ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่และเพื่อน ๆ กำลังกังวลใจเกี่ยวกับเดม่อน เดม่อนเองก็กำลังจิบชาช้า ๆ อย่างสบายใจเฉิบ
รอบตัวเขา ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์กำลังแบ่งปันลูกอมผึ้งซู่ซ่าให้เขา ศาสตราจารย์มักกอนนากัลและสเนปก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่ลดราวาศอก
แต่เื่ที่เถียงกันไม่ใช่ว่าเดม่อนควรถูกไล่ออกหรือไม่ หากแต่เป็ว่าใครจะเป็คนลงโทษกักบริเวณเขาต่างหาก ในห้องมีแต่ผู้ใหญ่ (รวมถึงเด็กหน้าตายคนหนึ่ง) ไม่มีใครจะมาทำเื่เล่น ๆ ไร้สาระแล้ว
ตอนแรกศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็โกรธจัดจริง ๆ
แต่พอเธอรู้ว่า มัลฟอยเรียกเดม่อนว่า “เืสีโคลน” ั้แ่ตอนพบกันครั้งแรกบนรถไฟ และยังคอยพูดซ้ำ ๆ อยู่เสมอ แถมเื่นี้ยังเป็เหตุผลที่ทำให้เดม่อนไม่ยอมเข้าบ้านสลิธีริน เมื่อสเนปได้ยินถึงตรงนี้ หน้าก็ยิ่งบูดบึ้งขึ้น ส่วนมักกอนนากัลก็หน้าอ่อนลงมาก แม้แต่จะมีแววโล่งใจแวบผ่าน?
พอเดม่อนเล่าต่อว่า มัลฟอยเคยข่มขู่เนวิลล์ และเขาเองทนไม่ไหวจริง ๆ ถึงได้ลงไม้ลงมือ ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็ให้อภัยเขาเงียบ ๆ ในใจ เหลือแต่สเนปที่ยังยิ้มเยาะอยู่
“ยังไงเด็กคนนี้ก็ต้องถูกกักบริเวณอยู่ดี ในฐานะหัวหน้าบ้านสลิธีริน ข้าควรเป็คนรับผิดชอบเื่นี้!”
“ข้าก็ยังยืนยันความเห็นเดิม สเนป เดม่อนเป็นักเรียนของกริฟฟินดอร์ การสั่งสอนเขาคือหน้าที่ของข้า ไม่ต้องให้ใครมายุ่ง”
“การสั่งสอน? ขอโทษที่พูดตรง ๆ ท่านตามใจเด็กคนนี้เกินไปแล้ว วันนี้เขากล้าทำร้ายเพื่อนนักเรียนต่อหน้าพวกเรา แล้ววันหน้าจะกล้าทำอะไรอีก?
ท่านปฏิบัติกับเขาแบบนี้มีแต่จะยิ่งทำให้เขาหยิ่งยโส ลองดูสายตาเด็กคนอื่นที่มองเขาสิ มีทั้งใและเคารพ ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ ท่านคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?
หรือไม่ก็ ท่านคิดว่า “เขา” คนนั้นได้หายไปจากโลกนี้แล้ว?”
“สเนป!” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลหน้าตึง “ท่านกล้าพูดว่าเดม่อนเหมือนเขาได้ยังไง! คนอย่างเขาน่ะ รู้จัก ‘ความรัก’!”
“อยากจะพูดยังไงก็แล้วแต่ท่าน แต่ท่านยิ่งปกป้องเด็กคนนี้ ข้ายิ่งอดคิดแบบนั้นไม่ได้”
สเนปหันไปมองดัมเบิลดอร์ ยิ้มเย้ยด้วยท่าทีแปลกประหลาด “มีทั้งหัวหน้าบ้านและอาจารย์ใหญ่คอยหนุนหลัง ‘เ้าชายแห่งการดวล’ คนนี้ ต่อไปในฮอกวอตส์เขาคงจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบแล้วล่ะ”
“พอแล้ว สเนป”
แม้มักกอนนากัลจะเริ่มปวดหัว แต่ในใจลึก ๆ ก็ยอมรับว่าที่สเนปพูดก็มีเหตุผล เธอไม่เคยปกป้องนักเรียนคนไหนแบบนี้มาก่อน และเธอเองก็รู้ดีว่าตัวเองมีอคติอยู่ไม่น้อย
“เอาล่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว เดม่อนจะต้องไปกักบริเวณกับคุณทุกคืนวันเสาร์จนกว่าจะหมดเทอม แบบนี้คุณพอใจไหม?”
