ดูเหมือนว่าบทสนทนาของหนิงอ้ายกับฟานหลิงจะเรียกความสนใจจากคนกลุ่มหนึ่ง เพราะยามนี้ได้มีบุรุษชุดสีดำแดงจำนวนสี่ถึงห้าคนมุ่งตรงมาด้วยสีหน้าขุ่นเคืองหาเื่อยู่ไม่น้อย ท่าทีไม่พูดจาพร้อมกับแผ่ซ่านกลิ่นอายออกมากดดันเช่นนี้ ก็สามารถทราบได้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้หาได้มีความประสงค์ดีแต่อย่างใด
“การกระทำและท่าทางที่ไร้มารยาทเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน??” ฟานหลิงถามออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ จากที่พอััได้กลุ่มคนเหล่านี้ล้วนเป็ผู้ฝึกตนราชทินนามราชันิญญาขั้นต้นกันทั้งสิ้น มีเพียงบุรุษที่ยืนอยู่ด้านหน้าที่เป็ราชทินนามราชันิญญาขั้นกลาง แม้รากฐานบ่มเพาะจะไม่ได้น่าตกตะลึงมากนัก ทว่าจากกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาย่อมหมายถึงพลังสายเืที่กล้าแกร่งสายหนึ่งมากกว่าทั่วไปอยู่ขั้นหนึ่ง
“ได้ยินว่าพวกเ้า้าเดินทางไปบ่อน้ำอมฤตอัคคีกาฬทมิฬเป็สถานที่คุ้มครองของอาณาจักรต้าเหลียงจิ่วอย่างนั้นรึ?? ไม่รู้หรืออย่างไรว่าสถานที่แห่งนั้นเป็ที่หวงห้ามไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปข้องเกี่ยวทั้งสิ้น!!” บุรุษที่ราชทินนามราชันิญญาขั้นกลางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ไม่คาดคิดว่ากลุ่มของพี่ชายจะชื่นชอบสนใจแอบฟังบทสนทนาของผู้อื่นเช่นนี้ ถือว่าข้าได้เปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริง...” ฟานหลิงโต้กลับไป ทว่าหลังจบประโยคดังกล่าว อีกฝ่ายก็ได้ะเิพลังปราณเข้าถาโถมกดดันเข้ามาอย่างเต็มที่
“ข้าจะบอกให้คนนอกอย่างเ้าได้รับรู้ บ่อน้ำอมฤตอัคคีกาฬทมิฬเป็สถานที่หวงห้ามตามคำสั่งขององค์ราชันย์ัพสุธารัตนพิภพ การที่พวกข้าทราบได้ว่าพวกเ้ามีจุดประสงค์เดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้นก็ด้วยเพราะความสามารถขององค์ราชันย์ที่สาปให้นามของบ่อน้ำอมฤตอัคคีกาฬทมิฬเป็คำต้องห้าม หากมีผู้ใดเอ่ยถึงในรัศมีของป้ายหยกนี้ย่อมรับรู้ได้อย่างไม่ยากนัก พวกข้าขอเตือนเป็ครั้งสุดท้ายพวกเ้าจงล้มเลิกความตั้งใจเสียเถอะ!!” บุรุษผู้เป็หัวหน้าคนเดิมได้ตวาดกร้าวออกมาเสียงดังพร้อมกับสาดพลังปราณออกมาทำลายพื้นที่โดยรอบจนะเิปลิวกระจายออกไป
