เฉียวเยว่รู้สึกว่า่นี้เกิดเื่กับตนเองมากมายเหลือเกิน ดังนั้นจึงอยู่เป็แมวเฝ้าเรือนคัดอักษรอย่างสงบเสงี่ยม ไม่ออกไปไหน
ถ้าออกไปแล้วเกิดปัญหาอีก ถึงแม้ว่านางจะเป็เด็กน้อยน่ารัก ก็ทนการเคี่ยวกรำเช่นนี้ต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ
นางเหนื่อยพอแล้ว
"น้องหญิงเจ็ด" ิเยว่หิ้วตะกร้าเดินเข้าประตูมา เฉียวเยว่เงยหน้าขึ้น "พี่หญิงใหญ่ ท่านมาได้อย่างไร?"
"ก็มาเยี่ยมเ้าน่ะสิ" ิเยว่ทอยิ้มน้อยๆ
นางหยิบขนมออกมาทีละจาน "ได้ยินว่าสองวันนี้เ้าไม่ออกไปไหน เลยมาเยี่ยมเ้า คัดอักษรเป็อย่างไรบ้าง"
"ข้าเขียนได้ดีมาก"
แม้ว่าเฉียวเยว่จะชอบโอ้อวด แต่ิเยว่ก็รู้ดีว่าเฉียวเยว่เขียนอักษรได้งดงามจริงๆ นางถูกท่านอาสามเคี่ยวเข็ญ ฝึกให้คัดอักษรั้แ่เล็ก แตกต่างจากพวกนางโดยสิ้นเชิง
"ฉีอันเล่า?"
ปรกติทั้งสองมักเขียนอักษรวาดภาพด้วยกัน สมัครสมานกันดียิ่ง
เฉียวเยว่ยิ้มตาหยี "ฉีอันไปเรือนท่านย่าแล้วเ้าค่ะ ข้ารู้สึกว่า่นี้ตนเองดวงตก ควรอยู่เฉยๆ บ้างจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องเกิดเื่อะไรอีก"
ิเยว่หัวเราะ กล่าวอย่างนุ่มนวล "เ้านี่นะ พูดเหลวไหลเก่งนักเชียว อายุน้อยแค่นี้มีเวลาดวงตกที่ไหนกัน หากเด็กน้อยล้วนแต่ไม่ก่อเื่ จะเรียกว่าเด็กน้อยอีกหรือ?"
เฉียวเยว่ทำปากยื่น "จริงด้วย จริงด้วย" ทว่าเพียงชั่วพริบตาก็ถอนหายใจ "แต่ข้ายังมียางอายอยู่ หากออกไปก่อเื่บ่อยๆ ก็ขายหน้าผู้คนแย่เลย"
ิเยว่ลูบศีรษะของเฉียวเยว่อย่างอ่อนโยน "ขายหน้าที่ไหนกัน เฉียวเยว่ของพวกเราน่ารักที่สุด เมื่อวานที่สำนักศึกษาสตรียังมีคนถามถึงเลย ว่าซาลาเปาน้อยแสนหวานของพวกเราหน้าตาเป็อย่างไร"
ตอนที่เฉียวเยว่เข้าวังเรียกตนเองว่าแตงน้อยแสนหวานเพื่อให้ฟังดูน่ารัก แต่ผลปรากฏว่าอวี้อ๋องกลับเรียกนางว่าแตงน้อยแสนหวาน แตงน้อยแสนหวานไม่หยุดปาก แต่พอเผยแพร่ออกไปข้างนอก ไม่รู้ว่ากลายเป็ซาลาเปาแสนหวานได้อย่างไร
เฉียวเยว่เกาศีรษะ "ดูเหมือนเรียกซาลาเปาไส้หวานอย่างไรก็ไม่รู้"
เฉียวเยว่เอียงศีรษะเล็กน้อย ท่าทางสำรวมเปี่ยมไปด้วยความสง่างาม
"ดูเหมือนว่าอวี้อ๋องจะชอบเฉียวเยว่ของเรามากเลยนะ" น้ำเสียงที่อ่อนโยนแฝงไปด้วยการหยั่งเชิงอยู่หลายส่วน
เฉียวเยว่สะบัดศีรษะด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม "โฉมสะคราญเช่นข้าย่อมจะมีผู้คนมาชมชอบมากมาย ข้าคือซาลาเปาน้อยแสนหวาน!"
