หนิงอ้ายหลับตาลงพร้อมกับกำหนดลมหายใจเข้าออก พลังลมปราณฟ้าดินอันบริสุทธิ์โดยรอบที่ถูกชักนำโดยจี้หยกโลหิตส่งผลให้มวลลมปราณบริเวณนี้ต่างถูกชักนำเข้าตามจุดชีพจรไปทั่วทั้งร่างกายตามสุดยอดเคล็ดวิถี ลมปราณอันอบอุ่นวิ่งวนเข้าสู่จุดใจกลางตันเถียรไม่จบสิ้น พลังลมปราณในร่างกายที่ผ่านการเคี่ยวกรำนับสิบกว่ารอบต่างถูกอัดแน่นเป็รากฐานบ่มเพาะที่แข็งแกร่ง วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปเรื่อย ๆ วันนี้ถือได้ว่าเป็วันครบรอบอายุสิบห้าปีของจางหนิงอ้าย แน่นอนว่าทางฝั่งของนทีก็นับว่าเขาเองได้อาศัยอยู่ในร่างนี้เป็เวลาหนึ่งปีแล้วเช่นกัน
หนิงอ้ายใช้เวลาไม่นานกับการจัดการตัวเอง วันนี้เขาเลือกใส่เสื้อตัวในสีขาวล้วนและเสื้อตัวนอกเป็สีเขียวอ่อนที่ปักด้วยลวดลายใบไผ่สีเขียวมรกต เมื่อไปถึงบริเวณห้องโถงรับรองที่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็งานเลี้ยงเล็ก ๆ มีท่านแม่เยว่ซิน ท่านลุงหวังฮุ่ย ท่านลุงจางปิน ท่านน้าหรันหรูที่นั่งรออยู่ แม้จะไร้เงาบิดาสารเลวในงานเลี้ยงดังกล่าวนี้ เเต่หนิงอ้ายไม่สนใจเลยสักนิดเพราะทุกคนในที่นี้ล้วนเป็ผู้ที่เขาสนิทใจทั้งสิ้น
''หนิงเอ๋อร์ปีนี้เ้าอายุครบสิบห้าปีแล้ว ตามกฎของตระกูลจางที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา เมื่อคุณชายใหญ่ของตระกูลสายหลักมีอายุครบสิบห้าปีจะต้องเข้ารับการสืบทอดตำแหน่งของตระกูลจางและรับตำแหน่งรองเ้าสำนักศึกษาผิงอาน มารดาขอถามตามตรงเ้า้าให้เป็ไปตามนี้หรือไม่?'' เย่วซินถามหนิงอ้ายขึ้นเมื่อทุกคนจัดการอาหารมื้อนี้กันเสร็จแล้ว
''ไม่เลยขอรับ บิดาไม่เคยสนใจหรือให้ความเป็ธรรมแก่ข้าเลยสักครั้ง แม้แต่บรรดาพี่น้องร่วมบิดาแลพวกบ่าวรับใช้ในจวนต่างคิดว่าข้าเป็เพียงแค่เศษสวะของตระกูลคงไม่เกินจริงไปนัก...''
''ในวันนี้ที่ข้ามุ่งมั่นฝึกฝนอย่างหนักไม่ใช่เพื่อ้าเข้ารับตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลจาง ข้า้าเพียงแข็งแกร่งขึ้นเพื่อสามารถปกป้องท่านแม่และสามารถปกป้องคนที่ข้ารักเพียงเท่านั้น!'' หนิงอ้ายเมื่อเรียบเรียงคำตอบในใจของตนดีแล้วจึงบอกมารดาตนไปด้วยความแน่วแน่ เย่วซินได้ยินดังนั้นจึงดึงบุตรชายของตนเข้ามากอดพร้อมกับรับปากว่านางจะจัดการในเื่นี้ให้ตามความ้า…
ในกลางดึกหลังจากจบงานเลี้ยงวันเกิดของหนิงอ้าย ด้วยความที่ตอนนี้เป็ฤดูหนาวจึงทำให้บรรยากาศเย็นสบายชวนให้ผ่อนคลายยิ่ง ทว่าได้มีเงาตระคุ่มแฝงตัวเข้ามาเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วได้มุ่งตรงไปยังห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปก็พบว่าบนเตียงนั้นเป็หนิงอ้ายที่นอนหลับท่าทางดูสบาย เส้นผมสีขาวเงินเป็ประกายแปลกตารับเข้ากับใบหน้าได้รูปชวนหวั่นไหว ข่าวลือว่าคุณชายใหญ่ตระกูลจางช่างอัปลักษณ์ใบหน้าถูกผีกัดกินเเล้วที่พบเห็นตรงหน้าคืออันใดกัน?
