ภายใต้การนำทางของกวนอี้หยุน พวกเขาได้ผ่านไปยังเขตที่ลึกที่สุดของูเาเซวียนอี้ พระราชวังโบราณได้ถูกสร้างขึ้นในที่แห่งนี้ และมันดูเหมือนว่าจะมีประวัติศาสตร์ไม่ต่ำกว่าสองสามร้อยปี
ตลอดทางกวนอี้หยุนได้เล่าเื่เกี่ยวกับผู้นำนิกายให้เจียงเฉินฟัง นิกายเซวียนอี้ได้ตั้งอยู่ที่ทางตอนล่างของแคว้นฉีมากกว่าสองสามร้อยปีที่ผ่านมา และเคยมีผู้นำนิกายสองสามรุ่น ตามที่กวนอี้หยุนเล่า ไม่มีผู้ใดรู้นามที่แท้จริงของท่านผู้นำนิกาย ผู้นำท่านก่อนๆทั้งหมดต่างใช้นามเดียวกันคือ นักพรตเซวียนอี้
นักพรตเซวียนอี้เป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายเซวียนอี้ ระดับขั้นการบ่มเพาะของเขาอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ ครึ่งก้าวจิติญญายุทธ อย่างไรก็ตามมันมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์และขอบเขตจิติญญายุทธ คนส่วนมากไม่อาจที่จะก้าวข้ามช่องว่างนี้ได้ไ่ม่ว่าพวกเขาจะบ่มเพาะมากเพียงใด แม้นิกายเซวียนอี้มีตัวตนอยู่ยาวนาน แต่ยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญปรากฏตัวขึ้นในประวัติศาสตร์แม้แต่คนเดียว
พระราชวังนี้เป็สถานที่สำคัญที่สุดในนิกายเซวียนอี้ โดยทั่วไปแล้ว มีเพียงแค่ผู้าุโแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะสามารถมายังที่นี่ได้ แม้แต่กวนอี้หยุนยังไม่สามารถที่จะมาที่นี่ได้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
แท้จริงแล้ว นิกายเซวียนอี้มีกลุ่มศิษย์หลักอยู่ อย่างไรก็ตามมันมีข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับผู้ที่จะมาเป็ศิษย์หลัก ไม่เพียงแค่ต้องเป็ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ และยังต้องเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ก่อน่อายุหนึ่ง ดังนั้น นิกายเซวียนอี้จึงมีศิษย์หลักอยู่เพียงแค่หยิบมือ พวกเขาส่วนใหญ่ออกไปฝึกฝนนอกนิกายและมันหาได้ยากที่จะมาอยู่ใกล้นิกาย นี่เป็เหตุที่ว่าการแข่งขันประจำปีแคว้นฉีถึงได้มีไว้สำหรับเหล่าศิษย์ในและศิษย์นอก
พระราชวังนี้ตั้งอยู่ที่ส่วนที่แคบที่สุดของูเา แม้ว่าจะมีเื่ราวการก่อนสร้างเพียงแค่อย่างเดียว แต่มันแผ่กลิ่นอายสูงส่งออกมา ทำให้ผู้ที่ผ่านรู้สึกเป็เกียรติ
เหนือพระราชวัง มีแผ่นจารึกสีดำแขวนอยู่ที่้าสุดของพระราชวัง มีคำสองคำขนาดใหญ่ที่เขียนด้วยอักษรสีทองว่า 'วังเซวียนอี้' อักษรที่เขียนไว้มันดูเยี่ยมยอดมาก ทำให้ผู้ที่ได้มองเกิดความรู้สึก้าที่จะเคารพบูชามัน
แน่นอนว่า ความรู้สึกที่อยากจะเคารพบูชาส่งผลต่อคนทั่วๆไปเท่านั้น มันไม่มีสิ่งใดในโลกต้นกำเนิดเซียนที่สามารถทำให้เจียงเฉินเคารพบูชาได้ รวมถึงแคว้นเล็กๆอย่างแคว้นฉี ตลอดเวลาเจียงเฉินจะเป็ผู้ที่ได้รับความเคารพนับถือจากคนอื่นๆ
"วังเซวียนอี้เป็สัญลักษณ์ที่โดดเด่นของนิกายเซวียนอี้ เป็สถานที่สูงส่ง ศิษย์น้องเจียง ภายหลังเมื่อเ้าได้พบกับท่านผู้นำนิกายอย่าได้ลืมแสดงความเคารพด้วยล่ะ!"
