กลับถึงบ้านดึกเช่นนี้ เจียงหงหย่วนย่อมเข้าห้องภรรยาตัวน้อยไม่ได้ แม้ไม่อาจกอดร่างกายนางไว้ในอ้อมอกได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้หลับอย่างสงบ ไม่ต้องลุกไปซักผ้าปูที่นอนกลางดึก
เจียงหงหย่วนที่ได้นอนอย่างเต็มอิ่มตื่นอย่างสดชื่น ฟ้ายังไม่ทันสว่างก็ออกไปฝึกปล่อยหมัดกลางลานบ้าน
เจียงหงหนิงฝึกตามอยู่ด้านข้าง เจียงหงหย่วนช่วยแก้ในจุดที่เขาทำไม่ถูก
เรียนหนังสือก็ต้องมีร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง ไม่เช่นนั้นตอนไปสอบวิชาศิลปะคงได้เป็ลมอยู่ข้างในถ้าร่างกายไม่แข็งแรงเพราะเขาต้องอยู่ด้านในหลายวัน
ฝึกหมัดได้สองเค่อ[1] เจียงหงหย่วนก็ขอตัวไปคัดอักษรต่อ แต่เจียงหงหย่วนไม่ได้หยุด ยังคงฝึกปล่อยหมัดต่อไป
หลินหวั่นชิวเปิดประตูออกมา เจียงหงหย่วนรีบหยุดมือ เดินไปหาภรรยาตัวน้อย “เหตุใดเ้าไม่นอนให้เยอะหน่อย?”
“ต้องทำข้าวเช้าให้พวกท่าน โจ๊กหมูสับไข่เค็มดีหรือไม่?” ยุคต้าโจวยังไม่มีไข่เยี่ยวม้า นางจึงใช้ไข่แดงเค็มมาทำโจ๊กหมูสับไข่เค็ม…อืม นางอยากกินเองนั่นแหละ
“ได้” ภรรยาตัวน้อยเคยทำโจ๊กหมูสับไข่เค็มให้กินครั้งหนึ่ง ตักโจ๊กใส่ชามแล้วโรยต้นหอมสีเขียว หน้าตาน่ากินมาก “ข้าช่วยจุดไฟ”
ชายฉกรรจ์เดินตามภรรยาตัวน้อยเข้าห้องครัว ยายสวีมองจากด้านหลังแล้วเห็นแผ่นหลังเขาแค่คนเดียว หลินหวั่นชิวโดนบังจนมิด
สองสามีภรรยาเข้ามาในครัว นางคงไม่ต้องตามเข้ามาแล้ว
ยายสวีหยิบไม้กวาดไปกวาดลานบ้านแทน
ในห้องครัว เจียงหงหย่วนลุกมาต้มน้ำร้อนั้แ่ตอนตื่น เขารีบช่วยหลินหวั่นชิวตักน้ำ “ข้ามีเหงื่อ เ้าเช็ดก่อน เสร็จแล้วข้าค่อยเช็ดต่อ”
อยากดูแลภรรยาตัวน้อยแต่ยังยกเอาความเด็ดเดี่ยวของบุรุษออกมาอ้าง หาข้ออ้างให้นางใช้ก่อน
ไม่ใช่แค่หลินหวั่นชิวที่จับทางเจียงหงหย่วนได้ ขนาดเจียงหงหนิงที่คัดหนังสืออยู่ในห้องได้ยินยังคิดดูิ่ในใจ
ไอ๊หยา ต้าเกอนี่ก็จริงๆ เลย จะดีกับพี่สะใภ้แต่ยังจะห่วงมาดอีก กลัวพี่สะใภ้รู้หรืออย่างไรว่าเขาดีกับตัวเอง
อยากงัดสมองต้าเกอออกมาดูเสียจริงว่าในนั้นมีสิ่งใดอยู่
ขณะเดียวกันก็นึกอยากแลกิญญากับต้าเกอ เขาอยากเป็คนเอาใจพี่สะใภ้เสียเอง
คิดแล้วก็ร้อนใจ ไม่รู้ต้าเกออยู่ประสาบ้านกระไร อยู่ไปอยู่มาถึงได้แยกห้องนอนกับพี่สะใภ้เสียได้
เขาได้ยินว่าหากแยกห้องนอนจะไม่มีหลานตัวน้อย
เขาอยากสอนหลานตัวน้อยเรียนหนังสือ!