เวลานั้นผู้คนที่อยู่ในพื้นที่ต่างแตกตื่นใกันถ้วนหน้าพร้อมกับถอยห่างออกไปให้ได้มากที่สุด เงาร่างของบุรุษทั้งสี่ห้าสายนี้ได้เหินทะยานขึ้นอากาศก่อนประสานท่วงท่ากันอย่างรวดเร็วเกิดเป็ค่ายกลหนึ่งโดยมีหัวหน้าที่คอยควบคุมสมดุล ตรงด้านหน้าปรากฏเป็ตาข่ายโลหะขนาดใหญ่หมุนคว้างมุ่งตรงมาทางฝั่งของหนิงอ้ายกับฟานหลิงทันที
“คนของเผ่าพันธ์ัพสุธารัตนพิภพช่างมีความใจร้อนไร้มารยาทเสียจริง!!!” ฟานหลิงถอนหายใจออกมา มือขวาจะปรากฎเป็เปลวเพลิงสีขาวพิสุทธิ์สว่างไสวเข้มข้นกร้าวแกร่งก่อนจะควบแน่นเป็กระบี่เพลิงเล่มหนึ่ง ไฟร้อนแห่งสุดยอดอัคคีได้ร้อนแรงแผดเผาโดยรอบแม้ไม่ได้เจาะจง ทว่ากระบี่เพลิงเล่มนี้ได้เข้าต้านรับด้วยความรุนแรงไม่แพ้กัน ก่อนที่เปลวเพลิงที่ลุกโชนรอบตัวกระบี่จะแผดเผาหลอมละลายตาข่ายโลหะนี้ด้วยความรวดเร็วก่อนจะซ่านสลายไป
“พวกเ้าอย่าได้หวั่นเกรงต่อรุ่นเยาว์ทั้งสองคนนี้ ข้าไม่เชื่อว่าหากเราร่วมมือกันแล้วจะไม่อาจเอาชนะได้ ถ่ายเทพลังลมปราณประสานค่ายกลกระบี่สิบสามดาราวิถีพิภพ!!!” บุรุษผู้เป็หัวหน้ารีบเรียกสติผู้ติดตามในปกครองของตนให้คืนกลับมาก่อนจะตวาดกร้าวสั่งการอีกครั้ง เงาร่างของคนที่เหลือต่างเข้าล้อมรอบหนิงอ้ายกับฟานหลิงเอาไว้ สองมือของแต่ละคนนั้นเร่งถ่ายเทพลังลมปราณออกมาประสานเป็ค่ายกลด้วยความรวดเร็ว อีกทั้งยังมีสมบัติวิเศษที่เพิ่มพูนระดับพลังิญญาให้สมบูรณ์กล้าแกร่งมากยิ่งขึ้น
กระแสพลังปราณธาตุดินอันแข็งแกร่งได้เข้าโอบล้อมไปทั่วทุกสารทิศเกิดเป็ม่านพลังผืนหนึ่งกักขังเอาไว้ บนท้องฟ้าเหนือค่ายกลนั้นปรากฎเป็กระบี่สีน้ำตาลเข้มสนิทสิบสามเล่มลอยคว้างเวียนวนพร้อมกับแผ่ซ่านพลังทำลายล้างที่ไม่ธรรมดาออกมา กลิ่นอายของค่ายกลอันเกิดจากราชทินนามราชันิญญาถึงห้าคนนั้นถึงกับส่งผลให้เกิดพลังสะกดข่มหนักอึ้งอย่างแท้จริง
มหาวังวนวายุจิ้งจอกเหมันต์สังหาร!!
ตู้ม!!
ไม่รอช้าฟานหลิงจึงเรียกใช้วิชายุทธ์ออกมาต้านรับกระบี่ปราณธาตุดินทั้งสิบสามเล่มนี้ในทันที เงาร่างของจิ้งจอกเหมันต์สีขาวพิสุทธิ์ได้เข้าสลายการโจมตีตรงหน้าเกิดเป็เสียงปะทะดังกึกก้อง เสียงโลหะที่ดังกระทบเกิดจากการดีดสะท้อนกลับไปมาแม้ไม่อาจทำลายได้โดยง่ายแต่ก็สามารถสลายความรวดเร็วในการโจมตีได้ในบางส่วนเช่นกัน แต่อย่างไรก็ยังมีกระแสพลังปราณสายหนึ่งสาดซัดไปยังม่านพลังโดยรอบจนเกิดเป็รอยร้าวไปทั่งทั่งบริเวณ ขุมพลังของชายหนุ่มตรงหน้านี้สร้างความตกตะลึงอยู่ไม่น้อย
เขตแดนัพสุธารัตนพิภพผนึกเขตแดน สำแดง!!!