“ดีใจที่คุณยังมีเหตุผลอยู่บ้าง ศาสตราจารย์มักกอนนากัล”
สเนปโน้มตัวลงเล็กน้อย ยิ้มจริงใจขึ้นเล็กน้อย
ในที่สุด เดม่อน ไวท์ ก็ตกมาอยู่ในมือของเขาแล้ว! เขาจะใช้วิธีที่เข้มงวดที่สุด สั่งสอนให้เด็กคนนี้รู้จัก “เคารพครูอาจารย์” ให้เข็ด!
“เดม่อน เธอมีความเห็นยังไงบ้าง?”
ดัมเบิลดอร์หันมาหาเดม่อน ถามอย่างเป็พิธี
“ผมไม่มีปัญหาครับ” เดม่อนยิ้มให้สเนป “ศาสตราจารย์สเนปเป็ปรมาจารย์วิชาปรุงยา คิดว่าผมคงได้เรียนรู้คุณสมบัติดี ๆ จากท่านอีกหลายอย่าง นอกเหนือจาก... ‘ไม่ชอบอาบน้ำ’ น่ะครับ”
ปากคมเสียจริง ทั้งที่พูดชม แต่ทำไมฟังแล้วมันไม่สบายหูเลยนะ?
สเนปทำหน้าขรึม แต่ในใจแอบหัวเราะ รอดูแล้วกันว่าตอนต้องใส่ถุงมือหนังัมาแยกเมือกหอยทากั์ทีละพันชุด เด็กนี่จะยังยิ้มออกอยู่ไหม?
ขณะที่เื่ราวใกล้จะยุติ ดัมเบิลดอร์กำลังจะไล่คนอื่นออกไปเพื่อคุยกับเดม่อนเป็การส่วนตัว จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะชัดถ้อยชัดคำ
“ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ออกัสต้า ลองบัตทอมมาขอพบ ขอให้ท่านเปิดประตู”
เสียงที่ดังขึ้นจากหลังประตูเป็เสียงแก่ชรา ทว่าแฝงไปด้วยพลังอย่างแน่วแน่ แม้แต่เมื่อเอ่ยถึงดัมเบิลดอร์ ก็ยังไม่ฟังดูอ่อนน้อมนัก
ดัมเบิลดอร์มีสีหน้าประหลาดใจ เธอมาทำไมในตอนนี้?
ทันใดนั้น เขาก็เริ่มปวดหัวขึ้นมา
การที่หญิงชราผู้นี้มาปรากฏตัวในเวลานี้ เหตุผลชัดเจนอยู่แล้ว เธอมาที่นี่เพื่อหลานชายของเธอ เนวิลล์ นั่นเอง
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเปิดประตูต้อนรับหญิงชรา
เธอสวมกระโปรงยาว ถือกระเป๋าใบใหญ่สีแดง และสวมหมวกที่ประดับด้วยหัวนกแร้ง รูปลักษณ์ขรึมขลังและน่าเกรงขาม
“สวัสดีค่ะ”
เธอถอดหมวกคำนับสามศาสตราจารย์ภายในห้อง ใช้ท่าทางคำนับแบบผู้ชาย
สายตาของเธอกวาดไปรอบห้อง ก่อนจะหยุดที่เดม่อน ดวงตาเป็ประกายทันที
“สวัสดีจ้ะหนุ่มน้อย ฉันคือนางออกัสต้า ลองบัตทอม ย่าของเนวิลล์”
เธอถอดหมวกอีกครั้งและโน้มตัวคำนับเดม่อน แต่ยังไม่ทันโน้มตัวลงไปมาก มือของใครบางคนก็ประคองเธอไว้แล้ว
“สวัสดีครับคุณย่า ผมชื่อเดม่อน ไวท์ ในเมื่อคุณเป็ย่าของเนวิลล์ งั้นคุณก็คือย่าของผมด้วยเช่นกันครับ”
ออกัสต้าเงยหน้าขึ้นสบตาเด็กหนุ่ม ดวงตาสีฟ้าสดใสจนเธอเผลอชอบเขาทันที
“ฉันอยากมีหลานชายอย่างเธอจริง ๆ”
เธอจับมือขวาเดม่อนไว้ในฝ่ามือของเธอ แล้วตบเบา ๆ
“ฉันรู้เื่ที่เกิดขึ้นกับเนวิลล์แล้ว”
“ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ขอถามหน่อยว่า ท่านจัดการเื่เด็กคนนี้อย่างไร?”