กวนอี้หยุนได้เตือน
"อืม"
เจียงเฉินผงกศีรษะ
"เข้ามาได้"
ขณะที่เจียงเฉินและกวนอี้หยุนกำลังคุยกัน เสียงทุ้มลึกดังก้องมาจากภายในวัง หลังจากนั้นประตูวังได้เปิดขึ้นด้วยตัวมันเอง
กวนอี้หยุนปัดชุดของเขาและเขาได้เดินเข้าไปยังวังเซวียนอี้ด้วยท่าทางสง่างาม ในฐานะอัจฉริยะของนิกายเซวียนอี้ พระราชวังเซวียนอี้นั้นมีสถานะที่สำคัญมากต่อเขา การสามารถก้าวผ่านประตูบานนี้ได้ถือได้ว่าเป็เกียรติต่อเขา
เทียบกับกวนอี้หยุนที่กระวนกระวาย เจียงเฉินที่อยู่อีกด้านหนึ่งดูสงบและผ่อนคลาย นอกจากนี้ประสบการณ์ของเจียงเฉินไม่ใช่สิ่งที่กวนอี้หยุนจะสามารถไปเปรียบเทียบได้
เจียงเฉินและกวนอี้หยุนทั้งคู่ได้เดินเข้าไปยังโถงหลักของพระราชวัง ตรงหน้าพวกเขามีเก้าอี้ตัวใหญ่และชายสวมชุดสีขาวนั่งอยู่ เขาดูราววัยสี่สิบ แน่นอนว่าอายุที่แท้จริงของเขาย่อมมากกว่านี้
แม้ว่าชายผู้นี้กำลังนั่งอยู่ก็ตาม เจียงเฉินสามารถที่จะบอกได้ว่าเขาเป็คนสูงใหญ่ ใบหน้าเรียวและทรงเกียรติ นี่เป็หนึ่งในั์ใหญ่แห่งแคว้นฉี นักพรตเซวียนอี้
เขาดูต่างจากที่เจียงเฉินคิดไว้มาก เขาคิดว่านักพรตเซวียนอี้จะเป็าุโผมขาว แต่ในความจริงแล้วเขาเป็ชายวัยกลางคนที่ดูหล่อเหลา
"ศิษย์กวนอี้หยุน น้อมคารวะท่านผู้นำนิกาย"
"ศิษย์เจียงเฉิน คารวะผู้นำนิกาย"
กวนอี้หยุนคารวะอย่างลึกซึ้งต่อนักพรตเซวียนอี้แต่เจียงเฉินเพียงแค่ผงกศีรษะ
"อืม"
นักพรตเซวียนอี้ยิ้มให้ เขามองสำรวจกวนอี้หยุนก่อน แล้วเขาก็มองไปยังเจียงเฉินและประเมินอย่างละเอียด อย่างไรก็ตาม ท่าทีของนักพรตเซวียนอี้เปลี่ยนไปในทันที ชายหนุ่มอายุสิบห้าถึงสิบหกปีที่อยู่ตรงหน้าเขาทำให้เขารู้สึกว่าไม่สามารถที่จะรู้ตื้นลึกหนาบางได้ ด้วยฐานบ่มเพาะจุดสูงสุดของแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ เขาสามารถที่จะมองศิษย์ทะลุปรุโปร่งอย่างง่ายดาย แต่เขามองไปยังเจียงเฉินเหมือนมองไปยังหลุมไร้ก้น
บนใบหน้าเจียงเฉินเผยรอยยิ้มบาง เจียงเฉินไม่ได้หลบสายตาของนักพรตเซวียนอี้ ไม่มีความตึงเครียดแม้แต่น้อย ส่วนอีกด้านหนึ่ง กวนอี้หยุนประหม่าอย่างมาก
