บทที่ 58 อ้อมกอดแห่งรัก
ลู่จิ่งซานมองเธอด้วยความประหลาดใจ
ดวงตาผลซิ่งของเธอกระจ่างใสราวกับดวงดาว ส่องประกายจดจ่อมาที่เขา ราวกับมีกระแสบางอย่างไหลรินอยู่ภายใน ชวนให้เขาอยากสำรวจลึกลงไป
สายตาของเขาเคลื่อนจากดวงตาเป็ประกายไปยังมือที่เธอยื่นออกมา นิ้วเรียวอวบอิ่มขาวผ่อง ปลายเล็บสีชมพูระเรื่อ สุขภาพดี เปล่งปลั่งนุ่มนวล
มือใหญ่เอื้อมไปกุมมือเล็ก ฝ่ามือหนาอบอุ่นกุมกระชับมือเล็กนุ่มนิ่มของเธอ
ความอุ่นจากฝ่ามือใหญ่ที่หยาบกร้าน ทำให้รู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
“สหายลู่จิ่งซาน ฉันคือสวี่จือจือ” เด็กสาวกล่าวพร้อมรอยยิ้มสดใส “จากนี้ไปขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
ลู่จิ่งซานในเวลานี้แทบจะทำอะไรไม่ถูก
หรือว่าเธอจะไม่รอจนถึงวันพรุ่งนี้ที่เขาจากไป แต่กลับมาเฉลยคำตอบให้เขาในตอนนี้เลย?
“สวี่จือจือ” เขาจ้องมองเธออย่างตั้งใจ “ผมคือลู่จิ่งซาน ผมสัญญาด้วยเกียรติยศของผม ว่าผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด”
“ถ้าอย่างนั้น...” เด็กสาวกะพริบตาอย่างซุกซน แล้วมองไปรอบๆ ตัว “ต้องมีอ้อมกอดแห่งรักสักหน่อยไหม?”
เธอกางแขนออกทั้งสองข้าง
ลู่จิ่งซาน “...” ราวกับะเิลงที่ตัวเขา
อ้อมกอดแห่งรัก?
มุมปากของลู่จิ่งซานยกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยื่นแขนยาวโอบร่างบางของเด็กสาวตรงหน้าเข้าสู่อ้อมกอด
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ซึมซับความรู้สึกดีๆ นั้น เด็กสาวก็ผละออกจากอ้อมกอดของเขาเสียแล้ว พร้อมกับแลบลิ้นอย่างซุกซน “ถ้ามีคนเห็นเข้าคงไม่ดี”
เมื่อกี้เธอคงเบลอไปชั่วขณะ ถึงกับเอ่ยปากขอ ‘อ้อมกอดแห่งรัก’ กับเขา สวี่จือจือรู้สึกว่าตัวเองคงถูกเสน่ห์ของลู่จิ่งซานเล่นงานเข้าแล้ว
ระหว่างทางกลับบ้าน มุมปากของลู่จิ่งซานยกขึ้นตลอดเวลา
ทั้งๆ ที่เติบโตมากับที่นี่ั้แ่เด็ก แต่เมื่อมองทิวทัศน์ที่คุ้นเคยเ่าั้ เขาก็ยังรู้สึกว่ามันงดงามเหลือเกิน
ูเาดูเขียวขจีขึ้น น้ำใสขึ้น ท้องฟ้าก็เป็สีฟ้ายิ่งกว่าเดิม
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ประตูบ้านกลับปิดครึ่งหนึ่ง นั่นหมายถึงปฏิเสธการต้อนรับแขก
ในลานบ้านเงียบสงัด แต่ก็ยังได้ยินเสียงคนกำลังร้องไห้เบาๆ
ทั้งคู่มองหน้ากัน ที่บ้านเกิดเื่แล้วแน่ๆ
ลู่จิ่งเหนียนเป็คนแรกที่เห็นพวกเขากลับมา รีบพูด “พี่สาม ในที่สุดพวกพี่ก็กลับมา” ราวกับได้พบกับเสาหลักของบ้าน
ในบ้าน หญิงชรานั่งอยู่บนเตียงเตา ข้างๆ มีลู่ซืออวี่นั่งอยู่ ลู่ซืออวี่อุ้มเด็กหญิงวัยสามสี่ขวบไว้ในอ้อมแขน ลู่ซือหยวนนั่งก้มหน้าอยู่ตรงข้าม บนขอบเตียงมีจ้าวลี่เจวียนกับสามีนั่งอยู่ ส่วนลู่หวยเหรินนั่งอยู่บนเก้าอี้ หน้าดำคร่ำเครียด
เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามา เด็กหญิงตัวน้อยก็สั่นเทิ้มด้วยความใ ซุกหน้าเข้ากับอกของคุณนายลู่
สวี่จือจือสังเกตเห็นรอยฟกช้ำบนแขนของเด็กได้อย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” ลู่จิ่งซานถาม
ลู่ซือหยวนเอามือปิดหน้า ร้องห่มร้องไห้