“กักบริเวณสัปดาห์ละครั้ง จนกว่าจะหมดเทอม”
ออกัสต้าพยักหน้า ชำเลืองมองทุกคนในห้อง ไล่จากสเนป มักกอนนากัล แล้วกลับมาที่ดัมเบิลดอร์
เธอกล่าวว่า
“มีบางเื่ที่พวกคุณอาจไม่รู้ และไม่ใช่เื่น่าภูมิใจนัก ปกติฉันก็ไม่พูดกับใคร ลูกชายและลูกสะใภ้ของฉันถูกผู้เสพความตายทรมานจนเสียสติ เนวิลล์โตมากับฉันคนเดียว
ความเ็ปของพ่อแม่ เป็เหมือนความรู้สึกที่เขารับรู้ได้ตลอดเวลา ด้วยความที่เขาอ่อนไหวมาก ฉันจึงต้องใช้คาถาลบความจำกับเขาบ่อย ๆ เพื่อให้เขาใช้ชีวิตอย่างปกติ แม้มันจะกระทบต่อความจำของเขาก็ตาม”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลถึงกับเอามือปิดปาก น้ำตาคลอ
“ฉันไม่ได้พูดเื่นี้เพื่อขอความสงสาร หรือจะเรียกร้องรางวัลอะไร” ออกัสต้าหันไปทางดัมเบิลดอร์ “ฉันแค่อยากถามคำเดียว ดัมเบิลดอร์ ท่านยังจำได้ไหมว่าพวกเขาเคยเสียสละเพื่อพวกเรา? แม้ความเสียสละนั้นจะดูเล็กน้อยและไร้ความหมายแค่ไหนก็ตาม?”
“แน่นอน ฉันจำได้… และจะไม่มีวันลืม”
สีหน้าของดัมเบิลดอร์เปลี่ยนเป็จริงจัง
ออกัสต้าพยักหน้า แล้วจับเดม่อนไปยืนข้างตัวเอง จ้องมองดัมเบิลดอร์
“เด็กคนนี้เปลี่ยนหลานชายของฉันไป ตระกูลลองบัตทอมยังคงรักษาธรรมเนียมไว้ได้ ไม่สูญหายไปกับรุ่นของเนวิลล์ เื่นี้สำคัญมากสำหรับทั้งตระกูล”
สายตาของเธอเฉียบคมดั่งเหยี่ยว เสียงพูดนอบน้อม แต่แฝงไปด้วยความแน่วแน่
“ขอร้องเถอะค่ะ ได้โปรด ให้อภัยเด็กคนนี้สักครั้ง… ได้ไหม?”
“ฉันปฏิเสธเธอไม่ได้หรอก… แต่เื่นี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของสองหัวหน้าบ้านด้วย”
ดัมเบิลดอร์หันไปหาสเนปและมักกอนนากัล สีหน้าแสนลำบากใจ
หญิงชราบอกว่าไม่้าความสงสารหรือรางวัล แต่สุดท้ายก็เอ่ยปากขอร้อง
แต่จะให้ปฏิเสธเธอได้ลงคอได้ยังไงกันล่ะ?
“ฉันเคารพการตัดสินใจของคุณ” มักกอนนากัลตอบอย่างจริงจัง
สเนปไม่พูดอะไร
เขากวาดตามองทุกคนอย่างรวดเร็ว แล้วสะบัดเสื้อคลุมเดินจากไป
“เขาเองก็เห็นด้วยนั่นแหละ”
ดัมเบิลดอร์แปลอย่างใจดี ขณะที่มองสเนปเดินพ้นประตูไป
(จบบท)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้