ในที่ห่างไกล จักรพรรดิมัจฉาและฝูงปลาจ้องมองทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างตะลึงงัน พวกเขาไม่ได้ยินการสนทนาระหว่างจ้านอู๋มิ่งและัครามเปลวเพลิงแดง แต่สามารถเห็นร่างของัั์ขนาดมหึมาที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา เสียงคำรามของัทำให้จิตสมาธิของพวกเขาสั่นสะท้าน ยังคิดว่าเวลานี้จ้านอู๋มิ่งกำลังต่อสู้กับัครามเปลวเพลิงแดงเสียอีก อดลอบใกับการแสดงออกของจ้านอู๋มิ่งไม่ได้
“เดิมทีข้า้าใช้โอกาสนี้ควบคุมจิติญญาชีวิตของมัจฉาเฒ่าตัวนี้ ให้มันช่วยทำงานให้ข้า แต่เวลานี้ข้าได้เปลี่ยนใจแล้ว ภายในร่างกายของมัจฉาเฒ่าตัวนี้มีสายเืของเผ่าัเจือจาง แผ่นดินใหญ่แห่งนี้อยู่ในยุคสมัยแห่งความเสื่อมโทรมถดถอย ไม่สามารถหาร่างกายที่เหมาะกับเ้าได้ดีกว่ามันอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้ ข้า้าให้เ้ายึดครองร่างของมัจฉาเฒ่าตัวนี้ และรับเอาความทรงจำของมันมา ช่วยข้าควบคุมเผ่ามัจฉา” จ้านอู๋มิ่งคิดๆ แล้วพูดขึ้น
“ขอบคุณนายท่านที่ส่งเสริม ตลอดหลายปีมานี้ ถึงแม้ข้าจะจับมัจฉาเฒ่าตัวนี้ไว้ได้ แต่เนื่องจากข้าสูญเสียพลังต้นกำเนิดมากเกินไป รากฐานพลังชีวิตสลายหายไปหลายล้านปีแล้ว ไม่ได้รับการเติมเต็มเสมอมา ด้วยเหตุนี้ พลังของจิติญญาเพียงแค่สามารถดักจับมัจฉาตัวนี้ไว้ได้เท่านั้น กลับไม่สามารถจะยึดครองร่างได้สำเร็จ หากมีนายท่านคอยสนับสนุนช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง เสี่ยวหลงจะต้องสามารถกำเนิดใหม่ได้สำเร็จราบรื่นอย่างแน่นอน” ัครามเปลวเพลิงแดงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ประเสริฐมาก ข้าจะใช้สายเืของปลาเปลวเพลิงแกนปฐีทำลายการป้องกันจิติญญาชีวิตของมัจฉาเฒ่าให้เ้า เ้าก็คว้าโอกาสเข้ายึดครองร่าง แต่ว่าข้า้าให้เ้าควบคุมเผ่ามัจฉา ดังนั้นอย่าได้ทำลายความทรงจำของมันจะประเสริฐที่สุด”
“เสี่ยวหลงเข้าใจ ทั้งหมดทำตามคำสั่งนายท่าน” ัครามเปลวเพลิงแดงกล่าวตอบ
จ้านอู๋มิ่งจ้องมองไปที่มัจฉาเฒ่าที่ลอยผลุบโผล่อยู่ในลาวา และลอบคิดในใจว่า “พี่ชายมิเคยทำเื่ดีๆ โดยไม่คิดค่าแรงมาก่อน หากจะโทษก็ต้องตำหนิเหล่าบรรดาบุตรหลานของเ้าที่ใจคดคิดไม่ซื่อ ถึงแม้จะตกลงกันว่าปลดผนึกออกแล้วต่างคนต่างไปตามทางของตน แต่จักรพรรดิมัจฉากลับแอบมีเจตนาร้าย สัตว์จำนวนฝูงหนึ่งจะปิดบังข้าได้อย่างไร คิดจะเล่นกลอุบายกับข้า มาดูกันว่าสุดท้ายผู้ที่โชคร้ายคือใคร!”
