บทที่ 162 หุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์พูดได้
คนที่โทรเข้ามาคือคังเผิง เ้านี่มักจะโทรเข้ามาใน่เวลาที่สำคัญแบบนี้เสมอ
เย่จื่อเฉินขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอนหลังพิงโซฟาแล้วเปิดปากพูดขึ้นอย่างอ่อนใจ
"มีอะไร"
"เย่...เย่จื่อ..."
น้ำเสียงของคังเผิงในสายสั่นเครือ ั้แ่เกิดเื่ที่โดนฟู่เฉิงิจับตัวไปคราวนั้น เย่จื่อเฉินจึงตื่นตัวมากขึ้น
"พวกนายเป็อะไร?"
น้ำเสียงเคร่งเครียดดังขึ้น คังเผิงยืนอยู่หน้าประตูห้อง ข้างๆ เขามีรูมเมทคนอื่นยืนอยู่ด้วย พวกเขาสามสี่คนยืนกระจุกอยู่ด้วยกัน สายตาจ้องมองเ้าหุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์ที่อยู่บนเตียงของเย่จื่อเฉินเขม็ง
"ไอ้หุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์ของนาย มันพูดได้"
เย่จื่อเฉินรีบบึ่งกลับมาที่หออย่างไว พอเข้าห้องมาได้ เย่จื่อเฉินก็เห็นพวกคังเผิงกอดกันเป็กลุ่มก้อนอยู่ตรงมุมห้อง
"เ้าพวกมนุษย์ พวกแกกล้าแตะต้องฉันเหรอ!"
"พวกแกมันรนหาที่ตายชัดๆ พวกแกขอโทษฉันเดี๋ยวนี้!"
"พูดสิ พวกแกคิดว่าเงียบแบบนั้นแล้วจะหนีฉันพ้นเหรอ!"
เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวดังเข้าสู่โสตประสาท เย่จื่อเฉินหันไปมองตามเสียง ถึงได้เห็นตี้เทียนที่โดนซุนหงอคงเสกให้กลายเป็หุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์ตัวนั้นกำลังเหวี่ยงแขนไปมาร้องะโโหวกเหวกโวยวายอยู่ในห้อง
"เย่จื่อ นายดูหุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์ตัวนั้นสิ อะไรวะเนี่ย!"
คังเผิงกลืนน้ำลายลงคอ แล้วพูดขึ้น
"เมื่อกี้เ้าหกมันแค่เห็นว่ามีหุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์อยู่บนเตียงของนาย ก็เลยไปจับดู ใครจะไปรู้ว่ามัน..."
เย่จื่อเฉินเดินดุ่มๆ เข้าไปท่ามกลางสายตาสงสัยของทุกคน พอตี้เทียนเห็นเขา เ้าหุ่นยนต์ก็เหวี่ยงแขนเตรียมจะะโเข้าใส่
"เย่จื่อเฉิน!"
"เป็บ้าอะไร!"
ตุบ!
ยกเท้าถีบตี้เทียนจนติดผนัง
"เย่จื่อเฉิน นายกล้าถีบฉันเหรอ"
"นายหยุดเลยนะ"
ยกเท้ากระทืบอีกครั้ง แล้วเย่จื่อเฉินก็ยกมันขึ้นมา ยกมือปิดปากเขาไว้ ก่อนจะวิ่งออกไปก็หันไปพูดกับรูมเมทอีกประโยคหนึ่ง
"ห้ามบอกเื่นี้กับใคร เข้าใจไหม?"
"เข้าใจแล้ว"
คังเผิงกับคนอื่นๆ พยักหน้าทันที เย่จื่อเฉินเลียริมฝีปากเล็กน้อยแล้วจึงต่อยท้องหุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์ไปอีกหมัด จนมันร้องออกมา จากนั้นถึงได้เดินออกจากห้องไป
จนเมื่อเย่จื่อเฉินพาหุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์ออกไปแล้ว หลายคนในห้องถึงได้สบถออกมาพร้อมกัน
"แม่เ้า นี่ฉันยังไม่ตื่นหรือเปล่า ไอ้หุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์ตัวนั้นมันพูดได้จริงๆ"
คอนโดของเย่จื่อเฉิน
จินซานพ่างนั่งยองกับพื้น มองดูตี้เทียนที่ยืนอยู่กับพื้นด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง ราวกับเด็กที่อยากรู้อยากเห็น
"ร้ายกาจจริงๆ ขนาดท่านอาจารย์ยังไม่รู้เลยว่าจะทำแบบนี้ได้หรือเปล่า"
"เย่จื่อเฉิน"
"นายหุบปากไปเลย"
ตุบ!
ถีบหุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์จนกระเด็นออกไป ตี้เทียนที่กระแทกเข้ากับผนังลุกขึ้นยืนช้าๆ ครู่เดียว คำด่าที่ทำให้คนฟังรู้สึกระคายหูก็ดังขึ้นภายในบ้าน
"จับเขาเอาไว้"
"ได้เลย"
จินซานพ่างยกมือขึ้นปิดปากหุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์เอาไว้ จากนั้นเย่จื่อเฉินจึงได้หันไปพูดกับซุนหงอคงที่อยู่ข้างๆ
"ซุนหงอคง แบบนี้มันคืออะไร"
ซุนหงอคงวางนมเปรี้ยวในมือลงบนโต๊ะ แล้วไหวไหล่พูด
"มันก็ปกติไม่ใช่เหรอ ข้าก็ไม่ได้ฆ่าเขานี่ ิญญาเขายังอยู่ ตอนนี้เขาก็คือคนตัวเป็ๆ แต่แค่ตอนนี้เขาอยู่ในอีกรูปลักษณ์หนึ่งก็เท่านั้น แต่เขาก็ยังคงมีความสามารถ ความคิดความอ่าน และพูดได้อยู่เหมือนเดิม"
"แล้วต้องทำยังไงเขาถึงจะสงบลงมาหน่อย?"
หุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์พูดได้ นี่มันเป็เื่เหนือธรรมชาติบนโลกใบนี้เลยนะ
เนื่องจากว่าความสัมพันธ์ของเขากับรูมเมท ข่าวนี้อาจจะไม่รั่วไหลออกไปข้างนอก แต่ถ้าจะให้ตี้เทียนร้องโวยวายอยู่แบบนี้ตลอด สุดท้ายมันก็จะวุ่นวาย
"ช่วยไม่ได้ เ้าลองคุยกับเขาดูสิ?"
ซุนหงอคงแบมือออกอย่างจนปัญญา เย่จื่อเห็นเห็นท่าทางที่ไม่รับผิดชอบของเขาแล้วก็อดมองที่จะค้อนใส่ไม่ได้
เมื่อจนปัญญา ซุนหงอคงก็ช่วยอะไรไม่ได้ เขาจึงทำได้แค่หันไปทำข้อตกลงกับตี้เทียน
"ปล่อย"
จินซานพ่างคลายมือออก เพิ่งจะคลายมือออกไป ตี้เทียนก็ะโมาทำร้ายเย่จื่อเฉินทันที
ผัวะ!
ยกมือขึ้นตบหัวของเขาไปหนึ่งที แล้วเย่จื่อเฉินก็นั่งยองลงตรงหน้าเขา ก่อนจะเลิกคิ้วพูดขึ้น
"สภาพนายตอนนี้ นายจะไปทำร้ายใครได้?"
"เย่จื่อเฉิน นายใช้วิธีสกปรกอะไรกับฉันกันแน่ รีบเปลี่ยนฉันให้เป็เหมือนเดิมเดี๋ยวนี้นะ แล้วฉันจะไว้ชีวิตนาย"
ผัวะ!
เย่จื่อเฉินยกมือขึ้นตบเขาจนติดกับพื้น จากนั้นจึงยักคิ้วพูดกับเขา
"นายโง่จริงๆ หรือว่าแกล้งโง่กันแน่ นายไม่เห็นหรือไงว่านายอยู่ในสภาพไหน ยังจะมาพูดเื่ข้อตกลงกับฉันอีก"
"ฉัน..."
"ไม่เคยได้ยินสุภาษิตจีนที่ว่า ‘อยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นจะต้องก้มหัว’ หรือยังไง ถ้านายยังเป็แบบนี้ต่อไป ฉันก็คงจะต้องหักแขนหักขานายแล้วล่ะ"
พูดจบ เย่จื่อเฉินก็เอื้อมมือหมายจะถอดส่วนมือกับเท้าของหุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์
"เดี๋ยวก่อน"
ตี้เทียนยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ เย่จื่อเฉินก็มองเขาเหมือนว่ารอฟังเขาพูดต่อ
"ฉันคิดว่าเราสองคนมาทำข้อแลกเปลี่ยนกันได้"
"ข้อแลกเปลี่ยนอะไร?" เย่จื่อเฉินถามขึ้นอย่างนึกสนใจ
"นายทำให้ฉันกลับไปเป็เหมือนเดิม พอฉันกลับบ้านแล้วฉันจะไม่มาหาเื่นายอีก"
ผัวะ!