ในใจนั้นมันนึกเสียดายคุณชายรูปงามท่านนี้เสียจริง หากว่ามันไม่ได้รับคำสั่งให้ฆ่าและทำให้ใบหน้างามนี้เสียโฉมแล้ว คงจะนำไปเล่นกับเพื่อนฝูงเพื่อผ่อนคลายอารมณ์กำหนัดแล้วค่อยฆ่าทิ้ง เเต่ก่อนที่ลงมือแทงมีดแทงที่หัวใจของเป้าหมายในคืนนี้ เด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงกลับลุกขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว
เกิดเสียงดังขึ้นแม้จะไม่มากนักแต่ก็ถือเป็การปลุกทุกคนในเรือนให้ตื่นขึ้นโดยทันที พร้อมกับอีกหนึ่งเงาด้านนอกได้รีบเข้ามาทันที แต่ก่อนจะทำอะไรไปมากกว่านี้ชายชุดดำนั้นััได้ถึงอะไรบางอย่าง เมื่อหันหลังกลับจึงเห็นเป็คุณชายผู้หนึ่งที่งดงามราวกับเทพเซียนบน์ มือเรียวบางได้ถือกระบี่ด้ามยาวเข้าฟันด้วยความรวดเร็วยิ่ง
ชิ้ง!
ฟิ้ว!
''ผู้คนต่างเล่าลือว่าคุณชายใหญ่ตระกูลจางมีหน้าตาอัปลักษณ์ อีกทั้งเป็สวะของตระกูลไม่สามารถปลุกพลังิญญาได้ เหตุใดข้าไม่เห็นเป็เช่นนั้นเล่า?'' ชายชุดดำเอ่ยขึ้นคล้ายกับจะยั่วโทสะ
ชิ้ง!
ฟิ้ว!
หนิงอ้ายเลือกที่จะไม่ตอบ มือเรียวบางได้กระชับด้ามกระบี่ให้มั่นแล้วเข้าต่อสู้อย่างไม่กลัวเกรง
หวังฮุ่ยรับมือชายชุดดำสามคนพร้อมกัน จึงไม่ใช่เื่ง่ายที่จะสามารถปลีกตัวช่วยหนิงอ้ายได้ในขณะนี้ อีกทั้งทุกคนที่เหลือต่างเข้าคู่รับมือเหมือนกันทั้งสิ้นเพราะชายชุดดำที่เหลือต่างบุกเข้ามาในเรือนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ชายชุดดำรับมือกับหนิงอ้ายได้แต่ก่นด่าสาบแช่งผู้ที่ว่าจ้างยิ่ง ข้อมูลระบุว่าเป้าหมายครั้งนี้มีเพียงเเค่คุณชายใหญ่จางหนิงอ้ายผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอไม่เป็วรยุทธเพราะไม่สามารถปลุกพลังิญญาเป็ผู้ฝึกตนได้
แต่ที่เห็นตรงหน้านี้คือสิ่งใดกัน? ยิ่งต่อสู้ไปตามร่างกายมันมีแต่รอยแผลและเืเต็มไปหมด แม้ไม่ใช่จุดที่อันตรายแต่ก็ชวนให้หงุดหงิดใจไม่น้อย เมื่อไตร่ตรองแล้วว่าภารกิจครั้งนี้น่าจะไม่สำเร็จจึงตัดสินใจส่งสัญญาณให้ถอยกลับไปตั้งหลักเสียก่อน
หวี้ด!
เสียงสัญญาณดังขึ้น ส่งผลให้ชายชุดดำที่เหลือต่างถอยกลับออกจากเรือนหลังนี้ ด้วยร่างกายที่มีาแไม่น้อยเช่นกัน
''คิดเข้าถ้ำเสือแล้วออกไปง่าย ๆ เช่นนั้นรึ?'' หนิงอ้ายพูดออกมาด้วยความโมโหและะโจากหน้าต่างตามออกไป
''เจียวซิ่นจับพวกมันมาตรงนี้ให้หมด!'' หนิงอ้ายเอ่ยพร้อมกับเรียกเจียวซิ่นออกมาจากห้วงมิติจิตของตนในทันที
ปึก!
