เมื่อโจ่วหลู่ชิงจากไป เหยียนอู๋อวี้เรียกป้าโฉ่วเข้ามาทันที เมื่อเห็นรอยเืเป็ด่างเป็ดวงบนใบหน้านาง ป้าโฉ่วใและรีบหยิบยาออกมาหมายจะทาให้นางทันที กลับไม่คิดเลยว่าจะถูกนางห้ามไว้
ป้าโฉ่วมองนางด้วยสีหน้าประหลาดใจแล้วเอ่ยถาม “นายหญิง...…เอ่อ...…”
“เ็ปเล็กน้อย ข้าทนได้” เหยียนอู๋อวี้หอบหายใจหนักหน่วง เม็ดเหงื่อบนหน้าผากปรากฏให้เห็นชัดเจน นางไม่กล้าแตะป้าโฉ่วเพราะกลัวว่าตนเองจะบีบนางจนเจ็บ นางจำต้องจับโต๊ะด้านข้าง ไม่นึกเลยว่านางจะบีบจนโต๊ะหักท่อน
“นายหญิง...…” ป้าโฉ่วมองท่าทางของนางอย่างอดกลั้น ฤทธิ์ยาหยิ่นอู๋รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก่อนเพียงแค่รู้สึกไม่สบายตอนกินยานิดหน่อย จนถึงตอนนี้แม้ฤทธิ์ยาจางลงแล้ว ทว่าก็ยังมีความเ็ปคอยกัดกร่อนกระดูกอยู่ตลอด
“มียาแก้ปวดหรือไม่?” นางก้มศีรษะถาม รู้สึกเ็ปไปทั่วร่าง ทว่าก็ไม่เ็ปเท่ากับการสูญเสียบุตร ไม่เ็ปเท่ากับบ้านแตกสาแหรกขาด เหยียนอู๋อวี้รู้ว่ารูปร่างตนเองกำลังค่อยๆ เปลี่ยนไป โชคดีที่เสื้อตัวในมีขนาดใหญ่ มิฉะนั้นเกรงว่าคงถูกร่างกายเดิมของนางฉีกจนขาด
ต่อให้ไม่ได้ส่องคันฉ่องนางก็รู้ว่าตนเองกำลังกลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิมที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็หยาบกระด้างและเต็มไปด้วยความโหดร้ายั้แ่ศีรษะจรดเท้า
เมื่อป้าโฉ่วได้ยินเหยียนอู๋อวี้พูดเช่นนี้ตั้งสติได้ทันทีและรีบหยิบยาหนึ่งเม็ดส่งเข้าปากนาง ก่อนจะพยุงนางขึ้นมา ป้าโฉ่วเห็นใบหน้าที่ห่างหายไปนานที่มีปานแดงสีสดราวกับโลหิต
เหยียนอู๋อวี้กินยาแก้ปวด ในที่สุดก็รู้สึกดีขึ้นเป็เท่าตัว นางมองป้าโฉ่วด้วยรอยยิ้ม “น่าเกลียดมากใช่หรือไม่?”
“คนหน้าซื่อใจระทมมีถมเถไป แม่นางแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ใดอีก” ป้าโฉ่วปลอบโยนเสียงแ่
“เ้าปากหนัก ปลอบคนไม่เป็” เหยียนอู๋อวี้ยิ้มอย่างไม่ถือสา หลังจากฟื้นคืนสู่สภาพเดิม พันธนาการบนร่างก็หายไปจนหมดสิ้น เมื่ออยู่ในตำหนักก็เหมือนได้กลับคืนสู่ตัวตนในอดีต ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือตนเองในตอนนั้นโดดเดี่ยวมาก ทว่าตอนนี้นางมีป้าโฉ่วอยู่ข้างกาย
“ไม่รู้ว่าเหตุใดนายหญิงถึงเปลี่ยนใจ ทว่าใช้มันน้อยลงได้ก็เป็เื่ดีกับท่าน” ป้าโฉ่วพูดพลางทอดถอนใจเบาๆ
“เ้าเคยพูดว่าใช้ยาในปริมาณมากจะทำให้ข้าตายเร็วขึ้น ทว่าตอนนี้ข้าพบว่าข้าไม่ได้ตายเร็วเพียงนั้น อย่างน้อยก็จนกว่าการแก้แค้นครั้งยิ่งใหญ่จะเสร็จสิ้น ข้าต้องใช้ชีวิตให้ดีๆ ต่อไป” ความเ็ปที่โหมกระหน่ำภายในร่างกายยังคงดำเนินต่อไป ทว่าเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วถือว่าดีกว่ามาก นางไม่กล้าบีบบนโต๊ะตรงจุดเดิมเพราะกลัวมันหักท่อน ทว่ากลับพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แม่นางดีขึ้นเช่นนี้ก็ดีที่สุดแล้ว” ป้าโฉ่วพูดทั้งที่ในใจรู้อยู่แล้วว่าเื่ราวจะยิ่งยุ่งยากขึ้นกว่าเดิม ไม่อย่างนั้นเหยียนอู๋อวี้คงไม่คิดจะรักษาชีวิตตนเองไว้ นางจึงเอ่ยปากถามเสียงเบา “นายหญิงเกิดเื่อันใดขึ้นหรือเพคะ?”
