นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มู่หลิวเยวี่ยพูดถึงองค์หญิงฉางผิงต่อหน้าหานรั่วเสวี่ย
“จริงสิ ท่านสัญญากับข้าหลายครั้งแล้ว” นางพึมพำอย่างเสียใจ
มู่หลิวเยวี่ยหัวเราะ “ไม่ใช่ว่าครั้งก่อนๆ มีเื่วุ่นวายมากมายหรือไร เช่นนี้ข้าจะขอให้องค์หญิงฉางผิงเชิญเ้าไปที่งานเลี้ยงเหมยฮวาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เป็อย่างไร?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หานรั่วเสวี่ยก็ยิ้มแย้มแจ่มใสทันที “หลิวเยวี่ย ท่านอย่าหลอกให้ข้าดีใจนะ!”
งานเลี้ยงเหมยฮวาจะจัดขึ้นทุกๆ สามปี โดยองค์หญิงฉางผิงเป็คนจัดขึ้นมาเมื่อไม่กี่ปีก่อน เป็งานเลี้ยงที่จะได้ชื่นชมดอกเหมยฮวาและชิมชา ผู้เข้าร่วมทั้งหมดเป็สตรี โดยองค์หญิงฉางผิงจะเป็ผู้คัดเลือกและส่งคำเชิญ ผู้ที่ได้รับคำเชิญส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็สตรีจากตระกูลสูงส่งในเทียนหนิง
หากได้รับเชิญ ก็พิสูจน์ได้ว่าเป็ที่รู้จักในแวดวงชนชั้นสูงของเทียนหนิง ดังนั้นงานที่ยิ่งใหญ่นี้จึงเป็ที่ปรารถนาของสาวๆ ทุกคน
ก่อนที่หานฉงอันจะถูกคุมขัง ตระกูลหานเองก็ถือเป็ตระกูลใหญ่ แต่น่าเสียดายที่พวกเขามีสถานะเป็สามัญชนเท่านั้น ไม่สามารถเรียกได้ว่าร่ำรวยและมีอำนาจ ดังนั้นหานรั่วเสวี่ยจึงไม่มีโอกาสเลย
“ข้าสาบานตกลงหรือไม่? เ้าไม่เชื่อข้าขนาดนั้นเลยหรือไร?” มู่หลิวเยวี่ยพูด พร้อมกับแววตาที่ฉายแววเ้าเล่ห์
“ไม่ใช่ๆ ข้าเชื่อท่านอยู่แล้ว!” หานรั่วเสวี่ยตื่นเต้นมากจนไม่ได้สงสัยคำเชิญอย่างกะทันหันของมู่หลิวเยวี่ย
แน่นอนว่าตื่นเต้นก็คือตื่นเต้น หานรั่วเสวี่ยยังไม่ลืมจุดประสงค์ของการมาครั้งนี้ นางพูดติดตลกว่า “อันที่จริง ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อท่าน เพียงแต่ท่านไม่ได้นัดข้าออกมาแบบนี้นานมากแล้ว ข้าเลยคิดว่าพี่หญิงมู่คงลืมข้าไปแล้ว?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา มู่หลิวเยวี่ยราวกับถูกรบกวนความสุข นางวางถ้วยชาที่เพิ่งจะหยิบขึ้นมาลงทันที
นางมองไปที่หานรั่วเสวี่ยด้วยสายตาลึกล้ำและพูดอย่างเ็าว่า “เ้ายังจะกล้ามาโทษข้าอีกหรือ? ่นี้ข้าเกือบถูกสตรีผู้นั้นในตระกูลเ้าทรมานเกือบตาย!”