ต้าเกอช่างใช้ไม่ได้!
เจียงหงหย่วนไม่รู้ตัวสักนิดว่าตัวเองโดนน้องชายดูิ่อีกแล้ว เขามองหลินหวั่นชิวใช้ผ้าเช็ดหน้า ผ้าที่ภรรยาตัวน้อยใช้มีกลิ่นหอม
ชวนหลงใหลยิ่งนัก
เอามาเช็ดบนร่างเขาต่อก็เหมือนผิวได้ัักัน
ัักันทางอ้อม…
แต่เขาใช้เสร็จกลับต้องเสียใจ ตัวเองเหงื่อโชกทั้งตัว ทำผ้าเหม็นเปรี้ยวไปหมด…
เขาออกแรงซักผ้า ยกขึ้นมาดม รู้สึกว่ายังใช้ไม่ได้ก็ใส่สบู่ลงไปซักอีกรอบ
หลินหวั่นชิวเห็นชายฉกรรจ์ออกแรงซักผ้าก็รู้สึกขบขันในใจ แต่นางไม่ได้สนใจกระไร จดจ่อกับงานในมือต่อ นางต้มไข่เป็ดเค็มไว้ั้แ่เมื่อคืนแล้ว ตอนนี้แค่ต้องปอกไข่แดงออกมาเท่านั้น
นางปอกออกมาสามฟอง ไข่นี้เค็ม ถ้าใส่เยอะจะเค็มเกินไป
ไข่เป็ดเค็มสามฟองกับน้ำมันหมู ใช้ช้อนบดเข้าด้วยกันแล้วพักไว้ด้านข้าง เตรียมจะสับหมูต่อ
เจียงหงหย่วนเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาช่วย เพียงครู่เดียวก็สับหมูละเอียด ละเอียดกว่าใช้เครื่องบดเสียอีก
จากนั้น ไม่ต้องให้หลินหวั่นชิวพูด เขาไปจุดไฟที่เตา
ข้าวสารถูกแช่ั้แ่เมื่อคืน แค่ใส่ลงไปต้มก็สุกแล้ว เมื่อน้ำเดือดจึงใส่ไข่แดง หลินหวั่นชิวคอยคนเป็ครั้งคราว
ไฟในเตาลุกโชน สะท้อนให้ใบหน้าชายฉกรรจ์เป็สีแดง
“อีกสองวันบ้านพวกเราก็สร้างเสร็จแล้ว แต่ต้องตากไว้ก่อนครึ่งเดือนจึงจะเข้าอยู่ได้” ห้องครัวเงียบเกินไป เจียงหงหย่วนหาเื่คุย
“จริงหรือ ถ้าเช่นนั้นวันนี้ข้าอยากกลับไปดู จะได้ดูด้วยว่าต้องตกแต่งอย่างไร ต้องซื้อสิ่งใดเพิ่ม” อีกไม่นานก็จะได้อยู่บ้านใหม่แล้ว หลินหวั่นชิวค่อนข้างตั้งตาคอย
“ข้าไปส่ง” เจียงหงหย่วนพูด
“จะรบกวนเวลางานท่านหรือไม่? ถ้ารบกวน ข้านั่งเกวียนกลับไปเองก็ได้” หลินหวั่นชิวบอก
เจียงหงหย่วนส่ายหน้า “ไม่รบกวน”
ผ่านไปสักพัก เขาเสริมขึ้นอีกประโยค “ดูเสร็จก็กลับ”
หลินหวั่นชิวพยักหน้า “ได้ ดูเสร็จก็กลับ” นางเป็คนออกแบบบ้านหลังนี้ด้วยตัวเอง ที่สำคัญคือมีบ่อบำบัดมูล มีห้องส้วมแบบราดน้ำ นี่คือสิ่งที่นางตั้งตาคอยที่สุด
