“กงกงหมดหน้าที่ท่านแล้ว ขอบคุณที่อยู่ร่วมกันมายี่สิบสองปี” ราวกับพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในการกล่าวลาขันทีาุโผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดมาตลอด
ขันทีชราปาดน้ำตาปรอยๆ
ยี่สิบสองปีกับใบหน้าหล่อเหลา อีกทั้งยังดูอ่อนกว่าวัย เจียเฟยยกท่อนแขนตัวเองขึ้นมาดูผิวคล้ำแดดกับมือหยาบกระด้าง เจียเฟยเป็หญิงแท้ๆ ยังไม่ขาวสะอาดเรียบเนียนเหมือนผิวกายของม่อเฉวียน เทียบไม่ติดกันเลยทีเดียว
“เ้าชื่อแซ่ว่าอย่างไร” ขันทีาุโถามขึ้นเบาๆ ทำความรู้จักกันไว้ ในเมื่อวันนี้เป็วันสุดท้ายแล้วสิ่งเดียวที่อยากทำคือการสั่งเสียขันทีหนุ่มน้อยให้ภักดีต่อม่อเฉวียนที่ขันทีชราดูแลมาตลอด
“แซ่เจีย นามว่าเฟย”
ม่อเฉวียน เอามือไพล่หลัง มองออกนอกหน้าต่างไม่สนใจว่ากงกงจะพูดอะไรกับเจียเฟย
“อาเฟย ไม่สิเสี่ยวเฟย เ้าต้องดูแลฝ่าาให้ดี ฝ่าานิยมนอนตื่นแต่เช้า จิบชาอุ่นๆ และเสวยอาหารที่รสไม่จัดนัก” เจียเฟยประสานมือก้มหน้านิ่งน้อมรับคำสั่งสอนจากผู้ที่ได้ชื่อว่ารู้ใจนายคนใหม่ของเจียเฟยที่สุด
“ยี่สิบสองปีข้านอนข้างๆ นั่น”
ชี้มือไปที่ผนังห้อง
เจียเฟยกระแอมเบาๆ ปรับเสียงให้ทุ้ม
“ขอรับ” ม่อเฉวียนหันขวับกลับมาทันที
“พูดใหม่สิ” น้ำเสียงกระตุก
“ขะขะขอรับ” ม่อเฉวียนนิ่ง
“ผ่านการฝึกหัดขันทีมาแล้ว จะต้องทำงานที่รับผิดชอบได้ดี เสี่ยวเฟยข้าฝากฝ่าาไว้กับเ้า ต่อไปไม่ว่ายามหลับยามตื่นจะต้องมีฝ่าาในสายตา ข้าไม่อยากจากไปความจริงอยากรับใช้ฝ่าาจนตายทว่าแข้งขาข้าที่ไม่อาวิ่งตามฝ่าาได้อีกต่อปแล้วสายตาข้าพร่ามัวเกินกว่าจะระวังภัย เ้าต่อไปต้องตั้งใจให้มาก” เจียเฟยยิ้มแหย๋ๆ
“หรูหราน ถวายพระพรฝ่าา” นางกำนัลร่างเล็กย่อกายลงตรงหน้า
“อืมหรูหราน ดูแลขันทีคนใหม่ ช่วยข้าย้ายข้าวของเข้ามาในห้องด้านข้าง”
เจียเฟยยิ้ม ให้กับหรูหรานที่เดินนำออกไป
กงกงประสานมือ ม่อเฉวียนเดินกลับไปที่โต๊ะยกหีบไม้ที่ภายในมีทองหลายพันชั่ง ยกวางที่อ้อมแขนของขันทีชรา
“ฝะฝ่าา”
“ท่านดูแลข้ามาตลอดมันน้อยไปด้วยซ้ำ” ขันทีชราน้ำตาซึม
“ท่านไปเสียแล้ว เ้าขันทีหนุ่มนั่นจะได้เื่ไหมข้าก็ไม่อาจคาดเดา แต่ท่านก็ควรพักผ่อนจวนขันทีที่ข้าให้เขาสร้างให้กับกงกงหวังว่าจะอยู่สบาย รับใช้ข้ามาตลอดต่อไปให้อยู่สบายเสียทีข้าจัดหญิงรับใช้ให้กงกงสองคน หากมีสิ่งใดขาดตกต้องรีบบอกข้า” เจียเฟยก้มหน้ายิ้ม ยิ่งภักดียิ่งได้ใจเอ้อต่อไปจะต้องตั้งใจดูแลฝ่าาอย่างน้อยพอต้องจากกันหวังว่าฝ่าาจะตอบแทนเจียเฟยเหมือนที่ดูแลเฉินกงขันทีชราผู้นี้ก็พอ
