ผู้ใดจะไปอยากรู้รายละเอียดเื่ที่อวี๋ฉี่เจ๋อกับอวี๋เจียวนอนด้วยกัน บรรดาสตรีที่ออกเรือนแล้วและแม่นางในสกุลเฉินต่างพากันหน้าแดงระเรื่อ
อวี๋ฉี่เจ๋อใช้ดวงตาเรียวยาวปราดมองผู้คนในลานเรือนที่เผยสีหน้าแตกต่างกันออกไปอย่างเ็า กล่าวต่อไปว่า “วิชาหมอของอวี๋เจียวล้ำเลิศนั้นเป็ความจริง เ้าอิจฉาตาร้อนจึงไม่เชื่อ นั่นเป็เพราะมีความรู้ตื้นเขิน วาจาโสมมเ่าั้ ไม่ว่าเ้าจะได้ยินมาหรือกุเื่ขึ้นเองก็จงหยุดเพียงเท่านี้ หาไม่ข้าคงจะต้องเชิญนายท่านเหอมาลองฟังดูสักครั้ง”
อวี๋เจียวเงยหน้ามองอวี๋ฉี่เจ๋อที่ยืนอยู่ข้างกาย แม้ใบหน้าหล่อเหลาคมคายจะยังคงไร้ซึ่งความเป็ผู้ใหญ่ แต่แผ่นหลังบอบบางที่คุ้มกันอยู่ตรงหน้านางกลับกว้างใหญ่และสามารถพึ่งพิงได้ยิ่ง
ฝ่ามืออุ่นร้อนกุมฝ่ามือของนางไว้ แต่ความจริงแล้วอวี๋เจียวไม่ได้ใส่ใจคำพูดเ่าั้ของเฉินอิ๋งมากนัก แม้ว่านางจะใช้ร่างของเมิ่งอวี๋เจียวดำรงชีวิตอยู่ในยุคนี้ ท้งดูเหมือนนางสามารถยอมรับโลกใบนี้และวิถีที่ชีวิตของที่นี่ได้อย่างง่ายดาย แต่หากกล่าวตามความจริงแล้ว นางยังคงรู้สึกราวกับไม่ใช่ความจริงอยู่บ้าง
ดังนั้นนางจึงปลีกตัวออกห่างจากความขัดแย้งรอบกายราวกับตนเป็คนนอก ทำราวกับไม่มีเื่ใดควรค่าแก่การเก็บมาใส่ใจ
แต่อวี๋ฉี่เจ๋อที่กำลังปกป้องนางในยามนี้ เป็เื่จริงแท้ถึงเพียงนั้น ความรู้สึกส่วนลึกในใจของอวี๋เจียวลอบสั่นไหว นางหลุบตาลงระงับความรู้สึกว้าวุ่นภายในใจ
วาจาของอวี๋ฉี่เจ๋อโจมตีเื่ที่เฉินเกินเซิงหวาดกลัวมากที่สุด เหตุที่เขาตำหนิเฉินอิ๋งเช่นนี้ แท้จริงแล้วหาใช่เพราะใส่ใจอวี๋เจียวกับอวี๋ฉี่เจ๋อ แต่เป็เพราะเื่นี้เกี่ยวโยงไปถึงสกุลเหอต่างหาก
ตอนสกุลเหอบุกเข้าไปทำลายข้าวของในจวนสกุลอวี๋เพื่อจับตัวอวี๋หรูไห่ เหตุการณ์ใหญ่โตจนน่าหวาดกลัวถึงเพียงนั้น เฉินเกินเซิงจดจำทุกสิ่งไว้ในใจ อย่าคิดเพียงแค่ว่าสกุลเหอให้เกียรติสกุลอวี๋เพียงใดในการมาเยือนครั้งนี้ นั่นล้วนแต่เป็เพราะอวี๋เจียวสามารถรักษานายท่านผู้เฒ่าเหอจนหายดีต่างหาก มิเช่นนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดจบจวนสกุลอวี๋จะเป็อย่างไร
เขาเป็แค่ผู้นำหมู่บ้านตำแหน่งเล็กๆ เท่านั้น หากเื่โสมมเหล่านี้ที่เฉินอิ๋งแต่งขึ้นได้ยินไปถึงหูคนสกุลเหอจนทำให้นายท่านเหอขุ่นเคือง จวนสกุลเฉินของพวกเขาหาได้มีอวี๋เจียวคนที่สองออกมาระงับโทสะของนายท่านเหอไม่
ตอนนี้เฉินเกินเซิงเพียง้ายุติเื่ราวโดยเร็ว เขาตีหน้าขรึม ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันดึงเฉินอิ๋งออกมาจากด้านหลังสตรีแซ่เฉินฉินผู้น้อง ผลักนางอย่างแรงกล่าวว่า “คุกเข่าลง!”
