ราชสำนักเต็มไปด้วยปัญหา
ประสิทธิภาพในการทำงานก็เชื่องช้า
รอจนอำเภอิเหอมีขุนนางคนใหม่มาประจำการ ทุ่งหญ้าก็ฟื้นตัวจนเติบโตขึ้นอีกครั้ง
ต่างกับทุ่งหญ้ารกร้างทรุดโทรมในความคิดอย่างสิ้นเชิง อำเภอิเหอแห่งนี้บรรยากาศก็คึกคักยิ่งนัก
กำแพงเมืองสูง เสียงพ่อค้าเชิญชวนให้คนมาซื้อมาดื่ม
คนเข้าออกเมืองอยู่ไม่ขาด
หากว่าตรงมุมกำแพงเมืองไม่มีกระดูกวางเรียงอยู่ ก็ย่อมไม่มีทางดูออกว่าที่นี่เพิ่งจะผ่านาที่คนแทบจะตายกันยกเมืองมา
ขุนนางอำเภอิเหอมาเข้ารับตำแหน่งแล้ว
ตามหลักแล้วจะต้องมีขุนนางขั้นต่ำกว่า และเหล่าคหบดีมาคอยต้อนรับ
ทว่าเมืองิเหอนั้นเพิ่งจะโดนล่าสังหารยกเมือง ยามนี้เหลือคนอยู่เท่าใดก็ยังไม่อาจทราบได้
จ้งจื๋อรู้สึกวุ่นวายใจขึ้นมา
มองไปไกลๆ แล้วก็เป็กังวล บางทีด้านในอาจถูกคนแคว้นจิงยึดครองไปแล้วก็เป็ได้ เช่นนั้นพวกเขาไม่กลายเป็ลูกแกะเข้าปากพยัคฆ์หรือ
ทว่าก็น่าจะไม่ใช่เช่นนั้น เพราะคนที่เข้าออกเมืองดูไม่คล้ายกับชาวแคว้นจิง
ชาวแคว้นจิงชอบล่าสัตว์นัก
อีกทั้งชาวแคว้นจิงยังรูปร่างสูง องคาพยพทั้งห้าก็คมคายกว่าชาวแคว้นเชิน
แต่หากไม่ใช่ว่าชาวแคว้นจิงยึดเมืองไว้ได้ อำเภอเล็กๆ อย่างอำเภอิเหอจะฟื้นตัวไวถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ทั้งยังดูคึกคักไม่เบา
หน้าประตูเมืองมีผู้คนต่อแถวยาวเหยียดเป็ระเบียบเรียบร้อย
คนตระกูลจ้งก็อยู่ในแถวเช่นกัน พวกเขานั้นสุขสบายมาหลายปีไม่เคยออกมารับตำแหน่งข้างนอกมาก่อน หากเป็คนอื่นเข้ามารับตำแหน่งคงจะส่งคนมาแจ้งเื่ไว้ให้เตรียมต้อนรับตนแล้ว
ทว่าคนตระกูลจ้งก็เอาแต่กังวลคร่ำเครียดมาตลอดทาง จึงได้ลืมเื่นี้ไปสิ้น
…….