นักพรตเซวียนอี้ผงกหัวลับๆ และมองไปที่กวนอี้หยุนอีกครั้งแล้วพูด
"อี้หยุน เ้าเป็คนมีพร์ของนิกายเซวียนอี้ เ้าตั้งใจที่จะเข้าไปยังนรกอเวจี? ข้าคงไม่ต้องบอกถึงความอันตรายของนรกอเวจีหรอกนะ ถึงแม้ว่าข้าไปด้วยตนเอง ก็ยังเสี่ยงอยู่"
"ขอรับ ข้าน้อยตัดสินใจแล้ว"
กวนอี้หยุนยืนกรานหนักแน่น การตัดสินใจที่จะลงไปยังนรกอเวจีเป็การตัดสินใจครั้งใหญ่ของเขาและเขาจะไม่เปลี่ยนความคิดโดยง่าย เขา้าที่จะฝึกตนด้วยความอันตรายของนรกอเวจี มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่เขาสามารถจะแข็งแกร่งขึ้นได้
"ดี ข้าชื่นชมความกล้านั่น มีอัจฉริยะจำนวนมากจากนิกายเซวียนอี้ได้เข้าไปยังนรกอเวจีแต่ไม่มีผู้ใดที่รอดกลับมาได้ ข้าจะไม่ห้ามเ้าที่จะไปหรอกนะ ข้าหวังเพียงอย่างเดียวขอให้เ้าเป็ศิษย์คนแรกจากนิกายเซวียนอี้ที่สามารถกลับออกมาจากนรกอเวจีได้"
นักพรตเซวียนอี้พูดขณะที่มองไปยังกวนอี้หยุนด้วยท่าทีชมเชย
"อี้หยุนจะไม่ทำให้ท่านผู้นำต้องผิดหวังขอรับ!"
กวนอี้หยุนกุมมือและพูดออกมา นี่เป็การไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่โอกาสรอดต่ำมาก
"อี้หยุน เ้าออกไปก่อน ข้ามีเื่ที่จะพูดกับเจียงเฉินเป็การส่วนตัว"
นักพรตเซวียนอี้พูดขึ้น
"ขอรับ"
กวนอี้หยุนกุมมือและค่อยๆออกจากวังไป
นักพรตเซวียนอี้มองมายังเจียงเฉิน เขาผงกหัวแล้วก็พูด
"ดีมาก สามารถสังหารหลี่หวู่หลิงที่เป็ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้์ขั้นต้นได้ด้วยระดับแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลาง แม้ว่ารากฐานของหลี่หวู่หลิงจะยังไม่เสถียร แต่เขาไม่ใช่คนที่คนทั่วๆไปสามารถสังหารได้ง่ายๆหรอกนะ หากข้าจำไม่ผิดตอนที่เ้าแข่งขันในการแข่งประจำปีแคว้นฉีเ้ายังอยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้นสินะ"
"ใช่"
เจียงเฉินไม่ได้ปฏิเสธใดๆ
"เจียงเฉิน เ้าไม่กลัวข้าเลยหรือ?"
