“กติกามีเท่านี้ หลังจากนี้ก็อยู่ที่ฝีมือของแต่ละคนแล้วนะ”
ท่านผู้เฒ่าอูละสายตากลับมา จากนั้นก็มองไปที่ฟางหลิงจวินและซ่งหยวนหยวนพร้อมกับพูดว่า “ท่านทั้งสอง เริ่มเถอะ”
พอพูดจบ ท่านผู้เฒ่าอูก็เดินลมปราณจากในร่างกาย เขาพลิกข้อมือขึ้น แล้วเปลวเพลิงสีม่วงอ่อนก็ลุกโชนขึ้นมาจากมือ เขาบีบให้มันเล็กเป็ลูกไฟขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือก่อนจะพองตัวอย่างรวดเร็ว ถ้ามองด้วยตาเปล่าตอนนี้น่าจะมีขนาดเท่าหัวคน
ส่วนฟางหลิงจวินเองก็บีบเปลวไฟออกมาเช่นกัน เพียงแต่เปลวไฟของเขานั้นเป็สีน้ำเงินเข้ม แสงไฟค่อนข้างอ่อนโยนราวกับน้ำ แต่ภายใต้ลูกไฟนี้มันกลับทำให้อากาศรอบๆ นั้นบิดเบี้ยว!
ส่วนลูกไฟที่ซ่งหยวนหยวนทำออกมานั้นไม่เหมือนกับผู้เฒ่าอูและฟางหลิงจวินเลย มันเป็สีแดงเพลิง ดูรุนแรง และมีเสียงประกายไฟดังออกมาด้วย ทุกคนที่อยู่โดยรอบนั้นสามารถััถึงพลังงานที่รุนแรงของลูกไฟเพลิงนี้!
แหล่งพลังงานิญญาเทวะ!
ิอวี่ใช้ััแห่งิญญามองเห็นว่าพลังงานทั้งสามอย่างนี้ไม่เหมือนกัน มันออกมาจากเทวะที่อยู่ในจุดตันเถียนของพวกเขาทั้งสามคน เปลวเพลิงก็เลยแตกต่างกันออกไป เพราะธาตุในแหล่งพลังงานิญญาเทวะของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน!
ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินเฮยจีจำแนกประเภทของแหล่งพลังงานิญญาเทวะมา ดูท่า แหล่งพลังงานิญญาเทวะของซ่งหยวนหยวน ฟางหลิงจวิน แล้วก็ผู้เฒ่าอู น่าจะเป็ประเภทสายธาตุ
“ไป”
ระหว่างที่ิอวี่กำลังคิด ผู้เฒ่าอูก็ส่งเสียงเบาๆ เขายื่นมือออกไปด้านหน้า ส่วนฟางหลิงจวินกับซ่งหยวนหยวนเองก็ยื่นมือออกไปเช่นกัน ทั้งสองคนเล็งลูกไฟในมือออกไปด้านหน้า
ลูกไฟสามลูกที่เปล่งแสงสีที่แตกต่างกันออกไปนั้น พุ่งไปยังประตูใหญ่ของหอคอยเลี่ยนถ่า
พลังงานทั้งสามสายรวมกันไปที่เสาต้นใหญ่ และพุ่งไปยังรางหินที่อยู่ที่ประตู
ผู้าุโใหญ่อีกเจ็ดคนที่เหลือนั้นถึงแม้จะไม่ได้มีพลังงานที่แข็งแกร่งเท่ากับพวกซ่งหยวนหยวน แต่ลมปราณในตัวของเขานั้นก็แข็งแกร่ง พวกเขาล้วนแต่เดินลมปราณและปล่อยให้พุ่งไปยังรางหินที่ประตูเช่นกัน
พลังงานสิบสายถูกถ่ายเข้าไปในรางเสา รางหินเกิดแสงสีขาวสว่างจ้าและสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายแสงนั้นก็สว่างมากจนทำให้ทุกคนแสบตา
ระหว่างที่กำลังถ่ายโอนพลังงานเข้าไปนั้น หอคอยเลี่ยนถ่าก็เริ่มเหมือนมีชีวิต มันเหมือนกับศพที่ได้รับิญญาเข้าร่างจนเต็มไปด้วยชีวิตชีวา!
ผ่านไปประมาณครึ่งนาที รางหินก็เต็มไปด้วยพลังงาน แล้วประตูใหญ่ขนาดสามสิบเมตรก็ค่อยๆ เปิดออก!