เฉินอิ๋งถูกผลักจนล้มลงกับพื้น น้ำตาบนใบหน้ายังไม่ทันแห้งเหือด เฉินเกินเซิงพลันกระชากผมของนางอย่างรุนแรงบังคับให้เฉินอิ๋งคุกเข่าลงบนพื้น
“โขกหัวยอมรับผิดกับแม่นางเมิ่งเสีย” เฉินเกินเซิงสั่งเสียงเฉียบขาด “หากเ้ายังไม่สำนึกผิดจากใจจริง ท่านลุงเช่นข้าจะใช้กฎบ้านแทนบิดาของเ้า!”
สตรีแซ่เฉินฉินไม่อาจทนดู กระทั่งเฉินเกินฝูยังคิดจะเข้าไปขวาง ทว่าถูกสายตากรุ่นโทสะของเฉินเกินเซิงจับจ้องจนไม่กล้าขยับ
เฉินโหรวถูกสตรีแซ่เฉินฉินปรามไม่ให้เอ่ยสิ่งใด เฉินอิ๋งนั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่บนพื้นโดยไม่มีอะไรรองแต่ก็ยังไม่ยอมปริปาก มองไปทางบิดาของตนอย่างวิงวอน ทว่าเฉินเกินเซิงผู้มีจิตใจดุจเหล็กกล้ามีโทสะขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว สตรีแซ่เฉินฉินผู้น้องปาดน้ำตาพลางกล่อม “แม่หนูอิ๋ง เ้ายอมอ่อนข้อเถิด รีบขอโทษภรรยาเจ๋อเกอเอ๋อร์เร็วเข้า”
ทั้งจวนสกุลเฉิน เฉินเกินเซิงเอ่ยสิ่งใดย่อมต้องเป็สิ่งนั้น เฉินอิ๋งโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรง ในใจเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง หลังจากร้องไห้อยู่พักหนึ่งถึงเอ่ยเสียงสะอื้นด้วยความอัปยศ “ข้าสำนึกผิดแล้ว ข้าจะไม่แต่งเื่โสมมเช่นนั้นอีก ภายหน้าข้าก็จะไม่พูดอีกแล้ว...”
อวี๋เจียวมองเฉินอิ๋งร้องไห้อย่างน่าเวทนาด้วยความเรียบเฉย ในใจไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย นางไม่คิดว่าเฉินอิ๋งในยามนี้น่าสงสารแต่อย่างใด วาจามนุษย์ดุจคมมีด สามารถสังหารผู้คนโดยไม่รู้ตัว
มือข้างที่ถูกอวี๋ฉี่เจ๋อกุมเอาไว้ขยับเล็กน้อย อวี๋เจียวจับจูงมือเขากล่าวว่า “พวกเรากลับจวนกันเถิด”
คนทั้งสองออกจากจวนสกุลเฉิน อวี๋ฝูหลิงที่ยืนอยู่ในลานเรือนเดินตามออกไปเช่นกัน
สตรีแซ่เฉินฉินผู้น้องรีบเข้าไปประคองเฉินอิ๋งให้ลุกขึ้น นางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับคราบน้ำตาบนใบหน้านางด้วยความปวดใจ ปากยังคงเอ่ยวาจาตำหนิออกมาอย่างอดไม่ได้ “พี่ใหญ่ นางก็แค่ภรรยาเสริมมงคลของเ้าห้า เพื่อคนชั้นต่ำเช่นนั้น ท่านหักใจทำเช่นนี้กับแม่หนูอิ๋งได้อย่างไร?”
เฉินเกินเซิงเห็นสีหน้าของเฉินเกินฝูฉายแววตำหนิเช่นกัน เขาขมวดคิ้วเป็ปม เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ในความไม่เอาไหนของผู้อื่นว่า “ความคิดเช่นสตรี! หากนางเป็เพียงสะใภ้เสริมมงคลของสกุลอวี๋ ข้าจะหักใจลงโทษแม่หนูอิ๋งได้อย่างไร? ข้ากลัวว่าคำกล่าวเ่าั้ของแม่หนูอิ๋งจะเล็ดลอดไปถึงหูคนสกุลเหอ เ้าคิดว่าสกุลเหอยั่วยุได้งั้นหรือ? หรือจำแค่ว่าสกุลเหอส่งของกำนัลให้สกุลอวี๋ แต่เหตุใดพวกเ้าถึงไม่จำท่าทางดุดันของคนสกุลเหอยามบุกทำลายจวนสกุลอวี๋บ้าง? หากสร้างความหมางใจโดยไม่ทันระวัง เกรงว่าจวนสกุลเฉินของพวกเราคงหนีไม่พ้นต้องรับผิดชอบ!”
