เป็เวลากว่าสามเดือนแล้ว ที่ฉินอวี่รีบสร้างกระท่อมไม้ขึ้นมาจนเต็มทั้งพื้นที่ของหุบเขาอย่างรวดเร็ว
ในท้ายที่สุด เป็เพราะไม่มีพื้นที่ว่างหลงเหลืออีกแล้ว ฉินอวี่จึงทำลายกระท่อมไม้ที่ตนเองสร้างไว้แล้วทั้งหมด
“สร้างกระท่อมไม้... สร้างกระท่อมไม้ ข้าฉินอวี่ใช้ชีวิตมาถึงสองชาติภพแล้วยังไม่เคยต้องทำเื่เช่นนี้มาก่อนเลย” ฉินอวี่พึมพำกับตนเอง พลางทำลายกระท่อมไม้ทั้งหมดที่สร้างขึ้น
“สร้างกระท่อมไม้เช่นนี้จะรู้แจ้งเื่อะไรได้เล่า? ดูไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย” ฉินอวี่ครุ่นคิดถึงเื่นี้ หลังจากทุบทำลายกระท่อมไม้ทั้งหมดที่สร้างขึ้นมา ฉินอวี่ก็เดินมาถึงหุบเขาที่มีบ้านต้นแบบตั้งอยู่ เขามองไปยังกระท่อมไม้ที่ดูเหมือนจะผ่านความผันแปรมานับไม่ถ้วน ฉินอวี่จึงพอจะเดาได้ว่าบ้านหลังนี้คงเป็บ้านที่ผู้าุโคนนั้นเป็คนสร้างขึ้น
ด้วยความโกรธที่อัดอั้นอยู่ภายใน ฉินอวี่จึงใช้หมัดชกตรงออกไปทันที
“ตูม ตูม ตูม!”
พลังปราณเอ่อล้นทะลักออกมา กระท่อมไม้ส่งเสียงดัง แต่สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่ต้องแปลกใจก็คือ กระท่อมไม้หลังนี้ไม่พังทลาย อีกทั้ง... ยังไม่สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
“เอ๊ะ?” ฉินอวี่แปลกใจ เมื่อเขาได้มองดูกระท่อมไม้หลังนี้โดยละเอียด เขาก็ยิ่งแปลกใจมากขึ้น
“เป็ไปได้อย่างไร ด้วยพลังหมัดของข้าในตอนนี้ อย่างน้อยก็มีน้ำหนักถึงหมื่นชั่ง แต่ไม่สามารถทำลายกระท่อมไม้ได้หรือ?” ฉินอวี่พึมพำในใจ
“นี่เป็สิ่งที่ผู้าุโนั่นเป็คนสร้างไว้หรือ? ตอนที่หม้อปรุงยาะเิไปก่อนหน้านี้ คลื่นพลังอันแข็งแกร่งที่พุ่งเข้ากระแทกก็ยังไม่อาจทำลายกระท่อมไม้ได้ หรือว่า... ผู้าุโนั่นจะสร้างม่านพลังป้องกันกระท่อมไม้หลังนี้เอาไว้?”
“จะต้องเป็เช่นนี้แน่นอน ไม่เช่นนั้น กระท่อมไม้หลังนี้จะมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร?” ฉินอวี่พึมพำกับตนเอง แม้ว่าจะคิดเช่นนี้ แต่เขายังคงเริ่มทำการสำรวจกระท่อมไม้หลังนี้อย่างละเอียด มองไปตามแผ่นไม้ทีละแผ่นๆ
“ไม่ใช่แล้วล่ะ ไม่มีผนึกของม่านพลังเลย กระท่อมไม้หลังนี้ถูกสร้างขึ้นจากแผ่นไม้แต่ละแผ่นมาปะติดปะต่อกัน แผ่นไม้ทุกแผ่นดูเหมือนจะวางต่อกันตามใจชอบ แต่ดูเหมือนว่าจะมีข้อบังคับบางอย่างอยู่ในนั้น”
“หรืออาจพูดได้ว่า เป็เพราะข้อบังคับบางอย่างนี่เอง ที่ทำให้กระท่อมไม้ไม่สั่นไหว?”
