สำนักซ่งเจี่ย ท่ามกลางหุบเขา
ตอนนี้ มวลเมฆหมอกหนาได้เข้าปกคลุมกลุ่มศิษย์ที่ร้ายกาจ เพื่อให้พวกเขาลำเลียงร่างหมดสติของชาวบ้านหลายร้อยคน เข้าไปในสำนัก
ร่างนับร้อย ถูกปล่อยลงในสระโลหิตขนาดเล็กแห่งหนึ่งในหุบเขา ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของกู่ไห่ มีเพียงศีรษะของผู้คน ซึ่งกำลังลอยคออยู่เหนือผิวน้ำ
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ศิษย์เ่าั้ก็มองไปยังชายชุดดำ ด้วยท่าทีเชื่อฟัง
ชายชุดดำผิวคล้ำ ดวงตาเย็นะเื บริเวณตาซ้ายมีแผลเป็ ซึ่งส่งให้ดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้น
“ผู้าุโ นี่คือคนสุดท้ายแล้ว สระโลหิตในตอนนี้ เต็มไปด้วยเืมนุษย์ และพวกมันก็พร้อมที่จะให้ผู้าุโเปลี่ยนร่างแล้ว” คนของซ่งเจี่ยเอ่ยอย่างพินอบพิเทา
ชายชุดดำพยักหน้า ก่อนเดินตรงไปยังสระโลหิต และค่อยๆ ก้าวขึ้นไปบนขอบสระ จากนั้นจึงลงไปในสระ ที่เต็มไปด้วยร่างของมนุษย์ที่กำลังหมดสติ
ทันทีที่เดินไปถึงใจกลางสระ เขาก็ยื่นมือออกไป
ฟึ่บ!
พลัน ระลอกพลังชี่สีแดงร้อยสาย ก็พุ่งออกจากฝ่ามือทั้งสองของเขา ตรงไปยังกลุ่มคนที่หมดสติ และแทรกเข้าไปในศีรษะพวกเขาทันที
“อา!” ชายชุดดำร้องเสียงดัง
ทันใดนั้น แสงสีเขียวก็โผล่ออกมาจากศีรษะของผู้คนที่นอนหมดสติ กลุ่มแสงนั้นโปร่งใส แต่กลับมีเส้นสีแดงเข้มไหลเวียนอยู่ภายใน
ฟึ่บ!
กลุ่มแสงพุ่งไปยังชายชุดดำ เพียงพริบตา เขาก็กลืนกินมันลงไป
หลังจากดูดกลืนประกายแสงจนหมดสิ้น ปลายนิ้วของชายชุดดำก็ค่อยๆ มีหยาดโลหิตสีแดงสดปรากฏขึ้น
จ๋อม!
หยดเือสูรร่วงลงสู่สระน้ำเบื้องล่าง หลอมรวมเข้ากับโลหิตมนุษย์ที่เอ่อนองอยู่เต็มสระ
ฟุ่บ!
เมื่อโลหิตทั้งสองหลอมรวมเป็หนึ่งเดียว มันก็พุ่งเข้าสู่ศีรษะของกลุ่มคนที่หมดสติทันที
ฟู่!
เืในสระค่อยๆ เหือดแห้งไปจนหมด
ฟึ่บ!