เสียงของบุรุษทั้งห้าดังขึ้นพร้อมกันพร้อมกับประสานท่วงท่าอย่างฉับไว ปรากฏเป็ลัญจกรรูปัพสุธารัตนพิภพที่แผ่ซ่านกลิ่นอายไม่ธรรมดาสามัญออกมา ฉับพลันนั้นห้วงกระแสพลังปราณธาตุดินที่แข็งแกร่งได้ะเิรวดพราดออกมาสร้างแรงกดดันอย่างมหาศาล หากว่าเป็ผู้ฝึกตนทั่วไปที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญหรือไม่ได้ถือครองราชย์ทินนามราชันิญญาแล้วหากตกอยู่ภายใต้แดนแดนดังกล่าวนี้คงถูกสะกดข่มจนไม่อาจกระทำสิ่งใดได้เป็แน่
แต่สถานการณ์นี้หาได้สร้างผลกระทบหรือแรงกดดันกับพวกเขาทั้งสองทั้งสิ้น แน่นอนว่าฟานหลิงที่ยามนี้เป็ถึงราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาขั้นต้น แรงสะกดข่มจากค่ายกลนี้จึงไม่อาจกล่าวได้ว่าส่งผลต่อเขามากนัก หรือแม้กระทั่งกับตัวของหนิงอ้ายเองแม้จะเป็เพียงราชทินนามเทวะิญญาขั้นกลางก็จริง ทว่าด้วยรากฐานบ่มเพาะที่ถูกเคี่ยวกรำยากยิ่งยวดรวมไปถึงพลังแห่งสายเือันแข็งแกร่งแล้วจึงทำให้พลังสะกดนี้อ่อนจางลงหลายส่วน ทั้งยังมีสมบัติวิเศษที่ได้รับจากเทพาทั้งสามแล้วจึงทำให้แรงกดดันจากค่ายกลของราชทินนามราชันิญญาทั้งห้าคนนี้แทบจะไร้ผลกระทบทั้งสิ้น
“ท่านพี่ให้ข้าลงแรงบ้างนะขอรับ ไม่เช่นนั้นพวกเราอาจจะออกเดินทางกันล่าช้ากว่าที่คิดก็เป็ได้...” หนิงอ้ายกล่าวจบลงเสร็จจึงได้ตวัดมือขึ้นขีดเขียนอักขระเวทย์จนเกิดเป็ค่ายกลป้องกันรูปแบบหนึ่งก่อนจะถ่ายเทพลังลมปราณลงไปจนเกิดเป็ประกายแสง ฉับพลันนั้นเองได้บังเกิดเป็เปลวเพลิงสีแดงพิสุทธิ์ห้อมล้อมเวียนวนคลอบทับม่านพังที่เกิดจากค่ายกลดังกล่าวอย่างอหังการ เห็นอานุภาพของม่านพลังอัคคีนี้พวกเขาทั้งห้าจึงเริ่มลงมือในทันที
“จับตัวไปให้องค์ราชันย์ัพสุธารัตนพิภพให้ได้!!” บุรุษผู้เป็หัวหน้าร้องะโสั่งการผู้ติดตามทั้งสี่อีกครั้ง สองมือโยกย้ายถ่ายเทพลังปราณประสานเข้ากับเขตแดนค่ายกลตรงหน้าเข้าต้านรับการโจมตีจากทั้งสองรุ่นเยาว์ในทันที ห้วงพลังในเวลานั้นรุนแรงจนทำให้เกิดเป็วงกระเพื่อมของพลังปราณอันกล้าแกร่งถึงขีดสุด บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยสะเก็ดเพลิงกระจายไปทั่ว