“เป็ไปได้หรือไม่ว่า ความรู้แจ้งที่ผู้าุโพูดถึงคือข้อบังคับที่ว่านี้?”
ฉินอวี่คิดไปพลางมองดูอย่างละเอียด และลองปล่อยพลังหมัดใส่กระท่อมไม้เป็ครั้งคราว
“หึ่ง!”
เกิดเสียงหึ่งดังขึ้นเสียดแก้วหู ฉินอวี่สามารถได้ยินเสียงที่แหลมคมนั้นดังออกมาจากกระท่อมไม้ แต่มันก็ถูกซ้อนด้วยเสียงของหมัดที่กระทบลงไป หากไม่ตั้งใจฟังก็ยากที่จะฟังออก
“นี่มัน... กระท่อมไม้นี่คือค่ายกล? เป็ค่ายกลที่เกิดจากไม้ที่มารวมตัวกัน? ไม่สิ แล้วเหตุใดข้าจึงไม่เห็นร่องรอยของค่ายกลวิชานี่เลย? หรือว่านี่จะไม่ใช่ค่ายกล?”
ฉินอวี่สงสัยอยู่ในใจ จากนั้นก็เหมือนเขาได้รับอะไรบางอย่างจากกระท่อมไม้แห่งนี้
จากนั้น ฉินอวี่ก็นั่งขัดสมาธิลงที่ข้างกระท่อมไม้ รูปลักษณะของกระท่อมไม้ได้ลอยขึ้นปรากฏในความคิดของเขา ตำแหน่งของไม้แต่ละแผ่น ข้อบังคับของการจัดเรียง ต่างก็มาปรากฏให้เห็นในตอนนี้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตา ฉินอวี่ก็อยู่ในหุบเขาแห่งนี้มาเป็เวลาครึ่งปีแล้ว
ในวันนี้ ฉินอวี่ที่กำลังนั่งทำสมาธิได้ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาจึงนำแผ่นไม้ก่อนหน้าขึ้นมา และเริ่มสร้างกระท่อมไม้ขึ้นมาใหม่
ในครั้งนี้ ฉินอวี่ใช้ความเร็วในการสร้างช้าลงกว่าปกติ เขาใช้เวลาไปเกือบสิบวัน จนสามารถสร้างออกมาได้หนึ่งหลัง ซึ่งถอดแบบออกมาจากกระท่อมไม้ที่ผู้าุโได้สร้างเอาไว้
จากนั้น ฉินอวี่ก็ชกหมัดออกไปอย่างแรง เกิดเสียงกระแทกดังสนั่น แต่กระท่อมไม้กลับไม่พังทลายลง!
ฉินอวี่มีสีหน้าที่เคร่งขรึม และปล่อยหมัดสองข้างออกไปในเวลาเดียวกัน จนกระท่อมไม้พังทลายลงทันที
“ยังไม่ใช่ ยังมีบางอย่างไม่ถูกต้อง” ฉินอวี่พึมพำกับตนเอง จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิลงอีกครั้ง
เมื่อเป็เช่นนี้ ฉินอวี่จึงเริ่มทำสลับกันไป บ้างก็ทำสมาธิทบทวน บ้างก็ลงมือสร้าง และกระท่อมไม้ก็ยังพังทลายลงมา
เวลาผ่านเลยไปอีกสามเดือน
สีหน้าของฉินอวี่ซีดเผือด เขาค่อยๆ นำแผ่นไม้แต่ละชิ้นประกอบเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ ไม้แต่ละแผ่นดูเหมือนจะมีน้ำหนักราวหมื่นชั่ง และดูเหมือนจะมีพลังฟ้าดินกำลังสกัดขวางฉินอวี่เอาไว้ แม้จะนำแผ่นไม้ไปวางไว้ในจุดที่้ายังนับว่าเป็เื่ยากยิ่งนัก
หลังจากฉินอวี่นำแผ่นไม้ชิ้นสุดท้ายวางเอาไว้ในตำแหน่ง ฉินอวี่ก็รู้สึกได้ถึงพลังปราณอันพลุ่งพล่านในร่างกาย และกระอักเืออกมาคำหนึ่ง พลางมองไปทางกระท่อมไม้ด้วยท่าทางที่หวาดกลัว
ฉินอวี่สูดลมหายใจลึกๆ ดวงตาของเขาเปล่งประกาย รวบรวมพลังปราณที่มีอยู่ในร่างกาย และปล่อยพลังโจมตีออกไป
“ตูม ตูม ตูม!” หมัดแต่ละหมัดกระแทกลงไปยังกระท่อมไม้แต่ละส่วนอย่างรุนแรง แต่กระท่อมไม้ได้แต่ส่งเสียงดังและนิ่งไม่ไหวติง
ฉินอวี่มองดูกระท่อมไม้ที่ตนเองสร้างมากับมือด้วยความตกตะลึง อยู่ในท่าทางงุนงง และพึมพำกับตนเอง “ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ ผู้าุโนั่นช่างน่ากลัวจริงๆ!”