หานรั่วเสวี่ยรู้ว่าโอกาสมาถึงแล้ว ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดเบาๆ ว่า “ตอนนี้นางคือฉินหวังเฟยแล้ว”
มู่หลิวเยวี่ยตะคอกอย่างเ็า “ฉินหวังเฟยแล้วอย่างไรล่ะ เช่นนั้นฉินอ๋องก็ต้องยอมรับนางสิ”
“ข้าได้ยินมาว่า...” หานรั่วเสวี่ยลังเลที่จะพูด
“เ้าได้ยินอะไรมา?” มู่หลิวเยวี่ยขมวดคิ้ว สีหน้าก็ดูไม่ดีทันใด นางเกลียดการอ้ำๆ อึ้งๆ แบบนี้ที่สุด
“ข้าได้ยินมาว่านางช่วยชีวิตพี่ชายของท่าน มีข่าวลือตามท้องถนนและตรอกซอกซอยเมื่อไม่นานมานี้ว่านางมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมที่ซ่อนไว้ บางคนเห็นคนใหญ่คนโตหลายคนมาที่ประตูจวนฉินอ๋องเพื่อขอรับการรักษากับนาง” หานรั่วเสวี่ยพูดด้วยเสียงเบา
แววตาของมู่หลิวเยวี่ยสั่นไหวด้วยความไม่พอใจ ท้ายที่สุดสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารพี่ชายของนาง และตอนนี้ยังไม่สามารถหาตัวฆาตกรและคนที่วางยาพบ พ่อของนางสั่งอย่างเคร่งครัดว่าห้ามเปิดเผยต่อสาธารณะ นอกจากนี้หานอวิ๋นซียังได้รับความดีความชอบจากเื่นี้ แล้วนางก็ไม่้าพูด
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นใบหน้าที่หวาดกลัวของหานรั่วเสวี่ย มู่หลิวเยวี่ยก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“หลิวเยวี่ย คงไม่ใช่เื่จริงใช่หรือไม่ หานอวิ๋นซีเก่งขนาดนั้นเลยหรือ? ก่อนหน้านั้นนางเป็แค่คนไร้ค่าในตระกูลไม่ใช่หรือไร? เป็ไปได้หรือไม่ว่าก่อนหน้านั้นนางเสแสร้งมาตลอด? นางเป็อัจฉริยะอย่างนั้นหรือ?”
ใบหน้าของหานรั่วเสวี่ยเต็มไปด้วยการพูดเกินจริง เมื่อเห็นว่ามู่หลิวเยวี่ยยังคงไม่เคลื่อนไหว นางก็พูดต่อว่า “ถ้าเป็เช่นนั้น เราคงประเมินนางต่ำไปจริงๆ สตรีผู้นี้...”
ก่อนที่คำพูดจะจบลง มู่หลิวเยวี่ยก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ขัดจังหวะอย่างเ็าพร้อมกับสบถว่า “อัจฉริยะกับผีนะสิ!”
หานรั่วเสวี่ยรีบมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตระหนก “พี่หญิงใหญ่ ชู่ว...ถ้ามีคนได้ยินคำพูดหยาบคายของท่าน พรุ่งนี้ท่านได้กลายเป็ตัวเอกของข่าวลือในเมืองหลวงอย่างแน่นอน!”
ใบหน้าของมู่หลิวเยวี่ยมืดมน นางเม้มริมฝีปากด้วยความหงุดหงิด “หานอวิ๋นซีเก่งแค่ล้างพิษเท่านั้นแหละ ไม่ใช่หมอเทวดาอะไรสักหน่อย ในโลกนี้มีอีกหลายคนที่สามารถล้างพิษได้”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ มู่หลิวเยวี่ยก็ยังหงุดหงิดและพูดเสริมว่า “มีความสามารถในการล้างพิษแล้วอย่างไรล่ะ แค่มียาแก้พิษ ใครๆ ก็สามารถล้างพิษได้แล้ว?”
อย่างไรก็ตาม หานรั่วเสวี่ยกลับรู้สึกประหลาดใจมาก “ที่แท้พี่ชายของท่านถูกวางยาพิษสินะ! ไม่ใช่บอกว่าเขาถูกแทงหรอกหรือ?”