จ้านอู๋มิ่งเปิดขวดหยกที่เต็มไปด้วยเืของปลาเปลวเพลิงแกนปฐีออกกะทันหัน แล้วเทแก่นโลหิตที่เหลือทั้งหมดลงในปากัครามเปลวเพลิงแดง
“กรรร…” พลันร่างกายของัครามเปลวเพลิงแดงก็ชัดเจนขึ้นทันที เดิมที่ถูกพลังธรรมชาติคอยเคี่ยวกรำ เวลานี้กลับมีรัศมีของแสงเทวะศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นมาสายหนึ่ง
“ตูมมม…” หลังจากัครามเปลวเพลิงแดงกลืนเืเข้าไป พลันเกิดเสียงะเิดังลั่นขึ้น กลายเป็หมอกควันสายหนึ่งพวยพุ่งเข้าไปภายในร่างของมัจฉาเฒ่า
“ค่ายกลกลืนกินจิตสลายิญญา ปรากฏขึ้น!” จ้านอู๋มิ่งโบกมือคราหนึ่ง พลันศิลากลืนกินิญญาทั้งห้าตำแหน่งก็แผ่รัศมีประกายแสงสีดำเป็สายๆ ขึ้นมาในทันใด พากันรวมเป็จุดเดียวที่กลางนภากาศ สุดท้ายก็กลายเป็ลำแสงเข้มข้นสายหนึ่งยิงหายลับเข้าไปภายในกะโหลกใหญ่โตของมัจฉาเฒ่า
พลันร่างของมัจฉาเฒ่าสะท้านขึ้นคราหนึ่ง หางปลาขนาดใหญ่ยกขึ้นมาทันใด จากนั้นก็ฟาดตบลงไปในลาวา
……
“ยังคงไม่มีข่าวคราวของจ้านอู๋มิ่งอีกหรือ?” สายตาเยว่หลิงซานมองไปที่ร่างเลวี่ยเหวินซิว สีหน้าเลวี่ยเหวินซิวดูซูบเซียวอยู่บ้าง
“ไม่มีขอรับ ศิษย์ได้ค้นหาบริเวณโดยรอบพื้นที่น่านน้ำมหาสมุทรในรัศมีกว้างขวางแถบนี้แล้ว ยังคงไม่มีร่องรอยของจ้านอู๋มิ่ง” เลวี่ยเหวินซิวพูดอย่างอับจนปัญญา
ใน่สองเดือนที่ผ่านมา เขาแทบจะสำรวจตลอดทั้งน่านน้ำใกล้เคียงมหาสมุทรวันสิ้นโลกโดยรอบแล้วเที่ยวหนึ่ง แต่กลับไม่พบข่าวคราวใดๆ ของจ้านอู๋มิ่งแม้สักนิด จ้านอู๋มิ่งราวกับหายไปในอากาศแล้วก็มิปาน
“เ้าแน่ใจหรือว่าจ้านอู๋มิ่งหายตัวไปหลังจากเข้าสู่สถานพำนักของคุนเผิงแล้ว?” เยว่หลิงซานสูดหายใจเข้าคำหนึ่งแล้วถามขึ้น
“มิผิด ข้าเป็คนช่วยปิดบังให้ศิษย์อู๋มิ่งเข้าไปด้วยตนเอง ต่อมาพวกเราเข้าไปในถ้ำแล้วค้นหาอู๋มิ่งไม่พบ ศิษย์ครุ่นคิดอย่างไรก็มิเข้าใจเช่นกัน หากพูดว่าอู๋มิ่งเสียชีวิตแล้ว เช่นนั้นป้ายิญญาของเขาจะต้องแตกสลายอย่างแน่นอน แต่ป้ายิญญายังคงสภาพดีอยู่ แสดงว่าเขายังมีชีวิตอยู่ หรือว่าอาจจะถูกตัวประหลาดเฒ่าคนใดจับตัวไปแล้ว?” เลวี่ยเหวินซิวสองตาฉายแววเจตนาสังหารออกมา คิดถึงเวลานี้ จ้านอู๋มิ่งอาจตกอยู่ในมือของตัวประหลาดเฒ่าคนใดคนหนึ่ง พลันใจเขาก็เต้นแรงขึ้นมาทันใด
“ตัวประหลาดเฒ่าเหยียนเต้าจื่อแห่งสำนักิญญา์ยังไม่กลับมาที่เมืองวันสิ้นโลก สำนักกระบี่ิญญาก็ส่งยอดฝีมือจำนวนมากไปล่องเรือในน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลกเช่นกัน แสดงให้เห็นชัดว่าพวกเขาก็้าตามหาจ้านอู๋มิ่ง เ้าให้คนไปตามสังเกตการเคลื่อนไหวของสำนักิญญา์และสำนักกระบี่ิญญาอย่างใกล้ชิด ตัวประหลาดเฒ่าเสวียนเสวียนจื่อกลับไปแล้ว ดูท่าแล้วการหายตัวไปของอู๋มิ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา ไม่ว่าผู้ใด หาญกล้าแตะต้องอู๋มิ่ง สำนักบริบาลเดรัจฉานจะทำลายให้สิ้นซาก แม้ว่าจะเกิดศึการะหว่างสำนักก็ไม่ลังเลเช่นกัน ส่วนตระกูลหนานกงชนชั้นสูงอะไรนั่น ก็แค่กำลังรนหาความตาย สำนักบริบาลเดรัจฉานพวกเราเงียบเฉยมานานเกินไปแล้ว ผู้คนในโลกหล้าลืมชื่อเสียงบารมีอันเลื่องลือในอดีตของพวกเราไปแล้ว!” เยว่หลิงซานสูดหายใจลึกๆ คราหนึ่ง