เมื่อเห็นเช่นนั้นชายชุดดำจึงค่อยๆ เก็บเส้นพลังชี่สีแดงเข้มของตนกลับไป
“พาตัวพวกมันลงไป” ชายชุดดำกล่าวเสียงต่ำ
“ขอรับ!” กลุ่มศิษย์ครึ่งอสูรตอบ
กล่าวจบ ชายชุดดำจึงเหาะกลับไปยังเรือนซ่งเจี่ย ที่ตั้งอยู่บนูเาสูง
“ผู้าุโ” กลุ่มคนที่หน้าประตูเรือน กล่าวทักทายอย่างอ่อนน้อม
“เกิดอะไรขึ้น?” ชายชุดดำเอ่ยถามเสียงต่ำ
“พวกมันมีตราประทับัอยู่บนตัว เราจึงไม่กล้าลงมือกับคนกลุ่มนี้” ชายคนนั้นกล่าวอย่างนอบน้อม
ชายชุดดำขมวดคิ้วแน่น “ตราประทับั? เช่นนั้นคนเหล่านี้ก็คือองครักษ์ของหลงหว่านชิง หากพวกเขาตายหรือพิการ ท่านตาของนางจะรู้ได้ในทันที ดังนั้น อย่าทำร้ายหรือสังหารพวกเขา”
“เอ่อ!... เช่นนั้นแล้ว เราก็ไม่อาจทำอะไรพวกมันได้” ผู้ใต้บังคับบัญชา พลันถอดสี
“แล้วจะมาบอกข้าทำไม? นั่นมันเื่ของพวกเ้า ที่ข้าให้พลังพวกเ้าไป หาใช่เพื่อให้มาบ่นเช่นนี้” ชายชุดดำกล่าวอย่างเ็า
“ขอรับ!” กลุ่มคนครึ่งอสูรตอบรับด้วยความจำใจ
“ทางฝั่งของกลุ่มศิษย์ เหตุใดจึงไม่ส่งข่าวมา?” ชายชุดดำถามเสียงต่ำ
“ท่านหัวหน้าสำนักคงหาหลวงจีนผู้นั้นไม่พบขอรับ” ศิษย์ครึ่งอสูรเอ่ย พลางนิ่วหน้า
“เอาละ! พวกเ้าไปเถอะ ข้าจะใช้สมาธิในการปรับแต่งดวงจิตของมนุษย์เหล่านี้!” ชายชุดดำกล่าว
“ขอรับ! ผู้าุโ” กลุ่มศิษย์ครึ่งอสูรตอบ ก่อนถอยออกไปทันที
ชายชุดดำก้าวเข้าไปในเรือนซ่งเจี่ย ประตูใหญ่จึงค่อยๆ ปิดลง
ภายในเรือน เขาทิ้งกายลงนั่งขัดสมาธิ มุมปากเผยรอยยิ้มเย้ยหยันก่อนเอ่ย “เผ่ามนุษย์ผู้โง่เขลา.. เหอะ!”
...
ที่ด้านนอกสำนักซ่งเจี่ย
ไกลออกไป กู่ไห่ลอบมองกลุ่มคนที่กำลังเข้าออกสำนัก อย่างไม่ละสายตา
“นายท่าน นี่คือค่ายกลเกราะทอง ทางเข้าออกมีเพียงทางเดียวเท่านั้น พวกเราจะทำอย่างไรดีขอรับ?” เฉินเทียนซานมีสีหน้ากังวล
“มีแค่ทางเข้าเดียว แล้วพวกเรายังจะเข้าไปอีกหรือขอรับ?” เกาเซียนจือเอ่ยถามอย่างวิตก
“ไม่ใช่พวกเรา... แต่เป็เ้า!” กู่ไห่ตอบเสียงต่ำ
“หา?” เกาเซียนจืออึ้งเล็กน้อย เมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ข้างในมีหัวหน้าอสูรอยู่ การที่เราจะเข้าไปค้นหาหลงหว่านชิง ย่อมมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นคนที่จะเข้าไป ต้องเป็ผู้ที่พวกอสูรเหล่านี้ไม่รู้จัก” กู่ไห่กล่าวด้วยเสียงต่ำ
“แต่ที่หน้าประตู มีคนคอยตรวจสอบผู้ที่เข้าออก เช่นนี้แล้วเขาจะเข้าไปได้หรือ?” ฮวางบูเอ่ยอย่างหนักใจ
“การเข้าไปไม่ใช่เื่ยาก แต่ปัญหาใหญ่ก็คือหัวหน้าอสูรนั่น ฉะนั้น เราจะต้องล่อเ้าอสูรตนนั้นออกมา” กู่ไห่กล่าว
“โอ้? นายท่าน แล้วเราจะทำอย่างไร?” เฉินเทียนซานกล่าวด้วยความแปลกใจ
กู่ไห่หันไปมองเกาเซียนจืออย่างให้กำลังใจ เกาเซียนจือเองก็ดูเหมือนจะล่วงรู้ความคิดของอีกฝ่ายได้ในทันที จึงชะงักเล็กน้อย
เขาเข้าใจเจตนาของกู่ไห่แล้ว หลังไตร่ตรองชั่วครู่ ก็เอ่ยถาม “นายท่านจะวางค่ายกล เพื่อสู้กับสำนักซ่งเจี่ยอย่างนั้นหรือ?”