“ฝ่าาความจริงเฉินกงก็ไม่เห็นด้วยที่จะนำขันทีร่างอ้อนแอ้นนั่นมาข้างกาย” เจียเฟยไม่อยู่จึงกล้าพูด
“ทำไมกัน กลัวว่าข้าจะทำอย่างเื่เล่าเกินจริงอย่างนั้นหรือ”
ยิ้มน้อยๆ หลุบตามองพื้นขนตางอนงามราวกับอิสตรี
“นั่นไม่สำคัญเท่ายิ่งโหมกระพือเื่เล่าเ่าั้ให้เกินจริง ฝ่าาคงต้องคอยระวังเื่เ่าั้จะทำให้ระคายเคืองเบื้องยุคลบาท”
“กงกงวางใจ เพียงไม่กี่วันบางทีข้าอาจเปลี่ยนตัวขันที เพราะไม่เห็นว่าขันทีหนุ่มนั่นจะได้เื่ได้ราวอะไร เพียงแค่ไม่อยากขัดพระราชปรารภของไทเฮาก็เท่านั้น” สีหน้าเรียบเฉย
“เช่นนั้นเฉินกงก็วางใจ จะเปลี่ยนหรือไม่นั่นก็คือการตัดสินใจของฝ่าาเพียงผู้เดียว ข้าน้อยหวังว่าฝ่าาจะตัดสินใจไม่ผิดพลาด เฉินกงทูลลา”
หอบเอาหีบทองคำออกไป
ม่อเฉวียนฮ่องเต้นั่งลงวางหมากลงไปบนกระดานเดินหมากเพียงลำพังสีหน้าครุ่นคิด
เสียงท้องร้องจ๊อกๆ ยังไม่ได้ เสวยยามเที่ยง
“เ้าขันทีคนใหม่ ลืมเวลาเสวยของข้า”
“เสี่ยวเฟย เสี่ยวเฟย” เงียบไร้สรรพเสียง
ม่อเฉวียน ก้าวขาออกจากห้องยืนนิ่งที่หน้าประตูห้องข้างๆ
“เสี่ยวเฟย เ้ากำลังจะทำอะไร”
ขมวดคิ้วเข้าหากัน สายตาแสดงความสงสัยและไม่พอใจอย่างที่สุด ภาพตรงหน้าคือเจียเฟยที่ กอดเอวหรูหรานไว้แแ่จากด้านหลัง
“เ้าสองคน …” อ้าปากกว้างคิ้วคมขมวดเข้าหากัน เ้าขันทีนี่มาวันแรกก็สร้างวีรกรรมเลยหรือไร
“ฝ่าา ในห้องนี้มี แมงมุมตัวใหญ่ขันทีคนใหม่ กลัวเ้าแมงมุมนั่น”
หรูหรานละล่ำละลักอธิบายเื่ที่เกิดขึ้น เจียเฟยหันกลับมา มองม่อเฉวียนที่มีสีหน้าเข้มดุ
“เลยเวลาเสวยเที่ยงของข้าแล้ว” เจียเฟย ประสานมือก้มหน้า
“ข้าน้อยจะยกเครื่องเสวยเดี๋ยวนี้” วิ่งออกจากห้องไปในทันที
“นี่คือสาเหตุที่ข้าไม่อยากรับขันทีท่าทีกึ่งหญิงกึ่งชาย เพราะแม้แต่แมงมุมยังกลัว”
หรูหรานย่อกายเดินออกจากห้องไป ม่อเฉียนสำรวจหาตัวแมงมุมก่อนจะจับมันไว้ แล้ว โยนออกนอกห้องไป ส่ายหน้าไปมา
เจียเฟยยกถาดเครื่องเสวยที่มีเครื่องเสวยมากมาย พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นว่าเครื่องเสวยทั้งหอมทั้งน่าลิ้มรสในนั้น นางกำนัลอีกสองคนก็ยกเครื่องสวยตามมาอีกสองถาดใหญ่ๆ