“หอคอยเลี่ยนถ่าเปิดแล้ว ได้เวลาพิสูจน์ความสามารถของพวกเ้าแล้วนะ เด็กๆ ลุยเลย”
ท่านผู้เฒ่าอูพูดจบ ศิษย์ชั้นยอดคนหนึ่งก็บุกเข้าไปในหอคอยเลี่ยนถ่าอย่างบ้าคลั่ง พริบตาก็หายไปจากประตูใหญ่สีดำที่ลึกลับนั่น
ด้านหลังของซ่งหยวนหยวน เิหยูเยียนออกตัวคนแรก ตามมาด้วยถังเฉิน ส่วนิอวี่คือคนสุดท้ายที่วิ่งไปที่ประตู
หลังจากที่เหล่าศิษย์ชั้นยอดเข้าไปในหอคอยเลี่ยนถ่ากันหมดแล้ว ประตูใหญ่สูงสามสิบเมตรก็ค่อยๆ ปิดลง
แสงสีขาวบนรางหินที่ประตูใหญ่สว่างไสวตลอดเวลา ผู้าุโใหญ่ทั้งสิบคนก็ยังกางมือขวาถ่ายพลังงานอยู่ พลังงานยังคงถูกถ่ายโอนเข้าไปในรางหินอย่างต่อเนื่อง
ขอแค่พวกเขาถ่ายพลังงานเข้าไปอย่างต่อเนื่อง กลไกในหอคอยเลี่ยนถ่าก็จะทำงานอยู่ตลอดเวลา
“หยวนหยวน หวังว่าศิษย์ของเ้าจะทนได้นานสักหน่อยนะ ถูกคัดออกเร็วเกินไปมันจะไม่สนุก” ฟางหลิงจวินยื่นมือถ่ายพลังไปด้วย และหันไปมองซ่งหยวนหยวนไปด้วยพลางยิ้มที่มุมปาก
ซ่งหยวนหยวนจ้องไปที่ฟางหลิงจวิน จากนั้นก็จ้องไปที่ประตูใหญ่ที่ปิดสนิทอยู่
“เิหยูเยียน ครั้งนี้กู้หน้าให้อาจารย์หน่อยนะ!”
มือซ้ายที่อยู่ด้านข้างของซ่งหยวนหยวนกำหมัดแน่น นางพูดในใจ
ในเวลาเดียวกัน ในหอคอยเลี่ยนถ่า
หลังจากิอวี่เข้ามาในหอคอยเลี่ยนถ่าไม่ถึงสองวินาทีประตูใหญ่ก็ปิดลง เขาคิดว่ารอบตัวของเขานั้นจะสว่างขึ้นมา แต่กลับพบว่าขนาดกางมือยังมองไม่เห็นนิ้วเลย
ิอวี่ยังััไม่เจอลมปราณของศิษย์ชั้นยอดคนอื่นด้วย เขารู้สึกว่าพื้นที่รอบๆ ตนเองนั้นกว้างขวางมาก แต่กลับมีแค่ตัวเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
ทันใดนั้นเอง ิอวี่ก็ััได้ว่าที่บริเวณหน้าท้องของเขานั้นเหมือนมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้น แล้วดอกไม้ดอกหนึ่งที่มีเก้ากลีบก็เริ่มหมุน
“นี่คือ ... ตราประทับการทดสอบหรือ”
ระหว่างที่ิอวี่กำลังคิด ทันใดนั้นเองก็มีมือขนาดใหญ่มาจับตัวเขาแล้วลากไปด้านหน้า ิอวี่รู้สึกเหมือนร่างกายของเขาไถลไปในช่องมิติอะไรบางอย่าง หลังจากที่ผ่านไปประมาณสองสามวินาทีก็รู้สึกว่ารอบตัวนั้นสว่างโดยไม่รู้ว่าไปโผล่อยู่ที่ไหน
ิอวี่มองไปรอบๆ ก็พบว่าตนเองนั้นอยู่ในห้องมิติขนาดห้าสิบตารางเมตร รอบตัวดูสลัวราง มีแสงสีแดงทองที่ทรงพลังปรากฏขึ้นมาจากพื้นดิน
ที่แท้ พื้นที่เขายืนอยู่นั้นมันมีรอยแตกออก ร่องรอยที่แยกออกนั้นมีธารหินหนืดกำลังเคลื่อนไหวอยู่ และธารหินหนืดบางส่วนยังกระเด็นขึ้นมาจากรอยแยกนั้นด้วย
พื้นที่นั้นมันร้อนระอุไปหมด ถ้าคนทั่วไปมาอยู่ตรงนี้พวกเขาจะต้องตายในทันทีแน่ แต่ิอวี่มีร่างกายแห่งหยินหยางซึ่งทนทานต่อไฟได้เป็อย่างดี เขาเลยแค่รู้สึกว่ามันร้อนเท่านั้น
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจเลย แต่สิ่งที่แปลกใจนั่นก็คือพื้นที่ที่อยู่ด้านหน้ามากกว่า เพราะมันเหมือนมีนักรบสวมชุดเกราะสีดำที่เขาไม่รู้จักอยู่
หมวกเหล็ก เสื้อเกราะ สนับแขน ถุงมือเหล็ก สนับเข่า รองเท้าเหล็ก ...