พรึบ!
ทันทีที่สองขาของเจียวซิ่นปักลงพื้นนั้นพลันปรากฏเป็รยางค์สีเขียวแดงเข้มหลายสายพุ่งไปจับพวกชายชุดดำโดยที่ไม่ทันตั้งตัว พวกมันพยายามใช้กระบี่รวมไปถึงไฟจากบทเวทย์เพื่อจะเผารยางค์เหล่านี้แต่ไม่สามารถทำได้
รยางค์ไม้เหล่านี้ได้ประสานก่อตัวขึ้นเป็กรงขังพฤกษาขนาดใหญ่กักขังชายชุดดำทั้งหมดอยู่ภายใน ก่อนที่จะปรากฏบุปผาสีแดงที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนออกมาทั่วทั้งบริเวณส่วนนั้น บรรดาชายชุดดำทั้งหมดคล้ายกับตกอยู่ในภวังค์ไร้สตินึกคิด บ้างก็กรีดร้องส่งเสียงทรมาน บ้างก็ละเมอเพ้อพูดคุยกับอากาศ
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้สร้างความแปลกใจกับทุกคนในเรือนกันทั้งสิ้น ยกเว้นหนิงอ้ายที่รู้ว่านี่คืออีกหนึ่งความสามารถของเจียวซิ่นที่เป็สัตว์อสูรปราณธาตุไม้สายควบคุม ไม่กี่ชั่วจิบชาชายชุดดำทั้งหมดต่างล้มตัวแน่นิ่งลงไปในที่สุด
''หนิงเอ๋อร์ เ้าาเ็ตรงที่ใดบ้างหรือไม่?'' เสียงของเย่วซินดังขึ้นด้วยความเป็ห่วง ก่อนที่จะเข้าประชิดตัวเด็กหนุ่มพร้อมกับหมุนตัวของอีกฝ่ายคล้ายกับเสาะหาร่องรอยาแที่อาจเล็ดรอดไปจากสายตาได้
''ข้าไม่ได้รับาเ็ตรงที่ใดเลยขอรับท่านแม่...''
เมื่อทุกคนในเรือนรวมไปถึงบ่าวรับใช้ได้รวมตัวอยู่ในห้องโถงรับรองกันครบถ้วน หนิงอ้ายได้ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีผู้ใดได้รับาเ็ร้ายแรง มีเพียงรอยฟกช้ำเล็กน้อยจึงรู้ลึกโล่งใจไปไม่น้อย แสดงว่าเป้าหมายสำคัญครั้งนี้คือเขาคนเดียวเท่านั้น
''หากพวกมันตายหมดแล้วจะรู้ว่าใครเป็คนจ้างวานมันเล่าขอรับ?'' ลู่ซีเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็กังวล
''ในห้อยังมีอีกคนหนึ่งที่โดนข้าสกัดจุดไว้...'' ทุกคนพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับเดินตามเด็กหนุ่มเข้าไป
''ฝากเ้าค้นตัวพวกมันด้วยนะลู่ซี เผื่อมีหลักฐานสำคัญติดตัวพอใช้เป็หลักฐานได้ อย่าลืมให้เจียวซิ่นดูดพิษพวกมันออกมาทั้งหมดก่อนเล่า'' หนิงอ้ายเมื่อมอบหมายหน้าที่ให้กับลู่ซีแล้วจึงเดินนำทุกคนไปยังห้องนอนของตน...
