สืบหาต้นตอ?
ข่าวลือซุบซิบนินทาภายในรั้วมหาวิทยาลัยประเภทนี้ ยากนักที่จะตามหาต้นตอเจอ
มีคนเสนอให้แนะนำหนิงเสวี่ยเป็ผู้สำเร็จการฝึกดีเด่นนี้เสียเลย อย่างไรหนิงเสวี่ยก็เป็ตัวแทนนักศึกษาใหม่ เป็หน้าตาของสาขาสถาปัตยกรรมประจำปีนี้ รับตำแหน่งผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหารดีเด่นแล้ว จากนั้นก็รับตำแหน่ง ‘นักศึกษาสามดี’ ของปีนี้ต่อ ไม่พบข้อบกพร่องโดยสิ้นเชิง
ทว่าอาจารย์หลินและอาจารย์หวังไม่เห็นด้วย!
“นี่มันไม่ยุติธรรมต่อนักศึกษาเซี่ยเสี่ยวหลาน”
จะยกตำแหน่งผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหารดีเด่นให้หนิงเสวี่ยเพียงเพราะพื้นฐานความรู้เฉพาะทางดีไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงเื่อื่น ทุกคนล้วนเริ่มต้นจากจุดเดียวกันในการฝึกทหาร ทำไมถึงไม่มอบโอกาสแข่งขันให้นักศึกษาเซี่ยเสี่ยวหลาน?
ผลการพิจารณาก็คือส่งทั้งสองคนไปพร้อมกัน และเป็ผู้ถูกเสนอชื่อที่สาขาสถาปัตยกรรมแนะนำ
“ควรจะสืบที่มาข่าวลือให้ชัดเจน”
พอตั้งใจสืบสวนอย่างละเอียด ข่าวลือดูเหมือนจะถูกประกอบเข้าด้วยกันทีละน้อย
แรกเริ่มคือตอนต้อนรับนักศึกษาใหม่ ตู้เสวียเฟิงจากสาขาวิศกรรมเครื่องกลและไฟฟ้าตกตะลึงเมื่อเจอรุ่นน้องสาวคนสวย ตกกลางคืนจึงเล่าเื่นี้ภายในห้องพัก ทว่าเื่แบบนี้เก็บเป็ความลับได้เสียที่ไหน หลังจากนั้นไม่นานเหล่ารุ่นพี่ผู้ชายปีสูงจากหอชาย 5 ก็รู้จัก ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’
กิตติศัพท์ของดอกไม้งามประจำมหาวิทยาลัยเผยแพร่ออกมาจากตรงนี้นี่เอง
ประการที่สอง จ้าวซีสาขาสถาปัตยกรรมทอดถอนใจคุยกับเพื่อนนักศึกษาไม่กี่ประโยคในวันรายงานตัวเข้าศึกษา ‘เซี่ยเสี่ยวหลานที่ฉันพามาทำเื่เข้าเรียนเมื่อครู่ เหมือนอย่างที่ตู้เสวียเฟิงบอกจริงๆ เ้าตัวสวยมาก แต่ว่าดูบอบบางเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะอยู่สาขาสถาปัตยกรรมได้นานหรือเปล่า’
จ้าวซีรำพึงรำพันโดยไม่มีเจตนาใด เธอจดจำเซี่ยเสี่ยวหลานได้แม่นยำ จึงเอ่ยถึงเซี่ยเสี่ยวหลานกับเพื่อนนักศึกษา
ดังนั้นที่มาของข่าวลือนิสัยถนิมสร้อยและจะย้ายสาขาอยู่ตรงนี้
ประการที่สาม หลังจากพิธีเปิดภาคเรียนสิ้นสุด จี้เจียงหยวนเริ่มพูดคุยกับเซี่ยเสี่ยวหลานก่อน ทั้งสองสนทนากันอย่างชื่นมื่นเบิกบาน แต่หลังจากนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานพูดว่าจะกลับหอพักไปเขียนจดหมายให้แฟนหนุ่ม แม้เธอจะไม่ได้ใส่ใจเื่นี้ ทว่าในสถานที่เกิดเหตุมีคนอื่นได้ยินเข้า คนที่รู้ย่อมพูดถึงอย่างแน่นอน