ิเยว่ป้องปากหัวเราะ พลางเอ่ยเสียงเบา "มา ขอชิมคำหนึ่ง พี่หญิงใหญ่จะดูว่าหวานจริงหรือไม่"
เฉียวเยว่หัวเราะคิก พลางเบี่ยงตัวหลบ "พี่สาวจะกินเด็กน้อยแล้วหรือ"
หลังจากหัวเราะพอแล้ว ก็ถามอีกว่า "ตอนนี้ข้าโด่งดังมากเลยหรือ?"
นางเอานิ้วชนกัน
ิเยว่ตอบอื้อ กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ใช่สิ เพราะความน่ารักของเ้า แม้แต่อวี้อ๋องยังไม่ถือโทษโกรธเคืองเลยมิใช่หรือ เฉียวเยว่ของพวกเราใครเห็นใครก็รัก อวี้อ๋องเอ็นดูเ้า รัชทายาทกับคุณชายิ่ล้วนชอบเ้า"
"เช่นนั้นข้าก็ออกไปวางอำนาจบาตรใหญ่ได้แล้วสิ? เยี่ยมไปเลย เยี่ยมไปเลย" เฉียวเยว่เริ่มเฉไฉออกนอกเื่ แต่กลับทำให้ิเยว่ขวัญหนีดีฝ่อ
"นี่เ้าจะทำอันใด จงทำตัวเชื่อฟังดีๆ มิเช่นนั้นข้าจะตีก้นของเ้า"
"ข้าไม่กลัว พี่หญิงใหญ่อ่อนโยนเพียงนี้ ต้องตีข้าไม่ลงแน่" เฉียวเยว่ทำปากยื่น
เห็นนางผมเผ้ายุ่งเหยิง ิเยว่ก็กวักมือเรียก "มานั่งข้างข้า ข้าจะช่วยถักเปียให้"
เฉียวเยว่ตอบอื้ออย่างว่าง่าย
ิเยว่กลัวว่าจะทำนางเจ็บ จึงถักค่อนข้างช้า และอ่อนโยนเป็พิเศษ
"เฉียวเยว่ เ้าว่า อวี้อ๋องเป็คนอย่างไร?" ิเยว่กระซิบถามเบาๆ
ดวงตาของเฉียวเยว่มีประกายวาบผ่าน ก่อนจะยิ้มตาหยี "ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน"
"พวกเ้าเคยัักันมาก่อนมิใช่หรือ อย่างไรเสียก็น่าจะพอรู้บ้างกระมัง อีกอย่างผู้อื่นเคยช่วยชีวิตเ้าเชียวนะ ช่างเป็ซาลาเปาน้อยแสนหวานที่หลงลืมบุญคุณแท้ๆ" ิเยว่มิได้สังเกตแววตาของนาง จึงยังรบเร้าต่อ
พอเห็นนางมัดผมให้เสร็จเรียบร้อย เฉียวเยว่ก็พูดออกไปตรงๆ "เขาดีกับข้ามาก แต่ดีกับข้าก็มิได้บ่งบอกว่าเขาเป็คนอย่างไร อาจเป็เพราะว่าในใจเขา ข้าเป็ซาลาเปาน้อยแสนหวานผู้น่ารักเฉลียวฉลาด ควรค่าแก่การทะนุถนอมดูแลอย่างดี แต่ผู้อื่นเป็เพียงมูลสุนัขในสายตาเขากระมัง"
ิเยว่ทั้งฉิวทั้งขัน หัวเราะพรืดออกมา "อย่าพูดเหลวไหล คำพูดเหล่านี้หากท่านอาสามได้ยิน ก้นของเ้าต้องลายแน่ๆ จะเอามาพูดซี้ซั้วไม่ได้"
เฉียวเยว่ยิ้มยิงฟัน "ข้ารู้ ท่านไม่ทรยศข้าหรอก พี่ิเยว่ ท่านจะเอาความคิดของข้ามาตัดสินดีคนคนหนึ่งว่าเป็คนดีหรือคนเลวมิได้ เพราะอาจจะผิดไปจากความเป็จริง"
ิเยว่เลิกคิ้ว
"ข้าน่ารักขนาดนี้ ไม่มีใครไม่ชอบ ทุกคนล้วนชอบข้า เพราะข้าน่าเอ็นดูที่สุด"
ิเยว่ไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ตนเอง้าจากเฉียวเยว่ ไม่เซ้าซี้ถามอีก เพราะคิดว่าถามไปก็คงไม่ได้อะไร
แต่ถึงแม้ว่านางจะไม่ถามแล้ว แต่เฉียวเยว่กลับเท้าแขนอวบน้อยๆ บนต้นขาของนาง พลางจ้องตาแป๋วถามว่า "พี่หญิงใหญ่ เหตุใดจู่ๆ ท่านก็ถามถึงอวี้อ๋องเล่า?"
