รับทราบค่ะ! พี่เขลางค์จัดให้ต่อทันที
ใน บทที่ 2 นี้ เราจะเน้นเปิดตัว "พี่ดิน" พระเอกของเราให้คนอ่านใจสั่นเล่น พร้อมโชว์สกิลความเป็ "วิศวะเปื้อนฝุ่น" ที่จะมาเป็กำลังสำคัญให้นางเอก ยึดคอนเซปต์ Gap Moe (หน้าดุแต่ใจดี) ตามที่วางไว้เป๊ะๆ
เตรียมหมอนไว้จิกได้เลยค่ะ ลุย!
บทที่ 2 : วิศวะข้างบ้าน (กับเครื่องยนต์ที่สั่นะเืหัวใจ)
หลังจากจัดการ แกงฮังเล ฝีมือแม่ไปจนพุงกาง (รสชาติที่คิดถึงจนน้ำตาไหล) พลังกายของฉันก็กลับมาเต็มร้อย
เป้าหมายต่อไปคือการสำรวจ “สมรภูมิรบ” หรือสวนลำไยขนาด 50 ไร่ของพ่อ
แต่การจะเดินเท้าสำรวจพื้นที่ขนาดนี้ด้วยร่างกายนุบนิบของลูกคุณหนู (ในสายตาคนแถวนี้) คงไม่ใช่ความคิดที่ดี ฉันจึงเดินตรงดิ่งไปยังโรงเก็บของหลังบ้าน
เป้าหมายคือเ้า ‘อีแต๋น’ หรือรถไถเดินตามดัดแปลง พาหนะคู่ใจของเกษตรกรไทยยุค 90s
ภาพที่เห็นคือรถอีแต๋นสีส้มสนิมเขรอะ จอดสงบนิ่งเหมือนซากฟอสซิลไดโนเสาร์
“เอาล่ะนะลูกพ่อ...”
ฉันพึมพำปลุกใจ ก่อนจะคว้าด้ามเหล็กสำหรับหมุนสตาร์ทเครื่องยนต์ เสียบเข้าไปที่ด้านหน้า
ฮึบ!
ฉันออกแรงหมุนสุดกำลัง
แชะ... แชะ... วูบ...
เงียบกริบ.
เอาใหม่! ฮึบ!
แชะ... แชะ... แค่กๆๆ... วูบ!
ผ่านไปสิบนาที เหงื่อเริ่มซึมเต็มแผ่นหลัง แต่เ้าอีแต๋นไม่มีทีท่าว่าจะตื่นจากจำศีล
ติ๊ง!
[System Analysis: วิเคราะห์เครื่องยนต์]
เป้าหมาย: เครื่องยนต์ดีเซลสูบเดียว Kubota รุ่นเก่า
สาเหตุขัดข้อง: หัวฉีดตัน (Clogged Injector) และไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงสกปรกระดับวิกฤต
คำแนะนำ: ถอดล้างหัวฉีดและเปลี่ยนไส้กรอง
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สาเหตุแล้วไงล่ะ? ฉันเป็นักวิจัยพืชไร่นะ ไม่ใช่ช่างยนต์! ทฤษฎีพอรู้งูๆ ปลาๆ แต่เครื่องมือประแจเบอร์อะไรก็ไม่มีสักอย่าง
ทันใดนั้น...
~ใจสั่งมา... อย่าว่ากัน...~
เสียงเพลงร็อคยอดฮิตของวง Loso (โลโซ) ดังกระหึ่มมาจากบ้านข้างๆ พร้อมกับเสียงเคาะเหล็กเป็จังหวะ
โป๊ก! โป๊ก!
ฉันหูผึ่งทันที บ้านข้างๆ... นั่นมัน “อู่ช่างดิน” นี่นา!