นักพรตเซวียนอี้ถามด้วยความสนใจอย่างมาก
เมื่อได้ยินคำถาม เจียงเฉินยิ้มให้
"เหตุใดข้าจักต้องหวาดกลัวท่านผู้นำนิกายด้วย? ข้าเป็ศิษย์ของนิกายเซวียนอี้ ท่านผู้นำคงไม่คิดทำให้ศิษย์ต้องพบกับเื่น่าอับอาย ดังนั้นมีอะไรที่ต้องกลัว"
การตอบสนองของเจียงเฉินสุขุมเยือกเย็น ไม่มีสัญญาณของความตึงเครียดแม้แต่น้อย
'เ้าหนุ่มนี่มีท่าทางสุขุมเยือกเย็น เขาไม่ได้เกิดความประหม่าใดๆต่อหน้าข้า ยิ่งไปกว่านั้นเขามีความสง่างามและมีกลิ่นอายของผู้ที่ทรงอำนาจสูงสุด ในอนาคต เขาจะต้องประสบความสำเร็จอย่างไร้ขีดจำกัด อัจฉริยะเช่นนี้เป็ดั่งความหวังของนิกายเซวียนอี้ในอนาคต พร์และศักยภาพของเขาไม่ด้อยกว่าหนานเป่ยเฉาแม้แต่น้อย'
นักพรตเซวียนอี้ตกตะลึง เขาประเมินเจียงเฉินไว้สูง เขาไม่เคยพบเด็กหนุ่มแก่นแท้มนุษย์ที่มีท่าทางเช่นนี้มาก่อน การตอบสนองของเจียงเฉินไม่สมกับวัยของเขา เขาเหมือนกับสัตว์ประหลาดเฒ่าผู้ซึ่งอาศัยอยู่มากกว่าพันปี สามารถรับมือกับเื่ราวได้อย่างสงบ
เขาเป็ถึงผู้นำนิกายเซวียนอี้ ทุกๆคนในนิกายเซวียนอี้ั้แ่ศิษย์ฝึกหัดยันผู้าุโนิกายต่างแสดงความเคารพเมื่อได้พบเขา แม้แต่ผู้าุโแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ยังรู้สึกประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา อย่างไรก็ตามเจียงเฉินดูเหมือนจะไม่สนใจอะไร
"ประเสริฐ เจียงเฉิน ข้าชมเชยในพร์ของเ้า และนั่นเป็เหตุว่าข้าได้เรียกเ้ามาที่นี่ ข้าได้ยินมาว่าเ้าจะต้องสู้กับหนานเป่ยเฉาในอีกหนึ่งปี เ้ามีความมั่นใจรึ?หนานเป่ยเฉาเป็อัจฉริยะไร้ที่เปรียบและเขาไร้คู่แข่งในภายใต้ขอบเขตแก่นแท้์ และเขาอาจจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ได้ทุกเมื่อ แม้ว่าเ้าจะมีพร์ที่ไม่ธรรมดา แต่ระดับการบ่มเพาะของเ้ายังอ่อนแอเกินไป เป็เพียงขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางเท่านั้น หนำซ้ำยังเหลือเวลาเพียงปีเดียว เ้าจะรับมือได้อย่างไร?"
นักพรตเซวียนอี้ถาม สำหรับการต่อสู้ระหว่างเจียงเฉินและหนานเป่ยเฉาในอีกหนึ่งปี เขาสนใจมาก ตอนนี้เจียงเฉินกลายเป็ศิษย์นิกายเซวียนอี้ไปแล้ว การต่อสู้ของเขานั้นส่งผลกระทบต่อเกียรติยศของนิกายเซวียนอี้
"ข้ามีหนทางอยู่ เพียงแค่หนึ่งปีก็เกินพอ"
เจียงเฉินยักไหล่ บนใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
"ดี! เ้าจำเป็ต้องพยายามทำการบ่มเพาะให้สุดความสามารถ นิกายเซวียนอี้ไม่เคยขาดแคลนทรัพยากร แต่เ้าจำเป็ต้องแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพยากร ไม่ว่าเ้าจะเป็สุดยอดอัจฉริยะอย่างไร เ้าจะสามารถที่จะเติบโตได้ภายใต้การแข่งขันเท่านั้น"
นักพรตเซวียนอี้พูดขึ้น
"ศิษย์ทราบ"
เจียงเฉินผงกหัว
"ดีมาก เจียงเฉินเ้ากลับไปได้แล้ว ข้าจะมอบสิทธิพิเศษให้แก่เ้า จากนี้ต่อไปประตูของวังเซวียนอี้จะเปิดต้อนรับเ้าเสมอ หากเ้ามีคำถามใดๆเกี่ยวกับการบ่มเพาะ เ้าสามารถมาพบข้าได้ทุกเมื่อ"
นักพรตเซวียนอี้พูด นี่เป็ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของนิกายเซวียนอี้ วังเซวียนอี้ไม่เคยเปิดต้อนรับศิษย์คนใดนอกจากศิษย์สายนอกผู้นี้ การได้รับการชี้แนะโดยตรงจากผู้นำนิกายด้วยตนเองเป็ความฝันของศิษย์จำนวนมาก
หากว่ามีศิษย์นิกายเซวียนอี้คนใดรับรู้ พวกเขาคงจะอิจฉาริษยาเป็แน่
อย่างไรก็ตาม ช่างน่าเสียดายที่เจียงเฉินทำได้เพียงหัวเราะต่อคำพูดของนักพรตเซวียนอี้ เหตุใดที่ยอดนักบุญอย่างเขาต้องขอคำชี้แนะจากผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ตัวจ้อยด้วย?นี่มันล้อกันเล่นหรือ?