"ก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง" ิเยว่ตอบเสียงเบา
เฉียวเยว่ทำสีหน้าว่า 'ข้าไม่เชื่อ' หลังจากนั้นก็หัวเราะคิกคัก พูดอย่างมีความนัยแอบแฝง "ท่านคงมิได้เริ่มมีความรักใช่หรือไม่?"
ิเยว่หน้าแดงซ่าน ทันใดนั้นก็ดึงนางมาตี แต่เฉียวเยว่ไม่ถูกตีง่ายๆ นางหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว พลางยิ้มย่องลำพองใจ "จ้างให้ก็ตีไม่โดน"
ท่าทางซุกซนอย่างยิ่ง
ิเยว่กระทืบเท้า "ยายหนูน้อย คอยดูเถอะ ข้าจะจับเ้าให้ได้"
"พี่สาวชอบอวี้อ๋องเข้าแล้วใช่หรือไม่" เฉียวเยว่วิ่งไปก็พูดไป "พี่สาวนี่โง่จัง ใครที่ชอบอวี้อ๋องล้วนเป็คนโง่ โง่ โง่"
ิเยว่ถูกนางล้อเลียนจนหน้าแดง "หากเ้ายังพูดเหลวไหลอีก ข้าจะโกรธแล้วนะ"
เห็นิเยว่พะว้าพะวังมากจริงๆ ในที่สุดเฉียวเยว่ก็หยุดปาก และเลิกวิ่ง นางมองเฉียวเยว่และถามหยั่งเชิงอย่างระมัดระวัง "พี่ิเยว่ ท่านเสียใจหรือ?"
ิเยว่ไม่สนใจนาง
เฉียวเยว่รีบเข้าไปดึงชายเสื้อของนาง เอ่ยปากอย่างจริงจัง "ข้าผิดไปแล้ว ข้าพูดจาเหลวไหลส่งเดช ท่านด่าข้าได้เลย"
ิเยว่จิ้มดวงหนาน้อยของนาง "หากพูดเหลวไหลอีก ข้าจะฟ้องท่านอาสามให้ตีก้นเ้า นับวันเ้าก็ยิ่งซุกซนมากขึ้นทุกที"
เฉียวเยว่ยกมือทันควัน ตอบอย่างว่องไว "ข้าทราบแล้ว ข้าทราบแล้ว"
ิเยว่ขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ "เพราะเหตุใดคนที่ชอบอวี้อ๋องล้วนเป็คนโง่ล่ะ?"
เฉียวเยว่เงยหน้า "เขาช่วยข้าไว้ ข้าบอกไปชัดๆ ว่าจะใช้ร่างกายตอบแทนบุญคุณ โฉมสะคราญเช่นข้าเอ่ยวาจาเยี่ยงนี้ เขาควรจะคุกเข่าแล้วบอกว่า ท่านเทพธิดาน้อย ปุถุชนเช่นข้ามิกล้าอาจเอื้อม แต่เขาพูดอย่างไรท่านรู้หรือไม่? เขาบอกว่า เ้าฝันไปเถอะ!"