“บนดาบของนักฆ่ามีพิษ!” มู่หลิวเยวี่ยพูดอีกครั้ง
“แบบนี้นี่เองสินะ...แต่...ทำไมภายนอกถึงมีข่าวลือว่านางยังคงถูกขังอยู่ในคุก แล้วหลังจากได้รับการปล่อยตัว เ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ก็ถูกเปลี่ยนคน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หานรั่วเสวี่ยถามต่อ
เมื่อเห็นความลังเลในดวงตาของมู่หลิวเยวี่ย นางรู้ได้ในทันทีว่าเื่นี้ต้องมีความลับอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงพูดเสริมว่า “ข้ายังได้ยินจากเหล่าพี่สาวน้องสาวบางคนพูดว่าฉินอ๋องเข้าข้างนาง โดยบอกว่าฉินอ๋องไม่ได้ถามถูกผิดอะไรสักอย่าง ทั้งยังไปที่คุกด้วยตัวเองและพานางออกมาอีก?”
ฉินอ๋องเข้าข้างนาง?
ทันทีที่หานรั่วเสวี่ยพูดสิ่งนี้ มู่หลิวเยวี่ยก็ตบโต๊ะดัง “เพียะ” อย่างแรง “ไร้สาระ หานอวิ๋นซีสมควรได้รับมัน!”
หานรั่วเสวี่ยมองนางด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับความสงสัยในแววตาที่เผยออกมา
มู่หลิวเยวี่ยไม่ชอบการจ้องมองแบบนี้อย่างมาก นางหายใจเข้าลึกๆ และพูดอย่างเ็าว่า “นี่ ข้าจะบอกความลับให้เ้าฟัง เ้าห้ามไปบอกใครเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นต่อไปเ้าอย่าได้มาพบข้าอีก”
หานรั่วเสวี่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “หลิวเยวี่ย ท่านเองก็รู้ไม่ใช่หรือว่าข้าไม่มีทางบอกใครอย่างแน่นอน”
มู่หลิวเยวี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า แล้วลดเสียงลง “อันที่จริง พี่ชายของข้าถูกพิษสองชนิด”
“ว่าไงนะ?” หานรั่วเสวี่ยอุทาน นางรู้สึกประหลาดใจจริงๆ
“ชู่ว...” มู่หลิวเยวี่ยจ้องนางอย่างดุร้าย หานรั่วเสวี่ยรีบยกมือขึ้นมาปิดปากทันที แสดงท่าทางว่าไม่กล้า
จากนั้นมู่หลิวเยวี่ยจึงจะพูดต่อ “ประเภทแรก หานอวิ๋นซีได้รักษาให้หายแล้ว จากนั้นพี่ชายของข้าก็มีอาการกำเริบอีกครั้ง ไข้ขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหานอวิ๋นซีจึงถูกตัดสินลงโทษ แต่ใครจะรู้ว่าพิษประเภทที่สองคือพิษที่ซ่อนเร้นอยู่นานหลายปี แล้วนางก็บังเอิญล้างพิษได้อีกครั้ง หลังจากล้างพิษได้จึงไม่ได้รับการลงโทษอย่างไรล่ะ”
มู่หลิวเยวี่ยที่พูดไปเพื่อที่จะจงใจใส่ร้ายหานอวิ๋นซี นางจึงตั้งใจโกหกว่า “ที่จริงแล้ว นางเป็เพียงแมวตาบอดที่เจอหนูตาย[1]เท่านั้น เลยบังเอิญสามารถรักษาพิษทั้งสองได้ ั้แ่ต้นจนจบของเื่นี้ฉินอ๋องไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องเลย แล้วฉินอ๋องเองก็ไม่ได้สนใจเื่ความเป็ความตายของนางด้วย เ้าอย่าไปฟังเื่ไร้สาระภายนอกให้มากนักเลย”
แววตาของหานรั่วเสวี่ยเต็มไปด้วยความสับสน แน่นอนนางรู้ว่าสิ่งที่มู่หลิวเยวี่ยพูดนั้นไม่เป็ความจริงทั้งหมด แต่ความจริงที่ว่าหานอวิ๋นซีช่วยแม่ทัพใหญ่นั้นไม่สามารถเสแสร้งได้
“ที่แท้ก็เป็เช่นนี้นี่เอง ฮ่าๆ คิดไม่ถึงว่านางจะล้างพิษได้” หานรั่วเสวี่ยพูดบ่น
มู่หลิวเยวี่ยรู้สึกอึดอัดมากที่ได้ยินเช่นนี้ และมักจะรู้สึกว่าหานรั่วเสวี่ยดูเหมือนจะชื่นชมหานอวิ๋นซีเล็กน้อย
ในแววตาก็แฝงไปด้วยความชั่วร้าย และกระซิบว่า “รั่วเสวี่ย มีอีกเื่หนึ่งที่ข้าจะบอกเ้าเพียงคนเดียว เ้าต้องเก็บเป็ความลับ”
“แน่นอน ท่านวางใจได้!”