เป็เพียงความคิดเห็นเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ ทั้งที่ตอนแรกไม่มีเจตนาร้ายอะไร พอรวมกันแล้วกลับกลายเป็กระแสวิพากษ์วิจารณ์ ประมาทไม่ได้เลยจริงๆ
สุดท้ายแล้ว เป็เพราะว่าตัวเธอนั้นดึงดูดความสนใจจากคนอื่นนั่นแล ในสถานที่ซึ่งอาศัยการเรียนให้มีสิทธิ์มีเสียงอย่างหัวชิงนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานดูสะดุดตาไปสักหน่อย
บากบั่นสมถะ คือแนวทางปฏิบัติหลักของชุมชนนักศึกษาในปัจจุบัน
คนอื่นกินข้าวหนึ่งมือด้วยเงินสองเหมา แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยเบามือกับการซื้ออาหารในโรงอาหาร หากเป็คนอื่น กินหมูน้ำแดงทุกวันก็คงไม่มีใครสนใจ ทว่าตัวเซี่ยเสี่ยวหลานดึงดูดความสนใจมากพออยู่แล้ว เพียงมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเธอเล็กน้อย ก็เกิดผลลัพธ์ราวกับกำลังส่องผ่านแว่นขยาย
และมันไม่ใช่ความริษยา อาจเพราะคนส่วนใหญ่มักได้ยินใครต่อใครพูดกันว่าเซี่ยเสี่ยวหลานทำอะไรบ้าง เอ่ยถึงบ่อยครั้งเข้าก็รู้สึกรำคาญมากทีเดียว
ระดับความมีตัวตนสูงเกินไปแล้ว อีกทั้งไม่ใช่เพราะเื่เรียนด้วยมิใช่หรือ?
ที่ที่พวกเราอยู่คงไม่ใช่หัวชิงปลอมสินะ!
“ไร้สาระจริงๆ เื่พวกนี้ไม่ได้ร้ายแรงอะไรเลย ต่อให้เป็ความจริง อย่างไรนักศึกษาทุกคนล้วนมีลักษณะเฉพาะของตัวเองทั้งนั้น หัวชิงไม่ได้้าบ่มเพาะนักศึกษาให้กลายเป็หุ่นยนต์พิมพ์เดียวกันเสียหน่อย!” อาจารย์หลินโกรธจัด พวกเขาล้วนเคยผ่านยุคสมัยแห่งการต่อสู้ทางการเมือง [1] มา ผลพวงของการถูกคนอื่นตีตราหนักหนาสาหัสเพียงใด อาจารย์หลินมีหรือจะไม่รู้?
เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังถูกตีตรา
แม้ไม่มีคนประณามเธอ ทว่าโดนรายล้อมด้วยข่าวลือแบบนี้ ความกดดันของนักศึกษาเซี่ยเสี่ยวหลานจะมากมายขนาดไหนกัน!
ไม่แปลกใจที่เวลาเรียนนักศึกษาเซี่ยเสี่ยวหลานมักมองเขาอย่างอึกอักลังเล
นี่คือความ้าจะระบายปัญหาของนักศึกษา ทว่ากลับถูกเขาละเลยเสียแล้ว
การไม่เรียกนักศึกษาเซี่ยเสี่ยวหลานตอบคำถามก็เป็เชื้อเพลิงที่กำลังหนุนข่าวลือให้โหมกระหน่ำเหมือนกันอย่างไม่ต้องสงสัย ต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อกู้ชื่อคืนให้แก่นักศึกษาเซี่ยเสี่ยวหลาน
“ผมจำได้ว่าปีนี้กระทรวงศึกษาธิการจะจัดการแข่งขันภาษาอังกฤษประจำชาติระดับมหาวิทยาลัย...”