หากเขาไม่เกรงใจ เจียงเฉินสามารถที่จะให้คำแนะนำแก่นักพรตเซวียนอี้ได้ง่ายๆ และเขาจะได้รับผลประโยชน์มากมายจากมัน มันสามารถทำให้เขาสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิติญญายุทธใน่เวลาสั้นๆได้ เื่เช่นนี้สำหรับเจียงเฉินแล้ว มันเป็เื่ง่ายดาย
แน่นอนว่าเจียงเฉินไม่ได้ให้การชี้แนะแก่นักพรตเซวียนอี้ การกลับมาเกิดใหม่ของเขานั้นเป็ความลับสุดยอด เขาไม่บ้าพอที่จะหาเื่ใส่ตัว นอกจากนี้การชี้แนะจากศิษย์ขั้นแก่นแท้มนุษย์ชี้แนะต่อผู้นำนิกายขั้นแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ จะมีหรือที่นักพรตเซวียนอี้จะยอมฟังเขา?
เจียงเฉินกุมมือต่อนักพรตเซวียนอี้ แล้วเขาหันกลับออกจากวังเซวียนอี้ นักพรตเซวียนอี้ได้หรี่ตามองไปยังหลังของเจียงเฉิน และพูดอย่างไม่แยแสว่า
"หวังว่าเ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง"
ภายนอกวังเซวียนอี้ กวนอี้หยุนยังรอเจียงเฉินอยู่ เมื่อเขาเห็นว่าเจียงเฉินได้ออกมาแล้ว เขาจึงรีบเดินไปหาเจียงเฉิน
"ศิษย์น้องเจียง ท่านผู้นำนิกายได้มอบอะไรดีๆให้งั้นหรือ?"
กวนอี้หยุนถาม ด้วยสถานะของเขาในนิกายเซวียนอี้ ในหมู่ศิษย์นอกมีเพียงแค่เจียงเฉินเท่านั้นที่ทำให้เขาพูดจาสุภาพได้
"ดูข้าเหมือนคนที่ได้รับอะไรดีๆมางั้นหรือ?"
เจียงเฉินโชว์มือให้ดู แล้วเขาเบี่ยงประเด็น
"ศิษย์พี่กวน ท่านตัดสินใจแน่แล้วหรือที่จะลงไปยังนรกอเวจีในวันพรุ่งนี้?"
"ใช่แล้วล่ะ ข้าได้ตัดสินใจแล้ว ข้าอาจจะรุ่งหรือจะดับ ข้าจะเดิมพันอนาคตไว้กับนรกอเวจี!"
กวนอี้หยุนพูดอย่างจริงจัง
"ท่านต้องระวังตัวให้มาก"
เจียงเฉินเตือนเขา เขามีความประทับใจที่ดีต่อกวนอี้หยุน เขาจึงไม่้าเห็นสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นต่อเขา
"ตกลง ข้าจำเป็ต้องเตรียมตัวก่อน ศิษย์น้องเจียงเฉิน เ้ามีปีกเ้ากลับเองได้สินะ"
หลังจากที่พูดจบ กวนอี้หยุนได้บินสู่ท้องฟ้าและหายลับไปจากสายตาของเจียงเฉิน
