนจะเข้าต้านรับโซ่ตรวนมารที่พุ่งทะยานโจมตี เปลวเพลิงเหล่านี้ล้วนมีความแข็งกร้าวดุดันเฉพาะเป็เอกลักษณ์ ยิ่งมีรากฐานพลังปราณในร่างกายหนักแน่นมากเพียงใดยิ่งส่งผลให้กลิ่นอายความร้อนแรงพลันทวีเพิ่มขึ้น
เพียงไม่นานต่อมาคลื่นพลังสะกดข่มก็ได้แผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วพื้นที่ในม่านพิภพตระกูลฮั่น เสียงฟ้าร้องขู่คำรามก้องราวกับพายุอันบ้าคลั่งที่ได้ก่อตัวขึ้นผสานเข้ากับเปลวเพลิงแห่งอัคคีหลากสีสัน
บรรดาผู้าุโและสุดยอดฝีมือทางฝั่งตระกูลหวังได้จับกลุ่มหยัดยืนเป็ระเบียบตามตำแหน่งของค่ายกล โดยมีผู้าุโลู่รวมไปถึงผู้าุโท่านอื่นอีกหกท่านยืนอยู่ใจกลางค่ายกลนก่อนจะสังเวยพลังลมปราณในร่างกายเพื่อสร้างเป็เขตแดนป้องกันปราณมารที่ตอนนี้ทวีเข้มข้นอย่างรุนแรงยิ่ง
"หวังจิ่งหลง เ้าคิดว่าพวกข้าที่เป็เ้าของม่านพิภพนี้จะมีเพียงสลักค่ายกลที่พวกเ้าได้ทำลายไปก่อนหน้าอย่างนั้นรึ?? วันนี้ข้าจะลากพวกเ้าให้ตกตายกันไปทั้งสิ้น!!!"
เสียงของฮั่นหลี่เฉียงดังกึกก้อง ยามนี้วงแหวนเวทย์ที่ซ้อนอยู่ด้านหลังต่างเร่งซึมซับปราณมารให้ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายอย่างเต็มที่ แน่นอนว่ายามนี้ทางกองกำลังของฝั่งตระกูลฮั่นล้วนสมบูรณ์พร้อมด้วยพลังปราณในร่างกายที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเกินกว่าจะคาดเดาได้
"ค่ายกลนี้อย่างมากก็สามารถต้านทานปราณมารไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ยิ่งพวกเ้าฝืนถ่ายเทพลังปราณเพื่อเสริมแกร่งไปมากเท่าใด เวลาของพวกเ้าก็จะน้อยลงตามไปเท่านั้น!!"
ดวงตาฮั่นหลี่เฉียงวาวโรจน์ด้วยจิตสังหารอันคุ้มคลั่งก่อนจะถาโถมถล่มสู่เบื้องล่างอันเป็ค่ายกลที่ยามนี้กองกำลังตระกูลหวังล้วนอยู่ด้านในทั้งสิ้น
อัญเชิญประตูมารปรภพมรณะสังขารนิลกาฬ!!!!
ครืน!!!
ราวกับว่าไม่้าเหลือทางรอดแก่ผู้บุกรุกคงไม่เกินจริงไปนัก กระแสพลังปราณมารอันลึกล้ำบริสุทธิ์พลันพุ่งทะยานขึ้นจนเอ่อล้นไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดทาง ปราณมารที่กำลังปะทุขณะนี้ได้สร้างความหวาดหวั่นแก่กองกำลังของตระกูลหวังอยู่ไม่น้อย
สายตาของพวกเขาต่างจ้องมองประตูมรณะสีดำสนิทที่กำลังก่อร่างอยู่เหนือน่านท้องฟ้า กระแสปราณมารได้ะเิออกไม่ต่างจากสายฟ้าได้กระหน่ำฟาดลงมาเบื้องล่างอย่างไม่หยุดยั้ง
"ต้านรับอย่างเต็มกำลัง!!!!"
เสียงสั่งการของหวังจิ่งหลงได้ดึงสติของหลาย ๆ ในที่นี้ให้กลับมามั่นคงอีกครั้ง ไม่รอช้าไปมากกว่านี้สองมือได้สอดประสานด้วยท่วงท่าพิสดารอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เหรือท้องฟ้าจะปรากฎเงาร่างของวิหคเพลิงสีครามประกายพิสุทธิ์ขนาดหลายฟุตที่เข้าโรมรันกับเงาร่างของอสรพิษร้ายที่เกิดจากประตูมรณะนั่น
เปลวเพลิงที่อันแน่นไปด้วยความพิสุทธิ์ต่างพวยพุ่งทะยานสู่เบื้องบน เสียงกู่ร้องได้ดังก้องสะท้านไปทั่วสารทิศ ปากของอสรพิษขนาดใหญ่อ้าออกตรงเข้าปะทะกับวิหคเพลิงอย่างดุดัน สองห้วงพลังอันแข็งแกร่งได้เข้าหักหาญกันอย่างไม่ลดละ
พลังงานอันเข้มข้นสุดขีดได้กวาดทำลายทุกสรรพสิ่งในรัศมีสองลี้ไปจนหมดสิ้น ตำหนักหลังใหญ่และอาคารโดยรอบล้วนถูกทำลายจนไม่เหลือซาก แม้กระทั่งห้วงมิติบริเวณนั่นยังถูกเผาไหม้ไปจนสิ้นก่อนที่เงาร่างของทั้งสองจะซ่านสลายหายไปในที่สุด
"บนมหาพิภพมีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดและเป็ใหญ่ ตำแหน่งผู้ปกครองมหานครจูเชว่คนต่อไปต้องเป็ข้าเท่านั้น!!!" ฮั่นหลี่เฉียงตวาดเสียงดังลั่นจากนั้นได้ะเิพลังลมปราณออกมาจำนวนมาก ยิ่งประสานเข้ากับปราณมารที่ทะลักทลายจากประตูมรณะนั่นแล้ว จึงได้สะกดข่มทั่วบริเวณโดยรอบให้ความรู้สึกราวกับกำลังถูกบรรพตลูกใหญ่สะกดทับอยู่
ตึง!!! ตึง!!! ตึง!!!