เมื่อเห็นท่าทางลึกลับของมู่หลิวเยวี่ย หานรั่วเสวี่ยก็รู้สึกตื่นเต้น นางมาที่นี่เพื่อถามเกี่ยวกับแม่ทัพใหญ่ แต่นางไม่คาดคิดว่าจะได้รู้มากกว่านั้น
หากรู้ว่าเป็แบบนี้ นางคงจะเชิญมู่หลิวเยวี่ยมาดื่มชาตั้งนานแล้ว
เสียงของมู่หลิวเยวี่ยเบาอย่างมาก “รั่วเสวี่ย เื่ที่พ่อเ้าติดคุก...ความจริงแล้วเกี่ยวข้องกับหานอวิ๋นซี”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หานรั่วเสวี่ยก็ใและจ้องไปที่มู่หลิวเยวี่ยด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“มองอะไร สติหลุดไปแล้วหรือไร!” มู่หลิวเยวี่ยโบกมือข้างหน้านาง ดึงนางเข้ามาใกล้และพูดต่อว่า “เื่นี้ ข้าเองก็ได้ยินมาหลายวันก่อนตอนที่เข้าวัง แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่ามันเป็เื่จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เ้าควรจับตาดูให้ดี”
“สรุปมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!” หานรั่วเสวี่ยกระวนกระวาย
“ข้าได้ยินมาว่าหานอวิ๋นซีช่วยหมอหลวงกู้ในการรักษาอาการป่วยของไท่จื่อ และหานอวิ๋นซีปฏิเสธการวินิจฉัยของพ่อเ้าโดยสิ้นเชิง” มู่หลิวเยวี่ยพูด
เื่ของไท่จื่อ ฮ่องเต้บอกกับชาวโลกแต่เพียงว่าหานฉงอันวินิจฉัยผิดพลาด ไท่จื่อเองก็หายจากอาการป่วยที่เรื้อรังเป็เวลานาน แต่ความจริงคืออะไร ทุกคนต่างไม่รู้ชัด
เพียงแต่มู่หลิวเยวี่ยรู้ความจริงมานานแล้ว แน่นอนว่านางไม่มีทางบอกความจริงกับหานรั่วเสวี่ย มีแต่จะเติมเชื้อเพลิงให้กับความจริงเพื่อทำให้หานอวิ๋นซีกลายเป็คนชั่วเท่านั้น
เมื่อเห็นหานรั่วเสวี่ยจ้องมองอย่างว่างเปล่า มู่หลิวเยวี่ยก็ลดเสียงลงให้เบาที่สุด “หานอวิ๋นซีกำลังวางแผนชั่วร้ายบางอย่างอยู่ล่ะ!”