ขบวนรถม้าของคนตระกูลจ้งนับว่ายิ่งใหญ่ไม่เบา
ถึงอย่างไรเสียก็มีคนมากมาย รถม้ามีหลายคันเช่นนี้จึงเป็เื่ธรรมดา
ยามนี้แม้สภาพของพวกเขาจะดูย่ำแย่เต็มทน ทว่ายามปรากฏตัวหน้าประตูเมืองก็ยังดึงดูดสายตาคนไม่น้อย
ยามนี้อำเภอิเหอได้เสมียนซูเป็ผู้ดูแลความเรียบร้อย
ยามกองทัพแคว้นจิงบุกมา คนโลภอย่างเสมียนซูกลับไม่ได้หนีเอาตัวรอด
ทว่ากลับพาเหล่านักการในศาลาว่าการ และเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชามารวมกันช่วยชีวิตชาวบ้านที่ได้รับาเ็
ยามที่กองทัพจิงพ่ายแล้ว เขาก็ร่วมกับชาวหมู่บ้านไป๋กู่ช่วยกันฟื้นฟูทุ่งหญ้าแห่งนี้ให้กลับมาเจริญดังเดิม จึงสามารถรักษาอำเภอิเหอเอาไว้ได้
อย่างไรก็ตามอำเภอิเหอนั้นเป็เหมือนด่านหน้าก่อนถึงหมู่บ้านไป๋กู่
อีกทั้งท้องทุ่งหญ้านั้นคอยโอบล้อมูเากระดูกไว้ตรงกลาง จึงได้สร้างจุดสำคัญไว้จำนวนสามที่
หนึ่งคืออำเภอิเหอที่มีอาณาเขตติดกับแคว้นเชิน
สองคือเมืองอวิ้นเหอที่มีอาณาเขตติดกับแคว้นซี
สุดท้ายคือดินแดนรกร้างไร้ความเจริญที่มีอาณาเขตติดกับอาณาเขตของแคว้นจิง
สามจุดล้อมรอบทุ่งหญ้าเอาไว้ โดยมีูเากระดูกเป็จุดศูนย์กลาง
ทั้งตลาดด้านล่างูเากระดูกก็เริ่มกลับมาเปิดแล้วเช่นกัน
เหล่าพ่อค้านับว่าเฉียบแหลมกว่าคนอื่นๆ มากนัก ระหว่างที่คนอื่นๆ ยังไม่ทันได้สติ เหล่าพ่อค้าก็พากันเดินทางมาลงทุนกันั้แ่เนิ่นๆ แล้ว
หูต้าไห่จากตระกูลหูสายรองที่คราวที่แล้วได้กำไรไปไม่น้อย คราวนี้ก็มาด้วยเช่นกัน
คราวนี้เงินลงทุนไม่ได้มาจากเขาแต่เพียงผู้เดียว ยังมีเงินจากคนสนิทและเหล่าเพื่อนฝูงมาร่วมลงทุนด้วย
โดยได้ซื้อที่ดินผืนหนึ่งบริเวณเมืองรกร้าง และหมู่บ้านไป๋กู่ไว้ั้แ่เนิ่นๆ
ทว่าก็ช่างน่าแค้นใจนักที่เงินยังไม่มากพอ
หากว่ามีเงินมากกว่านี้อีกสักหน่อย เมื่อสร้างใหม่คราวนี้จะต้องมีที่ดินเป็ของเขาสักแปลง ต่อไปคาดว่าแค่เก็บค่าเช่าก็คงจะมีกินมีใช้สุขสบายแล้ว ชายร่างท้วมเห็นอนาคตอันสดใสของที่นี่ขึ้นมา
ยิ่งหลังจากที่เขาได้ฟังผู้ใหญ่บ้านไป๋กู่ชี้แจง เขายิ่งเห็นอนาคตของสถานที่แห่งนี้
แทบจะทนไม่ไหวอยากจะย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่เสียเลย
แน่นอนว่าเมื่อคำนึงถึงเื่ที่กองทัพต่างแคว้นเพิ่งบุกมา ครอบครัวเขาย่อมต้องไม่ยอมอยู่แล้ว เขาจึงได้แต่ชะลอเื่นี้เอาไว้ก่อน
ทว่าเื่ที่ดินนั้นจำเป็ต้องมี
ที่ดินที่นี่จะต้องราคาเพิ่มวันเพิ่มคืนเป็แน่