เวลานั้นสีหน้าของเหล่าบุรุษทั้งห้าต่างบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเ็ป ความรุนแรงของขุมพลังตรงหน้าได้เข้าจู่โจมอย่างไม่ยั้งมือ ด้วยญาณััที่ลึกล้ำจึงทำให้รับรู้ได้ว่าชายหนุ่มที่สวมใส่ชุดสีขาวเงินนั้นเป็ถึงราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาขั้นต้นผู้หนึ่งที่มีพลังทางสายเืที่กล้าแกร่งเป็อย่างมาก ทว่าสิ่งที่น่าใมากกว่านั่นคือเด็กหนุ่มที่สวมใส่ชุดสีเขียวอ่อนที่ยืนข้างกันนั้นเป็เพียงราชทินนามเทวะิญญาขั้นกลางเท่านั้น แต่กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมานั้นกล่าวได้ว่าเหนือล้ำพิศดารอย่างแท้จริง ไม่รู้ว่าสองรุ่นเยาว์ตรงหน้านี้มีกลุ่มอิทธิพลใดหนุนหลังอยู่หรือไม่เพราะไม่เช่นนั้นแล้วคงยากที่จะมากไปด้วยฝีมือในขณะที่ยังอายุน้อยเช่นนี้
มหาจิติญญาจักษุ์มายา สำแดง!!!
อ๊ากกซ์!!!
สิ้นเสียงสั่งการดังกล่าวของหนิงอ้าย แรงกดดันที่แฝงไปด้วยพลังแห่งจิติญญาอันลึกล้ำได้เข้าจู่โจมจิติญญาของพวกเขาทั้งห้าได้อย่างง่ายดายไม่อาจหลบหลีกได้เพียงนิด ไม่กี่สิบลมหายใจเท่านั้นขุมพลังทางจิติญญาอันมหาศาลนี้ได้สาดเทกระหน่ำสาดซัดไปทั่วทิศโดยรอบเข้าทำลายเขตแดนค่ายกลจนแตกสลายลงไปในที่สุด กระแสพลังสายนี้ได้เข้าจู่โจมตีกลับส่งผลให้บุรุษทั้งห้านี้ต่างกระอักโลหิตออกมาคำโต ใบหน้านั้นซีดเผือดร่างกายซวนเซเล็กน้อยก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างสิ้นสภาพ
“สหายน้อยนักปรุงโอสถได้โปรดยั้งมือด้วย!!”
ฉับพลันนั้นตรงด้านหลังได้มีเสียงของชายชราผู้หนึ่งดังขึ้นสะท้อนไปทั่วบริเวณ กระแสพลังจิติญญาสายหนึ่งเจาะทะลวงม่านพลังอัคคีจนะเิออกในที่สุด สีหน้าของหนิงอ้ายกับฟานหลิงถึงกับเผยความเคร่งเครียดออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันมองไปตามทิศทางเสียงดังกล่าว กล่าวว่ากระแสพลังจิติญญาเมื่อครู่ไม่อาจดูเบาได้เพียงนิด หากคาดเดาไม่ผิดผู้บัญชาการย่อมเป็นักปรุงโอสถผู้หนึ่งที่มีจิติญญาลึกล้ำเช่นกัน