หานรั่วเสวี่ยที่้าจะรับสมัครลูกเขยเพื่อเป็ผู้นำตระกูลคนต่อไปของตระกูลหานมาตลอด ด้วยการยั่วยุเช่นนี้ หานรั่วเสวี่ยต้องเกลียดหานอวิ๋นซีไปจนตายอย่างแน่นอน
“พูดเช่นนี้ เป็นางที่ทำร้ายท่านพ่องั้นหรือ!” หานรั่วเสวี่ยพูดด้วยความโกรธ
เช่นนี้มู่หลิวเยวี่ยจึงจะกลับไปนั่งและรินชาให้หานรั่วเสวี่ยด้วยตัวเอง นางพยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ดีจริงๆ ไม่แปลกใจที่นางไม่ให้พวกเราไปเยี่ยมท่านพ่อ ไม่แปลกใจเลยที่กุญแจห้องเก็บของตระกูลหานถึงได้อยู่ในมือนาง บุตรสาวที่แต่งงานแล้ว นางยัง้ากลับมาแย่งชิงทรัพย์สินของครอบครัวอีกอย่างนั้นหรือ?”
หานรั่วเสวี่ยไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป นางที่โกรธมากจะไปมีอารมณ์ดื่มชาอย่างสบายใจได้อย่างไรกัน นางต้องรีบกลับไปบอกท่านแม่เกี่ยวกับเื่นี้
“หลิวเยวี่ย เื่นี้เป็เื่ใหญ่ ข้าต้องกลับไปแล้ว!” หานรั่วเสวี่ยลุกขึ้นและพูดอย่างจริงจัง
จุดประสงค์ของการมาครั้งนี้ของมู่หลิวเยวี่ยเองก็บรรลุผลแล้วเช่นกัน นางพยักหน้าและเตือนด้วยเสียงแ่เบาว่า “เ้าอย่าหักหลังข้าล่ะ”
“วางใจได้! ข้าขอตัวก่อน” หานรั่วเสวี่ยรีบเดินออกไป จนลืมแม้กระทั่งใบชาที่วางไว้ข้างๆ ใบชานี้แม่ของนางเลือกมาอย่างดี ทุกครั้งที่นางดื่มชากับมู่หลิวเยวี่ย นางจะให้มู่หลิวเยวี่ยหนึ่งกระป๋อง
เมื่อการยั่วยุประสบความสำเร็จ อารมณ์ของมู่หลิวเยวี่ยก็ดีขึ้นอีกครั้ง นางจะไปสนใจใบชาอะไรเสียที่ไหน นางแค่ดื่มชาอีกสองสามถ้วยแล้วก็ลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน นางอยากจะไปที่บ่อน้ำพุร้อนเพื่อผ่อนคลายเสียหน่อย
นางคิดว่าตระกูลหานจะสร้างปัญหาให้กับหานอวิ๋นซีในไม่ช้า และตอนนี้องค์หญิงฉางผิงเองก็น่าจะได้รับจดหมายของนางแล้ว นางจะกลับไปเมืองหลวงในอีกไม่กี่วัน ถึงเวลานั้น หานอวิ๋นซีคงจะยุ่งจนไม่มีเวลาสืบหาคนทรยศอย่างแน่นอน
ในตอนบ่ายของวันนั้น หานรั่วเสวี่ยกลับมาถึงที่จวนตระกูลหานและตรงไปหาหลี่ซื่อทันที
“ท่านแม่ หานอวิ๋นซีคิดที่จะแย่งชิงทรัพย์สินของตระกูล ข้าคิดว่าเราต้องหารือกับฮูหยินสวี่แล้วล่ะ ไม่ว่าอย่างไรเราต้องเอากุญแจห้องเก็บของมาให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที” จนกระทั่งถึงตอนนี้หานรั่วเสวี่ยยังคงกระวนกระวายใจ ด้วยเพราะเื่นี้เกี่ยวข้องกับตำแหน่งผู้นำตระกูลของนาง
อย่างไรก็ตาม หลี่ซื่อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ลุกลี้ลุกลนเหมือนหานรั่วเสวี่ย “พูดเช่นนี้ อย่างไรนางก็ช่วยไท่จื่อไว้ ฮ่าฮ่า ไม่แปลกใจเลยที่จะหยิ่งผยอง แม้แต่ใต้เท้าโอวหยางยังต้องยอมหลีกทางให้ คิดไปแล้วฮูหยินสวี่ก็คงรู้เื่ราวภายในเหมือนกันสินะ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หานรั่วเสวี่ยจึงจะได้สติกลับมา หากฮูหยินสวี่ไม่ได้กลัว แล้วในวันนั้นจะยอมให้หานอวี้ฉีทุบตีเปล่าๆ ได้อย่างไรกัน?