กระแสนิยมด้านการเรียนภาษารัสเซียในยุค 50 ได้ผ่านไปแล้ว ยุค 80 คือการเข้าสู่่เวลาของการเรียนภาษาอังกฤษอย่างเป็ทางการ แม้เกาเข่าก่อนปี 84 ต้องสอบวิชาภาษาอังกฤษ ทว่านับเข้าคะแนนรวมด้วยอัตราร้อยละเท่านั้น ต่างจากการสอบเกาเข่าของปีนี้ ภาษาอังกฤษ 100 คะแนนถูกนับเข้าคะแนนรวมทั้งหมด อีกทั้งเป็วิชาสอบหลักด้วย
การแข่งขันภาษาอังกฤษประจำชาติระดับมหาวิทยาลัยครั้งแรกที่กระทรวงศึกษาธิการจัดขึ้น อาจารย์หลินคิดว่าการแข่งขันนี้สามารถช่วยนักศึกษาเซี่ยเสี่ยวหลานได้
----------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าหูร้อน [2]
สองวันสุดท้ายของการฝึกทหารมีแต่การฝึกเดินขบวน
อาจารย์หัวชิงที่รับผิดชอบดูแลการฝึกทหารทางนี้ประกาศข่าวแก่นักศึกษา ข่าวนี้ทำให้เหล่านักศึกษาใหม่ที่เพิ่งฝึกภาคสนามนอกสถานที่เสร็จเกิดอาการกระสับกระส่าย
วันชาติปีนี้ครบรอบ 35 ปี มหาวิทยาลัยหัวชิงเป็ผู้เตรียมงานอยู่สามส่วน
อันดับแรกคือ ‘ขบวนเกียรติยศ’ ซึ่งประกอบด้วยนักศึกษา 1847 คน เดินอยู่แถวหน้าของขบวนหัวชิงทั้งหมด แสดงขบวนรูปแผนที่ประเทศโดยมีความยาว 30 เมตรและกว้าง 27 เมตร
อันดับที่สองคือการจัดคนจำนวน 2200 คนเข้าร่วม ‘ขบวนวิทยาศาสตร์ศึกษา’ ตามหลังขบวนเกียรติยศ มือถือดอกไม้สด ทำหน้าที่เป็มวลชนร่วมขบวน
อันดับที่สามคือมหาวิทยาลัยหัวชิงออกแบบและสร้างขบวนรถสูง 10 เมตรหนึ่งคัน ในหัวข้อ ‘ร่วมกันเรียนรู้จากปฏิบัติการณ์กู้ภัยเขาหัวซาน [3]’ แสดงถึงลักษณะอันน่ายกย่องของยุวชนนักศึกษามหาวิทยาลัยในปัจจุบันที่กล้าหาญลงมือทำและพร้อมใจช่วยเหลือผู้อื่น
สำหรับ ‘ขบวนเกียรติยศ’ อันดับที่หนึ่ง ทางมหาวิทยาลัยเริ่มเตรียมั้แ่จบงานเฉลิมฉลองครบรอบก่อตั้งมหาวิทยาลัย่ปลายเดือนเมษายน คัดเลือกสมาชิกขบวน ฝึกซ้อมสมาชิกขบวน ฝึกกันมาเป็เวลาหลายเดือนแล้ว ตอนนั้นยังไม่มีนักศึกษาใหม่รุ่น 84 ดังนั้นภารกิจจึงถูกมอบหมายให้แก่นักศึกษารุ่น 82
เนื่องจากตำแหน่งของนักศึกษาทุกคนในขบวนเกียรติยศได้มีการกำหนดตายตัวไว้ทั้งหมดแล้ว โดยทุกคนจะถือภาพขนาดเล็กหนึ่งภาพ สุดท้ายประกอบกันเป็ภาพแผนที่แผ่นดินเกิดขนาดั์
แม้หยางหย่งหงอยากเดินขบวนเกียรติยศก็ไม่สามารถเข้าร่วมอยู่ดี ตอนนักศึกษาใหม่เปิดภาคเรียน ‘ขบวนเกียรติยศ’ นี้สมบูรณ์เรียบร้อยก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตาม นอกจาก ‘ขบวนเกียรติยศ’ ยังมี ‘กองทัพวิทยาศาสตร์ศึกษา’ ที่ร่วมเป็สมาชิกเดินขบวนด้วยนี่นา!
