หลังจากตื่นนอน ลู่เสวียอีก็นั่งนิ่งอยู่นาน เหม่อมองปลายนิ้วเรียวขาวที่เปื้อนคราบเืมาเล็กน้อย แล้วตัดสินใจ
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วต่อสายหาใครบางคน
เสียงที่ห่างเหินดังอยู่ปลายสาย “มีอะไรหรือเปล่า”
ลู่เสวียอีพูดตามตรง “หนูจะขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ ถ้าคุณ้าก็เตรียมเงินเอาไว้ตามราคาตลาดหุ้นปัจจุบัน”
“… พูดจริงเหรอ?” เสียงปลายสายดูแปลกใจ “เสวียอี ลูกเป็อะไรหรือเปล่า”
ลู่เสวียอี “คุณไม่ต้องใช้น้ำเสียงแบบนั้นกับหนูหรอก ถ้า้าหุ้นที่คุณปู่เหลือไว้ก็แค่ส่งเงินมา ถ้าคุณมีเงินในมือไม่พอ หนูจะแบ่งขายให้คุณอา”
“…”
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ชายปลายสายก็ตอบกลับ “จะให้ผู้ช่วยตอบกลับภายในวันนี้ อย่าพึ่งบอกอาของลูกล่ะ”
หลังจากจบบทสนทนาที่รวบรัด ลู่เสวียอีก็ะโลงจากเตียงไปที่โต๊ะคอมพิวเตอร์
ความฝันเมื่อคืนนี้เป็เครื่องช่วยยืนยันของเธอ แล้วยังบอกใบ้ทิศทางบางอย่างให้ด้วย
ลู่เสวียอีััได้ถึงความพิเศษบางอย่าง ว่าจุดหมายปลายทางของเธอคือ่ปี 1960 ที่ชายคนนั้นพูด
ลู่เสวียอีขอให้พ่อบ้านจัดหาโกดังขนาดใหญ่ริมชานเมืองหลายแห่ง เธอเริ่มรวบรวมตั๋วและใบรับรองต่างๆ และสั่งซื้อวัตถุดิบจำนวนมาก
เสื้อผ้า ของใช้และยาทุกชนิด เริ่มถูกลำเลียงเข้ามา
อาหารทะเล เนื้อสดและเมล็ดพืช ลู่เสวียอีซื้อหนังสือหลายเล่มและค่อยๆ รวบรวมทรัพยากรหลังจากได้รับเงินทั้งหมด
เมื่อหุ้นสุดท้ายถูกโอนออกไป พ่อของเธอก็ชวนเธอไปทานอาหารกับครอบครัวของเขา แต่ลู่เสวียอีก็ปฏิเสธ
ลู่เสวียอีไม่ได้ติดต่อกับพ่อแม่มากนักหลังจากที่คุณปู่กับคุณย่าท่านเสียไป ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เธอไม่ได้เป็ผู้ถือหุ้นของบริษัทในเครือตระกูลลู่อีกแล้ว คนเ่าั้คาดว่าคงไม่อยากเสียเวลากับเธออีกต่อไป นอกจากแค่อยากได้เงินก้อนใหญ่ที่เธอถืออยู่ตอนนี้
ลู่เสวียอีรู้สึกว่ากำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เธอจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งต่างๆ อีกต่อไป
หลายเดือนต่อมา คืนหนึ่งในยุคปัจจุบัน เธอก็หลับไปตลอดกาล
เมื่อป้าหวังมาปลุกคุณหนูตามปกติ วันนั้นเสียงกรีดร้องของเธอก็ดังไปทั่วคฤหาสน์
บนโต๊ะหนังสือของลู่เสวียอีมีจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนเอาไว้นานแล้ว เพื่อมอบเงินก้อนสุดท้ายให้แก่คนรับใช้ที่ดูแลคุณปู่ คุณย่าและตัวเธอมาตลอดหลายปี เพื่อให้พวกเขาเริ่มชีวิตใหม่ได้อย่างสุขสบาย
ปี 1967
ลู่เสวียอีลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยตัวตนใหม่ เมื่อมองดูชุดเสื้อผ้าที่ไม่ใช่ตัวที่เธอใส่ก่อนนอนและสภาพรอบตัวที่ไม่คุ้นเคย เธอก็รู้ว่าเธอได้เดินทางข้ามเวลาเรียบร้อยแล้ว
