เยี่ยจิงหลิน แม้ว่าตัวของนางจะเป็บุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา ผู้มีชื่อเสียงและอำนาจในสนามรบ แต่สถานะของนางและมารดากลับต่ำต้อยไร้ความหมายในสายตาของตระกูลใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและการแบ่งชั้นวรรณะ สองแม่ลูกถูกทอดทิ้งราวกับสิ่งไร้ค่า ถูกผลักไสให้อยู่อาศัยในเรือนรับใช้เก่าที่เสื่อมโทรม บรรยากาศภายในเรือนนั้นอึมครึมและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเศร้าโศก คล้ายสะท้อนความทุกข์ที่ฝังลึกในหัวใจของผู้คนที่อาศัยอยู่
มารดาของเยี่ยจิงหลิน แม้จะเป็สตรีผู้เคยได้รับความโปรดปรานจากแม่ทัพ แต่สถานะของนางกลับไม่ต่างจากสาวใช้ทั่วไป สิ่งที่ทำให้นางอยู่ในสายตาของแม่ทัพใน่เวลาสั้น ๆ ก็คือความงามที่เคยรุ่งโรจน์ และบทบาทอันต่ำต้อยในฐานะ สาวอุ่นเตียง ที่ทำหน้าที่บำเรอความสุขให้กับผู้มีอำนาจเพียงชั่วคราว เมื่อเวลาผ่านไป ความโปรดปรานนั้นหายลับไปดั่งสายหมอก และสิ่งที่เหลือไว้กลับกลายเป็ความเหยียดหยามจากคนรอบข้าง
สำหรับเยี่ยจิงหลิน ชีวิตของนางช่างขมขื่นั้แ่เยาว์วัย แม้ว่านางจะเป็สายเืของแม่ทัพผู้ทรงอำนาจ แต่นางกลับถูกมองว่าเป็เพียง ตัวนอกคอก ในตระกูล ความเป็ลูกนอกสมรสได้กลายเป็ตราบาปที่ติดตัวนางั้แ่เกิด เสียงซุบซิบนินทาและสายตาดูถูกจากผู้คนในตระกูล ทำให้นางต้องเรียนรู้ที่จะอดทนและซ่อนน้ำตาไว้เื้ัใบหน้าที่สงบนิ่ง
เยี่ยจิงหลินซุกตัวแน่นในอ้อมกอดของมารดา ราวกับหวังจะหาความอบอุ่นและปลอบประโลมใจจากโลกที่โหดร้าย น้ำเสียงออดอ้อนของนางสั่นไหว เปี่ยมไปด้วยความทุกข์ที่สะสมอยู่ในใจ
"ท่านแม่... พวกเราออกไปจากที่นี่กันเถอะ" นางกล่าวด้วยเสียงเบาและอ่อนโยน "ข้าไม่อยากที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ข้าไม่อยากเป็คนไร้ศักดิ์ศรีในสถานที่ที่ไม่มีใคร้าเรา"
มารดาของนางยิ้มเศร้าพลางลูบหลังนางเบา ๆ ท่าทางของนางแฝงไว้ด้วยความอดทนที่ถูกหล่อหลอมมาจากการทนทุกข์มานานหลายปี แม้ว่าใจของนางจะบอบช้ำ แต่นางยังคงรักษาความสงบในน้ำเสียงของตนเอง
"จิงหลิน... ลูกแม่ หัวใจของเ้าบริสุทธิ์เกินไปสำหรับโลกใบนี้" มารดากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่าหนักแน่น ดวงตาของนางจับจ้องไปยังความมืดนอกหน้าต่างราวกับกำลังคิดถึงบางสิ่งที่ไกลเกินเอื้อม "แม่รักพ่อของเ้า... ข้ารู้ว่ามันฟังดูโง่เขลาในสายตาของใครหลายคน แต่หัวใจของข้ายังคงเป็ของท่านแม่ทัพ แม้ว่าเขาจะไม่เคยเหลียวแลข้าหรือเ้าเลยก็ตาม"
เยี่ยจิงหลินเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ "ท่านแม่... ท่านยังรักเขาอยู่อีกหรือ? ทั้งที่เขาทำให้ชีวิตพวกเราต้องเป็แบบนี้..."