กู่ไห่ยกยิ้ม ก่อนตอบ “เ้าคิดถูกแล้ว!”
“ค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้นหรือขอรับ?” เกาเซียนจือสูดหายใจลึก ก่อนถามอีก
กู่ไห่พยักหน้าตอบ
“นั่นก็หมายความว่า ท่านจะต้องใช้หินิญญาจำนวนมหาศาลในการสร้างค่ายกล?” สีหน้าของเกาเซียนจือพลันเปลี่ยนไป
“ใช่แล้ว! หินิญญา” กู่ไห่พยักหน้าอย่างมุ่งมั่น
“หินิญญา? ตรงนั้นมีเหมือง ที่นั่นคือเหมืองหินิญญาที่ใหญ่ที่สุดของสำนักซ่งเจี่ย! ทั้งยังมิได้อยู่ในค่ายกลผลึกเกราะทอง” เฉินเทียนซานชี้ไปยังเหมืองที่อยู่ไม่ไกลนัก
“แล้วยังจะรออะไรอีก... ไปกันเถอะ!” กู่ไห่กล่าวเสียงเรียบ
“ขอรับ!” ทุกคนตอบรับ
...
นอกค่ายกลผลึกเกราะทอง ณ ป่าในูเาที่ไม่ไกลกันนัก
ในตอนนี้ มีกลุ่มศิษย์ของสำนักซ่งเจี่ยเฝ้าอยู่มากมาย
กู่ไห่และกลุ่มคนโฉดสามพันคน เดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ พวกเขาหยุดมองปากหุบเขาที่อยู่ไม่ไกล ด้วยสายตาเรียบเฉย
“เร็วเข้า… เร็ว!… นี่คือคนธรรมดาที่เพิ่งจับมาได้ หนุ่มน้อยเช่นนี้ หัวใจต้องสดใหม่แน่”
“ข้าก็อยากกิน”
“แบ่งให้ข้าด้วย”
“อย่ามาแย่งของข้า”
ศิษย์กลุ่มเล็กๆ หน้าปากทางเข้าหุบเหว กำลังยื้อแย่งอาหารที่พวกเขาเพิ่งจะจับมาได้อย่างครึกครื้น
สีหน้าของเหล่าคนโฉด พลันแสดงอาการไม่สู้ดีนัก
“นี่เป็เหตุผล ที่ข้า้าสังหารกลุ่มคนครึ่งอสูรเหล่านี้ พวกมันจะกระหายเืเนืุ้์ เช่นเดียวพวกผีดิบที่ข้าเคยเห็น และมักจะดูดเืมนุษย์ โดยไม่สามารถขาดมันได้ ยิ่งดูดก็ยิ่งชอบ จนกระทั่งมีผู้แข็งแกร่งออกมาต่อต้าน จึงสามารถยับยั้งการโจมตีของพวกมันได้
กลุ่มมนุษย์ครึ่งอสรพิษเหล่านี้ก็เช่นกัน ทันทีที่พวกมันกินมนุษย์ ก็จะไม่อาจยับยั้งใจได้อีก ดังนั้น ทางออกเดียวคือต้องฆ่าทิ้ง!” ซ่างกวนเหินกล่าวอย่างกังวลใจ
“นายท่าน รอบด้านมีศิษย์ซ่งเจี่ยราวแปดร้อยคนดูแลอยู่ น่าจะเป็เหมืองขนาดใหญ่ ทั้งสี่ทิศถูกล้อมไปด้วยเรือนหลายหลัง ดูจากผังเช่นนี้ พวกเขาจะต้องนำหินิญญาไปเก็บไว้ในเรือนเหล่านี้แน่” เกาเซียนจือพูด พลางมองดูโครงสร้างทั้งสี่ทิศของสำนักซ่งเจี่ย
“เกาเซียนจือ เ้านำกองกำลังทัพฟ้า หาโอกาสเข้าไปในสำนัก เพื่อนำตัวหลงหว่านชิงออกมา หรือหาข่าวเกี่ยวกับนาง” กู่ไห่สั่งเสียงต่ำ
“ขอรับ!” เกาเซียนจือตอบรับ
“ซ่างกวนเหิน เ้านำกองกำลังทัพเหลือง ไปเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการวางค่ายกล ตอนที่อยู่ในพรรคต้าเฟิง ข้าเคยสอนพวกเ้าไว้แล้ว เดี๋ยวข้าจะนำหินิญญาไปให้” กู่ไห่กล่าวเสียงทุ้ม
“ขอรับ!” ซ่างกวนเหินรับคำสั่ง
“เฉินเทียนซาน ฮวางบู พวกเ้านำกองกำลังทัพดินและนิล ไปจัดการกับศิษย์ของซ่งเจี่ย จำนวนเกือบสองต่อหนึ่ง พวกเ้าคงจะไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่?” กู่ไห่มองคนทั้งสอง
“นายท่านโปรดวางใจ ไม่มีปัญหาแน่นอน” ทั้งสองขานรับทันที
“สิ่งที่ข้า้า คือจัดการอย่างเงียบๆ” กู่ไห่เอ่ยเสียงต่ำ
“อ่า!” ทั้งสองวิตกเล็กน้อย จัดการคนแปดร้อยคน จะให้ไม่มีเสียงได้อย่างไร?