''ตรงมุมห้องขอรับท่านแม่'' หนิงอ้ายบอกมารดาของตน ในขณะที่เขาเดินเข้ามาในห้องเป็คนสุดท้าย
เห็นสภาพภายในห้องนอนของหนิงอ้ายที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคราบเื รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้เสียหายไปเกินครึ่ง สิ่งนี้สามารถคาดเดาได้ว่าสถานการณ์ต่อสู้เมื่อครู่นั้นมีความรุนแรงมากเพียงใด ร่างกายของหนิงอ้ายหากไม่นับคราบเืต่าง ๆ บนชุดที่สวมใส่แล้วถือได้ว่าเด็กหนุ่มไม่มีาแเลยแม้แต่น้อย เยว่ซินได้แต่มองบุตรของตนที่ตอนนี้กำลังเข้าไปปลดการสะกดจุดของนักฆ่าคนนั้นเพื่อที่จะทำการสอบถามถึงผู้ที่จ้างวานในการลอบฆ่าครั้งนี้
''นี่มันนักฆ่าระดับพลังิญญาขั้นใดกัน จึงไม่สามารถตรวจสอบได้?'' จางปินตรวจสอบนักฆ่าตรงด้านหน้า แต่ไม่สามารถััพลังิญญาได้แม้แต่น้อยจึงเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย
''นักฆ่าคนนี้เป็ผู้ฝึกตนจักรพรรดิิญญาขั้นสูงระดับที่38ขอรับ''
''ไม่แปลกที่ท่านลุงจางปินไม่สามารถตรวจสอบทราบได้ เพราะนักฆ่าเหล่านี้ล้วนใช้ของวิเศษหรือบทเวทย์ระดับสูงที่สามารถทำการปลอมแปลงหรือปกปิดพลังิญญาเพื่อสำหรับภารกิจลอบฆ่าโดยเฉพาะ...'' หนิงอ้ายตอบข้อสงสัยให้ทุกคนได้รับรู้
''แล้วคุณชายรู้ได้อย่างไร?'' จางปินถามกลับไปด้วยความสงสัย เพราะระดับพลังิญญาของเขาสูงกว่าเด็กหนุ่มถึงสองสามขั้นย่อย แต่ทว่าหนิงอ้ายกลับสามารถตรวจสอบระดับิญญาของนักฆ่าคนตรงหน้านี้ได้
''หลังจากที่ข้าได้ประสานร่างกายเข้ากับกระดูกิญญาอายุล้านปีของอสรพิษา เนื่องจากเป็การประสานกระดูกิญญาเข้ากับส่วนบริเวณศรีษะหลังจากที่ข้าทะลุเขตขั้นเป็ผู้ฝึกตนจักรพรรดิิญญา อีกหนึ่งทักษะที่เพิ่มขึ้นคือดวงตาของข้านั้นสามารถตรวจสอบมองทะลุการปลอมแปลงทุกชนิดรวมไปถึงการใช้ของวิเศษหรือบทเวทย์ปลอมแปลงต่าง ๆ สำหรับของวิเศษและบทเวทย์ที่ถูกใช้ในการปลอมแปลง หากว่าไม่ได้อยู่ในระดับราชันขึ้นไปในตอนนี้ข้าล้วนรับรู้ได้ทั้งสิ้น และข้าให้ชื่อมันว่าเนตรแห่ง์ขอรับ...''
"..."
"..."
"..."
''ความจริงแล้วเนตรแห่ง์นี้จะมีความแข็งแกร่งและมองทะลุการปลอมแปลงมากกว่านี้หลายเท่า แต่ด้วยเพราะหัวใจหลักคือระดับพลังิญญาของของข้า กล่าวได้ว่ายิ่งมีระดับพลังิญญาสูงเท่าใดประสิทธิภาพของเนตรแห่ง์นี้จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน...'' หนิงอ้ายเอ่ยออกมาให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
''นี่ถึงขั้นจ้างนักฆ่าระดับจักรพรรดิขั้นสูงเชียวรึ?'' เย่วซินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเ็ปใจ ดวงตาคู่งามมองไปยังเด็กหนุ่มคลอไปด้วยน้ำตาที่นางพยายามห้ามไม่ให้ไหลออกมา หากว่าบุตรของนางยังเป็เด็กหนุ่มที่อ่อนแอเหมือนเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่สามารถปลุกพลังิญญาได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ย่อมจะเป็วันที่นางต้องเสียบุตรชายไปตลอดกาลอย่างแน่นอน
