ภายในห้องรับรองพิเศษหมายเลขสามนั้น หลัวเลี่ยกำลังตรวจสอบโลหิตแห่งคชศึกยอดดาราในขวดกระเบื้องขนาดเล็กที่ปนเปื้อน โดยไม่สนใจสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของเสวี่ยปิงหนิง
ที่จริงแล้วหลัวเลี่ยไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษใดๆ กับหลานฉายหลิง เขาไม่ได้สนใจแม้แต่จะเอ่ยปากพูดคุยกับนาง แต่เมื่อเขาคิดถึงตัวตนของท่านอ๋องน้อยก่อนหน้านี้ เขาก็คิดว่า เมื่อใช้สิ่งของของคนอื่น เช่นเงินสองล้านเหรียญทองที่เขาเพิ่งจ่ายไป ซึ่งล้วนเป็ของคนอื่นทั้งหมด เช่นนั้นอย่างน้อยเขาควรตอบแทนเสียหน่อย ดังนั้นเขาจึงขับไล่หลานฉายหลิงออกไป เพื่อระบายความโกรธแทนคนคนนั้น
เื่ทุกอย่างจึงเป็เช่นนี้
จิตใจของหลัวเลี่ยจดจ่ออยู่กับความทรงจำสั้นๆ ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาในตอนนั้น
ในความทรงจำนี้มีตัวอักษรไม่มากนัก แต่มันมีประโยชน์มากสำหรับเขา
โลหิตแห่งคชศึกยอดดาราสามารถช่วยในการฝึกฝนได้ แต่เงื่อนไขคือผู้ฝึกฝนจะต้องมีวรยุทธ์อยู่ในระดับผู้ฝึกตน และจะต้องเป็ผู้ที่ฝึกเคล็ดวิชาั์อีกด้วย
มีใครที่ไม่อยากแข็งแกร่งขึ้นบ้าง
“พี่ปิงหนิง ท่านช่วยใช้เวทชำระเืนี้ให้บริสุทธิ์ขึ้นได้หรือไม่” หลัวเลี่ยถาม
เสวี่ยปิงหนิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “ข้าทำไม่ไหวหรอก แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่ามีสิ่งใดเจือปนอยู่ในโลหิตแห่งคชศึกยอดดารานี้บ้าง แต่ข้าก็พอจะรู้ว่ามันทรงพลังมาก และด้วยพลังของข้าในตอนนี้ ไม่มีทางทำให้มันบริสุทธิ์ได้แน่”
หลัวเลี่ยเอ่ย “ถ้าอย่างนั้น ท่านพอจะช่วยข้าแยกสิ่งที่เจือปนออกมาหน่อยได้หรือไม่”
“ได้”
เสวี่ยปิงหนิงหยิบพู่กันเวทออกมา แล้วเริ่มร่ายเวทมนตร์
นางขยับริมฝีปากเล็กน้อยเพื่อร่ายเวท มือก็โบกพู่กันเวทไปด้วย หลังจากนั้นอากาศภายในห้องรับรองก็พุ่งสูงขึ้น แล้วรวมตัวกันบนพู่กันเวท ทันใดนั้นพู่กันเวทก็แตะที่ปากขวดกระเบื้องขนาดเล็ก
โลหิตแห่งคชศึกยอดดาราที่อยู่ในขวดกระเบื้องขนาดเล็กเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นก็มีเส้นสายเืที่บางราวกับเส้นผมพุ่งออกมาจากขวด และสายเืนั้นก็ถูกดึงออกมาด้วยพู่กันเวท เสวี่ยปิงหนิงหยิบขวดกระเบื้องขนาดเล็กขวดใหม่ออกมา และนำสายเืที่ดึงออกมาได้ไปรวมไว้ในนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน เสวี่ยปิงหนิงก็หยุดทำ
