“คำพูดเช่นนี้... หรือเ้าไม่คิดว่ามันซ้ำซาก?” ไป๋หยุนเฟยเบะปากกล่าวอย่างเหยียดหยาม
“เ้า...” แม้คุณชายรองหลงจะไม่ทราบว่าคำ‘ซ้ำซาก’ที่ไป๋หยุนเฟยกล่าวนั้นหมายถึงอันใด แต่มันเข้าใจสีหน้าเหยียดหยามบนใบหน้าฝ่ายตรงข้ามกระจ่างชัด มันร้องะโเสียงดังสั่งบริวารทั้งหลาย “พวกเ้าทุกคนเข้าไป! หักขามันให้แก่ข้า! ทุบตีมันให้แก่ข้า!”
เมื่อได้ยินคำสั่งผู้เป็นาย เหล่าสมุนบริวารก็พุ่งเข้าไป๋หยุนเฟยด้วยแววตาดุร้ายอำมหิต
ปัง ปัง ปัง ปัง!!
เสียงหนักทึบดังเป็จังหวะจะโคนติดต่อกันสี่ครั้ง จากนั้นภายใต้สายตาเซื่องซึมโง่งมของคุณชายรองหลงบริวารทั้งสี่ที่เมื่อครู่พุ่งเข้าใส่ไป๋หยุนเฟยอย่างดุร้าย ก็ลอยละลิ่วกลับไปด้านหลังปะทะชนใส่ร่างผู้เป็นายของตน!
คุณชายรองหลงผลักร่างบริวารที่ทับบนร่างออกอย่างยากเย็นก่อนจะตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้น มันมองดูไป๋หยุนเฟยที่เดินเข้าหาอย่างเชื่องช้า ท่าทีหยิ่งยโสบนใบหน้าปลาสนาการไปสิ้น มันถอยหลังไม่หยุดยั้งอย่างหวาดกลัวพลางร่ำร้อง “เ้า... อย่าเข้ามา!! ข้าเป็คุณชายรองแห่งตระกูลหลง นามว่าหลงเทา!! บิดาข้าคือหลงกัง! พี่ชายข้าเป็ผู้ฝึกปรือิญญา! หากเ้ากล้าทำร้ายข้าตระกูลหลงจะไม่ละเว้นเ้า!”
ได้ยินคำพูดเหล่านี้ไป๋หยุนเฟยก็หยุดเท้าลงจ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยสีหน้าพิกลอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายก็อดไม่ได้ต้องกล่าวเย้ยหยัน “โอ... เข้าใจแล้ว ที่แท้เ้าก็เป็แค่‘หลงเทา*’นี่เอง!!”
“มิผิด!! ข้าย่อมต้องเป็หลงเทาเอง! ข้าคือคุณชายรองแห่งตระกูลหลง!! เ้าไม่อาจทำร้ายข้า!” หลงเทา... เอ่อ คุณชายรองหลงเทากลับยังไม่ทราบความนัย หรืออาจเพราะไม่ทันสังเกตน้ำเสียงขบขันของไป๋หยุนเฟยจึงพยักหน้ายอมรับไม่หยุดยั้ง
มุมปากไป๋หยุนเฟยสั่นกระตุก มันคร้านจะพูดคุยอันใดอีกจึงโบกมือขับไล่ “ไสหัวไป!”
หลังจากมองดูฝ่ายตรงข้ามหายลับไปกับฝูงชนแล้ว ไป๋หยุนเฟยจึงสั่นศีรษะสีหน้ามันยังคงพิกลอยู่บ้าง ไม่ทราบว่ายามนี้มันครุ่นคิดอันใดอยู่
“คุณหนู คุณหนู! ท่านเป็ไรแล้ว?” น้ำเสียงเปี่ยมความกังวลดังแว่วมา ไป๋หยุนเฟยค่อยรู้สึกตัวหันกายไปอย่างเร่งร้อน จึงได้เห็นว่าหญิงสาวในชุดครามสดใสที่เดิมทีพิงกำแพงอยู่ ยามนี้กลับนอนเหยียดกายกับพื้น สาวใช้นั้นคุกเข่าลงด้านข้างร้องเรียกอย่างกระวนกระวาย ฟังจากน้ำเสียงก็ทราบว่านางแทบจะร่ำไห้ออกมาแล้ว
ไป๋หยุนเฟยรีบเดินเข้าหาพร้อมกับกล่าวว่า ”แม่นาง คุณหนูท่านเป็ไรแล้ว? มีอันใดให้ข้าช่วย...”
คำพูดของไป๋หยุนเฟยพลันหยุดชะงัก แม้แต่ร่างก็นิ่งค้างอยู่กับที่ มันใช้ท่าทีซึมเซามองดูหญิงสาวที่นอนเหยียดกายปิดตาแน่นอยู่บนพื้น ยามนี้ใบหน้ามันกลับเปี่ยมด้วยความตื่นตระหนก
“เป็นาง... มิคาดว่าจะเป็นาง!!” ไป๋หยุนเฟยแตกตื่นอย่างใหญ่หลวง เนื่องเพราะคนตรงหน้านี้จะเป็ผู้ใดหากไม่ใส่หญิงสาวที่ร่วมทางกับจางหยางในเมืองลั่วซี --- หลิวเมิ่ง!