“ศิษย์เข้าใจ จะไม่ทำให้ชื่อเสียงของสำนักบริบาลเดรัจฉานเสื่อมเสียอย่างแน่นอน” เลวี่ยเหวินซิวผงกศีรษะ
“ไปบอกกล่าวกับบรรพบุรุษผู้เฒ่าเทียนฉานสักคำ ให้ท่านรั้งอยู่ที่นี่พร้อมกับข้า ให้บรรพบุรุษผู้เฒ่าเทียนจีจื่อนำเหล่าบรรดาศิษย์ราชันากลับสำนักก่อน ให้ทั้งสำนักเตรียมพร้อมทำศึก ส่งข่าวถึงแคว้นมหาจักรพรรดิรัตติกาล เตรียมตัวทำศึกาให้พร้อม” เยว่หลิงซานค่อยๆ หลับตาลง ในคำพูดเต็มเปี่ยมด้วยเจตนาสังหาร
จิตสมาธิเลวี่ยเหวินซิวสะท้านวูบ พลันเข้าใจทันทีว่าบรรพบุรุษผู้เฒ่าหมายถึงสิ่งใด แผ่ขยายสำนึกการต่อสู้ระลอกหนึ่งออกมา
……
พลันบุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์ลุกขึ้นยืนทันใด เขาััได้ถึงเจตจำนงสุดแสนน่าสะพรึงกลัวชนิดหนึ่งกำลังจะมาเยือน ตลอดทั่วทั้งเกาะถูกปกคลุมอยู่ภายใต้สำนึกอันแข็งแกร่งทรงพลัง รวมทั้งตนเอง ล้วนไม่มีผู้ใดสามารถรอดพ้นการตรวจสอบของสำนึกความคิดนี้ได้
“สัตว์อสูรเทวะในตำนาน! ระดับเทพเ้าาสูงสุด!” สีหน้าบุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์แสดงออกถึงความประหลาดใจและไม่แน่นอน สายตามองไปที่เหยียนชิงชิงและสื่อรั่วหนาน เห็นสีหน้าของสองสาวก็ใครั่นคร้ามยิ่งนักเช่นกัน แสดงให้เห็นชัดเจนว่าพวกนางก็รับรู้แล้วเช่นกัน
“หรือว่านายท่านปลุกบรรพบุรุษผู้เฒ่าปลาเปลวเพลิงแกนปฐีฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว?” สื่อรั่วหนานพูดขึ้นอย่างตกตะลึงและประหลาดใจ
“นอกจากนี้แล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีคำอธิบายอื่นๆ แล้ว นี่คือบารมีของผู้แข็งแกร่งระดับเทพเ้าาหรือ?” สีหน้าของเหยียนชิงชิงไม่ค่อยน่าดูอยู่บ้าง
“ข้ารู้สึกได้ถึงเดชบารมีัระลอกหนึ่ง!” ในฐานะเป็สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์บุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์เขาขมวดคิ้ว บ่นพึมพำขึ้น
“เดชบารมีั?” เหยียนชิงชิงรู้สึกประหลาดใจ
นางเชื่อว่าบุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้พูดปด เดิมบุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์ก็คือสัตว์อสูร การตระหนักรับรู้ความกดดันจากสัตว์อสูรเทวะระดับที่สูงกว่านั้นลึกซึ้งยิ่งกว่าพวกนางมากนัก แต่บรรพบุรุษผู้เฒ่าปลาเปลวเพลิงแกนปฐีไม่สามารถจะมีเดชบารมีัได้อย่างเด็ดขาด มีเพียงสัตว์อสูรสายเืบริสุทธิ์ที่สายเืใกล้ชิดเผ่าัอย่างไร้สิ้นสุดเท่านั้นที่จะมีเดชบารมีของั ถึงแม้จักรพรรดิมัจฉาจะโอ้อวดตลอดมาว่าตนมีเคราั แต่ของแบบนั้น ปลาดุกก็มีด้วยเช่นกัน
“เกรงว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น พวกเ้ารู้สึกหรือไม่ว่าเกาะแห่งนี้ไม่ร้อนระอุเช่นนั้นแล้ว?” สื่อรั่วหนานคิดๆ แล้วพูดขึ้น