“พวกเ้ามีเวลาตอนกลางวัน ที่จะเก็บข้อมูลของศัตรูทุกคน และให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ละคน จับจองคู่ต่อสู้ของตนเอง เมื่อถึงกลางคืน ก็ให้พวกเขาแยกย้ายไปจัดการกับคนที่ตนระบุเอาไว้ก็พอ” กู่ไห่กล่าว
“อา? ขอรับ!” ทั้งสองตอบ
เกาเซียนจือพากองกำลังทัพฟ้าเคลื่อนพลออกไปอย่างรวดเร็ว
กู่ไห่หยิบกระดาษและพู่กันออกมา เพื่อชี้แนะซ่างกวนเหิน ว่าจะต้องฝังหินิญญาไว้ที่ใดบ้าง
เป็เพราะคนสามพันคนนั้น เยอะเกินกว่าที่จะซ่อนตัวอยู่ในป่า หลายครั้งจึงถูกพบโดยศิษย์ซ่งเจี่ย แต่ก็ยังถือว่าโชคดี ที่คนเ่าั้เอาแต่นิ่งอึ้งตะลึงงัน กลุ่มคนโฉดจึงสามารถสังหาร ปิดปากศิษย์เ่าั้ได้ทัน ก่อนที่พวกมันจะร้องะโออกมา
พระอาทิตย์ค่อยๆ ตกลงที่ด้านหลังูเา เมื่อเข้าสู่ยามค่ำคืน การกระทำของเหล่าศิษย์สํานักซ่งเจี่ย ก็เริ่มเฉื่อยชาลง ในตอนนี้ พวกเขามีอาการง่วงเหงาหาวนอน
บัดนี้ กู่ไห่กำลังยืนสังเกตการณ์อยู่บนเขา ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยก่อนเอ่ยขึ้น “ได้เวลาแล้ว!”
หินก้อนหนึ่งในมือค่อยๆ ร่วงหล่นพื้น
ตุบ!
หินที่ตกลงมาค่อยๆ หยุดกลิ้ง และนิ่งลงในที่สุด
“ลงมือ!” ทันใดนั้น เสียงะโของกลุ่มคนโฉด ก็ดังขึ้นทุกสารทิศ
“ใครกัน?”
ฉีก!
“อ๊าก!”
“อย่าฆ่าข้า!”
“พวกเ้าเป็ใคร?”
ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยที่เฝ้าเหมืองหินิญญา ต่างถูกกลุ่มคนโฉดจัดการไปทีละคน
กลุ่มคนโฉดเคลื่อนกำลังเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันที่ศิษย์ซ่งเจี่ยจะได้ร้องะโ พวกเขาก็ถูกสังหารจนสิ้นเสียแล้ว
แกรกๆ!
ซ่างกวนเหินและฮวางบูเปิดประตูเรือน แล้วหยิบหินิญญาออกมาอย่างว่องไว
“เริ่มสร้างค่ายกล” ซ่างกวนเหินะโสั่ง ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขอรับ!”