ชุดเกราะเหล่านี้มันทำให้คนเห็นรู้สึกหนักแน่นและมั่นคง!
“การประลองชั้นที่หนึ่งของหอคอยเลี่ยนถ่า เอาชนะหัตถ์ชำระบาปให้ได้ การประลอง เริ่ม” เสียงเข้มๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นทั่วทิศทาง และดังก้องไปทั่วห้อง
ทันใดนั้น ตรงรอยแตกบนพื้นใต้ฝ่าเท้าของิอวี่ ธารหินหนืดก็ลอยขึ้นมากลางอากาศ และพุ่งไปยังชุดเกราะ พลังงานแห่งเปลวเพลิงควบแน่นขึ้นและก่อตัวเป็ร่างแห่งเปลวเพลิง!
ร่างแห่งเปลวเพลิงนั้นมีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ มันสามารถค้ำชุดเกราะได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมีเปลวไฟที่ออกมาจากช่องว่างของชุดเกราะสีดำลุกโชนขึ้นมาอย่างงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
และนี่ก็คือหัตถ์ชำระบาป!
หลังจากนั้น ดวงตาสีเืที่อยู่บนหัวที่มีไฟลุกท่วมของหัตถ์ชำระบาปก็ลืมตาขึ้น ลมปราณที่หนาแน่นพุ่งออกมาพันรอบตัวของิอวี่ในทันที
ิอวี่ใมาก ลมปราณของเ้าหัตถ์ชำระบาปนั้น มันคือขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุด!
“จงรับการลงทัณฑ์จากข้า!”
ถุงมือเหล็กที่อยู่ตรงมือขวาของหัตถ์ชำระบาปคว้าอากาศที่เบาบาง กระบี่เพลิงเล่มใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นในทันที และพุ่งโจมตีเข้ามาที่ิอวี่ด้วยความเกรี้ยวกราด กระบี่เพลิงฟันออกมาในแนวนอนโดยมีพลังงานที่น่าสะพรึงมาก ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุดหากต้องเผชิญหน้ากับกระบวนท่านี้ ล้วนแต่ต้องรับมืออย่างจริงจัง
แต่ิอวี่กลับเผชิญหน้ากับกระบี่ที่มีจิตสังหารที่น่าสะพรึงนี้ด้วยการยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับไปไหนเลย
ในขณะที่กระบี่ในมือของหัตถ์ชำระบาปกำลังจะฟันลงตรงหน้าเขาแล้ว ิอวี่ก็ยกมือขวาที่มีกระบี่หวงฉวนอยู่ขึ้นมาและเหวี่ยงกระบี่ไปแนวทแยงมุม!
“ไร้ความยินดี”
กระบี่ในมือของหัตถ์ชำระบาปถูกซัดกระเด็น แต่ิอวี่ก็ไม่ได้เคลื่อนที่บุกเข้าไป เขากลับฟันกระบี่ออกไปอีกหกครั้ง
แต่ละกระบี่ที่ฟันออกไปนั้นเฉียบคมจนอากาศเป็รอยกระบี่!