มหาวิทยาลัยได้เตรียมมอบหมายขบวน ‘กองทัพวิทยาศาสตร์ศึกษา’ จำนวน 2200 คนนี้ให้นักศึกษาใหม่รุ่น 84—พวกเขาเพิ่งร่วมฝึกการวิชาทหารเสร็จสิ้น สภาวะจิตใจและวินัยย่อมแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด ใบหน้าอ่อนเยาว์มีชีวิตชีวา เหมาะสมแก่การทำหน้าที่เป็ ‘มวลชน’ ในการเฉลิมฉลองเหลือเกินใช่ไหมเล่า
พอถึงค่ายทหาร จะแจ้งเื่นี้ั้แ่ตอนเริ่มการฝึกทหารไม่ได้อย่างแน่นอน เช่นนั้นจิตใจของนักศึกษาใหม่จะติดอยู่กับการเดินขบวนเพียงอย่างเดียว
ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทุกคนมีวินัย และมีผลสัมฤทธิ์จากการฝึกด้านท่วงท่าพื้นฐานบางส่วน เมื่อสร้างพื้นฐานดีแล้ว อีกทั้งการเดินขบวนไม่จำเป็ต้องเดินเตะขาด้วย ฝึกซ้อมเพียงสองวันก็สำเร็จได้อย่างสมบูรณ์
ข่าวนี้จากหัวชิงทำให้หยางหย่งหงดีใจมาก ไม่ต้องนึกถึง ‘ขบวนเกียรติยศ’ แล้ว แค่เดินขบวนแห่เฉลิมฉลองยังถือว่าดีมากทีเดียว
นักศึกษาใหม่ที่มีความคิดเหมือนหยางหย่งหงล้วนเป็คนหมู่มาก
ร่วมงานเฉลิมฉลองวันชาติ ต่อให้เป็เพียงการถือช่อดอกไม้เดินผ่านหน้าจัตุรัสเทียนอันเหมิน เกียรติยศและความภาคภูมิใจย่อมอยู่เหนือคำบรรยาย!
โดยทั่วไป นักศึกษาใหม่รุ่นนี้จะเข้าร่วมการเดินขบวนได้ทุกคน โดยต้องใช้คนจำนวน 2200 คน ทว่ามีนักศึกษาปริญญาตรีรุ่น 84 มีแค่ 2100 กว่าคนเท่านั้น
และต้องเตรียมพร้อมป้องกันกรณีนักศึกษาจำนวนหนึ่งเกิดไม่สบายกะทันหันเช่นกัน ทางมหาวิทยาลัยจึงจัดเตรียมนักศึกษาปีสองส่วนหนึ่งเข้าร่วมด้วย เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าตนเองก็คือหนึ่งในมวลชนผู้กระตือรือร้น นึกไม่ถึงว่าอาจารย์หัวชิงคนหนึ่งจะเรียกเธอกับหนิงเสวี่ย รวมถึงนักศึกษาหญิงอีกยี่สิบกว่าคนมาพบ นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาชายจำนวนเท่าๆ กันอีกด้วย
“พวกเธออยากเข้าร่วมขบวนเกียรติยศหรือเปล่า เดินตำแหน่งแถวแรกสุดน่ะ?”
ประธานเซี่ยรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
วันชาติ 35 ปี ตำแหน่งแถวแรกของขบวนเกียรติยศหัวชิง?
หรืออีกนัยหนึ่ง นี่ไม่ใช่กำลังถามว่า ‘พวกเธออยากอวดโฉมต่อหน้าประชาชนทั่วประเทศหรือไม่’ หรอกรึ?!
พอนึกว่าเป็งานฉลองวันครบรอบ 35 ปี บางทีอาจมีการออกอากาศทางโทรทัศน์ของสื่อต่างประเทศด้วย เลนส์กล้องที่กวาดผ่านเพียงหนึ่งวินาทีสั้นๆ อาจหมายถึงการเผยใบหน้าต่อคนทั่วโลก เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าเธอไม่ได้เกิดอาการหูแว่ว แต่โลกใบนี้มันช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน!
เชิงอรรถ
[1]ระบุถึง่ปฏิวัติวัฒนธรรม ปัญญาชนเป็หนึ่งในกลุ่มที่ถูกแปะป้ายว่าต่อต้านการปฏิวัติ ซึ่งผู้ทำอาชีพอาจารย์ก็ไม่พ้นข้อกล่าวหานี้
[2]หูร้อน มีความเชื่อว่าเป็ลางบอกเหตุอย่างหนึ่ง หากหูทั้งสองข้างเกิดรู้สึกร้อนขึ้นมามีความหมายว่าสิ่งที่กำลังจะทำราบรื่นประสบความสำเร็จโดยไร้อุปสรรค
[3]华山抢险 ปฏิบัติการณ์กู้ภัยเขาหัวซาน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ปี 1983 บนเขาหัวซาน มณฑลส่านซี ชายวัยกลางคนรายหนึ่งถูกนักท่องเที่ยวเบียดตกบันไดและร่วงลงหน้าผา จากอุบัติเหตุไม่คาดฝันนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวอีกสิบกว่าคนร่วงลงไปด้วย นักศึกษาสิบเอ็ดคนของมหาวิทยาลัยการแพทย์กองทัพอากาศที่กำลังท่องเที่ยวที่เขาหัวซานอยู่พอดีจึงรวมกลุ่มกันทันที เสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุตกเขา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้