ความทรงจำวัยเด็กผุดขึ้นมา ‘พี่ดิน’ หรือ ปฐี ลูกชายป้าข้างบ้านที่อายุมากกว่าฉัน 4 ปี เขาเป็เด็กเงียบๆ หน้าดุๆ ที่สอบติดวิศวะเครื่องกลที่กรุงเทพฯ แต่จู่ๆ ก็ลาออกมาเปิดอู่ซ่อมรถที่บ้านเกิดเมื่อปีก่อน
ในความทรงจำเดิม ฉันแทบไม่ได้คุยกับเขาเลยเพราะกลัวหน้าดุๆ นั่น
แต่สถานการณ์ตอนนี้... หน้าด้านสำคัญกว่าหน้าบาง!
ฉันเดินลัดเลาะรั้วลวดหนามไปยังอู่ข้างบ้าน สภาพอู่เป็เพิงสังกะสีขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยอะไหล่รถยนต์กองพะเนิน กลิ่นน้ำมันเครื่องลอยคลุ้ง
ที่ใต้ท้องรถกระบะคันหนึ่ง มีขาของผู้ชายสวมกางเกงยีนส์เก่าๆ ยื่นออกมา
“เอ่อ... โทษนะคะ!” ฉันะโแข่งกับเสียงเพลงพี่เสก
ขาคู่นั้นชะงัก ก่อนที่เ้าของร่างจะไถกระดานรองนอนเลื่อนออกมา
วินาทีนั้น... โลกเหมือนหยุดหมุนไปชั่วขณะ (หรือเพราะฉันตาลายแดดก็ไม่รู้)
ชายหนุ่มตรงหน้าลุกขึ้นยืนเต็มความสูง รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ผิวสีแทนเข้มจากการตากแดด เขาอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีดำเปื้อนคราบน้ำมัน เผยให้เห็นกล้ามแขนเป็มัดๆ ที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เขาถอดหมวกแก๊ปสีซีดออก แล้วเสยผมที่ปรกหน้าขึ้น เผยให้เห็นคิ้วเข้มและดวงตาคมกริบดุดัน
นี่มัน... Husband Material เกรดพรีเมียม!
ทำไมเมื่อก่อนฉันถึงมองข้ามของดีประจำตำบลไปได้นะ!
“ไอ้ขวัญ?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น เขาขมวดคิ้วมองฉัน “กลับมาั้แ่เมื่อไหร่?”
“อะ... เอ่อ เมื่อคืนค่ะพี่ดิน” ฉันรีบตั้งสติ ยกมือไหว้ “คือ... พอดีอีแต๋นที่บ้านสตาร์ทไม่ติด พี่พอจะมีเวลาไปดูให้หน่อยได้ไหมคะ?”
เขานิ่งไปครู่หนึ่ง หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดคราบน้ำมันที่มือ สายตาดุๆ กวาดมองฉันั้แ่หัวจรดเท้า ทำเอาฉันแอบเกร็ง
“รอแป๊บ”
พูดจบเขาก็เดินไปปิดวิทยุ คว้ากล่องเครื่องมือเหล็กใบใหญ่ แล้วเดินดุ่มๆ นำหน้าฉันไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
...
เมื่อมาถึงโรงเก็บของ พี่ดินวางกล่องเครื่องมือลง แล้วตรงเข้าเช็คเครื่องยนต์ด้วยความชำนาญ
เขาไม่ถามอาการสักคำ เหมือนหมอที่แค่มองหน้าคนไข้ก็รู้วินิจฉัยโรค
มือหนาหยิบประแจขันน็อตอย่างคล่องแคล่ว ท่าทางจริงจังของเขาดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก เส้นเืปูดโปนที่ท่อนแขนเวลาออกแรงขันน็อตทำเอาฉันเผลอกลืนน้ำลาย
[Character Analysis]
Name: ปฐี (พี่ดิน)
Skill: Mechanical Engineering (Level: Expert), Welding (Level: High)
Hidden Trait: ??? (ยังไม่ปลดล็อก)
ระบบเด้งข้อมูลขึ้นมา ยืนยันว่าฉันไม่ได้ตาถั่ว เขาคือ ‘Expert’ ของจริง
“ไปหยิบผ้าแห้งมา” เขาออกคำสั่งเสียงเรียบโดยไม่หันมามอง
“คะ? อ้อ... ได้ค่ะ!” ฉันรีบวิ่งไปหาเศษผ้ามาส่งให้ราวกับเป็ลูกมือฝึกหัด
พี่ดินรับผ้าไปเช็ดหัวฉีดที่ถอดออกมา เขามองมันครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ากับตัวเอง ก่อนจะประกอบทุกอย่างกลับเข้าที่ด้วยความรวดเร็ว
“ลองสตาร์ทดู” เขาบอกพลางถอยฉากออกมา
ฉันเข้าไปจับด้ามหมุนสตาร์ทอีกครั้ง แต่คราวนี้...