เงาร่างของชายชราปรากฏขึ้นในชุดอาภรณ์สีน้ำตาลอ่อนตกแต่งด้วยเครื่องประดับงดงามแปลกตา สิ่งของเครื่องประดับเหล่านี้ล้วนถูกสลักด้วยอักขระเวทย์สายป้องกันขั้นสูงเอาไว้ทั้งสิ้น กลิ่นอายของโอสถวิเศษรวมไปถึงสมุนไพรที่โอบล้อมรอบตัวนั่นเป็สิ่งที่ยืนยันได้ว่าอีกฝ่ายย่อมถือครองฐานะนักปรุงโอสถผู้หนึ่งเช่นกัน เมื่อได้สดับฟังและพบเจอตัวตนเช่นนี้แล้วหนิงอ้ายจึงสลายกระแสพลังจิติญญาที่กดทับบุรุษทั้งห้าคนในก่อนหน้า การได้รับาเ็ทางจิติญญานั้นกล่าวได้ว่าสามารถรักษาได้ยากกว่าาแภายนอก แต่ด้วยฐานะของนักปรุงโอสถของชายชราคนดังกล่าวหนิงอ้ายเชื่อว่าอีกฝ่ายย่อมมีโอสถรักษาเยียวยาได้อย่างไม่ยากนัก
“เหตุใดจึงได้ลงมืออย่างเหี้ยมโหดอย่างนี้ได้กัน??” ชายชราตรงหน้าเอ่ยขึ้นพร้อมกับแผ่ซ่านกลิ่นอายดุก้าวออกมาแต่ยังคงไว้ซึ่งท่าทีสำรวม ด้วยเพราะกลิ่นอายจากรุ่นเยาว์ทั้งสองตรงหน้านั้น หนึ่งชายหนุ่มนั้นย่อมเป็องศ์รัชทายาทของเผ่าพันธ์จิ้งจอกเหมันต์เก้าหาง ส่วนเด็กหนุ่มอีกคนด้วยกระแสจิติญญาลึกล้ำที่แผ่ซ่านปกคลุมอย่างหนาแน่นตนจึงไม่อาจััถึงตัวตนที่แท้จริงได้ อย่างไรแล้วกลุ่มอิทธิพลที่สามารถชุบเลี้ยงนักปรุงโอสถที่อายุยังน้อยและมากไปด้วยความสามารถถึงเพียงนี้ย่อมไม่ใช่กลุ่มอิทธิพลทั่วไป
“คนของเผ่าพันธุ์ัพสุธารัตนพิภพคิดจะจู่โจมสังหารพวกข้าสองพี่น้อง ดังนั้นทางเลือกจึงมีเพียงพวกข้าต้องป้องกันตัวเองเท่านั้น หากพิจารณาดูจากกลิ่นอายและเครื่องประดับแต่งกายแล้วท่านคงเป็ผู้าุโในการปกครองขององค์ราชันย์ัพสุธารัตนพิภพ การลงมือกระทำเช่นนี้คง้าก่อากับเผ่าพันธุ์จิ้งจอกเหมันต์เก้าหางใช่หรือไม่??” ฟานหลิงที่ถูกอบรมสั่งสอนด้วยฐานะตำแหน่งผู้ปกครองเผ่าพันธุ์คนต่อไปแล้วย่อมมีกลิ่นอายเหนือชั้นไม่สามัญ อีกทั้งยังกล่าวถึงอำนาจบารมีที่ถือครองอยู่สร้างความหวั่นเกรงแก่ผู้ที่ได้สดับฟังอย่างแท้จริง
“ต้องขออภัยเป็อย่างยิ่ง ไม่ทราบว่านามกรของท่านคือ...”
