ชายหนุ่มทั้งสามปรึกษากันอย่างรวดเร็วเพื่อกำหนดตำแหน่งในการเดินทัพขึ้นสู่ยอดเขา:
ต้วนผิงอัน ถูกกำหนดให้ เดินนำอยู่ด้านหน้า เพราะเขามีพลังปราณที่มั่นคงและมีพละกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด เหมาะสำหรับการรับการโจมตีจากด้านหน้า
หนิวมู่อี้ เป็ ผู้สนับสนุน ในการโจมตีระยะประชิดและป้องกันด้านข้าง รวมถึงการปฐมพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน
อวิ่นหนิงเจี่ย เป็ ผู้คุ้มกัน
ทั้งหมดพากันค่อย ๆ เดินขึ้นเขา ด้วยความระมัดระวัง แม้กองทัพอสุรกายจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ความเงียบสงบที่น่ากลัวนี้ทำให้พวกเขารู้สึกถึงอันตรายที่มองไม่เห็น ต้วนผิงอัน และ หนิวมู่อี้ มือถือดาบของตนเอง กระชับแน่น พร้อมเผชิญหน้ากับทุกสิ่งที่รออยู่บนยอดเขาแห่งความมืดมิดนี้
เมื่อ ร่างทางซ้าย (หญิงสาว) มองสำรวจสามสหายอย่างละเอียด นางก็แปลกใจในพลังที่พวกเขามี
"โอะ!! พลังฝึกปรือ ขั้นหยวนเต้า หนึ่งคน! เสินจวี้ สองคน!" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะ เงยหน้าหัวเราะกังวาน
ร่างทางขวา (โครงกระดูก) กล่าวแทรกขึ้นอย่างเ็า "แต่เ้าอย่าลืม พวกมันทำลายกองทัพอสุรกายผีดิบของข้าได้"
หญิงสาวพลันหยุดหัวเราะ ดวงตาของนางจ้องมองชายหนุ่มทั้งสามอย่างพิจารณาชัดเจน นางกำลัง ประเมินเสียใหม่
อวิ่นหนิงเจี่ย หายจากอาการตะลึงกับรูปลักษณ์ของอสุรกายคู่แล้ว บัดนี้ชายหนุ่มกลับมามี สีหน้าเรียบเฉย แต่แววตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
"พวกเ้าเป็ใคร?" หนิงเจี่ยกล่าวถามอย่างไม่เกรงกลัว
ร่างทางขวา (โครงกระดูก) เหมือนจะ อดรนทนไม่ไหว กับคำถามของเด็กหนุ่ม มันไม่อาจทนอีกต่อไปได้อีก
"พวกเ้าเด็กน้อย มิคู่ควรจะถามนามของพวกข้า! จง ตายยย!!!" โครงกระดูกั์คำรามลั่น มันพลันชี้มือลงยังพื้นดินเบื้องหน้าเด็กหนุ่มทั้งสาม
" ภูตกะโหลกดับิญญา! "
ฉับพลัน! พื้นดินรอบ ๆ ชายหนุ่มทั้งสามก็ พลันสั่นะเื อย่างรุนแรง แผ่นดินแยกออก เป็รอยร้าวขนาดใหญ่ และมี เงาร่างโครงกระดูกตัวใหญ่ กว่าร่างแรกถึงสองเท่า เดินออกมาจากรอยแยกนั้น!
โครงกระดูกั์พวกนี้มีรูปร่างที่น่ากลัว พวกมันมีทั้งสิ้นถึง สี่ตัว ดวงตาเรืองรองแสงสีแดง น่ากลัว มือถือ ดาบหัวตัดเล่มใหญ่ ที่ดูหนักอึ้งและทรงพลัง
พวกมันคือ ภูตกะโหลกดับิญญา ที่ถูกปลุกขึ้นมาจากใต้พิภพจากพลังยุทธ์โบราณของร่างกะโหลกนั่น และพวกมันพร้อมที่จะบดขยี้สามสหายให้สิ้นซาก!