หนิงอ้ายเห็นเย่วซินร้องไห้จึงดึงมารดาเข้ามากอดทันที จริงอยู่ว่าเขาอาจไม่ได้บุตรชายแท้ ๆ ของนาง แต่ด้วยระยะหนึ่งปีที่เขาได้ทะลุมิติมายังโลกแห่งนี้ เขาย่อมััคำว่าครอบครัวได้รับอ้อมกอดที่อบอุ่นที่เขาโหยหามาโดยตลอด เหตุการณ์วันนี้เกือบจะพรากความสุขของเขาไปเสียแล้ว เขาอยากจะฆ่าคนที่มันบงการเื่เลวทรามเหล่านี้ยิ่งนักที่เป็ต้นเหตุที่ทำให้มารดาของตนร้องไห้ เอาเถอะแค้นนี้ต้องได้สะสางในสักวัน
''ท่านแม่อย่าร้องไห้เลยนะขอรับ ข้าสัญญาว่าจะฝึกฝนให้หนักขึ้นแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้เพื่อที่จะสามารถปกป้องตัวเองและท่านแม่ได้ ข้าว่าเรามาถามมันดีกว่าว่าพวกมันสังกัดสำนักใดและคนที่จ้างวานคือใครกัน?'' หนิงอ้ายเอ่ยออกมาพร้อมก้าวเท้าไปยังนักฆ่าที่เหลืออยู่เพียงแค่คนเดียวทันที
''ข้าให้โอกาสเพียงแค่สามครั้งเท่านั้น ตอบข้ามาว่าพวกเ้าอยู่สำนักไหนใครเป็คนจ้างวานพวกเ้า?'' หนิงอ้ายเอ่ยออกมาด้วยอารมณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้
''คุณชายใหญ่จางหนิงอ้ายที่ผู้คนเขาต่างร่ำลือว่าเป็สวะของตระกูลจางไม่สามารถปลุกพลังิญญาได้ อีกทั้งร่างกายยังเจ็บป่วยอ่อนแอไม่สามารถฝึกฝนการต่อสู้ได้ แต่เหตุใดที่ข้าเห็นในวันนี้หาเป็อย่างนั้นไม่เล่า?'' ชายชุดดำเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงยียวนดวงตาเป็ประกาย เพราะว่ามันถูกใจคุณชายตรงหน้านี้ยิ่ง
เสียงเล่าลือที่คนทั่วแคว้นรู้เช่นเดียวกันว่าคุณชายใหญ่ของตระกูลจางมีหน้าตาอัปลักษณ์เป็สวะของตระกูล? หากมีคนกล่าวว่าความงามเช่นคุณชายใหญ่จางหนิงอ้ายเป็ที่สองคงไม่มีผู้ใดในทุกแคว้นกล้าเทียบขึ้นเป็ที่หนึ่งแน่...
หนิงอ้ายเมินเฉยสายตาที่น่ารังเกียจนั่น พร้อมกับถามออกไปอีกครั้ง ''โอกาสครั้งที่สองข้าถามว่าพวกเ้าอยู่สำนักใดใครเป็ผู้จ้างวานพวกเ้า?''
''หากข้าตอบไป คุณชายใหญ่จางหนิงอ้ายจักยอมอยู่ใต้ร่างข้าหรือไม่?'' ชายชุดดำไม่ตอบพลางเอ่ยออกมาด้วยคำพูดที่น่ารังเกียจ
''จะล้ำเส้นเกินไปแล้ว!'' หวังฮุ่ยเอ่ยขึ้นเสียงดังด้วยความไม่พอใจ ในขณะที่หนิงอ้ายนั้นยังยืนอยู่ใบหน้าไร้อารมณ์เช่นเดิม
''โอกาสครั้งสุดท้ายแล้ว จงบอกมาว่าผู้ใดเป็ผู้จ้างวานพวกเ้า?''
''ข้าไม่มีทางบอกให้เ้ารู้หรอก หากพวกพี่ใหญ่ไม่เห็นว่าพวกข้าไม่กลับตามกำหนดเวลาไม่แคล้วคงจะจัดการพวก...''
ฉึบ!
ไม่ทันชายชุดดำได้กล่าวจบทันใดนั้นก็มีเสียงกระบี่ดังขึ้นคล้ายกับตัดบางสิ่งบางอย่างเพียงเเค่ดาบเดียวแสดงถึงความเฉียบขาดและแม่นยำ หนิงอ้ายตวัดกระบี่ของอีกฝ่ายที่อยู่ในมือตัดผ่านลำคอของนักฆ่าตรงหน้าอย่างไม่ลังเล
''...''
''...''
''...''