“แขนของเจาตี้เป็อะไรครับ?” ลู่จิ่งซานถามอีกครั้ง
“จิ่งซาน” ลู่ซือหยวนเงยหน้าขึ้น ร้องไห้เรียก
สวี่จือจือมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ
บนใบหน้ากลมของลู่ซือหยวน มีรอยแตกที่หางตาและมุมปาก ยังมีรอยเืให้เห็น บนใบหน้าและหน้าผากมีรอยฟกช้ำเป็วงกว้าง
“เขาตี” ลู่ซือหยวนร้องไห้กล่าว “ไอ้เดรัจฉานนั่น เขาตีฉัน แถมยังตีเจาตี้อีกด้วย”
ถูกตีก็พอจะทนได้ แต่ตีลูกลู่ซือหยวนทนไม่ได้ อุ้มลูกสาววิ่งกลับมาบ้านเดิม
ลู่ซือหยวนกับป้าใหญ่ลู่ไห่เสียต่างก็แต่งงานไปที่หมู่บ้านตระกูลจ้าว สังกัดประชาคมจิ่วชวี ลู่ซือหยวนแต่งเข้าบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านตระกูลจ้าว ซึ่งลู่ไห่เสียเป็คนแนะนำให้
จ้าวเจี้ยนเซ่อคนนี้ขับรถไถอยู่ที่ประชาคมจิ่วชวี ในบ้านยังมีน้องชายหนึ่งคนและน้องสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานอีกหนึ่งคน
จ้าวเจี้ยนเซ่อกับลู่ซือหยวนแต่งงานกันมาเจ็ดปีแล้ว ยังไม่มีลูกด้วยกัน สามปีก่อนจึงรับเจาตี้มาเลี้ยง มีคำกล่าวในชนบทว่ารับเด็กมาเลี้ยงแล้วจะนำพาเด็กมาให้ แต่สามปีผ่านไป ท้องของลู่ซือหยวนก็ยังไม่มีวี่แวว
ส่วนจ้าวเจี้ยนไห่ผู้เป็ลูกชายคนรองแต่งงานเมื่อปีที่แล้วและปีถัดมามีลูกชายตัวใหญ่จ้ำม่ำหนึ่งคน
คุณนายจ้าวเป็คนให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง หลายปีมานี้จึงไม่พอใจที่ลู่ซือหยวนให้กำเนิดลูกไม่ได้ ด่าว่าเป็แม่ไก่ที่ไม่ยอมออกไข่
ถ้าไม่ได้ตระกูลลู่คอยหนุนหลัง และความสามารถของลู่ซือหยวนที่เก่งกาจทุกด้าน คุณนายจ้าวคงยุยงให้ลูกชายหย่ากับอีกฝ่ายไปนานแล้ว
แน่นอนว่าเื่การหย่าร้างก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยพูด แต่ลู่ซือหยวนคิดว่ายังไงเสียตัวเองก็ให้กำเนิดลูกชายไม่ได้ จึงต้องยอมก้มหัวให้ และไม่เคยพูดเื่ไม่ดีของบ้านสามีที่บ้านตระกูลลู่เลย
ใครจะรู้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน สะใภ้รองของบ้านตระกูลจ้าวตรวจพบว่าตั้งครรภ์อีกแล้ว ทำเอาคุณนายจ้าวดีใจจนเนื้อเต้น
สะใภ้รองคนนั้นก็ใช่ย่อย อาศัยว่าตัวเองตั้งครรภ์ อยากกินอะไรก็กิน สั่งจนลู่ซือหยวนหัวหมุน
เื่นี้ลู่ซือหยวนก็ทนได้ ใครใช้ให้คนเขาท้องล่ะ
แต่พวกเขากลับฉวยโอกาสตอนที่เธอไปทำงานรังแกเจาตี้ ไม่ให้เด็กกินข้าว
เด็กหิวจนทนไม่ไหว แอบกินขนมปังข้าวโพดไปอันหนึ่ง ถูกคุณนายจ้าวจับได้ หยิกแขนไปหลายที
ลู่ซือหยวนกลับจากการทำงานดึก ไปถึงบ้านก็เห็นคนในบ้านกำลังกินข้าวกันอยู่ ทั้งหัวหน้าหมู่บ้านตระกูลจ้าวและภรรยา ครอบครัวของจ้าวคนรอง จ้าวเจี้ยนเซ่อและน้องสาวนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร
บนโต๊ะยังมีขนมปังที่จ้าวเจี้ยนเซ่อซื้อกลับมาจากประชาคม มีแค่เจาตี้ที่ไม่อยู่
“คุณแม่ เจาตี้ล่ะคะ?” ลู่ซือหยวนถามด้วยรอยยิ้ม
“นังเด็กน่าตายนั่น ฉันไล่ออกจากบ้านไปแล้ว” คุณนายจ้าวพูดอย่างโกรธเคือง “มาอยู่ที่บ้านตั้งหลายปี ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร แถมยังผลาญข้าวของในบ้านอีก”
“อะไรนะคะ?” ลู่ซือหยวนร้อนใจ “คุณแม่ไล่ลูกไปไว้ที่ไหนคะ?”