“ข้ามีนามว่าหนิงอ้ายขอรับ...” หนิงอ้ายเลือกตอบไปเพียงเท่านี้
“ข้ามีนามว่าฟานหลิง องค์รัชทายาทของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกเหมันต์เก้าหาง” ชายหนุ่มก้าวขึ้นเบื้องหน้าพร้อมกับประกาศกร้าวออกมาเสียงดังด้วยน้ำเสียงกังวาลชัดเจน จังหวะนั้นกลิ่นอายสายเืแห่งเผ่าพันธุ์ได้ถูกแผ่ซ่านออกมาเป็การยืนยันตัวตนอีกครั้ง
“ข้ามีนามว่าเหลียงซุน เป็ผู้าุโฝ่ายในและเป็นักปรุงโอสถของเผ่าพันธุ์ัพสุธารัตนพิภพ ต้องขออภัยที่พวกข้าล่วงเกินคุณชายหนิงอ้ายกับองค์รัชทายาทฟานหลิงขอรับ...” ชายชรายกมือประสานขึ้นคำนับพร้อมกับแนะนำตัวออกมา ด้วยฐานะที่ชายหนุ่มตรงหน้าอยู่นั้นไม่อาจล่วงเกินหรือกระทำให้เกิดความไม่พึงพอใจได้เพียงนิดอย่างแท้จริง
หลังจากได้พูดคุยถึงเื่ราวต้นสายปลายเหตุแล้ว ชายชราจึงให้เหล่าบุรุษทั้งห้ากล่าวขอโทษหนิงอ้ายกับฟานหลิงอีกครั้ง ที่จริงแล้วทั้งห้าคนนี้เป็ทหารในสังกัดขององศ์รัชทายาทที่มีความภักดียิ่ง เมื่อได้ยินว่ามีผู้ที่จ้องการบุกรุกไปยังพื้นที่ของบ่อน้ำอมฤตอัคคีกาฬทมิฬอันเป็สถานที่ที่สำคัญต่อองศ์รัชทายาท นี่จึงไม่อาจปล่อยให้มีผู้หลุดรอดผ่านเข้าไปเพื่อสร้างความวุ่นวายจนเกิดเป็เหตุการณ์ที่ร้ายแรงได้ เมื่อได้ยินเหตุผลเช่นนี้แล้วทั้งสองจึงไม่ได้ติดใจเอาความแต่อย่างใด อีกทั้งยังได้มอบโอสถเยียวยารักษาจิติญญาให้อีกด้วย
“ที่แท้คุณชายทั้งสอง้านั่นคือกระดูกิญญาของอสูรแมงป่องคชสารเพลิงอัคคี จริงอยู่ที่ว่าอสูรเหล่านี้จะอาศัยอยู่โดยรอบบริเวณบ่อน้ำอมฤตอัคคีกาฬทมิฬ ทว่าพวกมันเองก็มีนิสัยดุร้ายตามสัญชาติญาณเช่นกัน หากองค์ราชันย์ัพสุธารัตนพิภพไม่คอยกำหลาบให้พวกมันอยู่ใต้อาณัติปกครองแล้วย่อมเป็ภัยต่ออาณาจักรต้าเหลียงจิ่วเช่นกัน บอกตามตรงว่าข้าไม่อาจแน่ใจว่าจะขออนุญาติจากองค์ราชันให้พวกท่านทั้งสองเข้าไปยังพื้นที่นั้นได้หรือไม่” ชายชราเอ่ยเสริมขึ้นด้วยท่าทีลังเลใจเช่นกัน แม้ฐานะที่ตนอยู่จะเหนือชั้นทั่วไปก็จริง ทว่าอย่างไรแล้วอำนาจการตัดสินชี้เป็ตายย่อมเป็สิทธิโดยชอบธรรมขององค์ราชันย์ัพสุธารัตนพิภพ ความ้าของรุ่นเยาว์ทั้งสองนี้เขาไม่อาจตัดสินใจแทนได้อย่างแท้จริง
“ผู้าุโเหลียงไม่ต้องเป็กังวลมากถึงเพียงนั้น ข้าทั้งสองขอรบกวนให้พาไปพบกับองค์ราชันย์ัพสุธารัตนพิภพเพียงเท่านั้น สุดท้ายจะได้ในสิ่งที่ปรารถนาหรือไม่ให้เป็เื่ที่ยังไม่เกิดขึ้นเสียแล้วกัน” หลังจากที่ได้ยินดังนั้น ฟานหลิงจึงเป็ฝ่ายตอบกลับไปด้วยท่าทางไร้กังวล ด้วยรู้ว่าหนิงอ้ายน้องชายของเขานั้นย่อมตระเตรียมแผนการไว้อยู่แล้วนั่นเอง...
**ั้แ่บทที่126 ถึงบทที่145 ไรท์ขออนุญาติติดเหรียญอ่านล่วงหน้าร ( 2 เหรียญ) พร้อมแจ้งวันอ่านฟรีนะครับ **