ชวีเสี่ยวปอคิดไปถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นมามากมาย แต่ตอนนี้กลับพบว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว
ซือจวิ้นเร็วกว่าเขาไปหนึ่งก้าว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีปัญหาเื่ลำดับก่อนหลังอะไรทำนองนี้เลยสักนิด แต่ชวีเสี่ยวปอก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย เขาอยากรู้เป็อย่างยิ่งว่าซือจวิ้นรู้เื่นี้ั้แ่เมื่อไหร่ รู้ได้อย่างไร แล้วทำไมถึงไม่เคยถามออกมาเลย
แต่แล้วซือจวิ้นก็สังเกตเห็นสีหน้าของชวีเสี่ยวปอที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จึงพูดออกมาในที่สุด : “ปอเอ๋อร์ นายเห็นฉันเป็เพื่อนสนิทหรือเปล่า? ”
“แน่นอนอยู่แล้ว” ชวีเสี่ยวปอแสดงให้เห็นว่าคำถามนี้เขาตอบออกมาได้ทันที แต่หลังจากที่คิดได้ว่าคำถามนี้ของซือจวิ้นมันไม่ได้ง่ายเพียงแค่นั้น ทันใดนั้นชวีเสี่ยวปอจึงลุกขึ้นยืนทันที เขาอยากจะพูดอะไรออกมาสักหน่อย แต่กลับรู้สึกไร้เรี่ยวแรง จึงทำได้เพียงพูดขึ้นมาอีกรอบแต่หนักแน่นกว่าเมื่อครู่ “แน่นอน !”
ซือจวิ้นมองเขาพลางถอนหายใจออกมา
ชวีเสี่ยวปอรู้สึกลนลานขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อวานเขารับปากกับเซี่ยเจิงเอาไว้แล้วว่าจะจัดการเื่นี้ให้เป็อย่างดี แต่เมื่อเห็นสีหน้าอันเศร้าหมองของซือจวิ้นในตอนนี้แล้ว เขาจึงรู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำให้เื่ราวแย่ลงไปกว่าเดิม
แต่ซือจวิ้นก็พูดต่อขึ้นมาว่า : “ปอเอ๋อร์ นายเห็นฉันเป็เพื่อนสนิท แล้วฉันไม่ได้เห็นนายเป็เหมือนกันหรือยังไง? เื่ของนายกับเซี่ยเจิง ทำไมถึงไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้? ”
แค่นี้เอง?
ชวีเสี่ยวปอเตรียมที่จะทุบหัวใจที่ลอยอยู่กลางอากาศให้ตกลงมาอย่างแรง แล้วช้อนเศษซากเก็บกลับเข้ามา เขานึกว่าซือจวิ้นจะมีท่าทีตอบโต้อย่างรุนแรง หรืออาจจะดุด่าออกมาอะไรทำนองนั้น แต่เขากลับพูดออกมาเพียงแค่นี้?
เพียงแค่ตำหนิที่ตัวเองไม่ยอมบอกเขาเร็วกว่านี้?
“นายเห็นฉันเป็เพื่อนสนิทของนายจริงๆ หรือเปล่า” ซือจวิ้นต่อว่า พร้อมทั้งชกหนักๆ เข้าไปที่ไหล่ของชวีเสี่ยวปอหนึ่งที “หงุดหงิดชะมัด มีแฟนก็ไม่ยอมบอกฉัน”
โชคดี
ในใจของชวีเสี่ยวปอเหลืออยู่เพียงแค่คำนี้คำเดียว เขาคิดอะไรอย่างอื่นไม่ออกอีกแล้วนอกจากคำว่าโชคดี หมัดนั้นของซือจวิ้นหนักอยู่พอสมควร จนแทบจะทำให้ชวีเสี่ยวปอน้ำตาไหลออกมา
“ฉันกลัวนาย นายจะรับไม่ได้” ชวีเสี่ยวปอพูดติดอ่าง “เพราะถึงยังไง...”
“เพราะถึงยังไงเซี่ยเจิงก็เป็ผู้ชายใช่ไหม” ซือจวิ้นพูดต่อขึ้นมา ทั้งยังชกเข้าที่ไหล่ของชวีเสี่ยวปออีกหนึ่งที “เขาจะเป็ผู้ชายหรือผู้หญิงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่นายเป็เพื่อนสนิทฉันด้วยฮะ !”