ความทรงจำไหลผ่านเข้ามาทำให้ลู่เสวียอีรับรู้เื่ราวทั้งหมด
พ่อของเธอในโลกนี้เป็ผู้อำนวยการโรงงานเหล็ก เธอยังมีแม่ พี่ชายและพี่สาวในครอบครัว
แม่ของเธอเป็แม่บ้านเต็มเวลา หลังจากยกงานของตัวเองให้พี่สาวเมื่อปีก่อน
พี่ชายคนโตทำงานเป็พนักงานประจำในโรงงานเหล็กเหมือนพ่อ ส่วนพี่สาวเป็พนักงานประจำในโรงงานทอผ้า และพี่ชายกำลังเริ่มพูดคุยเื่แต่งงาน ว่าที่พี่สะใภ้คือเพื่อนในที่ทำงานของพี่สาว
ลู่เสวียอีเพิ่งจบมัธยมปลาย ตระกูลลู่พยายามหาโควต้างานให้ลูกสาวคนเล็กแต่ยังไม่มีข่าวคราว
ลู่เสวียอีคนเดิมกังวลกับเื่นี้มากเพราะคนที่เรียนจบแล้วยังไม่มีงานทำจะต้องไปชนบทเพื่อเป็ยุวชนผู้มีการศึกษา
เดิมทีเด็กสาวก็เป็กังวลมากอยู่แล้ว สุดท้ายเมื่อหางานไม่ได้จริงๆ ชื่อของเธอจึงต้องอยู่ในรายชื่อของคนที่ต้องไปชนบท
ลู่เสวียอีคนเดิมล้มป่วยทันที สุดท้ายด้วยกำลังใจที่อ่อนแอเธอก็จากไปเมื่อคืนนี้ และลู่เสวียอีจากยุคใหม่ก็ได้มาอยู่ในร่างนี้แทน
ลู่เสวียอีไม่พบสร้อยหยกที่ข้อมือทำให้เธอตื่นตระหนก แต่ในไม่ช้าก็พบไฝสีแดงตรงตำแหน่งนั้นแทน เธอตรวจสอบและพบว่าพื้นที่ของเธอยังอยู่ที่นั่น เพียงแต่มันได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย
พื้นที่ที่มืดมิดแต่เดิมตอนนี้มีทั้งผืนฟ้าและพื้นดิน และคฤหาสน์ตระกูลลู่ที่เธออาศัยอยู่ั้แ่เล็กจนโตก็อยู่ที่นั่น ลู่เสวียอีไม่รู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรแต่เธอก็ดีใจมาก
ข้างคฤหาสน์มีบ่อน้ำบ่อหนึ่ง ลู่เสวียอีรู้สึกแปลกใจเมื่อมองครั้งแรก แต่เธอก็พบว่าเมื่อเข้าไปใกล้บ่อน้ำ เธอก็พลันรู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวาคล้ายมีสิ่งมหัสจรรย์ที่เติมเต็มชีวิตอยู่ที่นี่
ลู่เสวียอีคิดในใจ หรือว่าพื้นที่ของเธอกลายพันธุ์และมีแม้กระทั่งน้ำแร่แห่งจิติญญา?
เธอรองน้ำด้วยฝ่ามือและดื่มเข้าไปโดยไม่คิดอะไรมาก จากนั้นชั้นสีดำบางๆ ก็เริ่มผุดขึ้นมาจากิัและส่งกลิ่นเหม็น
ลู่เสวียอีหน้าแดง เธอรีบวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์เพื่ออาบน้ำทันที
หลังจากอาบน้ำเสร็จเธอก็พบว่าิัของเธอสดใสฉ่ำน้ำขึ้นกว่าเดิม
เธอมองกระจกและพบว่ารูปลักษณ์ในตอนนี้ไม่ได้ต่างจากร่างเดิมของเธอมากนัก
ก่อนข้ามมิติมาเธอมีร่างกายบอบบางและอ่อนแอเพราะดูแลครรภ์ไม่ดี แต่ร่างใหม่นี้แม้จะยังผอมอยู่แต่ก็แข็งแรงกว่า
ลู่เสวียอีเป็คนสวยอยู่แล้ว เธอมีใบหน้าเรียวขาว ดวงตาดอกท้อ จมูกรั้นเชิดเป็ทรงสวย ริมฝีปากบางระเรื่อเหมือนกลีบกุหลาบ ผมยาวดำขลับเหมือนแพรไหม ยิ่งเธอดื่มน้ำแร่แห่งจิติญญาเข้าไปก็เหมือนกับไข่มุกสวยที่ถูกปัดฝุ่น เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอจะแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ตราบที่ดื่มน้ำแร่แห่งจิติญญานี้อย่างต่อเนื่อง