ชั่วขณะ ความรู้สึกที่ยากจะบรรยายก็พลุ่งพล่านในหัวใจของไป๋หยุนเฟย แต่มันกลับยืนนิ่งตะลึงลานอยู่เช่นนี้ กระทั่งน้ำเสียงวิตกกังวลของสาวใช้ดังมาอีกคราจึงค่อยคืนสติรู้สึกตัว มันสั่นศีรษะโดยแรงสงบจิตใจลงก่อนจะเดินไปยังข้างกายหลิวเมิ่งและย่อกายลงตรวจดูว่าจะช่วยเหลืออันใดได้บ้าง
หลิวเมิ่งนอนเหยียดกายกับพื้น ใบหน้าขาวนวลกลายเป็ซีดเผือด ริมฝีปากเม้มแน่น คิ้วเรียวงามขมวดแน่น ยามนี้นางไม่มีปฏิกิริยาอันใดต่อเสียงเรียกหาจากสาวใช้แม้แต่น้อย
เมื่อได้เห็นหญิงสาวเป็เช่นนี้ ไม่ทราบเพราะเหตุใดไป๋หยุนเฟยกลับเ็ปใจนัก มันได้นั่งอยู่เบื้องหน้านางอย่างไร้ประโยชน์แต่ก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร ตนเองไม่เคยเรียนรู้วิชาแพทย์จึงไม่อาจทำอันใดได้นอกจากกังวลห่วงใย สาวใช้นั้นก็ร้อนรุ่มใจอย่างยิ่งเช่นกันจึงได้แต่ร่ำร้องเรียกหา‘คุณหนู’ไม่หยุดปาก
ทันใดนั้นเอง ความคิดหนึ่งวาบขึ้นในจิตใจของไป๋หยุนเฟย มันงงงันวูบก่อนจะพึมพำ
“โอ... จำต้องผายปอด?”
ชั่วขณะที่ไป๋หยุนเฟยลังเลใจอยู่ว่าจะใช้วิธีปฐมพยาบาลที่‘เปี่ยมประสิทธิภาพ’นี้ดีหรือไม่ ก็พลันได้ยินเสียงครวญครางแว่วมา ที่แท้หลิวเมิ่งก็คืนสติกลับมาแล้ว
ความรู้สึก‘สำนึกเสียใจ’ปรากฏขึ้นในจิตใจในบัดดล หลังจากเย้ยหยันตนเองในใจแล้ว ไป๋หยุนเฟยจึงเอ่ยปากถามด้วยท่าทีกังวล “แม่นาง ท่านเป็ไรหรือไม่? ท่านเ็ปที่ใดหรือไม่?”
แม้หญิงสาวจะฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ลืมตาขึ้น คิ้วของนางยังคงขมวดมุ่น เหงื่อกาฬผุดขึ้นทั่วหน้าผาก ราวกับเผชิญความเ็ปอย่างสาหัส นางเรียกหาเสียงค่อย “เสี่ยวหนิง เ้า เ้าอยู่ที่ใด?”
“คุณหนูข้าอยู่นี่! ข้าอยู่ที่นี่! ท่านเป็ไรหรือไม่? ได้โปรดอย่าขู่ขวัญข้า!” สาวใช้ของนางตอบคำในบัดดลด้วยท่าทีร้อนรุ่มใจ น้ำตาที่คลอเบ้าแทบทะลักออกมา
“พา พาข้าไปหาหมอ เร็วเข้า...” น้ำเสียงอ่อนระโหยของหญิงสาวปลุกสาวใช้ที่กังวลจนว้าวุ่น ให้รู้ตัวว่ายามนี้สิ่งสำคัญที่ต้องทำก่อนคือสิ่งใด
“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว! ไปหาหมอก่อนเถอะ!” ถึงยามนี้เสี่ยวหนิงจึงค่อยรู้สึกตัว นางหมายจะอุ้มคุณหนูขึ้นเพื่อไปหาหมอ แต่ก็พบว่าด้วยร่างกายผอมบางของนางย่อมไม่อาจเคลื่อนย้ายคุณหนูนางไปที่ใดได้
ชั่วขณะที่ร้อนรุ่มใจ ก็ปรากฏมือคู่หนึ่งยื่นมาสอดใต้ท้ายทอยและหลังเข่าคุณหนูนางแล้วโอบอุ้มขึ้น
เสี่ยวหนิงตื่นตระหนกยิ่งแต่ก็มีปฏิกิริยาในทันที เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบเห็นว่าที่แท้เป็ชายหนุ่มที่ช่วยขับไล่คนต่ำช้าออกไปเมื่อครู่
แม้ว่านางจะไม่ยินยอมที่คนแปลกหน้ามาโอบอุ้มคุณหนูของนางเช่นนี้อยู่บ้าง แต่ด้วยสถานการณ์ยามนี้กลับไม่เปิดโอกาสให้นางพิรี้พิไรมากความ จึงได้แต่กล่าวกับไป๋หยุนเฟยว่า “ขอบคุณท่านมากคุณชาย ได้โปรดพาคุณหนูไปหาหมอโดยเร็วด้วยเถอะ...”