ทุกคนที่อยู่ในห้องตอนนี้ได้แต่สูดหายใจเสียงดัง จริงอยู่ที่ว่ากระบี่นั้นจะมีความบางและคมอยู่มากแต่ถึงอย่างไรแล้วก็ต้องออกแรงในการใช้ จากรอยแผลของชายชุดดำนักฆ่าตรงหน้าที่นอนแน่นิ่งไปแล้วนั้นได้สร้างความใแก่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่น้อย
''ข้าให้โอกาสแล้วแต่ในเมื่อไม่ตอบก็ไม่มีประโยชน์ขอรับ...'' หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ ใบหน้างามไม่ปรากฏอารมณ์ใดทั้งสิ้น
''จากฝีมือของพวกมันแล้ว ท่านลุงฮุ่ยพอทราบไหมขอรับ ว่ากลุ่มนักฆ่าเหล่านี้เป็สังกัดใด?''
''กลุ่มนักฆ่าเหล่านี้ล้วนมีที่มาที่ไม่แน่ชัด ที่สำคุญคือพวกมันต่างถูกฝึกมาโดยไม่อาจแพร่งพรายว่าผู้ใดเป็ผู้จ้างวานขอรับ...'' หนิงอ้ายพยักหน้าอย่างเข้าใจ
''คุณชาย! ข้าเจอหลักฐานการจ้างวานฆ่าตรงช่องลับในแขนเสื้อ อีกทั้งตรงบริเวณต้นคอด้านหลังของชายคนนั้นปรากฏเป็รอยสักโครงกระดูกลายเสือสีดำหากไม่สังเกตก็ไม่อาจเจอโดยง่าย คนอื่น ๆ ก็มีรอยสักเช่นนี้เหมือนกันขอรับ...'' ลู่ซีเมื่อจัดการเหล่าบรรดาศพนักฆ่าที่ตรงบริเวณด้านหน้าลานของเรือนตามที่คุณชายของตนให้จัดการสำเร็จแล้วจึงรีบเข้ามารายงานทันที
''เป็อย่างที่คิดจริงด้วย'' หนิงอ้ายเมื่อดูเสร็จจึงส่งต่อให้มารดาของตน
''นี่มันฝีมือของพวกสำนักเหรินซวง! ไม่คิดว่าฉากหน้าที่เป็ผู้ผดุงยุติธรรมจะรับงานต่ำทรามเช่นนี้ด้วย'' เย่วซินแม้จะคาดเดาได้ว่าเป็ฝีมือของสำนักใด เพราะนางคุ้นเคยท่าทางการต่อสู้ที่คล้ายคลึงกับเคล็ดวิชาของสำนักเหรินซวงในความทรงจำเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นนางได้เข้าร่วมงานประลองยุทธ์ของแคว้นและไม่ได้ต่อสู้กับคนสำนักนี้โดยตรงแต่ก็พอจดจำเคล็ดวิชาที่ถูกใช้ในงานประลองได้
''ดูเหมือนฮูหยินรองจะเห็นว่าข้าอายุครบสิบห้าปีแล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถปลุกพลังิญญาได้แต่ก็ยังมีสิทธิ์เป็ผู้สืบทอดของตระกูลจางและสำนักศึกษาผิงอานอยู่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงด้วยศักดิ์ฐานะของบุตรชายคนโตของตระกูล...''
''ถึงตอนนั้นบุตรของนางก็จะมีหน้าที่เพียงแค่เป็ผู้าุโประจำตระกูล แต่หากข้าตายตกไปเนื่องจากปัญหาสุขภาพหรือถูกลอบฆ่าต่อให้จะเป็เหตุผลอะไรก็ตามบิดาสารเลวนั่นคงไม่สนใจและไม่สืบหาความจริงเสียด้วยซ้ำ บุตรของนางก็จะขึ้นมาเป็ผู้สืบทอดของตระกูลอย่างถูกต้อง เพราะตระกูลจางสายหลักมีเพียงข้าและบุตรของนาง ถึงแม้จะมีคุณชายสามเเต่หากเทียบกับคุณชายรองแล้วคงยากที่จะรับตำแหน่งใหญ่โตของตระกูลได้ในวันข้างหน้า...'' ทุกคำที่หนิงอ้ายเอ่ยออกมาล้วนเป็ความจริงที่เป็ไปได้อย่างมาก
''ข้าไม่้าเป็ผู้สืบทอดตระกูลจางนี้เลยแม้แต่น้อย พวกเรากลับไปหาท่านตาท่านยายที่ตระกูลหวังกันนะขอรับ'' หนิงอ้ายเอ่ยบอกมารดาของตนด้วยน้ำเสียงจริงจังคล้ายกับตัดสินใจแล้วอย่างถี่ถ้วนอย่างดีแล้ว...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้