“มิผิด ข้าก็รู้สึกแล้วเช่นกัน หรือว่าตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีถูกสกัดกั้นไว้แล้วจริงๆ?” เหยียนชิงชิงสงสัย
“หากเป็เช่นนั้นจริงๆ พวกเราก็จะต้องระวังปลาฝูงนั้นแล้ว ข้ารู้สึกว่าจักรพรรดิมัจฉามิได้มีเจตนาดี เกรงว่าหลังจากพวกเราไม่มีประโยชน์ให้ใช้สอยแล้ว เขาคงจะลงมือเล่นงานพวกเราแน่” บุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์คิดๆ แล้วเอ่ยเตือนขึ้น
“โปรดวางใจ นายท่านได้วางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว เขารู้ตัวเนิ่นนานแล้วว่าจักรพรรดิมัจฉาจะไม่ซื่อสัตย์ ปลาตัวหนึ่งจะมาประลองปัญญากับมนุษย์อย่างพวกเราได้อย่างไร” เหยียนชิงชิงยิ้มๆ อย่างดูแคลน
บุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์มองพวกนางอย่างประหลาดใจ
สื่อรั่วหนานยิ้มอย่างลึกลับคราหนึ่ง มิได้กล่าวสิ่งใด
……
“ขอน้อมต้อนรับท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่าฟื้นคืนชีพ…” จักรพรรดิมัจฉานำฝูงปลาคุกเข่าลงบนพื้น
มัจฉาเฒ่าฟื้นตื่นขึ้นอย่างกะทันหัน ร่างกายอันใหญ่โตของมันแทบจะสะบัดหินหนืดลาวาทั้งหมดในบึงลาวาออกไปจนหมดสิ้น
กู่ก้องเสียงยาวคราหนึ่ง รอบๆ ตัวมัจฉาเฒ่าเปล่งแสงสีทองระยิบระยับพร่างพราวตาขึ้นสายหนึ่ง จากนั้นกลายร่างเป็ชายรูปร่างสูงใหญ่สวมเกราะสีทองที่มีเกล็ดสีแดงผู้หนึ่ง กลิ่นอายแผ่ขยายออก พลันลาวาหินหนืดในบึงลาวาทั้งหมดก็สงบลงอย่างกะทันหัน
“แม้กาลเวลาผ่านมาเนิ่นนาน สุดท้ายก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง” ชายร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะสีทองเกล็ดสีแดงยื่นมือออกคราหนึ่ง กระดูกในร่างกายส่งเสียงดังลั่นออกมาอย่างชัดเจนครั้งหนึ่ง เมื่ออ้าปาก เปลวเพลิงร้อนแรงลุกโชนสายหนึ่งพวยพุ่งออกมาทันใด ครู่เดียวศิลาหินูเาไฟรอบด้านกลับสลายกลายเป็เถ้าธุลีล่องลอยขึ้นในทันที อุณหภูมิของเปลวเพลิงสายนี้กลับร้อนแรงยิ่งกว่าลาวาในบึงนับร้อยนับพันเท่า
“ขอน้อมต้อนรับท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่า ขอเชิญท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่านำทัพพิชิตกำราบทั้งสี่ทะเล ปกครองทั่วทั้งน่านน้ำมหาสมุทร!”
“ชางอวี่ขอขอบคุณนายท่านสำหรับพระคุณที่ประทานการเกิดใหม่ ในชีวิตนี้ชางอวี่จะติดตามนายท่านหวนคืนสู่อาณาจักรดินแดนเทพเ้าอย่างแน่นอน” ทันใดนั้นชายร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะสีทองเกล็ดสีแดงก้มกราบไปทางจ้านอู๋มิ่ง กล่าวขึ้นอย่างสัตย์ซื่อจริงใจยิ่งนัก
จักรพรรดิมัจฉาและปลาทั้งหมดตะลึงงัน ครั้นเห็นท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่าตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทว่ากลับคุกเข่าลงกราบไหว้เด็กหนุ่มผู้นั้นก่อน นี่คือมารยาทที่เหมาะสมแบบใดกัน?