ต้วนผิงอัน, อวิ่นหนิงเจี่ย, และหนิวมู่อี้ ถูกปิดล้อมด้วยโครงกระดูกั์ทั้งสี่ตน
ภายใต้วงล้อมของ โครงกระดูกั์สี่ตัว ที่ถือดาบหัวตัดขนาดมหึมา และการจ้องมองอันเย้ยหยันของสองอสุรกายผู้บงการด้านหน้า สถานการณ์ของสามสหายเข้าสู่ภาวะคับขันที่สุด
หนิงเจี่ย ผู้เป็มันสมองของกลุ่ม กล่าวด้วยเสียงที่เร็วปรือและเด็ดขาด "ยุทธวิธีเดิมคงใช้ไม่ได้แล้ว! เราต้องทะลวงออกไปให้เร็วที่สุด!"
เขาหรี่ตาลง ประเมินพลังของศัตรูอย่างรวดเร็ว
หนิงเจี่ยรีบออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว:
" ผิงอัน เ้าพลังฝึกปรือสูงสุด เ้าเตรียม ทะลวงออกไป โดยมี มู่อี้คอยคุ้มกัน จากการลอบโจมตี"
"ส่วนข้า... ข้าจะร่ายกระบวนท่าเปิดทางเอง!"
ต้วนผิงอัน และ หนิวมู่อี้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าน้ำเต้าของอวิ่นหนิงเจี่ยขายยาอะไร แต่ด้วยความเชื่อใจในสหาย พวกเขาก็ เตรียมพร้อมทำตามทันที!
หนิงเจี่ย ไม่รอช้า เขารีบชัก ดาบอัคนีเผาผลาญ ออกมาจากกล่องเก็บดาบทันที!
ใบดาบสีแดงจาง ๆ เปล่งประกายวาบในความมืด พร้อมกับความร้อนที่แผ่ออกมารอบตัวหนิงเจี่ย
อวิ่นหนิงเจี่ย รวบรวมพลังปราณทั้งหมดที่เหลืออยู่ พลังฝึกปรือขั้นเสินจวี้ ของเขาค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทว่า พลังรอบตัวแทนที่จะเป็สีทองเรือง ๆ ตามระดับจิตรวมของคนทั่วไป กลับเป็สีดำทมิฬ ดุจห้วงอวกาศ และหากสังเกตให้ดี ดวงตาของหนิงเจี่ยในตอนนี้ก็เหมือนหลุมดำไร้ก้นกำลังหมุนวน
ดาบอัคนีเผาผลาญ ในมือของเขาถูกปราณทมิฬอัดแน่นจน ทอประกายสีทองอร่ามตา พลังงานมหาศาลรวมศูนย์อยู่ที่ปลายดาบ
นี่คือกระบวนท่า: เพลิงวิวัฒน์ิญญาอวตารทำลายอสูร!
หนิงเจี่ยรู้ดีว่าเขา เพียงฝืนใช้กระบวนท่านี้ได้เท่านั้น เพื่อเป้าหมายเดียวคือ เปิดทางหนี ของพวกเขา
เสียงหวีดหวิว ทันทีที่หนิงเจี่ยฟันดาบออกไป เปลวเพลิงสีดำอมทอง ก็พุ่งทะยานออกไปเป็ กระแสคลื่น ด้วยความเร็วสูง!
คลื่นเพลิงนี้ไม่ได้มุ่งโจมตีที่โครงกระดูกั์ทั้งสี่โดยตรง แต่พุ่งเข้าใส่ ข้อต่อที่สำคัญ และ บริเวณศีรษะ ของพวกมันอย่างแม่นยำด้วยอานุภาพทำลายล้างที่บ้าคลั่ง
โครงกระดูกั์ทั้งสี่ถูกโจมตีเข้าอย่างจัง! แม้จะแข็งแกร่ง แต่เปลวเพลิงอัคนีเผาผลาญก็สามารถสร้างความเสียหายต่อพวกมันได้ พวกมัน ส่งเสียงคำราม และ โครงร่างสั่นคลอน อย่างรุนแรงจนเสียหลัก ล้มลง ไปกองกับพื้น
"ผิงอัน! มู่อี้! ตอนนี้แหละ! ทะลวงออกไป!" หนิงเจี่ยะโสั่งขณะที่ปราณทมิฬรอบกายเริ่มอ่อนลงจากการใช้พลังมหาศาล
ต้วนผิงอัน และ หนิวมู่อี้ ไม่รอช้า พวกเขาพุ่งทะยานเข้าสู่ช่องว่างที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่หันกลับไปมองแม้แต่น้อย ส่วน หนิงเจี่ย ก็ตามหลังพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว
"ช่างน่ารังเกียจ!" ร่างโครงกระดูก ที่เป็ผู้บงการร้องออกมาด้วยความโกรธ
หญิงสาว (ร่างซ้าย) ยิ้มเ็า "จะหนีไปได้ง่าย ๆ ได้อย่างไร? เพลิงโลกันตร์พิฆาติญญา"
ทันใดนั้น ผลึกสีฟ้าบนไม้เท้า ของหญิงสาวก็เรืองแสงจ้า แสงสีฟ้าพุ่งเข้าปะทะกับเปลวเพลิงสีดำอมทองที่ยังไม่สลายไปอย่างรุนแรง!