ทันใดนั้น ฉินอวี่ก็เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วมาอยู่เบื้องหน้ากระท่อมไม้ที่เลี่ยเอ๋าสร้างเอาไว้ สายตาของเขาจ้องตรงไปยังไม้ท่อนหนึ่ง จากนั้นจึงยกมือขึ้นหยิบไม้ท่อนหนึ่งลงมา จากนั้นจึงใช้มือข้างขวาผลักกระท่อมไม้หลังนั้นเบาๆ
“ครืน!” กระท่อมไม้พังทลายลงทั้งหลัง และม่านพลังที่ปกป้องอยู่ก็สลายไปทันที
“ข้อบังคับ! มันคือข้อบังคับจริงๆ! ผู้าุโนั่นบรรจุข้อบังคับลงในกระท่อมไม้? เขาทำได้อย่างไรกัน? หรือเป็ไปได้ว่า เขาได้ัักับข้อบังคับนี้ในตอนที่เขาสร้างกระท่อมไม้เมื่อครั้งก่อน? นี่จะต้องใช้ความรู้แจ้งที่น่ากลัวเพียงใดกันจึงจะเข้าใจได้?” ฉินอวี่จ้องไปยังกระท่อมไม้ที่พังทลายด้วยความใ
เป็ข้อบังคับแบบไหนกัน?
ข้อบังคับที่สร้างพลังลึกลับเติมเต็มช่องว่างของฟ้าดิน
ข้อบังคับนี้แตกต่างจากััแห่งเต๋า หรืออาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าข้อบังคับนี้อยู่ระดับสูงกว่าััแห่งเต๋า และมีพลังฟ้าดินอยู่ภายใน
ครั้งหนึ่ง ในตอนที่อยู่ในสำนักเทียนฉี ฉินอวี่เคยอ่านตำราโบราณเล่มหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับข้อบังคับของฟ้าดิน
ในยุคเริ่มต้นที่ปั่นป่วน ร่างกายของบรรพชนจะมีร่างกายที่แข็งแกร่ง พลังของพวกเขามีที่มาจากข้อบังคับของฟ้าดิน เป็เพราะเมื่อความปั่นป่วนได้เริ่มต้นขึ้น ข้อบังคับของฟ้าดินมีความเข้มข้นเป็ที่สุด ดังนั้น ในร่างของบรรพชนเกือบทุกคนจึงมีข้อบังคับของฟ้าดิน เมื่อผ่านไปเป็เวลานาน ก็มีใครบางคนเริ่มสังเกตเห็นถึงข้อบังคับนี้ และนำออกมาเป็วิชาการฝึกฝน
นี่จึงนับเป็วิชาการฝึกฝนที่เก่าแก่ที่สุด ฉะนั้นสิ่งที่พวกเขาฝึกจึงไม่ใช่วิถีแห่งเต๋า แต่เป็ข้อบังคับของฟ้าดิน
ต่อมาไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ข้อบังคับของฟ้าดินก็เริ่มอ่อนแอลง จนกระทั่งพังทลาย และเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนบนโลกที่สามารถควบคุมข้อบังคับของฟ้าดินได้