หลังจากที่ฟันกระบี่ที่น่าทึ่งออกไปแล้วหกครั้ง ิอวี่ก็โผล่มาด้านหลังของหัตถ์ชำระบาป เกราะรอบตัวในจุดสำคัญของหัตถ์ชำระบาปถูกฟันิอวี่ฟันเข้าจนเปลวไฟะเิออกแล้วสลายกลายเป็ควัน
ชุดเกราะไร้การค้ำยัน ทั้งหมดหล่นลงไปกับพื้น
ิอวี่หันกลับมามองชุดเกราะที่อยู่บนพื้น สีหน้าท่าทางไม่ได้ตื่นเต้นหรือดีใจอะไรเลย
เมื่อครู่เขาฟันกระบี่ออกไปเจ็ดครั้ง แต่ละครั้งได้ใช้การตัดอารมณ์ของกระบี่เจ็ดมรณาทั้งนั้น ถึงแม้จะไม่ได้โจมตีแบบรวม แต่ก็ถือว่าเป็การทดสอบการใช้งานกระบี่เจ็ดมรณา
เมื่อหนึ่งเดือนก่อน การใช้กระบี่ของเขาก้าวหน้าไปมาก แล้วยังได้สะพานแห่งหยินหยางมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งของพลังฝีมืออีก ในความเป็จริงแล้ว ความสามารถของิอวี่นั้นดูเหมือนจะอยู่ที่ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง แต่ความสามารถของเขาจริงๆ แล้วแข็งแกร่งกว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อนมาก
การสังหารผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งในระดับสูงสุดภายในเสี้ยววินาทีนั้น สำหรับิอวี่แล้ว มันถือว่าสบายมาก
“ในเมื่อข้าเอาชนะหัตถ์ชำระบาปได้แล้ว ทำไมข้าถึงยังไม่ผ่านเข้าไปในด่านต่อไปอีกล่ะ?”
ิอวี่ยังไม่ได้รู้สึกว่ามิติมีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย ตามหลักแล้ว ตอนนี้เขาน่าจะผ่านเข้าไปในด่านชั้นที่สองของหอคอยเลี่ยนถ่าแล้วถึงจะถูก
ไม่ถูก ...
ิอวี่เหมือนจะพบว่า ดอกไม้สีขาวเล็กที่อยู่ในร่างกายของเขานั้นยังคงหมุนอยู่อย่างเดิม ไม่ได้มีกลีบดอกไม้ดอกไหนที่เปลี่ยนเป็สีแดงเพลิงเลย!
หินหนืดบริเวณรอยแยกผุดขึ้นมาและมันก็พุ่งเข้าไปในชุดเกราะอีกครั้ง ไม่กี่วินาทีเท่านั้น หัตถ์ชำระบาปก็ฟื้นคืนชีพกลับมายืนอยู่ตรงหน้าของิอวี่อีกครั้ง!
และในครั้งนี้ ลมปราณของหัตถ์ชำระบาปนั้นก็ยังแข็งแกร่งขึ้นกว่าในครั้งแรกอีก!
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!”
ิอวี่ตะลึงไป เมื่อครู่เขาใช้พลังงานปะทะจนหัตถ์ชำระบาปแตกสลายไปแล้วนี่นา และเขาก็รู้สึกได้ว่าลมปราณของมันก็สลายไปแล้วด้วย แต่ทำไมหัตถ์ชำระบาปถึงยังก่อตัวกลับคืนมาได้อีกล่ะ?
ิอวี่ก็เลยยกกระบี่ขึ้นและฟันเข้าไปด้วยความเกรี้ยวกราดอีกครั้ง หัตถ์ชำระบาปก็สร้างกระบี่เพลิงขึ้นมาอีก แล้วก็ฟันปะทะเข้ากับกระบี่ของเขา
หลังจากที่ปะทะกันอยู่หลายครั้ง ิอวี่ก็เล็งหาช่องโหว่และแทงเข้าไปที่ด้านล่างของบริเวณคางของหัตถ์ชำระบาป และแทงทะลุไปยังหลังคอของมัน
เสียงะเิดังขึ้นอีกครั้ง ร่างของหัตถ์ชำระบาปะเิออก พลังงานกระจายไปทั่ว ลมปราณหายไปอีกครั้ง
ครั้งนี้ ิอวี่ััความรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า หัตถ์ชำระบาปนั้นแข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่มากจริงๆ
“ความหมายก็คือ ด่านแรกต้องเอาชนะหัตถ์ชำระบาปสองครั้งหรือ ตอนนี้น่าจะจบแล้วใช่ไหม?” ิอวี่บ่นกับตนเอง
แต่ถึงอย่างนั้น เขาเองก็ยังไม่ได้วางใจ เปลวไฟบนพื้นก็ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง และค่อยๆ ก่อตัวบนชุดเกราะ
มันเป็เปลวเพลิงที่มีรูปร่างกำยำสูงใหญ่ และยืนอยู่ตรงหน้าของเขา!
ิอวี่ขมวดคิ้วแน่นมาก ท่าทางของเขาเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาแล้ว