เมื่อมองกลับไปยังเืส่วนที่เหลือของโลหิตแห่งคชศึกยอดดารา สิ่งที่เหลือส่วนใหญ่ล้วนมีสีเทาปะปนอยู่ ทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียนและคลื่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
แต่เมื่อเทียบกับหยดเืที่เสวี่ยปิงหนิงขัดเกลานั้นนับว่าแตกต่างกันมาก หยดเืที่ถูกแยกออกมามีสีที่ดูบริสุทธิ์มากกว่า แม้ว่าจะมีเพียงหยดเดียว แต่กลับเปล่งประกายราวกับว่ามีดวงดาราอยู่ข้างใน
“น้อยมาก” หลัวเลี่ยมองดูด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
ได้แค่เืหนึ่งหยด ที่หากกล่าวจริงๆ แล้วมีขนาดเล็กกว่าเมล็ดถั่วเหลืองและไม่ได้ใหญ่กว่าเมล็ดงามากนัก
“เพราะเช่นนี้คนอื่นจึงไม่ซื้ออย่างไรเล่า แม้ว่าโลหิตแห่งคชศึกยอดดาราจะมีค่ามาก แต่ส่วนที่ไม่ปนเปื้อนก็หาได้ยากยิ่ง ดังนั้นสามล้านเหรียญทองที่เสียไปนับว่าไม่มีค่าเลย กล่าวคือหอเซียวเหยากล้าที่จะขายมันในราคาสูง ก็เพราะพวกเขาจะหลอกเอาเงินจากผู้ที่ไม่รู้เื่” เสวี่ยปิงหนิงกล่าว “เ้าถูกพวกเขาหลอกแล้ว”
หลัวเลี่ยยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็เช่นนั้นแน่”
แม้ว่ามันจะเป็เพียงหยดเล็กๆ แต่กลับเป็ถึงโลหิตแห่งคชศึกยอดดาราในระดับทลายยุทธ์ และเขาก็อยู่เพียงระดับผู้ฝึกตนในระดับที่ห้าเท่านั้น ดังนั้นแม้ว่าหยดเืนี้จะน้อยแค่ไหน แต่มันก็น่าจะช่วยในการฝึกฝนได้บ้าง
เขาเทหยดเืขนาดใหญ่กว่าเมล็ดงานิดหน่อยลงบนฝ่ามือทันที
แล้วเขาก็ประสานมือเข้าด้วยกันตามวิธีการในความทรงจำสั้นๆ ที่เกิดขึ้นภายในหัวตอนนั้น เขาใช้พลังภายในรวบรวมลมปราณไปที่ฝ่ามือ เพื่อเปลี่ยนสถานะโลหิตจากของเหลวให้ระเหยกลายเป็ไอพลัง
ไอพลังถูกดูดซับอย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องขจัดสิ่งเจือปนออก
ทันใดนั้นหลัวเลี่ยรู้สึกว่า จู่ๆ พลังภายในของเขาเกิดความปั่นป่วน เขาจึงทำการเคลื่อนลมปราณของตนเองอย่างรวดเร็วไปที่จุดตันเถียน จากนั้นเขาก็สงบลงได้
เขารู้สึกว่าเขาใกล้จะถึงระดับการฝึกตนระดับที่หกแล้ว
“น่าเสียดายที่มีน้อยเกินไป”
“หากมีมากกว่านี้อีกสักหน่อย ต้องทะลวงระดับได้อย่างแน่นอน”
“ถ้าข้าฝึกฝนตามปกติ อาจใช้เวลาสองถึงสามเดือนกว่าจะสามารถทะลวงได้ แต่ตอนนี้หากข้าฝึกฝนตามปกติ จะใช้เวลาเพียงสิบวันเท่านั้น ข้าก็จะสามารถทะลวงระดับได้”
“มันคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปแล้ว ฮ่าๆ ยิ่งไปกว่านั้น เงินนั่นเป็ของท่านอ๋องน้อยคนนั้นที่ทิ้งไว้ ไม่ใช่ของข้า หากไม่ใช้ เก็บไว้ก็เปล่าประโยชน์”