มีแต่จะขึ้นๆๆ รีบซื้อไว้สักหน่อยก็ยิ่งได้กำไร
ยามนี้ไม่ใช่เพียงคนแคว้นเชินที่ซื้อที่ดินที่นี่ กระทั่งคนแคว้นซี และแคว้นจิงก็แห่มาซื้อเช่นกัน
ทว่าราคาสำหรับชาวแคว้นซีและแคว้นจิงนั้นกลับแพงกว่ากันมากนัก ทั้งยังมีแค่สิทธิ์ในการใช้พื้นที่ ไม่มีสิทธิ์ในการพื้นที่
กฎนี้ไม่รู้ว่าใครเป็คนออก ทว่ากลับมีมาไม่มีหยุด
ทุ่งหญ้าห่างไกลหลังจากผ่านศึกาครั้งใหญ่ แม้จะไม่มีขุนนางจากราชสำนักมาก้าวก่าย แต่ก็ยังสามารถพัฒนาได้รุ่งเรืองถึงเพียงนี้
จ้งจื๋อถือหนังสือรับตำแหน่งมายื่นเข้ารับตำแหน่ง
เสมียนซูเมื่อได้รับข่าวก็รีบร้อนมาต้อนรับทันที
ราชสำนักคงจะส่งนายอำเภอมา เขาก็เตรียมพร้อมมาั้แ่เนิ่นๆ แล้ว คิดว่าระบบของขุนนางแคว้นเชินคงไม่ใช่แบบเดียวกันกับเสมียนเช่นเขาที่มิได้เป็ปัญญาชน ไม่ว่าจะลงแรงมากเพียงใดก็มิอาจเลื่อนขั้นเป็นายอำเภอได้ นายอำเภอนั้นจำเป็ต้องให้ทางราชสำนักส่งมาเท่านั้น
ทว่ายามที่ออกมาต้อนรับกลับกลายเป็สตรีและคนชรากับขุนนางอีกไม่กี่คนแทน ดูแล้วไม่เหมือนขุนนางสักเท่าใด ดูท่าทางแล้วรู้ได้ทันทีว่าเป็พ่อบ้าน
ที่แท้ก็เป็ข้าหลวง
ใบหน้าของเสมียนซูพลันปรากฏแววใ นานสองนานก็ยังไม่มีสติขึ้นมาแล้วจึงรีบขออภัย
เขาในชาตินี้ขุนนางคนเดียวที่เคยเจอก็คือท่านนายอำเภอเฉิน ไม่คาดคิดว่าในชาตินี้ เขาจะได้พบท่านข้าหลวง ดังนั้นจึงตื่นเต้นเกินไปหน่อย ได้เห็นแล้วจึงใเช่นนี้
จ้งจื๋อนั้นก็ไม่ได้โอ้อวดตน
เขาเป็เพียงข้าหลวงแค่ในนาม ความจริงแล้วยังสู้ตำแหน่งนายอำเภอเล็กๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ใต้เท้าคงจะเหนื่อยจากการเดินทาง ขอท่านตามผู้น้อยมาพักผ่อนเถิด เพียงแต่อำเภอิเหอของเรานั้นเพิ่งจะก่อร่างสร้างตัว อาจซอมซ่อไปบ้าง ขอใต้เท้าโปรดอภัย”
เสมียนซูถ่อมตนนัก แม้ด้านหลังเขาจะมีคนยืนอีกไม่น้อย รวมแล้วราวๆ แปดสิบคน ทั้งหมดล้วนแต่เป็นักการ
ทั้งเหล่านักการนั้นยังใส่เสื้อผ้าสีดำล้วน ดูแล้วสง่างาม
ทั้งยังรูปร่างสูงใหญ่ มีแววตามุทะลุของเด็กหนุ่ม
หากไม่ใช่ว่าเสมียนซูนั้นมีท่าทีอ่อนโยน ก็ดูเหมือนพวกเขากำลังมาข่มขู่เสียมากกว่า
แม้จ้งจื๋อจะไม่เคยรับตำแหน่งต่างเมืองมาก่อน เขาไม่เคยเป็นายอำเภอ แต่เขาเองก็รู้ว่าศาลาว่าการอำเภอหนึ่งแห่งไม่สามารถมีนักการจำนวนมากเช่นนี้ได้
ศาลาว่าการอำเภอปกตินั้นมีนักการสักยี่สิบคนก็นับว่าไม่เลวแล้ว ทั้งยังมีที่ว่าการอีกมากมายที่มีนักการเพียงสิบถึงสิบสองคน ส่วนใหญ่ยังมีตำแหน่งว่างอีกมาก