วางเครื่องเสวยตรงหน้า นางในห้องเครื่องวางเครื่องสวยก่อนจะย่อกายจากไป
“ฝ่าาเครื่องสวยมาแล้ว” ม่อเฉวียนยังนิ่ง
“ฝะฝ่าาเครื่องเสวยมาและพ่ะย่ะค่ะ” ดัดเสียงให้เข้ม
“จะให้ข้าเสวยทั้งๆ ที่เ้ายังไม่ได้ทดสอบพิษอย่างน้้นหรือย่าให้ข้าเหลืออดกับ การทำหน้าที่ขันทีที่บกพร่องของเ้า”
เจียเฟยประสานมือ ลืมเื่ง่ายๆ เพราะเ้าแมงมุมตัวนั้นนั่นเอง
“ฝ่าาโปรดอภัย หยิบตะเกียบเงินมาถือไว้ คีบเอาเนื้อหมูใส่ปากเคี้ยว เนื้อไก่ใส่ปากเคี้ยว เนื้อกุ้งใส่ปากเคี้ยว ข้าวใส่ปากเคี้ยว มือยังไม่ยอมหยุดใช้ตะเกียบคีบปากก็ไม่ยอมหยุดขยับ ม่อเฉวียนมองเจียเฟยด้วยความตกตะลึงสองมือสารวน แก้มสองแก้มป่องนูน เพราะมีเครื่องเสวยเต็มปาก
“หยุดเดี๋ยวนี้”
เจียเฟยเคี้ยวเครื่องเสวยในปากแล้วรีบกลืน
“เอิ้กกกกก” ส่งเสียงเรอออกมาดังๆ
“คงต้องส่งไปฝึก ที่หอฝึกหัดขันทีเสียใหม่เ้าไม่รู้หรือว่าแกล้งไม่รู้เื่การทดสอบพิษหากจะทดสอบแบบนี้ข้าว่าเ้าเอาเก้าอี้มานั่งกินเสียให้อิ่มแล้วค่อยให้ข้ากินต่อจากเ้า”
“เสี่ยวเฟยก็แค่ ทดสอบพิษตามที่ฝ่าาบัญชา”
“ข้าไม่เคยคิดร้ายผู้ใด อีกทั้งยังไร้คนเกลียดชังการทดสอบพิษแค่เพียงทำตามกฎมณเทียรบาล และแค่เพียงทำให้คนที่คิดจะวางยาข้ารู้ว่าก่อนจะเสวยสิ่งใดก็ต้องทดสอบพิษก่อนก็แค่นั้น แต่นี่เ้าทดสอบจน…. เรอออกมาด้วยความอิ่ม”
เจียเฟยส่ายหน้า ม่อเฉวียนเผลอมองตามใบหน้าใสที่ส่ายไปมาเบาๆ
“ฝ่าา หากมีใครสักคนจะวางยาพิษ คงไม่โรยพิษไว้เฉพาะด้านหน้าหรือแค่จานเดียว ให้ข้าน้อยสุ่มตรวจสอบพิษ ก็ควรจะให้ข้าสุ่มทุกจานทุกชนิดอาหาร”
ม่อเฉวียนส่ายหน้า กับความคิดของเจียเฟย
“ตกลงเป็ข้าที่ผิดใช่ไหม” น้ำเสียงเรียบเฉย
“แน่นอน ฝ่าา เป็ฮ่องเต้ต่อหน้าผู้คนล้วนสรรเสริญ แต่ลับหลังเล่าฝ่าารู้ได้อย่างไรว่าไม่มีใครอยากจะฆ่าฝ่าา บางที่พวกเขาอาจเก็บความคับแค้นไว้ในใจ รอโอกาส ฉะนั้นหากจะมีพิษร้าย เสี่ยวเฟยขอรับไว้เอง ตามที่ถูกฝึกมาอย่างดีเพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งปฏิญาณของขันที นั่นคือปกป้องคุ้มครอง และตายแทน”
ม่อเฉวียน หันไปอมยิ้มเสียอีกทางกับท่าทีจริงจังของเสี่ยวเฟย
“ฝ่าาแต่เอาจริงๆ นะ เครื่องเสวยพวกนี้รสดีจริงๆ เสี่ยวเฟยชิมให้แล้วรสดีทุกอย่าง” ม่อเฉวียนแทบจะหลุดขำออกมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้