ฝ่ามือใหญ่ปะทะเข้าใส่ตี้เทียนอีกครั้ง
"นายคิดว่าฉันโง่เหรอ ปล่อยนายกลับไปจะไม่เท่ากับปล่อยเสือเข้าป่าเหรอ?"
"ไอ้เลว ฉันถือว่าฉันให้โอกาสนายแล้วนะ ถ้านายไม่ปล่อยฉันไป พี่ชายฉันกับพ่อฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่"
ตี้เทียนเงยหน้าด่าลั่น จินซานพ่างที่อยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วมุ่น แล้วพูดขึ้น
"ลูกพี่ นี่คือเ้าตี้เทียนสารเลวนั่นเหรอ?"
เย่จื่อเฉินพยักหน้า
"นายด่าใครว่าไอ้เลวห่ะ ไอ้เลว!"
ตี้เทียนจะะโไปต่อยเขา แต่จินซานพ่างก็ยกฝ่ามือขึ้นกดเขาลงกับพื้น
"ไอ้เลว ฉันคือศิษย์รุ่นที่สามของจักรพรรดิชิงิ จินจู้ เรียกอีกชื่อว่าซานพ่าง นายกล้าด่าฉัน เชื่อไหมว่าฉันเอาตัวนายไปกำจัดทิ้งที่ตระกูลฉันได้"
ตี้เทียนตะลึง
ชื่อเสียงของจักรพรรดิชิงิ ตระกูลซานเซียนอย่างพวกเขาย่อมต้องเคยได้ยินกันอยู่แล้ว
แต่ลูกศิษย์ของจักรพรรดิชิงิมาที่โลกปัจจุบันนี้ได้ยังไง
"จะบอกอะไรให้นะ นายอยู่เงียบๆ จะดีที่สุด ท่านอาจารย์ของฉันได้ติดต่อไปหาในตระกูลของนายแล้ว คิดดูแล้วพวกเขาน่าจะไม่ทำตัวเสียมารยาทต่อท่านอาจารย์เพื่อนายหรอกนะ นายเลิกหวังว่าพี่ชายนายหรือว่าพ่อของนายจะมาช่วยได้เลย"
"ชิ นายขู่ใคร?" ความเหยียดหยามปรากฏขึ้นในดวงตาของตี้เทียน ก่อนจะพูดขึ้น "นายจะบอกว่านายคือทายาทของจักรพรรดิชิงิอย่างนั้นเหรอ?"
"ไม่เชื่อ?"
จินซานพ่างหัวเราะในลำคอ แล้วถกแขนเสื้อข้างขวาให้ตี้เทียนดู
"ดูเอาเอง"
บนแขนข้างขวาของจินซานพ่าง มีตราประทับยันต์แปดทิศประทับเอาไว้ และดูเหมือนว่าในส่วนข้างในวงล้อมของยันต์แปดทิศจะมีัสองตัวขดอยู่ด้วย
ต้องเป็ทายาทที่แท้จริงของจักรพรรดิชิงิเท่านั้นถึงจะมีตราประทับนี้
"พวกนายฆ่าฉันเลยเถอะ!"
ไม่ว่าจะเป็เย่จื่อเฉินหรือว่าจินซานพ่างก็ล้วนแต่ตกตะลึงกับคำตอบทั้งนั้น ทีแรกคิดว่าหลังจากที่จินซานพ่างโชว์ตราประทับของการเป็ทายาทที่แท้จริงของจักรพรรดิชิงิให้ดูแล้ว เ้านี่มันจะต้องทรุดลงประจบแน่
ไม่คิดว่าเลยเขาจะเป็คนเถรตรงขนาดนี้
ถ้าให้เขาฆ่า เย่จื่อเฉินทำไม่ได้แน่
สาเหตุที่ยังต้องเก็บเขาเอาไว้ ก็เพราะว่าในวันหน้าเขายังมีประโยชน์
ความเข้าใจของเย่จื่อเฉินในเื่ของตระกูลลึกลับพวกนั้นในโลกปัจจุบันนี้ นับว่าแทบจะเป็กระดาษเปล่า
บางทีตี้เทียนอาจจะเป็ตัวไขข้อสงสัยเ่าั้ก็ได้
"เป็คนที่เถรตรงดี" เย่จื่อเฉินหรี่ตาลงแล้วเม้มปากยิ้ม แต่ตี้เทียนกลับพูดเสียงห้วนอย่างไม่แยแส "ทำให้ฉันมีความสุขล่ะ"
"ฉันไม่ฆ่านายหรอก สู้มาคุยเื่ข้อตกลงกันดีกว่า"