มารดาของนางพยักหน้าเบา ๆ น้ำตาคลอหน่วย แต่ยังคงยิ้มด้วยความเ็ป "บางครั้งหัวใจก็ไม่ได้ฟังเหตุผล ข้าเพียง้าดูแลเขา แม้ว่าเขาจะไม่้าข้าแล้วก็ตาม ข้าเคยหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะมองเห็นข้าและเ้าด้วยสายตาที่ต่างไปจากเดิม"
คำพูดเ่าั้ทำให้เยี่ยจิงหลินรู้สึกถึงความสิ้นหวังของมารดา ความรักของนางที่แม้จะงดงามและบริสุทธิ์ แต่กลับถูกแช่แข็งไว้ในความเ็าของผู้เป็แม่ทัพ เยี่ยจิงหลินรู้ดีว่าการเปลี่ยนใจของมารดาคงเป็เื่ยาก แต่ในหัวใจของนางกลับเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะฝ่าฟันชะตากรรมนี้และเปลี่ยนอนาคตของตนเองให้ต่างออกไป
ยามที่ความมืดปกคลุมท้องฟ้า และหมู่ดาวเล็ก ๆ เปล่งแสงระยิบระยับ เสียงฝีเท้าที่เบาแ่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของเรือนรับใช้ เสียงนั้นแทบจะกลมกลืนไปกับสายลมที่พัดผ่าน แต่กลับสร้างแรงะเืในหัวใจของผู้ที่อาศัยอยู่ในเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้
"ซูหลินของข้า... ได้โปรดเปิดประตูให้ข้าหน่อย"
เสียงเรียกนั้นเบาราวกระซิบ แต่กลับมีอำนาจแฝงอยู่ในทุกถ้อยคำ ราวกับผู้กล่าวไม่้าให้ใครได้ยิน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครกล้าที่จะขัดคำสั่งนั้น ด้านหลังประตูไม้เก่าคร่ำ ซูหลินชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อรับรู้ถึงน้ำเสียงที่คุ้นเคย ใบหน้าของนางกลับปรากฏรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความยินดี
"ท่านแม่ทัพ... อย่างนั้นหรือ?" นางกล่าวเสียงแ่ ราวกับไม่อยากเชื่อว่าชายผู้เ็าที่สุดในชีวิตของนางจะมาปรากฏตัว ณ ที่แห่งนี้ในยามค่ำคืน
ด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย ซูหลินเปิดประตูออกเบา ๆ เผยให้เห็นร่างสูงสง่าของท่านแม่ทัพซุนเทาในเงามืด ดวงตาคมกริบของเขามองนางราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง ความเ็าที่แฝงอยู่ในแววตาของเขาเหมือนดังเคย แต่ในคืนนี้ กลับมีบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างออกไป
ขณะเดียวกัน ภายในห้องรับใช้ที่อยู่ติดกัน เยี่ยจิงหลินสะดุ้งตื่น ดวงตาของนางลืมขึ้นทันทีเมื่อเสียงฝีเท้าและเสียงสนทนาอันแ่เบาเล็ดลอดเข้ามา ประสาทััของนางตื่นตัวในทันที นางรับรู้ได้ว่าใครคือแขกที่มาเยือนมารดาของนางในยามค่ำคืนเช่นนี้
แม้ใจของนางจะเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธแค้นและขมขื่น แต่นางก็รู้ดีว่านี่เป็สิ่งที่มารดาเลือกเอง สายตาของนางจับจ้องเพดานห้องที่แตกร้าวก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ร่างกายของนางแข็งค้างอยู่ในความเงียบ ราวกับกำลังสะกดกลั้นความรู้สึกภายใน
"หากนี่คือสิ่งที่ท่านแม่เลือก... ข้าก็ไม่มีสิทธิ์จะห้าม" นางพึมพำในใจ ความเ็ปที่แฝงอยู่ในถ้อยคำนี้หนักแน่นเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยออกมา
ในห้องข้าง ๆ เสียงพูดคุยอันแ่เบายังคงดำเนินต่อไป แม่ทัพซุนเทา และซูหลิน ต่างมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเกินกว่าผู้ใดจะเข้าใจ ทว่า สำหรับเยี่ยจิงหลิน เด็กสาวผู้เฝ้ามองทุกอย่างจากมุมมืด นี่ไม่ใช่คืนแห่งความสุข แต่เป็อีกค่ำคืนที่ย้ำเตือนถึงความขมขื่นที่ไม่อาจเลือนหายจากชีวิตของนาง
เวลาผ่านไปหลายชั่วอึดใจ ความเงียบภายในเรือนรับใช้กลับคืนมาอีกครั้ง ทว่าเสียงประตูไม้ที่เปิดออกเบา ๆ ก็ทำให้เยี่ยจิงหลินลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างเงียบงัน ราวกับเฝ้ารอสิ่งนี้มาโดยตลอด
ร่างสูงของท่านแม่ทัพซุนเทาก้าวออกมาจากห้องด้วยสีหน้าอันผ่อนคลายและสบายอารมณ์ ใบหน้าของเขาแฝงไปด้วยความพึงพอใจที่เด่นชัด ราวกับชายผู้ได้ปลดปล่อยความปรารถนาภายในใจออกมาโดยปราศจากสิ่งใดติดค้าง ท่ามกลางแสงสลัวจากโคมไฟที่ตั้งอยู่ไกลออกไป เงาของเขาขยับเคลื่อนไหวอย่างสง่างาม แต่สำหรับเยี่ยจิงหลิน แสงเงานั้นกลับดูน่าหวาดหวั่น
"สตรีนางนี้..." ท่านแม่ทัพพึมพำกับตนเองเบา ๆ รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก "นางยังคงทำหน้าที่ของตนได้ดีไม่เปลี่ยนแปลง... เหมือนเมื่อก่อน"
เสียงฝีเท้าของเขาค่อย ๆ หายลับไปในความเงียบของราตรี ทิ้งไว้เพียงบรรยากาศที่อึมครึมและหนาวเย็น
เยี่ยจิงหลินที่เฝ้าฟังอยู่ในห้องของตนเอง กำมือแน่นจนเล็บจิกเข้ากับฝ่ามือ ใจของนางปะทุไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและเจ็บแค้น ความรู้สึกที่เหมือนถูกหยามเหยียดลุกลามในหัวใจของนาง ความรักที่มารดามีให้แม่ทัพผู้เ็านั้นดูเหมือนจะไร้ค่ามากเกินกว่าจะทนรับได้
"นี่หรือ... สิ่งที่ท่านแม่ยอมแลก..." นางพึมพำเบา ๆ ในความมืด ราวกับพูดกับตัวเอง ความโกรธและความเศร้าเคล้าคละกันจนยากจะแยกแยะ ดวงตาของนางมองไปยังเพดานเก่า ๆ ราวกับกำลังคิดถึงสิ่งที่รอคอยอยู่ในวันพรุ่งนี้ หรือบางทีอาจเป็หนทางที่หลุดพ้นจากวังวนอันแสนเ็ปนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้