ตลอดหลายเดือนที่ทะลุมิติมา สิ่งที่นางทนไม่ได้ที่สุดคือถังอุจจาระกับส้วมหลุม รู้จักเหมือนจะตายทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ
โจ๊กใกล้ได้ที่แล้ว หลินหวั่นชิวเทน้ำแกงหมูสับลงไปในกระทะ ใช้ทัพพีคนไม่หยุด กลิ่นหอยโชยออกมา ท้องเจียงหงหย่วนร้องโครกคราก
ใส่น้ำแกงหมูสับลงไปคนแค่ครู่เดียวก็เสร็จแล้ว “เสร็จแล้ว ล้างมือกินข้าว”
พูดจบก็นำถ้วยออกมาตักโจ๊ก โรยต้นหอมให้ทุกชาม
เจียงหงหย่วนล้างมือเสร็จก็มาช่วยหลินหวั่นชิวยกโจ๊กไปที่ห้องโถง หลินหวั่นชิวนำหมั่นโถวที่นึ่งในหม้ออีกใบออกมา กลับไปยกเครื่องเคียงมาอีกสองจาน จานหนึ่งเป็หัวไชเท้าคลุกน้ำมันงา อีกจานเป็เห็ดหูหนู
นางทำกับข้าวสองอย่างนี้่ที่รอโจ๊กต้ม กินหมั่นโถวตอนเช้าอร่อยที่สุดแล้ว
“หอมมากเลย โจ๊กหมูสับไข่เค็มนี่นา!” เสียงเจียงหงหนิงดังเข้ามาั้แ่ยังเดินไม่ถึง หลินหวั่นชิวจิ้มจมูกเขา “จมูกเ้าดีนัก”
เจียงหงหย่วนมองเจียงหงหนิงอย่างไม่สบอารมณ์ “เ้าก็ไม่ได้เกิดปีจอเสียหน่อย”
เจียงหงหนิง “…”
ต้าเกอกำลังหยอกข้าเล่น?
ข้าตาฝาดหรือไม่?
นี่มันบ้าไปแล้ว
“เอาล่ะ รีบกินเถิด!” หลินหวั่นชิวดึงเจียงหงหนิงไปนั่ง เจียงหงหนิงเห็นต้าเกอทำหน้าบึ้งตึง บอกตัวเองว่าเมื่อครู่คงตาฝาด
“เป่าก่อน ระวังลวก” หลินหวั่นชิวกำชับเจียงหงหนิง ไม่เห็นหน้าที่ดำเป็ก้นหม้อของชายฉกรรจ์สักนิด
ชายฉกรรจ์ก้มหน้ากินโจ๊ก ไม่เห็นภรรยาตัวน้อยกลัวลวกปากเขาบ้างเลย
กินเร็วด้วยความโมโห กวาดเพียงไม่กี่ทีก็หมดชาม
หลินหวั่นชิวมองเขาตาค้างปากค้าง “เหตุใดท่านสู้ไม่ได้แม้กระทั่งเด็ก ไม่รู้จักระวังลวกหรือ? ขนาดเด็กยังรู้จักเป่าก่อน…”
เจียงหงหย่วน “…”
นี่ข้าโกรธผิดเื่หรือ?
อารมณ์ของเจียงหงหย่วนอัดแน่นในท้อง ไม่สามารถปล่อยออกไปได้และปล่อยไม่ออก ทรมานยิ่งนัก
กินข้าวเสร็จ เขาไปเตรียมรถล่อพาภรรยาตัวน้อยกลับหมู่บ้านอย่างหงุดหงิด ไม่นาน ถังหยวนที่ปลอมตัวเป็สตรีก็วิ่งมาที่อันอี้จวี
เชิงอรรถ
[1] 1 เค่อ(刻) เท่ากับ 15 นาที