ต้วนผิงอัน เห็นว่าหนิงเจี่ยกำลังใช้พลังจนหมดสิ้นเพื่อเปิดทางหนี และหญิงสาวกำลังใช้พลังโจมตีสนับสนุนต่อสู้กับเปลวเพลิงที่หนิงเจี่ยปล่อยออกมา
ต้วนผิงอันตัดสินใจที่จะเสี่ยง! เขา พลันพุ่งทะลวงเข้าหาหญิงสาว ที่กำลังใช้ เพลิงโลกันตร์พิฆาติญญา ปะทะกับเปลวเพลิงสีดำอมทอง
ดาบของชายหนุ่มกลายเป็ภาพติดตาหลายเล่มสีทองปกคลุมเข้าใส่นางในทันที! นี่คือพลังโจมตีเต็มที่ในระดับหยวนเต้าขั้น 3!
หญิงสาวกลับไม่หลบเลี่ยง นางยิ้มเหยียดหยาม กล่าว “หาที่ตาย” พร้อมกับ เบี่ยงเบนกระบวนท่าเพลิงโลกันตร์พิฆาต เข้าปะทะกับพลังของต้วนผิงอัน โดยตรงทันที!
เสียงะเิดังสนั่นกลางอากาศ เกิดเป็หลุมวงกว้างที่เต็มไปด้วยไอน้ำและพลังงานปราณ ต้วนผิงอันกระเด็นไปไกลถึงห้าหกจั้ง! เขาถึงกับ ปากกระอักโลหิตสีแดงฉาน าเ็สาหัสจากการปะทะครั้งนี้
แต่ในวินาทีที่เกิดการปะทะนั้น อสุรกายหญิงสาวแหงนหน้าหัวเราะ ด้วยความเย่อหยิ่ง โดยไม่สำเหนียก ว่า เปลวเพลิงสีดำอมทอง ที่หนิงเจี่ยปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ ได้ ปะทะร่างนางแล้ว!
นางอุทาน "โอ๊ะ!" ด้วยความประหลาดใจ และ เปลวเพลิงสีดำอมทอง นั้นก็ พุ่งเข้าไปยังศูนย์รวมปราณของนางทันที!
หนิงเจี่ย ที่กำลังตั้งหลักได้ในหัว พลันมีแสงที่คุ้นเคยดังขึ้น
$$”{ชำแรกเข้าสู่ศูนย์รวมปราณของศัตรูได้แล้ว ้าใช้กระบวนท่าหรือไม่?"}$$
โดยไม่ต้องคิด! หนิงเจี่ย ะโในใจทันที "ใช้!"
ทันใดนั้น ในมโนภาพของหนิงเจี่ย ปรากฏเส้นใยโปร่งแสง จากตัวเขาหลายเส้น พุ่งทะลุทะลวงไปหานางอสุรกายตัวนั้น แสงผ่านเข้าไปในร่างกายนางและเข้าสู่ ศูนย์รวมปราณ ของนางทันที
แสงดังกล่าวได้ค่อย ๆ รัดพันพลังในศูนย์รวมปราณของนางไว้! ร่างกายและสติของนางตอนนี้ เลื่อนลอย ดวงตาเหม่อลอย
ฉับพลันมีกระบวนท่าหนึ่ง แว่บเข้ามาในหัวหนิงเจี่ย
$$ {"ผนึกทาสวิวัฒน์ิญญา"}$$
หนิงเจี่ยใช้กระบวนท่าทันที! ในมโนภาพเห็น แสงโปร่งใสกำลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพลังศูนย์รวมปราณ ของอสุรกายหญิง จาก ศูนย์รวมพลังปราณสีเทาอมดำ กำลัง วิวัฒน์เปลี่ยนสี ค่อย ๆ ไล่จาก สีเทา กลายเป็ สีเทาอ่อน เป็ สีอมฟ้า และเป็ สีฟ้า ตามลำดับ! ข้อมูล $$ {"หลิวอี้ซี สถานะแฝงร่าง ช่ำชองเวทย์อสูรมายาทะลวงิญญา พลังฝึกปรือ ชิงชี่ ขั้น 3" }$$ เสียงวูมๆๆพลันดัง เสียงกล่าวต่อมา $$ {"อวตาริญญาเ้าของร่างสำเร็จ" เปลี่ยนเป็ทาสวิวัฒน์หรือไม่? }$$
อวิ่นหนิงเจี่ย ตอบทันที “เปลี่ยน”
บัดนี้ ตาของอสุรกายสาวค่อยๆกำลังเปลี่ยนแปลงเป็สงบนิ่ง ว่างเปล่า นางถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์!