แต่เื่ที่ท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่ากระทำ ไม่มีผู้ใดกล้าตำหนิสอบถาม นี่คือการสะกดข่มจากสายเืชนิดหนึ่ง ต่อหน้าการสะกดข่มทางสายเืของบรรพบุรุษผู้เฒ่า เรี่ยวแรงทั้งหมดล้วนกลายเป็ความว่างเปล่า เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดล้วนมีเงาของท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่าอยู่ในสายเื
ยิ่งกว่านั้น ท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่ายามตื่นขึ้นมา ฐานการบ่มเพาะระดับเทพเ้าาก็ฟื้นกลับคืนมาแล้ว อีกทั้งเป็ขอบเขตที่เทพเ้าาทั่วไปมิอาจเทียบได้ พวกเขาไม่ทราบว่าเวลานี้ถึงแม้สายเืท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่าของพวกเขามิมีการเปลี่ยนแปลง แต่จิติญญากลับสูงส่งขึ้นมากมายนัก การสะกดข่มจากส่วนลึกของจิติญญาต่างหาก ถึงจะเป็สิ่งต้องห้ามที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
“จากนี้ไปเ้าคือคนของข้า จ้านอู๋มิ่ง ข้าหวังว่าเ้าจะพาคนในเผ่ากำราบเขตชายแดนและชายฝั่งน่านน้ำมหาสมุทรให้ข้า รวบรวมโชคชะตาแห่งน่านน้ำมหาสมุทรมาให้ข้า” จ้านอู๋มิ่งยิ้มๆ
ในที่สุดัครามเปลวเพลิงแดงก็ยึดครองร่างได้สำเร็จแล้ว กลืนกินความทรงจำของบรรพบุรุษผู้เฒ่าปลาเปลวเพลิงแกนปฐีจนหมดสิ้น ทราบเื่ราวทุกอย่างของเผ่ามัจฉาเป็อย่างดี
“ทุกสิ่งต้องทำตามคำสั่งนายท่าน” พูดพลางชางอวี่หันศีรษะไปทางจักรพรรดิมัจฉาที่หดตัวประจบประแจงในระยะไกลและคำรามขึ้น “ชีวิตของข้าได้รับการช่วยเหลือจากนายท่าน พวกเ้าสมควรคุกเข่าลงแสดงความขอบคุณ พวกเราเผ่าปลาเปลวเพลิงแกนปฐี ย่อมรู้จักการมีบุญคุณต้องทดแทน แยกแยะบุญคุณความแค้นกระจ่างแจ้ง ั้แ่บัดนี้เป็ต้นไป นายท่านคือเ้านายอีกท่านแห่งเผ่าปลาเปลวเพลิงแกนปฐีของข้า พวกเ้ามีความคิดเห็นใดหรือไม่?”
ระหว่างพูดจา สภาวะพลังของชางอวี่แผ่ขยายออกมาโดยสมบูรณ์ ม้วนกระจายสู่พื้นที่ทุกตารางนิ้วดุจดั่งมหาวาตะพายุใหญ่ก็มิปาน เสียงกังวานคล้ายดังกึกก้องอยู่ภายในจิติญญาของฝูงปลา
“ทุกอย่างทำตามคำสั่งท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่า” พลันจักรพรรดิมัจฉาค้นพบว่าการปลุกบรรพบุรุษผู้เฒ่าให้ตื่นอาจเป็ความผิดพลาดอย่างยิ่งเื่หนึ่งก็เป็ได้
ในใจเหล่าฝูงปลา บรรพบุรุษผู้เฒ่าได้ผันแปรกลายร่างเป็เทวะไปเนิ่นนานแล้ว คำพูดของบรรพบุรุษผู้เฒ่าในยามนี้ ฝูงปลาต่างเชื่อมั่นอย่างไม่มีการลังเลใดๆ จักรพรรดิมัจฉาผู้นี้ถูกวางขึ้นบนหิ้งอย่างว่างเปล่าแล้ว เขารู้สึกโกรธเคือง แต่ว่าเขารู้สึกเศร้าใจมากยิ่งกว่า เศร้าใจที่แม้แต่ตนเองก็ไม่อาจต่อต้านเจตจำนงของบรรพบุรุษผู้เฒ่าได้เช่นกัน สายเืของบรรพบุรุษผู้เฒ่าไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเขา ชีวิตของเขาก็เป็บรรพบุรุษผู้เฒ่าประทานมอบให้เช่นกัน