จนกระทั่งเวลานี้ มีเพียงคนที่เข้าถึงเขตแดนเซียนเท่านั้น จึงพอที่จะััถึงข้อบังคับของฟ้าดินได้ นอกจากนี้ ยังสามารถยืมใช้พลังของข้อบังคับได้ แต่ในตอนนี้หากยังไม่เข้าถึงระดับเขตแดนเซียน ก็มีน้อยคนนักที่จะสามารถััถึงข้อบังคับได้! แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีเพียงคนที่ถึงเขตแดนเซียนเท่านั้นจึงจะััข้อบังคับได้ แม้จะเป็บุคคลทั่วไป แต่เป็คนกลุ่มพิเศษที่มีพร์ ก็อาจยืมใช้พลังของข้อบังคับฟ้าดินได้ และแน่นอนว่า นั่นเป็เพราะระดับการฝึกฝนของพวกเขา จึงสามารถรับได้อย่างมีขีดจำกัด และสามารถแสดงพลังออกมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ฉินอวี่ต้องตกตะลึง สิ่งที่เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนคือ ผู้าุโที่มีนิสัยแปลกประประหลาดคนนี้ กลับสามารถเข้าใจข้อบังคับของฟ้าดินชนิดหนึ่งได้ และวิธีการของความเข้าใจที่เขามี ช่างน่า... น่ากลัวมากจริงๆ?
สร้างกระท่อมไม้ก็สามารถสร้างข้อบังคับขึ้นมาได้?
ฉินอวี่ทั้งใและตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
แต่ฉินอวี่ก็ต้องยอมรับว่า ผู้าุโคนนี้ได้มอบสิ่งวิเศษที่ยิ่งใหญ่ให้กับเขาแล้ว แม้ว่าระดับการฝึกฝนของฉินอวี่ในตอนนี้จะยังยากที่จะใช้ข้อบังคับนี้ได้เต็มกำลัง แต่สิ่งนี้จะช่วยให้ฉินอวี่เปิดข้อบังคับขึ้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย บางทีในวันข้างหน้า หลังจากฉินอวี่ได้เข้าสู่ระดับเขตแดนเต๋าแล้ว เขาก็อาจใช้พลังของข้อบังคับฟ้าดินได้เช่นกัน
แต่ในตอนนี้ ฉินอวี่สามารถทำความเข้าใจพลังของข้อบังคับฟ้าดินได้เพียงเล็กน้อยผ่านกระท่อมหลังนี้ แต่ก็เพียงพอที่จะช่วยยกระดับความแข็งแกร่งของฉินอวี่ได้อย่างมาก
“กระท่อมไม้นี้มีเพียงเศษเสี้ยวของข้อบังคับ หากนำกระท่อมทุกหลังมารวมกัน... เดี๋ยว!” ทันใดนั้นร่างกายของฉินอวี่ก็สั่นเทิ้มอย่างรุนแรง ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง หัวใจของเขาปั่นป่วนดั่งคลื่นพายุ และนึกถึงการเผชิญกันของเพลิงอสุนีบาตและพื้นที่ของเืปีศาจ และนึกถึงเจดีย์เล็กๆ แห่งนั้น!
ฉินอวี่ยกมือขวาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คลื่นพลังปราณเข้ามารวมกลางฝ่ามือ รอยมือทองสัมฤทธิ์ก็ปรากฏขึ้นอย่างคลุมเครือ
“รอยมือนี้... เป็ข้อบังคับด้วยหรือไม่? เืปีศาจนั่นมีพลังข้อบังคับฟ้าดิน และได้ใช้ข้อบังคับของฟ้าดินขัดขวางการกดดันของเพลิงอสุนีบาต?”
ฉินอวี่สูดลมหายใจลึกๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ เขาไม่รู้เลยว่ารอยผนึกฝ่ามือนี้มีที่มาที่ไปเช่นไรกันแน่ และในตอนนี้ เมื่อเชื่อมโยงกับเื่ของกระท่อมไม้ เขาก็รู้สึกใเล็กน้อย!
ฝ่ามือทองสัมฤทธิ์นี้ นับเป็ข้อบังคับประเภทหนึ่ง! บางทีอาจพูดได้ว่า รอยฝ่ามือทองสัมฤทธิ์ที่เดียวดายนี้ ยังไม่ใช่ข้อบังคับของฟ้าดินโดยสมบูรณ์ แต่เป็เพียงบางส่วนของข้อบังคับฟ้าดินเท่านั้น
ฉินอวี่ตกตะลึง เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะสามารถััข้อบังคับนี้ได้ ในระดับการฝึกฝนเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็เพียงส่วนเล็กน้อย หรือแม้จะเป็เพียงเศษส่วนของข้อบังคับ หรือแม้ยากที่จะยืมใช้พลังของข้อบังคับ แต่เมื่อระดับการฝึกของเขาสูงขึ้น มีความรู้แจ้งที่เปิดกว้างมากขึ้น ก็มีโอกาสมากที่ข้อบังคับนี้จะช่วยให้เขาบรรลุเข้าถึงระดับเขตแดนเซียน
และสามารถกล่าวได้ว่า ข้อบังคับนี้ช่วยเปิดทางให้ฉินอวี่เอาไว้ล่วงหน้า และทั้งหมดนี้เหมือนเป็พรอันดีเลิศที่ได้จากผู้าุโคนนั้น มิเช่นนั้น ฉินอวี่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ััถึงข้อบังคับเช่นนี้เมื่อใด
“ข้อบังคับ ในฟ้าดินแห่งนี้มีข้อบังคับอยู่จริงๆ บางที ข้าก็อาจจะยังเป็คนที่รับรู้และมองเห็นเพียงสิ่งเล็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า เหมือนดั่งกบก้นบ่อที่กำลังมองขึ้นมาจากบ่อ และเห็นได้เพียงเศษเสี้ยวเดียวของยอดูเาน้ำแข็ง” ฉินอวี่พึมพำกับตนเอง จากนั้นไม่นาน เขาก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่ถูกบดบังโดยหมู่ต้นไม้ และพูดกับตนเอง “ต้องมีสักวันหนึ่ง ที่ข้าฉินอวี่จะขึ้นไปบนฟากฟ้า เหนือยอดสุดแห่งนภาอากาศ เพื่อมองดูโลกมนุษย์ ว่าแท้จริงเป็เช่นไรกันแน่!”
สิ่งนี้ นับเป็วาทศิลป์ที่ฉินอวี่เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นเป็ครั้งแรกนับั้แ่กลับมาเกิดใหม่ นี่ไม่ใช่ความคิดเพียงชั่ววูบ แต่กลับเป็ความปรารถนาจากจิตใจ และเสียงเรียกร้องจากหัวใจของเขา
ฉินอวี่นิ่งเงียบไป และคิดอะไรขึ้นมามากมาย และคิดอยู่เช่นนั้นเป็เวลานาน จนกระทั่งหวนนึกถึงความปรารถนาอันมากมายนับไม่ถ้วนในตลอด่เวลาหกปีที่ได้รับพิษ และนึกถึงเื่ราวต่างๆ ที่ได้พบเจอหลังจากกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