“อย่างไรก็ตาม แม้ว่านางจะได้รับการสนับสนุน แต่แล้วอย่างไรล่ะ บุตรสาวที่แต่งงานแล้วจะไปถือกุญแจห้องเก็บของของตระกูลได้อย่างไร มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย มันไม่สมเหตุสมผล!” หานรั่วเสวี่ยพูดอย่างจริงจัง
หลี่ซื่อส่งสายตาให้บุตรสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ เมื่อเห็นสิ่งนี้ หานรั่วเสวี่ยก็รีบที่จะแก้ต่าง ทว่าหลี่ซื่อกลับตำหนินางอย่างรุนแรงว่า “นิสัยของเ้าเช่นนี้ ต่อไปหากกลายเป็เื่ใหญ่ขึ้นมาจะทำอย่างไร? กี่ครั้งแล้วที่ข้าบอกให้เ้าอดทนไว้ สรุปแล้วมันเคยเข้าหูเ้าสักครั้งหรือไม่?”
เช่นนี้หานรั่วเสวี่ยจึงจะสงบลง ก้มหน้าลงอย่างขุ่นเคือง นึกถึงบทเรียนก่อนหน้านี้ของท่านแม่ ฮูหยินสวี่ไม่มีทางปล่อยเื่นี้ไปอย่างแน่นอน แล้วพวกนางเองก็ไม่้าออกสู่สาธารณชนในตอนนี้
ปล่อยให้หานรั่วเสวี่ยยืนก้มหน้า หลี่ซื่อก็สงบลงและชงชาดื่ม หลังจากร่างกายอุ่นลงด้วยชาร้อนสองสามถ้วย จึงพูดขึ้นมาว่า “วันนี้ข้าสั่งให้เ้าไปถามมา เ้าได้ถามแล้วหรือยัง?”
การนัดหมายกับมู่หลิวเยวี่ยในครั้งนี้ ประเด็นหลักเป็เื่เกี่ยวกับแม่ทัพใหญ่
แน่นอนว่า หานรั่วเสวี่ยไม่ลืมเื่นี้ เพียงแต่นางไม่เข้าใจที่ท่านแม่ถามถึงเื่ของแม่ทัพใหญ่ ไม่ใช่แค่อยากรู้ว่าหานอวิ๋นซีมั่นใจขนาดไหนหรอกหรือ?
ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าหานอวิ๋นซีช่วยชีวิตไท่จื่อ แล้วจะไปสนใจเื่ของแม่ทัพใหญ่อีกทำไมกัน?
“ถามแล้ว มันไม่ได้ต่างไปจากข่าวลือข้างนอกมากนัก” หานรั่วเสวี่ยพูดเบาๆ
“ข้าบอกว่าให้เ้าถามรายละเอียดมา!” หลี่ซื่อพูดด้วยน้ำเสียงเ็า กำหมัดแน่น หากสตรีที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่บุตรสาวของนางเอง เดาว่าคงถูกลากออกไปทุบตีนานแล้ว
-----------------------------------
[1] แมวตาบอดเจอหนูตาย แปลว่า โชคดีหรือบังเอิญจึงประสบความสำเร็จ