จักรพรรดิมัจฉาจ้องมองจ้านอู๋มิ่ง ภายในสายตาฉายแววความโกรธเคืองขึ้นวูบ เขาไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ว่าทั้งหมดนี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับจ้านอู๋มิ่งอย่างแน่นอน แต่บรรพบุรุษผู้เฒ่าก็ไม่ได้มีลักษณะที่ดูเลอะเลือนสับสนแต่อย่างใด ความผิดพลาดเกิดขึ้นในขั้นตอนใดกันแน่ ทำให้เขางวยงง ขบคิดไม่ออกและมิสามารถเข้าใจ แต่ว่าการตัดสินใจของบรรพบุรุษผู้เฒ่า ฝูงปลาได้แต่เชื่อฟังและทำตาม
“ขอขอบคุณนายท่านสำหรับพระคุณที่ช่วยปลุกท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่า ข้าปลาเปลวเพลิงแกนปฐียินดีร่วมให้เกียรติเรียกขานว่านายท่านตามท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่า!” จักรพรรดิมัจฉาอับจนปัญญา คุกเข่าลงกล่าววาจาเสียงดังลั่น
ฝูงปลาประสานเสียงตอบรับ ภายใต้การสะกดข่มแห่งเดชบารมีของบรรพบุรุษผู้เฒ่า พวกเขาไม่มีแนวความคิดหรือเรี่ยวแรงแม้แต่น้อยที่จะต่อต้าน นี่ก็คือข้อแตกต่างระหว่างเทพเ้าาและจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์
ร่างกายของมัจฉาเฒ่าแข็งแรงกว่าตอนก่อนจะหลับใหลไปด้วยซ้ำ ระยะเวลานับหมื่นปีที่ผ่านมา เขาได้ดูดซับพลังธาตุของตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีอย่างเงียบๆ ตลอดมา และนั่นคือพลังัของัครามเปลวเพลิงแดงเช่นกัน นั่นคือพลังที่เหนือล้ำกว่าพลังชีวิตของปลาเปลวเพลิงแกนปฐีชนิดหนึ่ง ดังนั้น ร่างกายของมัจฉาเฒ่าจึงแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ร่างกายผันแปรไปทางร่างของั การหลับใหลอย่างยาวนานตลอดหลายปีนี้ มิเพียงแค่พลังไม่ได้ลดทอนลง ตรงกันข้ามกายเนื้อและจิติญญากลับยกระดับดีขึ้นมากมายยิ่ง
นี่ก็เป็เจตนาเปลี่ยนแปลงร่างมัจฉาเฒ่าของัครามเปลวเพลิงแดงเช่นกัน เขาก็หวังว่ามีวันหนึ่งที่สามารถยึดครองร่างได้สำเร็จ จะได้มีร่างกายที่แข็งแกร่งมากเพียงพอ สามารถทุ่นระยะเวลาการฝึกฝนบ่มเพาะได้หลายปี พลังต้นกำเนิดดั้งเดิมของัครามเปลวเพลิงแดงสูงส่งกว่าพลังของโลกหล้านี้มากมายนัก เนื่องจากมัจฉาเฒ่ายังไม่ได้ผ่านทัณฑ์สายฟ้า ดังนั้นจึงยังไม่สามารถบรรลุขอบเขตเหนือเทพเ้าา
“ประเสริฐมาก ข้าบรรพบุรุษได้กำเนิดเกิดใหม่ จะต้องนำเผ่าพันธุ์ทำศึกากำราบสี่ทะเลอีกครั้ง ปกครองทั่วทั้งน่านน้ำมหาสมุทร นับแต่นี้ไป ตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีปิดผนึกลงแล้ว ค่ายกลปิดผนึกรอบนอกเกาะจะค่อยๆ อ่อนแอลง นับั้แ่บัดนี้เป็ต้นไป พวกเราก็จะสามารถเดินทางท่องทั่วทั้งสี่ทะเลอย่างทระนงองอาจแล้ว” ชางอวี่โบกแขนใหญ่คราหนึ่ง พาจ้านอู๋มิ่งบินทะยานข้ามฝูงปลาขึ้นไปข้างบนทันที