ถึงแม้เจาตี้จะไม่ใช่ลูกในไส้ แต่เด็กคนนี้เธอก็เลี้ยงดูมาั้แ่ยังไม่ถึงขวบปี เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวยังมีความผูกพันเลย ยิ่งเด็กคนนี้รู้ความ ั้แ่เด็กจนโตก็ห่วงใยคนอื่นเหลือเกิน
“ก็แค่เด็กชั้นต่ำที่เก็บมาเลี้ยง จะมาโวยวายอะไรกับฉัน?” คุณนายจ้าววางตะเกียบลงบนโต๊ะเสียงดัง “บ้านตระกูลจ้าวของฉันไม่เลี้ยงดูคนที่กินข้าวไปวันๆ โดยเปล่าประโยชน์ อายุยังน้อยยังกล้าลักขโมย”
“พี่สะใภ้ใหญ่ ไม่ใช่ว่าฉันจะว่าอะไรนะคะ” ภรรยาของจ้าวเจี้ยนไห่ลูบท้องที่ยังไม่โตของตัวเองแล้วพูด “เด็กคนนี้ต้องเลี้ยงเองถึงจะดี ถ้าเจาตี้ลักขโมยั้แ่เด็ก โตขึ้นจะไม่แย่กว่าเดิมเหรอ?”
“ไม่มีทาง” ลู่ซือหยวนกล่าว “เจาตี้ของฉันไม่ลักขโมย”
“คำพูดของคุณแม่จะโกหกได้เหรอ” จ้าวเจี้ยนเซ่อตะคอกด้วยสีหน้าถมึงทึง “หายไปก็หายไปสิ ไม่ใช่ลูกแท้ๆ สักหน่อย”
“พูดอะไรออกมาน่ะ?” ลู่ซือหยวนแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง นี่มันคำพูดคนหรือเปล่า?
ลู่ซือหยวนร้อนใจจะออกไปตามหา กลับถูกจ้าวเจี้ยนเซ่อขวางไว้ “ถ้าเธอกล้าออกไปตามหา เธอกับมันก็ไม่ต้องกลับมาอีก”
ลมหายใจที่มีแต่กลิ่นเหล้าหึ่ง
“นั่นลูกสาวฉัน” ลู่ซือหยวนร้องไห้กล่าว “และเรียกนายว่าพ่อมาตั้งสามปี”
ทำไมถึงพูดจาไร้มนุษยธรรมแบบนี้ออกมาได้?
ทั้งสองคนจึงทะเลาะกัน จ้าวเจี้ยนเซ่อดื่มเหล้าเข้าไป แถมยังถูกคุณนายจ้าวยุแยงอีก ทั้งๆ ที่เป็ลูกชายของบ้านตระกูลจ้าวเหมือนกัน แต่น้องชายกลับทำให้เมียท้องติดๆ กัน ส่วนเมียเขา...
เขารู้สึกได้ถึงสายตาเยาะเย้ยของคนอื่น พอเหล้าเข้าปาก จ้าวเจี้ยนเซ่อก็ไม่สนอะไรทั้งนั้น ยิ่งเห็นเจาตี้ก็ยิ่งโกรธ จึงทุบตีทั้งแม่ทั้งลูก
ทุบตีเสร็จแล้วครอบครัวตระกูลจ้าวยังคงนั่งล้อมโต๊ะกินข้าวต่อไปได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลู่ซือหยวนกัดฟันอดทนความเ็ป พาเจาตี้กลับมาที่บ้านตระกูลลู่
“ไร้เหตุผลสิ้นดี!”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้