ลู่เสวียอีออกจากพื้นที่แล้วพบว่าไม่มีใครอยู่ที่บ้านเธอจึงอยากออกไปสำรวจสภาพแวดล้อมข้างนอก
เธอหยิบตะกร้าในครัวออกมาแล้วดูว่ามีอะไรขาดเหลือในครัวบ้างจะได้นำกลับมาอย่างแเี
หลังจากเดินวนดูสภาพบ้านช่องและถนนตามความทรงจำไปรอบหนึ่ง ท้องก็เริ่มประท้วง
ลู่เสวียอีเพิ่งจำได้ว่าเธอแค่ดื่มน้ำแร่ไปเท่านั้นแหละยังไม่ได้กินอะไรเลย
เธอจึงเดินกลับบ้านและพบว่ายังไม่มีใครกลับมา จึงเริ่มหยิบของในพื้นที่ออกมาทำอาหาร
เมื่อคนตระกูลลู่กลับมาถึงบ้านและได้กลิ่นหอมของอาหารร้อนๆ ก็ต้องแปลกใจ
แม่ลู่สับสน ก่อนออกจากบ้านเมื่อเช้า ลูกสาวคนเล็กยังป่วยเหมือนจะลุกไม่ขึ้น แต่ตอนนี้มีแรงถึงขนาดลุกมาทำอาหารแล้ว?
แต่กลิ่นอาหารที่ลูกสาวตัวน้อยทำวันนี้ก็หอมมาก อาจจะดีกว่าปกติด้วยซ้ำ
“เสวียอี ลูกดีขึ้นแล้วเหรอ ทำไมไม่พักอีกหน่อยล่ะ?”
ลู่เสวียอียิ้ม “หนูรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว พ่อแม่กับพี่ๆ รีบล้างมือแล้วมากินข้าวกันเถอะ”
พี่สองคนของเธอก็กลับมาพร้อมกันด้วย พี่ชายของเธอถามเื่สุขภาพของเธออย่างห่วงใยจนลู่เสวียอีรู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัว
แม่ลู่เข้าไปในครัวและเห็นตะกร้าที่มีข้าวขาว ไข่และเนื้อที่ลู่เสวียอีถือกลับมาวันนี้ล้วนประหลาดใจมาก “เสวียอี ลูกไปเอาอาหารพวกนี้มาจากไหน”
ลู่เสวียอี “หนูไปซื้อกับเพื่อนร่วมชั้น มันไม่ต้องใช้ตั๋ว”
เมื่อได้ยินคำนี้ ตระกูลลู่รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อของเธอพูดอย่างจริงจัง “ต่อไปอย่าซื้อของแบบนี้อีก มันเสี่ยงมาก”
ลู่เสวียอีพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
แม่ลู่ตัดบท “เอาล่ะ กินข้าวกันเถอะ”
แต่ว่าหลังกินข้าวเสร็จ แม่ลู่ก็แอบเคาะประตูห้องเธอแล้วยัดเงินให้
ลู่เสวียอี “แม่คะไม่เป็ไร หนูยังมีเงินส่วนตัวอยู่บ้าง”
แม่ลู่ทำหน้าจริงจัง “อาหารราคาไม่ถูก ตอนนี้ลูกอยู่ที่บ้าน พ่อกับแม่ควรเป็คนดูแลค่าใช้จ่าย” นางพูดแล้วดวงตาก็เริ่มแดง “เก็บเงินส่วนตัวไว้บ้าง ชีวิตในชนบทไม่ง่ายเลย ่นี้ก็ประหยัดวัตถุดิบสักหน่อย เวลาอาหาร แม่จะเจียดบางส่วนไปซื้อของเพิ่มให้”
ลู่เสวียอีะเืใจ “ขอบคุณค่ะแม่”
เดิมทีลู่เสวียอีไม่ได้คิดมากในการไปชนบทเพราะเธอพึ่งมาอยู่ในร่างนี้และแอบกลัวว่าครอบครัวจะจับได้ แต่ตอนนี้ความรู้สึกของครอบครัวที่เธอไม่เคยได้รับเริ่มทำให้เธอเสียใจเล็กน้อย
คงจะดีหากเธอได้อยู่ครอบครัวที่รักเธอแบบนี้ตลอดไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้