“ตกลง ไปกันเถอะ” ไป๋หยุนเฟยเร่งรัดให้สาวใช้นำทางไป แม้จะโอบอุ้มสาวงามเรือนร่างหอมกรุ่นในอ้อมอก แต่มันกลับไม่มีความคิดฟุ้งซ่านแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามในใจมันกลับมีเพียงความกังวลห่วงใย
… … … …
ที่สถานพยาบาล ไป๋หยุนเฟยนั่งลงบนม้านั่งตรงหน้าประตูเหม่อมองผู้คนสัญจรผ่านไปมาบนท้องถนนในใจครุ่นคิดเื่ราวบางอย่าง
ยามนี้ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วั้แ่มันพาหลิวเมิ่งมาที่นี่ ขณะนี้นางกำลังรับการรักษาอยู่ด้านใน ไป๋หยุนเฟยทราบดีว่าไม่สมควรเข้าไปรบกวนจึงได้แต่นั่งรอคอยอยู่หน้าประตูเช่นนี้
เสียงฝีเท้าแ่เบาพลันดังมาจากด้านหลังปลุกไป๋หยุนเฟยรู้สึกตัว รีบหันกลับไปมองด้วยสีหน้ายินดี
จึงได้มองเห็นหลิวเมิ่งเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าภายใต้การประคองของเสี่ยวหนิง
ด้วยเสื้อผ้าสีครามสดใสทั้งร่างขับเน้นให้หลิวเมิ่งดูสดใสและสูงสง่า กิริยาที่ชดช้อยงดงาม เอวที่คอดกิ่ว ผมยาวสลวยทอดยาวเื้ัราวน้ำตก ใบหน้านางยามนี้มีมีเืฝาดขึ้นมาบ้าง มุมปากนางปรากฏรอยยิ้มจางๆขณะใช้ดวงตากลมโตกระจ่างใสพิจารณาไป๋หยุนเฟยตรงหน้า
เมื่อถูกจ้องมองเช่นนี้ไป๋หยุนเฟยก็กลับกลายเป็ตะลึงงันไปชั่วคราว...
“คิก...คุณชาย คุณหนูข้าพูดกับท่าน! ได้โปรดตื่นจากภวังค์มาพูดคุยเถอะ!” ไป๋หยุนเฟยถูกปลุกขึ้นจากภวังค์ด้วยเสียงร้องเตือน เห็นสาวใช้นามว่าเสี่ยวหนิงมองดูมันด้วยแววตาซุกซน ข้างกายนางเป็หลิวเมิ่งที่หน้าแดงซ่าน นางถลึงตามองเสี่ยวหนิงอย่างขุ่นเคืองก่อนจะหันมาคารวะแก่ไป๋หยุนเฟยอย่างสุภาพ
“คุณชาย ขอบคุณท่านมากที่ยื่นมือช่วยเหลือข้า...” น้ำเสียงนางช่างสดใส นุ่มนวลและไพเราะยิ่งนัก
ไป๋หยุนเฟยต้องตะลึงงันอีกครา ก่อนจะปรากฏความผิดหวังท่วมท้นในจิตใจมัน “นาง... จดจำข้าไม่ได้จริงๆ”
แต่ทว่ามันสั่นศีรษะเล็กน้อยอีกครา พลางเย้ยหยันตนเองในใจ “ข้ากำลังคิดอันใดอยู่? นางจะจดจำข้าไม่ได้ก็เป็เื่ปกติ ที่สุดแล้วคราที่เราพบกันครั้งแรก ข้าเป็เพียง‘คนต่ำต้อย’ในสายตาของผู้มั่งมีมากอำนาจทั้งหลาย...”
“นี่! คุณชายท่านเหม่อลอยอีกแล้ว!”
เสี่ยวหนิงร้องเตือนอีกครา ไป๋หยุนเฟยจึงปัดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายในใจทิ้งไปพลางกล่าวว่า “ท่านว่าอะไร?”
“คิก คิก... คุณชาย แม้คุณหนูข้าจะงดงามน่าตะลึง แต่ท่านก็ไม่อาจเหม่อมองอย่างอุกอาจเช่นนี้!” เสี่ยวหนิงอดไม่ได้ต้องหัวเราะพลางกล่าวอย่างซุกซนอีกครา “คุณหนูข้าเชื้อเชิญท่านไปดื่มชาร่วมกันเพื่อเป็การขอบคุณที่ท่านยื่นมือช่วยเหลือ!”
“อา? โอ ย่อมได้...” ไป๋หยุนเฟยเกาศีรษะอย่างกระดากอายก่อนจะพยักหน้าตกลง
---------------------------------------------------------------
(*) หลงเทาในภาษาจีนหมายถึงตัวประกอบในภาพยนตร์ หรือที่บ้านเราเรียก เอ็กซ์ตร้า นั่นเอง