สิ่งนี้ทำให้หลัวเลี่ยรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นระดับที่หกกวักมือเรียกเขาอยู่ไม่ไกล
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาั์จนถึงระดับที่หกของระดับผู้ฝึกตนได้เลย
เสวี่ยปิงหนิงยังไม่ทันได้ตั้งตัว ความแข็งแกร่งของหลัวเลี่ยก็เพิ่มขึ้นแล้ว เมื่อเห็นว่าหลัวเลี่ยยังสบายดี นางจึงพูดว่า “เราควรกลับได้แล้ว”
“อืม”
หลัวเลี่ยหยิบขวดโลหิตแห่งคชศึกยอดดาราที่ปนเปื้อนขึ้นมา
ทั้งสองออกจากห้องรับรองพิเศษ
พนักงานออกมาส่งพวกเขาและทำความเคารพ
เมื่อเดินออกจากชั้นในมายังสถานที่ค้าขายด้านนอก พนักงานด้านนอกเ่าั้ไม่ทราบเกี่ยวกับตราัเงินเซียวเหยา และพวกเขาก็ไม่ได้แสดงความเคารพเป็พิเศษ
ทั้งสองเดินออกจากหอเซียวเหยา ทว่าก่อนที่พวกเขาจะเดินลงบันได ก็เหลือบเห็นเงากำลังเคลื่อนไหว
มีคนขวางทาง
ผู้นำกลุ่มคนนั้นเป็ชายชราผมหงอกคนหนึ่ง
ด้านหลังชายชรามีทหารแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบมากกว่ายี่สิบคน ทุกคนถือดาบยาว ท่าทางดูเ็า
“ผู้าุโรอง!”
เมื่อเห็นชายชราคนนี้ ใบหน้าของเสวี่ยปิงหนิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย นางกล่าวด้วยเสียงต่ำ
หลัวเลี่ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองไปที่ผู้าุโรองอย่างเ็า
คนที่ถูกเรียกว่าผู้าุโรองนั้น หมายถึงผู้าุโรองแห่งคณะผู้าุโที่ถูกก่อตั้งโดยผู้าุโของแคว้นเป่ยสุ่ย พวกเขามีอำนาจมากพอที่จะควบคุมแคว้นเป่ยสุ่ยด้วยซ้ำ
แม้ว่าตอนนี้หลิวหงเหยียนจะได้รับตำแหน่งหัวหน้าของคณะผู้าุโแล้ว แต่นางเพิ่งจะได้รับตำแหน่งนั้นไม่นาน และก่อนหน้านั้นชงโหวหู่ก็เป็ผู้นำอยู่ ดังนั้นจึงพูดได้ว่า คณะผู้าุโในตอนนี้มีคนของชงโหวหู่เป็หลัก
“แม่นางปิงหนิงก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ นับเป็เื่ดี ท่านจะได้ช่วยข้าไปแจ้งข่าวแก่ฝ่าาด้วย” ผู้าุโรองกล่าวอย่างเ็า
“ไม่ทราบว่าผู้าุโรอง้าให้ปิงหนิงแจ้งข่าวเื่ใด” เสวี่ยปิงหนิงตอบ
ผู้าุโรองชี้ไปที่หลัวเลี่ย และกล่าวว่า “เมื่อเช้านี้คนชั่วคนนี้ข่มขืนและฆ่าหญิงสาวในจวนของข้า นี่นับว่าเป็การท้าทายข้าอย่างยิ่ง ข้าจึงมาที่นี่ด้วยตนเองเพื่อซักถามเขา”
มาหาเื่เขานี่เอง