พี่ดินยื่นมือมาจับทับมือฉัน
“หลบไป แรงเท่ามด จะหมุนไหวได้ไง”
ััจากมือที่หยาบกร้านแต่ทว่าอุ่นจัด ทำเอาฉันสะดุ้งเหมือนโดนไฟช็อต กลิ่นสบู่จางๆ ผสมกลิ่นน้ำมันเครื่องโชยมาจากตัวเขา
ฉันรีบถอยออกมาใจเต้นตึกตัก พี่ดินจับด้ามหมุนแล้วออกแรงกระชากเพียงครั้งเดียว
บรึ้มมม!
เสียงเครื่องยนต์คำรามกึกก้อง ควันขาวพวยพุ่งออกมา เ้าอีแต๋นตื่นจากการหลับใหลเรียบร้อย!
“หัวฉีดตัน กรองน้ำมันสกปรก ผมล้างให้แล้ว แต่เดี๋ยวต้องเปลี่ยนใหม่” เขาพูดพลางเก็บเครื่องมือ “แล้วนี่จะขับไปไหน?”
“จะไปสำรวจสวนค่ะ” ฉันตอบเสียงใส แข่งกับเสียงเครื่องยนต์
พี่ดินขมวดคิ้วอีกครั้ง มองชุดเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตกับขาสั้นของฉัน
“ขับเป็เหรอ ทางในสวนมันชันนะ”
“โถ่พี่ดิน ขวัญโตมากับสวนนะ ต้องขับเป็สิ!” (ถึงแม้ความจริงจะเคยขับแค่ในเกม Harvest Moon ก็เถอะ)
พี่ดินถอนหายใจเบาๆ เขาเดินไปที่ท้ายกระบะรถอีแต๋น แล้วะโขึ้นไปนั่งไขว่ห้างกอดอก
“ขึ้นมาสิ เดี๋ยวขับให้”
“ห๊ะ?”
“บอกให้ขึ้นมา จะไปสำรวจสวนไม่ใช่เหรอ” เขาหันหน้าหนีไปอีกทาง เหมือนไม่อยากสบตา “เร็วๆ แดดมันร้อน”
ฉันมองดูชายหนุ่มหน้าดุที่นั่งเก๊กขรึมอยู่ท้ายรถ ทั้งที่หูเขาเริ่มแดงระเรื่อ
อ๋อ... นี่สินะ อาการ ซึนเดเระ (Tsundere) ยุค 90s!
ฉันยิ้มกว้าง ะโขึ้นนั่งตรงคนขับ (แบบหลอกๆ เพราะคนบังคับหางเสือจริงๆ ต้องนั่งข้างหลัง แต่รถอีแต๋นรุ่นนี้บังคับข้างหน้า... เอ๊ะ หรือพี่เขาจะมานั่งข้างๆ?)
(สรุปพี่เขาเดินมาแย่งที่คนขับหน้าตาเฉย)
“ไปนั่งข้างๆ นู่น เดี๋ยวตก”
ฉันขยับไปนั่งเบาะข้างพลางอมยิ้ม
ได้ทั้งคนขับรถ ได้ทั้งช่างซ่อมส่วนตัว แถมยังเป็หนุ่มหล่อข้างบ้าน...
การย้อนเวลาครั้งนี้ เริ่มต้นได้ไม่เลวเลยแฮะ!
“จับแน่นๆ นะ ด็อกเตอร์”
บรึ้ม!
รถอีแต๋นพุ่งทะยานออกไป ทิ้งฝุ่นตลบไว้เื้ั มุ่งหน้าสู่ภารกิจพลิกฟื้นผืนดิน!