เดิมแล้ว ฉินอวี่คิดว่าเป้าหมายสำคัญในการกลับมาเกิดใหม่ของตนเองคือการสังหารหลินอวี่ และการแก้แค้น แต่ในตอนนี้ ฉินอวี่จึงได้เข้าใจอย่างแท้จริง ว่าเป้าหมายของตนเองคือการก้าวให้ถึงจุดสูงสุดของการฝึกฝนยุทธ์ บางทีอาจบอกได้ว่า... เป็การควบคุมชะตาของตนเอง ไม่ให้ซ้ำรอยอดีตที่ผ่านมา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ฉินอวี่ก็ละทิ้งความคิดกลับมา อารมณ์ทั้งหมดค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างเงียบๆ และไม่รู้ว่าสายตาของเขาดูลึกล้ำขึ้นั้แ่เมื่อใด
หลังจากผ่านไปเป็เวลานาน
“วันหลังค่อยหาเวลาพิจารณาเื่ข้อบังคับ แต่น่าเสียดาย ที่มีตำราที่เกี่ยวข้องกับข้อบังคับเหล่านี้น้อยเกินไป” ฉินอวี่พึมพำกับตนเอง
เมื่อคิดถึงเื่นี้ ฉินอวี่ก็นั่งขัดสมาธิลงอีกครั้ง ยกมือข้างขวาขึ้นพร้อมเรียกพลังปราณออกมาจากนิ้ว ฉินอวี่ตั้งใจนำพลังปราณแยกแผ่นไม้ และนำพลังปราณออกมาสร้างกระท่อมไม้ เพื่อทดลองดูว่าจะสามารถใช้พลังของข้อบังคับได้หรือไม่ แม้ว่าจะเป็เพียงส่วนเล็กน้อย แต่ก็อาจกลายเป็ท่าไม้ตายของตนเองได้
ผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าของฉินอวี่ก็เริ่มซีดเซียว ทั่วทั้งร่างมีเหงื่อขนาดเท่าเมล็ดถั่วไหลออกมา ด้วยระดับการฝึกฝนของเขาในตอนนี้ การแยกพลังปราณเช่นนี้นับว่ากินแรงไปอย่างมหาศาล ผนวกกับการใช้พลังปราณสร้างข้อบังคับของฟ้าดิน ยิ่งทำให้ฉินอวี่ต้องแบกรับแรงกดดันที่มากขึ้น
ฉินอวี่กระอักเืออกมาอย่างรุนแรง พลังปราณในมือสลายไปทันที พลังปราณในร่างกายก็ว่างเปล่าไปเช่นกัน
“น่าเสียดายที่ตอนนี้มีระดับการฝึกฝนที่ต่ำเกินไป จึงยากนักที่จะแยกพลังปราณออกมา และการใช้พลังปราณสร้างข้อบังคับของฟ้าดิน ดูเหมือนจะมีความขัดแย้งของพลังที่แข็งแกร่งชนิดหนึ่งอยู่ ซึ่งเกรงว่า คงไม่สามารถใช้พลังในเศษของข้อบังคับได้ในระดับการฝึกฝนในตอนนี้” ฉินอวี่ถอนหายใจยาวๆ แต่ก็ยังไม่หมดความหวัง เพียงแค่ได้ััข้อบังคับแห่งฟ้าดินก็ทำให้เขาพอใจเป็อย่างมากแล้ว ฉินอวี่มองไปยังวัสดุไม้ที่อยู่บนพื้น และเก็บมันทั้งหมดเข้าไปในวงแหวนมิติ เพื่อสำรองสำหรับความ้าในอนาคต
ฉินอวี่ละความคิดทั้งหมด และคำนวณดูเวลา เมื่อรู้ว่าตนเองได้อยู่ที่นี่มาเป็เวลาเก้าเดือนแล้ว ฉินอวี่ก็รู้สึกใจเต้นอย่างแรง เื่ข้อบังคับต่างๆ เก็บไว้ศึกษาต่อในภายหลัง ในตอนนี้เหลือเวลาเพียงสองปีกับสามเดือนก็จะถึงการคัดเลือกศิษย์แล้ว ตอนนี้จึงถึงเวลายกระดับการฝึกฝนของตนเองเพื่อเตรียมพร้อมสู่การคัดเลือกศิษย์
แต่ถึงอย่างไร ก่อนอื่นต้องไปเข้าร่วมการทดสอบผู้ดูแล เพื่อขึ้นเป็ผู้ดูแลหอตำราให้ได้เสียก่อน เื่อื่นค่อยว่ากันอีกครั้ง