ให้ตายสิ
ชวีเสี่ยวปอไร้ซึ่งคำพูด พร้อมทั้งดึงซือจวิ้นเข้ามากอด ความรู้สึกหน่วงในโพรงจมูกโจมตีเข้ามาหนักขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนั้นชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าถ้าหากไม่ดึงซือจวิ้นเข้ามากอดไว้ เขาต้องร้องไห้ออกมาต่อหน้าซือจวิ้นอย่างไม่จบไม่สิ้นแน่นอน
“เพราะงั้น นายรู้เื่นี้ั้แ่เมื่อไหร่กันแน่? ” หลังจากทั้งสองคนค่อยๆ สงบลงพักหนึ่ง ชวีเสี่ยวปอก็เริ่มถามขึ้นมาอีกครั้ง
“นายเคยถามฉันอยู่ครั้งหนึ่งไม่ใช่หรือไง ที่นายถามว่าสมมติถ้านายจูบฉัน แล้วฉันจะรู้สึกยังไง? ” ซือจวิ้นยิ้มขึ้นมา “ครั้งนั้น นายสองคนจูบกันครั้งแรกละสิ”
“ให้ตายเถอะ” ชวีเสี่ยวปอเกือบจะะโขึ้นมา “พูดก็พูดสิ ไม่ได้ให้นายลงรายละเอียดสักหน่อย”
“ใครลงรายละเอียดกับนาย !” ซือจวิ้นชูนิ้วกลางให้ชวีเสี่ยวปออย่างไม่เกรงใจ ทั้งยังหัวเราะขึ้นมาด้วยความพอใจ “ฉันก็ว่าอยู่วันนั้นนายดูจิตใจสับสนวุ่นวายยังไงก็ไม่รู้ แล้วยังจะมาพูดว่าจูบฉันทีหนึ่งอีก ถ้านายเก่งจริงนายก็จูบสิ มา มาๆ จูบเลย !”
“ฉันมันขี้ขลาด” ครั้งนี้ชวีเสี่ยวปอยอมแพ้อย่างราบคาบ จะหลบก็ไม่ได้ จะลุกออกไปก็ไม่ได้เช่นกัน จึงทำได้เพียงพูดออกไปว่า : “นายรู้มาตั้งนานขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย !”
“แต่ก็ไม่กล้าปักใจเชื่อเท่าไหร่” ซือจวิ้นค่อยๆ หุบยิ้มอันอวดดีของเขาลง “ตอนนั้นแค่รู้สึกสงสัย แล้วก็อีกอย่างท่าทีของนายที่มีต่อเซี่ยเจิงพักหลังมานี้มัน...” ซือจวิ้นอดไม่ได้ที่จะทำเสียงจิ๊ปากออกมาอยู่หลายครั้ง “ยังไงก็เถอะฉันรู้สึกว่านายไม่เคยเป็แบบนี้มาก่อน ไม่เคยเห็นนายไปมีเื่กับใครแล้วยังอยู่ร่วมกับคนคนนั้นได้อย่างรักใคร่กลมเกลียว”
บางทีเซี่ยเจิงอาจจะเป็คนพิเศษสำหรับเขาตั้งแรกอยู่แล้วละมั้ง?
เมื่อถูกซือจวิ้นพูดขึ้นมาเช่นนี้ ชวีเสี่ยวปอก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาขึ้นมาแล้ว ่เวลาสั้นๆ เพียงไม่ถึงครึ่งปี ดูเหมือนว่าเซี่ยเจิงจะทำให้หลายสิ่งหลายอย่างในตัวเขาเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ชวีเสี่ยวปอเกาศีรษะ พลางหัวเราะแหยๆ ออกไปสองครั้ง : “ที่จริงตอนนั้นพวกเราสองคนยังไม่ได้ยืนยันความสัมพันธ์กันเลย”
“น่าตื่นเต้น” ท่าทีตอบโต้ของซือจวิ้นไม่ได้ดูรุนแรงนัก ราวกับว่าเขาเคยชินกับมันไปแล้ว จากนั้นจึงพูดต่อไปว่า : “ว่าแต่ ปอเอ๋อร์ เมื่อก่อนนายชอบผู้หญิงไม่ใช่เหรอ? ”
“เื่นี้...” ชวีเสี่ยวปอเอนตัวพิงไปด้านหลังอย่างไม่ได้ใส่ใจ พร้อมทั้งพูดออกมาสบายๆ ว่า : “พูดตามตรง ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่ฉันแค่ชอบเซี่ยเจิง”
“งั้นก็ได้” ซือจวิ้นยิ้มขึ้นมา “ปอเอ๋อร์ ฉันขอพูดประโยคเดียวเลย จริงๆ นะ แค่นายรู้สึกดีก็พอแล้วละ”
ซือจวิ้นนั่งเล่นอยู่ที่บ้านของชวีเสี่ยวปอตลอดทั้งบ่าย และก็เป็เหมือนเช่นเคย ทั้งสองคนเล่นเกม พูดคุยสัพเพเหระกันอยู่่หนึ่ง และแล้วเวลาครึ่งวันก็ได้ผ่านพ้นไปเป็ที่เรียบร้อย หลังจากที่ซือจวิ้นกลับไปแล้ว ชวีเสี่ยวปอไม่กล้าที่จะโทรหาเซี่ยเจิงในทันที เพราะเขาไม่รู้ว่าเซี่ยเจิงจะสอนพิเศษเสร็จเมื่อไหร่ แต่สายตาของเขากลับละไปจากโทรศัพท์ไม่ได้เลย
จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาในที่สุด
ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าตัวเองที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวแข็งขึ้นมาทันที การเคลื่อนไหวให้เอนตัวไปด้านหน้าจึงช้าลงตามไปด้วย ในขณะที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ถึงขนาดที่ว่าเขาปัดลงบนหน้าจอไปสองครั้งก็ยังไม่สามารถรับสายได้
“ฮัลโหล? ” แต่ทันทีที่เชื่อมต่อ ชวีเสี่ยวปอก็ฟังออกได้ถึงความระมัดระวังของเซี่ยเจิงที่อยู่ปลายสาย
“ซือจวิ้นรู้ตั้งนานแล้ว !” ชวีเสี่ยวปอะโออกไปเสียงดัง จากนั้นจึงเล่าถึงบทสนทนาที่คุยกับซือจวิ้นในวันนี้ทั้งหมดให้เซี่ยเจิงฟังทุกประโยคเท่าที่เขาจะนึกขึ้นได้ เมื่อเล่าจบชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าตัวเองปากแห้งคอแห้งเป็อย่างมาก แต่ก็ไม่ลืมที่จะพูดทิ้งท้ายไปประโยคหนึ่งด้วยว่า :
“นายไม่ต้องกังวลแล้วนะ”
“ไม่ได้กังวล” เสียงของเซี่ยเจิงฟังดูสั่นเครือขึ้นมาเล็กน้อย นี่คงจะเป็ครั้งแรกที่นอกจากชวีเสี่ยวปอแล้ว ยังมีคนอื่นที่ยอมรับความเบี่ยงเบนทางเพศของเขาได้อย่างไร้ซึ่งความรังเกียจ ถ้าหากจะบอกว่าไม่ตื่นเต้นก็คงจะเป็เื่โกหก แต่ทว่าความรู้สึกตื้นตันใจกลับมีมากเสียยิ่งกว่า
“ถ้างั้นนายจะสั่นทำไม ฉันได้ยินเสียงนายสั่นหมดแล้วเนี่ย” ชวีเสี่ยวปอหัวเราะออกมา
“ฉันสั่นเหรอ? ” เซี่ยเจิงแกล้งทำให้ตัวเองสงบลงทันที แต่ก็ยังปกปิดความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ “เดี๋ยวฉันไปหานายนะ”
“ไม่ต้องๆ ” ชวีเสี่ยวปอปฏิเสธออกไปทันที “เดี๋ยวฉันไปหานายเอง”
หลังจากวางสาย ชวีเสี่ยวปอก็วิ่งออกจากหมู่บ้านไปอย่างกับจรวด หลังจากที่เรียกรถได้เรียบร้อยแล้ว เขายังเร่งคนขับรถให้ขับเร็วขึ้นหน่อย เพราะเขากำลังรีบ ขณะนั้นคนขับรถจึงพูดขึ้นมาอย่างจนปัญญาว่าต่อให้รีบแค่ไหนก็ฝ่าไฟแดงไม่ได้ ชวีเสี่ยวปอถึงจะยอมช่างมัน
ยังไม่ทันจะลงจากรถเขาก็เห็นเซี่ยเจิงกำลังยืนรออยู่ตรงปากทางแล้ว
ชวีเสี่ยวปอเร่งฝีเท้าพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ระหว่างนั้นกลับต้องชะลอความเร็วลง ความตั้งใจแรกของเขาคืออยากเข้าไปกอดเซี่ยเจิง ทว่าหางตาเหลือบไปเห็นคุณป้าจำนวนไม่น้อยที่นั่งคุยเล่นกันอยู่ตรงปากซอยกำลังมองมาทางพวกเขาสองเป็ตาเดียว
ช่างมันก็แล้วกัน วันหลังยังมีโอกาส
แต่ชวีเสี่ยวปอก็ยังกระโจนเข้าไปอย่างแรงจนไหล่ของทั้งคู่ชนกัน ชวีเสี่ยวปอยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา เซี่ยเจิงก็ดึงเขาเข้าให้เดินเข้าไปในซอยซะก่อนแล้ว
“ฉันเกือบจะทำให้พวกเขาเห็นความผิดปกติของเราสองคนแล้วไหมล่ะ” ชวีเสี่ยวปออดไม่ได้ที่อุทานออกมา
“ก็ใครใช้ให้นายดูไม่เหมือนคนแถวนี้กันเล่า” เมื่อเดินมาถึงกลางซอย เซี่ยเจิงจึงชะลอฝีเท้าให้ช้าลง และใช้่เวลานี้เปลี่ยนท่าทางที่กำลังดึงแขนของเขาอยู่มาเป็จับมือของชวีเสี่ยวปอเอาไว้แทน “คุณป้าพวกนั้นตาไวจะตายไป”
“ไม่เหมือนตรงไหน? ” ชวีเสี่ยวปอเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ถ้างั้นฉันต้องมาบ่อยๆ ทำให้เหมือนคนแถวนี้หน่อยแล้วละ”
เซี่ยเจิงจับมือเขาให้กระชับขึ้นอีกหน่อย “พูดอะไรเยอะแยะ” หลังจากพูดจบเซี่ยเจิงก็กดจูบหนักๆ ลงไปบนริมฝีปากของชวีเสี่ยวปอหนึ่งที