เอ่ยถึงเื่นี้ เฉียวเยว่ก็ยังเ็ปไม่หาย ดวงหน้าน้อยผุดแววโมโหโทโส คล้ายอยากออกไปกัดคนเสียเดี๋ยวนั้นเลย
ิเยว่พยายามกลั้นหัวเราะ นางยกมือขึ้นปิดหน้า
เฉียวเยว่สะกิดพี่สาวคนโต "พี่ิเยว่ ท่านเป็อันใด? ท่านก็รู้สึกว่าเขาแย่มากใช่หรือไม่?"
ิเยว่พยักหน้า แต่ยังคงปิดหน้าอยู่ ทว่าบ่าทั้งสองกลับสั่นอย่างน่าสงสัย
เฉียวเยว่กระฟัดกระเฟียด "หญิงงามเช่นข้า พลาดไปแล้วถึงเขาจะร้องไห้ชั่วชีวิตก็ไม่มีใครสงสารหรอก"
"ใช่ ใช่ ใช่ เขาเป็คนผิด เขาเป็คนที่แย่มาก เฉียวเยว่ของพวกเรายอดเยี่ยมที่สุด"
เฉียวเยว่ทำปากยื่นด้วยความฉุนเฉียว
จนกระทั่งถึงเวลามื้อเที่ยง ไท่ไท่สามเห็นนางกินเพียงหนึ่งชามก็ถามว่า "เมื่อเช้าเ้ากินขนมเกินปริมาณใช่หรือไม่?"
เฉียวเยว่ยิ้มตาหยี "พี่ิเยว่เอาของกินมาเยี่ยมข้า ยังว่าขนมเพียงแค่นั้นจะพอกินได้อย่างไร"
"ไม่ใช่มิให้เ้ากิน แต่เ้าจะอ้วนเช่นนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ขืนเ้ายังเป็เช่นนี้ หากคราวหน้าไปทับคนกระดูกหักอีกจะทำอย่างไรเล่า?"
แม้จะไม่บังคับให้บุตรสาวลดความอ้วน แต่ไท่ไท่สามก็ยังชื่นชมวิธีการควบคุมน้ำหนักของซูซานหลาง ขนมของเฉียวเยว่ในตอนนี้ลดลงกว่าเมื่อก่อนหนึ่งในสามส่วน
เฉียวเยว่ทำท่าน่าสงสาร "ข้าไหนเลยจะเป็เช่นนั้น"
เมื่อถึงเวลานอนกลางวัน ไท่ไท่สามมาถึงก็เห็นแม่หนูน้อยตัวกลมกำลังส่งเสียงฮึ่ยย่ะ สะบัดผ้าห่มอย่างขมีขมัน จึงเดินเข้าไป "นี่เ้าจะทำอะไรอีก ให้อวิ๋นเอ๋อร์ทำก็ได้"
อวิ๋นเอ๋อร์ทำสีหน้าขมขื่นแล้วพูดว่า "ไท่ไท่ คุณหนูไม่อนุญาตเ้าค่ะ"
ไท่ไท่สามร้องเอ๊ะ ด้วยความประหลาดใจ "นี่เกิดอะไรขึ้น?"
"ข้าจะทำเอง เช่นนี้ถึงจะผอมลงได้ ต่อไปข้าก็สามารถกินขนมเพิ่มขึ้นได้อีกชิ้น" เฉียวเยว่ตอบ
ไท่ไท่สามหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกจริงๆ สองเื่นี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร?
นางโบกมือให้อวิ๋นเอ๋อร์ออกไป แล้วคลุมผ้าห่มผืนน้อยให้นาง "เด็กดี พ่อเ้ากับข้าล้วนหวังดีต่อเ้า"
เฉียวเยว่ย่อมรู้อยู่แล้ว
เฉียวเยว่ขยับมาข้างกายไท่ไท่สาม "ท่านแม่คิดว่าข้าโง่หรือไม่?"
ไท่ไท่สามบีบจมูกน้อยๆ ของนาง "เ้ามันจิ้งจอกน้อย"
"นั่นสิเ้าคะ ดังนั้นข้าย่อมทราบว่าพวกท่านล้วนทำเพื่อข้า ข้าเฉลียวฉลาดเพียงนี้ จะมองไม่ออกได้อย่างไร"
แต่คาดไม่ถึงว่า ไท่ไท่สามจะรู้สึกได้ว่าคำกล่าวของนางมีบางอย่างผิดปรกติ "เ้าอยากพูดอะไร เ้ายังมองอะไรออกอีกหรือ?"