ขณะเดียวกัน ทางด้าน อสุรกายหัวกะโหลก (ร่างขวา) มันกำลังโกรธจัด มัน บงการภูตกะโหลกั์ทั้งสี่ร่างให้ลุกขึ้นจัดการต้วนผิงอัน และ หนิวมู่อี้ ที่าเ็ทันที
หนิงเจี่ย เหลียวไปเห็น อสุรกายหัวกะโหลก (ร่างขวา) กำลังสั่งภูต โครงกระดูกั์ ทั้งสี่ให้ เข้าโจมตีสหายของเขา ต้วนผิงอัน ที่ได้รับาเ็สาหัส
ชายหนุ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดทันที
หนิวมู่อี้ เคลื่อนตัวมายืนขวางหน้าผิงอันไว้ เขา ยกดาบขึ้นป้องอก พร้อมรับการโจมตีจากภูตกะโหลกั์ พลังฝึกปรือ เสินจวี้ขั้นสูงสุด ที่เพิ่งทะลวงไป ะเิพลังออกมา อย่างเต็มที่ มีดดาบที่ถือไว้ ทอประกายสีทองวิบวับ ตาคมวาบ จับจ้องไปยังกะโหลกั์ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามา หนิงเจี่ยเห็นภาพนั้นก็คิด "เราต้องรีบแล้ว"
ยังไม่ทันที่หนิงเจี่ยจะได้ขยับตัว...
บังเกิดลมพัดวูบผ่านตัวไป อย่างรวดเร็ว อสุรกายหญิง ที่เพิ่งถูกผนึก บัดนี้ได้ปรากฏกายขวางหน้ากระดูกั์ไว้!
ออร่าทั่วร่างของนางบัดนี้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็หลังมือ ตรงกันข้ามกับที่พบครั้งแรกที่ออร่านางช่างชวนให้อึดอัดและชั่วร้าย แต่บัดนี้กลับดู นุ่มนวล แต่ก็ยัง แฝงด้วยพลังอันแข็งแกร่ง และลึกลับ!
ในที่สุด นางก็ เปิดเผยพลังฝึกปรือออกมา
ทั่วทั้งร่างฉาบไว้ด้วยพลังมารกะโหลก ซึ่งกะโหลกที่ปรากฏบนตัวนางมี สีชมพูคราม ดูน่าเกรงขาม
นางยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าภูตกะโหลกั์ ราวกับเป็ปราการที่แข็งแกร่งที่สุด
หนิงเจี่ยที่กำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ พลางกล่าวในใจ "นี่พลังแข็งแกร่งระดับใดกันเนี่ย?"
เสียงในหัวที่คุ้นชินพลันดังขึ้นพร้อมคำตอบที่น่าตกตะลึง:
$$ {"ระดับการฝึกปรือของนางอยู่ในระดับชิงชี่ (ปราณคราม) ขั้น 5"}$$
หนิงเจี่ยตกตะลึงไปแล้ว! ระดับปราณครามสูงกว่าระดับหยวนเต้าของต้วนผิงอันหลายขั้น เป็พลังที่หนิงเจี่ยไม่เคยคิดว่าจะได้เผชิญหน้ากับมันในสถานการณ์นี้ หนิงเจี่ยร้องหวาดเสียวขึ้นในใจ ถ้าบังเอิญไม่มีพลังการวิวัฒน์ พวกเขาคงจะตกตายไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว แต่ตอนนี้... พลังระดับ ชิงชี่ขั้น 5 นี้ได้กลายเป็ ทาส ของเขาแล้ว! เหมือนฝันไป