ยามเมื่อบานประตูมรณะได้ถูกเปิดออก กลิ่นอายชั่วร้ายราวกับขุมนรกที่อัดแน่นไปด้วยจิตอาฆาตสุดท้ายได้แผ่กระจายปกคลุมเหนือท้องฟ้าจนมืดมิด
ความรู้สึกหวาดกลัวระคนบ้าคลั่งกลับฉายชัดยิ่งในความรู้สึก แม้จะรั้งสติและกระเสือกกะสนเพื่อหลุดพ้นจากห้วงอารมณ์ดังกล่าวนี้หาใช่กระทำได้โดยง่าย พลังสะกดข่มของปราณมารสายนี้ได้ชักนำให้ ดำดิ่งเข้าสู่ความดำมืดที่ซุกซ่อนอยู่ในใจให้เปิดเผยออกมาอย่างแท้จริง เสียงกรีดร้องทรมานดังขึ้นไปทั่ว ตราบใดที่ยังคงเป็มนุษย์ สภาวะรัก โลภ โกรธ หลง ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ทั้งสิ้น
ทว่าตอนนั้นเองก็มีดวงตาสีแดงฉานราวกับโลหิตได้สาดส่องไปยังโดยรอบ เพียงแค่ได้จ้องมองแม้จะเพียงชั่วพริบตากลับรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกบางสิ่งที่มองไม่เห็นได้พันธนาการร่างกายไปอย่างช้า ๆ และสะกดข่มพลังลมปราณและร่างกายให้ไม่อาจขยับดั่งใจนึกได้
ความรู้สึกเ็ปราวกับว่าร่างกายกำลังถูกบดขยี้ด้วยพละกำลังอันมหาศาลส่งผลให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะร้องดังทรมานออกมาพร้อมกับสตินึกคิดการรับรู้ที่ค่อย ๆ ถดถอยลง
ยิ่งได้รับการโจมตีผ่านจิติญญาโดยตรงเช่นนี้ บรรดากองกำลังตระกูลหวังต่างทรุดตัวลงกับพื้นทุรนทุราย ผู้ที่มีรากฐานบ่มเพาะอ่อนด้อยยามนี้คล้ายกับตกอยู่ในห้วงภวังค์สะกดจิตไม่อาจขยับบังคับร่างกายได้ดั่งใจนึก
ทางฝั่งของหวังจิ่งหลง หวังป๋อเหวิน หรือแม้กระทั่งผู้าุโท่านอื่นที่หาใช่สามัญ ทว่าเมื่อต้องเผชิญกับห้วงพลังปราณมารที่บริสุทธิ์ลึกล้ำถึงเพียงนี้ท้ายที่สุดก็ไม่อาจต้านทานได้ ก่อนถูกจับกุมพันธนาการด้วยปราณมารที่แ่า เมื่อสิ้นพลังปราณคอยหล่อเลี้ยงแล้ว อานุภาพของสมบัติวิเศษจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด
"นายท่านสั่งการไว้ว่า้าร่างที่ยังมีชีวิตเซ่นสังเวยเท่านั้น ประมุขฮั่นอย่าได้คิดกระทำนอกเหนือจากนี้ แน่นอนว่าประมุขฮั่นย่อมได้ขึ้นปกครองมหานครจูเชว่ ส่วนบรรดาเชลยพวกนี้ข้าจะจัดการส่งมอบให้นายท่านด้วยตนเอง..." ผู้าุโสำนักเทพมารกล่าวย้ำกลับไปท่ามกลางความไม่พอใจของฮั่นหลี่เฉียง
"คิดจะคร่ากุมคนตระกูลหวังคงไม่ง่ายดายถึงเพียงนั้นกระมัง?" แว่วเสียงของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ไม่ปรากฎตัวเอ่ยขึ้นดังขึ้นสะท้อนไปทั่ว
"ผู้มาเยือนมีธุระหรืออย่างไรกัน ขอเตือนด้วยความหวังดีอย่าได้สอดมือเข้ามาวุ่นวาย!!!" ฮั่วหลี่เฉียงตวาดกร้าวพร้อมกวาดสายตาสังเกตโดยรอบ ผู้มาเยือนใหม่สามารถผ่านทะลุม่านมิติของตระกูลได้อย่างง่ายดายเพียงนี้ ย่อมไม่ใช่ตัวตนธรรมดาสามัญเป็แน่…