"มารดาข้าฉลาดที่สุด เพียงแวบเดียวก็รู้แล้วว่าข้ามีความอยากจะพูด" เฉียวเยว่ยิ้มตาหยี ก่อนจะทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา "วันนี้พี่หญิงใหญ่มาหา และถามถึงเื่ของอวี้อ๋อง ข้าก็เลยเล่นมุกตลกขบขันจนผ่านไปได้"
เมื่อเด็กน้อยคนหนึ่งพูดจาจริงจังเช่นนี้ ก็ชวนให้คนคาดไม่ถึงเช่นกัน
ไท่ไท่สามตกตะลึง แต่ก็ยังพูดต่อ "การที่เ้าแกล้งโง่ไม่พูดสิ่งใดออกไปคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว พวกเราไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเื่เหล่านี้ มิเช่นนั้นภายหน้าไม่ว่าจะดีหรือร้าย ก็คงถูกต่อว่าไปด้วย"
เฉียวเยว่พยักหน้า นางเข้าใจดีที่สุด
"ถึงแม้ว่าพี่หญิงใหญ่จะดีกับข้ามาก แต่ข้ายังเล็ก จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเื่ทำนองนี้ได้อย่างไร"
นางเอียงคอมองแล้วถามไท่ไท่สาม "ท่านแม่ นี่มันเื่อะไรกันหรือ ท่านลุงใหญ่กับท่านป้าสะใภ้ใหญ่วางแผนจะให้พี่ิเยว่แต่งงานกับอวี้อ๋อง หรือว่าพี่ิเยว่มีใจชมชอบอวี้อ๋องด้วยตนเอง?"
ไท่ไท่สามไหนเลยจะให้เด็กน้อยคนหนึ่งเอ่ยถึงเื่แบบนี้ "บอกเ้าว่าอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยว เ้ายังไม่จบอีกหรือ?"
เฉียวเยว่ส่ายหน้า "ไม่ใช่นะเ้าคะ ข้าเพียงรู้สึกสะท้อนใจ พี่ิเยว่กับท่านพี่อวี้อ๋องไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อีกอย่างท่านพี่อวี้อ๋องก็ไม่แต่งงานกับพี่ิเยว่หรอกเ้าค่ะ"
"เพราะเหตุใดเล่า?" ไท่ไท่สามงุนงง
นางมองบุตรสาวด้วยสายตาคลางแคลง หรือว่าอวี้อ๋องจะพูดอะไรกับนาง?
"ก็แม้แต่โฉมสะคราญเช่นข้าเขายังไม่พึงใจ แล้วจะไปต้องตาพี่หญิงใหญ่ได้อย่างไร นี่เป็เื่ที่สมด้วยเหตุผลมิใช่หรือ" เฉียวเยว่ทำสีหน้าหยิ่งผยอง
ไท่ไท่สาม "เ้าหลับไปเงียบๆ ให้ข้าเลย"
พอได้ยินมารดาเสียงเข้มขึ้นมา นางก็ใช้ผ้าห่มคลุมหน้า "พอแล้ว พอแล้ว ข้านอนแล้ว"
ไท่ไท่สามส่ายหน้าอย่างระอาใจ
ไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงกรนคร่อกฟี้ดังออกมาจากใต้ผ้าห่ม
นางจัดผ้าห่มของบุตรให้ดี "เหตุใดเ้าถึงฉลาดหลักแหลมเช่นนี้นะ"
เฉียวเยว่ละเมอพึมพำออกมาแล้วพลิกตัวหลับต่อ
ไท่ไท่สามยิ้มพลางส่ายหน้าแล้วออกมาจากห้อง ทว่านางยังไม่กลับห้องของตนเอง แต่ไปห้องหนังสือของซูซานหลาง
ซูซานหลางเห็นนางเข้ามาก็ยกยิ้มน้อยๆ "มีอันใด? คิดถึงข้าหรือ?"
ไท่ไท่สามทำเสียงดุ "พูดเหลวไหลอีกแล้ว"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้