ด้วยเพราะต้องออกจากเมืองหลวง เื่ขุนนางเหล่านี้เขาล้วนสอบถามมาแล้ว
“ไม่ทราบว่าเหตุใดที่ว่าการอำเภอิเหอจึงมีนักการมากถึงเพียงนี้เล่า” จ้งจื๋อนั้นอยากจะฝืนไว้ แต่อย่างไรก็ฝืนไม่ได้จริงๆ จึงได้เอ่ยปากถามออกมา
เสมียนซูปกติแล้วก็พาเหล่านักการทำงานกันตลอดวัน จึงชินเสียแล้ว
เมื่อได้ยินข้าหลวงถามเช่นนี้ก็ใ แล้วจึงคิดถึงเื่กฎขึ้นมาได้
“ใต้เท้าโปรดอย่าเข้าใจผิด ท่านดูบนแขนเสื้อเหล่านักการเหล่านี้ ้ายังมีแถบขาวอยู่ คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นักการขาวที่ไม่ได้ใช้เงินจากทางราชสำนัก เพราะาใหญ่บนทุ่งหญ้าเพิ่งจะจบลง เหล่าโจรยังซุ่มอยู่อีกมาก ผู้น้อยวุ่นวายจนจัดการไม่ไหว จึงได้แต่จ้างชาวบ้านเหล่านี้มาช่วยเหลือ ล้วนได้เงินทุกคนรวมกันมาจ่ายค่าแรง จึงได้หาคนมาจำนวนหนึ่งเพื่อรักษาความปลอดภัย ว่าไปแล้วก็ช่างละอายนักที่นักการตัวจริงรวมถึงผู้น้อยนั้นมีกันอยู่เพียงห้าคน ส่วนคนที่เหลือล้วนสิ้นชีพในสนามรบแล้ว”
สีหน้าของเสมียนซูเต็มไปด้วยความจนใจ
จ้งจื๋อเองก็นิ่งงัน
ตลอดเส้นทางที่เดินทางมายังศาลาว่าการ บ้านเรือนก็ล้วนแต่เพิ่งสร้างใหม่จริงๆ
แม้จะไม่ใหญ่โต แต่ก็เป็เรือนหลังใหม่
“ไม่ปิดบังใต้เท้า เดิมทีศาลาว่าการนั้นทั้งคนตายคนเจ็บก็มีมากนัก กังวลว่าพลังหยางจะเยอะเกินไป ผู้น้อยจึงถือโอกาสดำเนินการย้ายศาลาว่าการไปในตำแหน่งใหม่ ขอใต้เท้าโปรดให้อภัย”
จ้งจื๋อเมื่อได้ยินเสมียนซูกล่าวเช่นนี้ ก็พลันรู้สึกดีขึ้นมา
ตลอดทางเขาได้แต่หวาดกลัวจนแทบคลั่ง ในที่สุดก็มาถึงเสียที
ทั้งยังดีกว่าที่คาดไว้มากนัก
“ไม่เป็ไร ไม่เป็ไร”
เสมียนซูพลันถอนหายใจ ในตอนนั้นผู้ใหญ่บ้านน้อยของหมู่บ้านไป๋กู่กล่าวว่าตำแหน่งของศาลาว่าการอยู่ใจกลางเมือง เหมาะแก่การสร้างตลาด ดังนั้นเขาจึงได้รื้อถอนที่นั่นทิ้งเสีย แล้วจึงย้ายศาลาว่าการมาไว้ที่นี่แทน
ต่อมาจึงได้ยินชายชรากล่าวขึ้นพร้อมสีหน้าอึดอัดใจ “โดยปกติแล้วศาลาว่าการนับว่าเป็ที่ที่มีพลังหยินมากที่สุด ย่อมไม่มีทางมีเื่พลังหยางรุนแรงเกิดขึ้นเป็แน่”
“เอ่อ…” เสมียนซูนั้นยังไม่ได้คิดว่าตนจะตอบเื่นี้อย่างไร
ทันใดน้ำเสียงมีโทสะของท่านข้าหลวงก็พลันดังขึ้น “ท่านพ่อ ข้าขอร้องท่าน ท่านอย่าวุ่นวายนักเลย เ้าก้อนเงินของท่านเป็ข้าที่เก็บไปเอง เดี๋ยวข้าจะคืนให้ท่าน เข้าใจหรือไม่!”