หลัวเลี่ยไม่แปลกใจ เมื่อได้รู้ว่าคนคนนี้เป็หนึ่งในสมาชิกของคณะผู้าุโ เขาพอจะเดาได้ว่า ในที่สุดชงโหวหู่ก็เริ่มโจมตีเขาแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เขาทำให้แผนการของชงโหวหู่ล้มเหลว และยังทำให้หลิวหงเหยียนมีโอกาสโจมตีกลับหลายครั้ง จึงไม่น่าแปลกใจที่ชงโหวหู่จะโกรธแค้น แต่เขาไม่คาดคิดว่าชงโหวหู่จะทนได้เป็เวลานานถึงสองเดือน
เขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วผู้ที่คิดแผนการนี้คือชงจ้านหยวน
อาจกล่าวได้ว่า นี่เป็การเผชิญหน้ากันอย่างเป็ทางการของคนรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดสองคนในแคว้นเป่ยสุ่ย
“ผู้าุโรองเข้าใจผิดแล้ว เมื่อเช้าหลัวเลี่ยอยู่กับข้าที่หอเซียวเหยา แล้วเขาจะทำเื่เลวร้ายเช่นนั้นได้อย่างไร” เสวี่ยปิงหนิงพูดอย่างโกรธเคือง
ผู้าุโรองจ้องมอง “บังอาจ สถานะของเ้าคืออะไร เ้ากล้าะโใส่ผู้าุโเช่นนั้นหรือ”
เสวี่ยปิงหนิงโกรธมาก
ผู้าุโรองกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “เ้าเพียงนำเื่ไปแจ้งให้ฝ่าาทราบ ข้าไม่จำเป็ต้องอธิบายเื่นี้ให้เ้าฟัง และเ้าก็ไม่มีสิทธิ์ถามข้าด้วย”
“แล้วหากฝ่าาทรงถามเล่า” เสวี่ยปิงหนิงกล่าว
“ก็บอกไปว่า ข้ามีพยานที่จะพิสูจน์ว่าหลัวเลี่ยเป็ฆาตกร หากฝ่าาไม่เชื่อ ก็เชิญไปที่คณะผู้าุโและพูดคุยเกี่ยวกับเื่นี้” ผู้าุโรองโบกมือ “จับฆาตกรหลัวเลี่ยเสีย!”
ทันใดนั้นทหารสองคนก็พุ่งมาข้างหน้าจะเข้าจับกุมหลัวเลี่ย
หลัวเลี่ยจ้องมองพวกเขาอย่างเ็า ทำให้ทหารทั้งสองหวาดกลัวจนไม่กล้าลงมือ จากนั้นเขาก็หยิบตราัเงินเซียวเหยาออกมาจากกระเป๋าเฉียนคุณของตัวเอง “พี่ปิงหนิงรับตรานี้ไป แล้วช่วยข้าถามทางหอเซียวเหยาทีว่า ถ้าคนที่ซื้อของในหอเซียวเหยาของพวกเขาถูกใส่ร้าย ทางหอเซียวเหยาจะช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ได้หรือไม่ หากไม่ได้ก็ถามพวกเขาต่อว่า หากข้า้าใช้สัญญาปกป้องสามปีนั่นจะสามารถทำได้หรือไม่”
เสวี่ยปิงหนิงมีความสุขมาก ใช่แล้ว ตราัเงินเซียวเหยามีประโยชน์มาก
“เ้ากล้าดีอย่างไร! เ้าก่ออาชญากรรมแล้วยังจะใช้ตราที่ชำรุดจากหอเซียวเหยาเพื่อทำให้ผู้คนแตกตื่น เ้ายังเห็นคณะผู้าุโของข้าอยู่ในสายตาหรือไม่” ผู้าุโรองโกรธมาก เขาคว้าตรามาและขว้างลงพื้นอย่างแรง
เพล้ง!
ตราัเงินเซียวเหยาถูกทำลายแล้ว
ผู้าุโรองไม่สนใจซ้ำ ยังยกเท้าขึ้นและกระทืบมันอย่างรุนแรง เขาพยายามที่จะบดขยี้ตรา และพูดอย่างแข็งกร้าวว่า “ข้าบอกเ้าแล้ว ในแคว้นเป่ยสุ่ยนี้ ถ้าคณะผู้าุโบอกว่าเ้ามีความผิด เ้าก็มีความผิด ไม่มีใครสามารถช่วยเ้าได้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้