ฟึ่บๆๆ!
กลุ่มคนโฉดรีบวิ่งไปรอบๆ ป่า
หินิญญาถูกนำไปฝังดินอย่างต่อเนื่อง
กู่ไห่ค่อยๆ เดินไปยังบริเวณเหมืองหินิญญา สายตาคมเหลือบมองเหล่าสมุนรอบข้าง ที่กำลังวุ่นอยู่กับการนำหินิญญาไปฝัง ด้วยสายตานิ่งเรียบ
ทั้งหมดใช้เวลาไปเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น
“นายท่าน... พร้อมแล้วขอรับ!” ซ่างกวนเหินวิ่งตรงเข้ามา
“เริ่มได้!” กู่ไห่ร้องคำราม
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น กลุ่มหมอกหนาก็ลอยตัวขึ้นรอบๆ บริเวณเหมืองหินิญญา
แสงไฟภายในหมอกหนานั้น ช่างริบหรี่นัก
หลังจากสร้างค่ายกลในเบื้องต้นแล้ว กู่ไห่ก็เริ่มสั่งให้กลุ่มคนโฉดฝังหินิญญาเพิ่มเข้าไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อจัดวางค่ายกลที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น พวกเขายังคงทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็วและกระตือรือร้น โดยไม่แม้แต่จะหยุดพัก
...
เช้าวันรุ่งขึ้น
กลุ่มคนโฉดกองกำลังทัพฟ้าได้เปลี่ยนไปสวมเสื้อผ้าของศิษย์สำนักซ่งเจี่ย ในมือของทุกคนถือแส้ยาว เพื่อควบคุมกลุ่มชาวบ้าน ส่วนเกาเซียนจือก็แฝงตัวอยู่ในกลุ่ม ‘ชาวบ้าน’ ที่ถูกจับตัวมา
และตอนนี้ พวกเขาก็มาถึงทางเข้าค่ายกลของสำนักแล้ว
นอกจากกองกำลังของเกาเซียนจือแล้ว ยังมีคนอีกหลายกลุ่มในบริเวณนี้ พวกเขาล้วนเป็ศิษย์ของสำนักซ่งเจี่ย ที่ออกไปจับกุมชาวบ้านมา
เช้าตรู่ แสงแดดสาดส่อง ทำให้พื้นที่ทุกแห่งสว่างไสว
“เอ๋? ดูสิ... ทำไมที่นั่นจึงมีหมอกหนานัก?”
“นั่นดูเหมือนค่ายกลเลยมิใช่หรือ?”
“ค่ายกล? เหตุใดจึงมีค่ายกลปรากฏขึ้นที่นั่นได้? “
ทันใดนั้น เหล่าศิษย์ซ่งเจี่ย ต่างก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติขึ้น ในบริเวณที่กู่ไห่วางค่ายกล
“ไปดูกันเถอะ!” พลัน ศิษย์บางคนก็วิ่งตรงไปยังค่ายกลประหลาดตรงหน้า
เมื่อเห็นเช่นนั้น เกาเซียนจือก็ส่งสายตาเป็สัญญาณ เพื่อให้เหล่าคนโฉดเคลื่อนกำลังพากลุ่มชาวบ้าน เดินไปยังทางเข้าค่ายกลผลึกเกราะทองทันที
“ศิษย์พี่ นี่คือคนห้าร้อยคนที่พวกข้าเพิ่งจับมา ทั้งหมดล้วนดีที่สุด!” หนึ่งในกลุ่มคนโฉดเอ่ยขึ้น พลางยกยิ้มบางๆ
คนเฝ้าหน้าประตูค่ายกลขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมมองไปยังคนโฉดตรงหน้าอย่างแปลกใจ
“เ้าเป็ศิษย์น้องจากูเาลูกไหนกัน? ขอดูหน้าหน่อยสิ!” คนเฝ้าหน้าประตูเอ่ยถามด้วยความสงสัย
แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น จากสถานที่ที่ไกลออกไป
“อ๊าก!”
เสียงร้องอย่างเ็ปดังกึกก้องทั่วบริเวณ ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของศิษย์สํานักซ่งเจี่ยพลันเปลี่ยนไป คนที่เหลือต่างมองหน้ากันด้วยความตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้