“เซียวจ่างเฟิงเป็คนขององค์หญิงใหญ่ เซียวจ่างไห่กลับมาเป็ผู้ติดตามไทเฮา เกรงว่าตำหนักหลังจะยิ่งวุ่นวายแล้ว” เหยียนอู๋อวี้มองโต๊ะพลางขูดนิ้วบนผ้าไหมเบาๆ ทำรอยทีละจุดๆ จากนั้นก็พูดเสียงเบา “วันนั้นองค์หญิงใหญ่ต้องเตรียมความพร้อมในการเคลื่อนไหวแน่ มะรืนนี้เป็วันนัดหมายของพวกเขา พรุ่งนี้พวกเขาต้องคิดหาวิธีแล้ว มิฉะนั้นจวินอู๋เสียจะยิ่งตกอยู่ในอันตราย”
หากเซียวจ่างเฟิงกับองค์หญิงใหญ่เป็พันธมิตรกันจริง เช่นนั้นหากว่ากันตามวิธีการของเซียวจ่างเฟิง เขาคงไม่ปล่อยจวินอู๋เสียไปง่ายๆ แน่นอน
เมื่อเหยียนอู๋อวี้คิดถึงเื่พวกนี้ นางพลันยืนขึ้น จากนั้นก็เดินไปยังหนังสือที่โจวหลู่ชิงขนย้ายมาวันนี้ เมื่อเจอเนื้อหาเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่นางจึงพลิกอ่านอย่างรวดเร็ว นางมีความเข้าใจเหตุผลเื้ัความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างนางกับองค์หญิงใหญ่เพียงเล็กน้อย ทว่ากลับได้เห็นเื่ราวตรงหน้าเป็ครั้งแรก
มันเป็เพียงเื่ราวระหว่างบัณฑิตยากจนกับคุณหนูมั่งคั่ง ความแตกต่างคือคุณหนูมั่งคั่งคนนี้เป็คนที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในแคว้นเซวียน ส่วนบัณฑิตยากจนคนนี้มีความทะเยอทะยานแสนยิ่งใหญ่
องค์หญิงใหญ่อารมณ์ร้อนและไม่ใช่สตรีที่มีความอดทนเพียงพอ ทว่าหลังจากเซียวจ่างเฟิงตบแต่งภรรยาก็ยังคงรักษาการติดต่อกับนาง ทว่าระหว่างพวกเขาไม่ได้เป็เพียงแค่ความรักระหว่างบุรุษและสตรีแน่นอน พันธมิตรที่มั่นคงที่สุดในโลกคือพันธมิตรร่วมผลประโยชน์
การที่เซียวจ่างเฟิงผงาดขึ้นได้คงหนีไม่พ้นความช่วยเหลืออย่างลับๆ จากองค์หญิงใหญ่ และการกุมอำนาจแบบค่อยเป็ค่อยไปก็มีความเกี่ยวข้องกับเซียวจ่างเฟิงอย่างแยกจากกันไม่ได้
เมื่ออ่านเื่พวกนี้จบเหยียนอู๋อวี้ยิ่งรู้สึกว่าจวินอู๋เสียตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแล้ว เซียวจ่างเฟิงต้องไม่ปล่อยให้จวินอู๋เสียเข้าใกล้องค์หญิงใหญ่ได้สำเร็จแน่นอน
ประการแรกเพราะความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนระหว่างพวกเขา ประการที่สองเพราะการมีอยู่ของจวินอู๋เสีย คนอื่นไม่รู้ เซียวจ่างเฟิงก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของจวินอู๋เสียเช่นกัน วิธีที่ง่ายที่สุดคือการสังหารจวินอู๋เสีย
เมื่อคิดถึงเื่นี้นี้เหยียนอู๋อวี้ขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม
“นายหญิง...…บ่าวขออนุญาตถามสักประโยค...…” ป้าโฉ่วเห็นนางเผยสีหน้าเคร่งขรึมก็อดที่จะพูดไม่ได้
“ป้าโฉ่ว ข้าพูดไปหลายครั้งแล้ว เ้ามีอันใดก็พูดมาเถิด” เหยียนอู๋อวี้พูดอย่างจริงจัง
“ไฉนจึงเป็ห่วงจวินอู๋เสียถึงเพียงนี้? แม้เขาช่วยท่าน แต่เขามีจุดประสงค์อันใด เหตุใดถึงยื่นมือช่วยท่านโดยไม่มีเหตุผล?” ป้าโฉ่วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังพูดความคิดของตนเองออกมา
เหยียนอู๋อวี้ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ตอนนี้ข้าถือว่าเขาเป็พันธมิตร”
“ท่านรู้ตื้นลึกหนาบางของพันธมิตรผู้นี้หรือไม่?” ป้าโฉ่วคาดเดาได้อย่างชัดเจน
“ไม่รู้” เหยียนอู๋อวี้พูดพลางแย้มยิ้ม “ก่อนหน้าพอรู้อยู่บ้าง ห่างหายไปห้าปีข้าไม่รู้ว่าเขาพบเจออันใดมาบ้างกันแน่ ทุกครั้งที่เห็นเขาก็มักรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปเป็คนละคน เด็กน้อยคนนั้นหายไปแล้ว”
“เขาพัฒนาความสามารถมากมายได้ภายในเวลาสั้นๆ เพียงห้าปี แสดงให้เห็นว่าความสามารถของเขาแตกต่างจากคนทั่วไป ยื่นมือมาช่วยครั้งแล้วครั้งเล่า หนำซ้ำตอนนี้นายหญิงยังเป็พันธมิตรกับเขาอีก...…” ป้าโฉ่วลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงเข้ม “นายหญิง ท่านระวังหน่อย อย่าพูดออกไปจนหมดเปลือก”
“ข้าไม่เคยพูดอันใดกับเขา ทว่าข้ารู้สึกว่าเขาเริ่มสงสัยข้าแล้ว” เหยียนอู๋อวี้คิดพลางพูดไปด้วย “เขาหยั่งเชิงข้ามากกว่าหนึ่งครั้ง”
ป้าโฉ่วสีหน้าเปลี่ยนไป แววตาเผยเจตนาฆ่าอย่างไม่ปิดบัง “หากเป็เช่นนี้ก็เก็บคนผู้นี้ไว้ไม่ได้แล้ว!”
เหยียนอู๋อวี้นึกถึงก่อนหน้าที่ไปมาหาสู่กับจวินอู๋เสียพลางพูดว่า “แต่ข้าจับสังเกตเจตนาร้ายที่เขามีต่อข้าไม่ได้เลย”
“นายหญิง ตอนแรกท่านก็จับสังเกตเจตนาร้ายของซ่งอี้เฉินไม่ได้เช่นกัน!” ป้าโฉ่วอดตักเตือนนางไม่ได้
“ทว่าตอนนี้ข้ารู้สึกได้ถึงเจตนาร้ายที่ซ่งอี้เฉินมีต่อข้า” เหยียนอู๋อวี้พูด “เขามีเจตนาร้ายต่อข้าหลายครั้ง แม้กระทั่งครั้งนั้นที่เราถวายเทียบยา หากข้าพูดผิดหรือเผยช่องโหว่ออกมา เขาก็จะสังหารข้าทันที”
ป้าโฉ่วพูดอย่างเป็กังวล “ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็ยิ่งไม่ควรเก็บจวินอู๋เสียไว้ ข้ากลัวว่าเขาจะทำเื่ไม่ดีกับท่าน”
เหยียนอู๋อวี้ยกมือตบแขนนางเบาๆ พลางกล่าวเสียงเบา “วางใจเถิด ข้าจะไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสทำร้ายข้า ยิ่งไปกว่านั้น หมากต่อไปของเขาคือการใช้ตัวเองเป็เหยื่อล่อ เ้าคิดว่า เขาใจกล้าหรือว่าเขาโชคดีกันแน่?”
ป้าโฉ่วนิ่งเงียบและไม่ตอบอีกต่อไป
นางไม่ได้มีความประทับใจแย่ๆ ต่อจวินอู๋เสีย แม้แต่เหยียนอู๋อวี้ยังได้รับความช่วยเหลือจากเขาหลายครั้ง จะว่าไปแล้วไม่น่าจะใช่ศัตรู ทว่าหากรู้ตัวตนของเหยียนอู๋อวี้ก็ไม่แน่
จุดอ่อนของเหยียนอู๋อวี้ที่บีบเอาไว้ก็จะถูกเขาควบคุมได้โดยตรงทันที จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด หากเป็นาง นางคงหาทางฆ่าเขาแน่นอน
เหยียนอู๋อวี้ไม่ได้ทำเช่นนี้เพราะคิดว่าเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้หรือ? หรือนางใจอ่อนกับเขาแล้ว?
ป้าโฉ่วมองเหยียนอู๋อวี้ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยการค้นหา