คืนนั้น หานอวิ๋นซีใช้เวลาทั้งคืนในห้องตำรา โชคดีที่อากาศไม่หนาวเกินไป นางจึงสามารถอยู่รอดได้ เมื่อนางตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้น หลงเฟยเยี่ยก็ไม่อยู่ในห้องนอนแล้ว
เขาจะไม่ผิดสัญญาเื่นั้นใช่หรือไม่? เมื่อคืนดูเหมือนเขาจะไม่ได้ตอบออกมาตรงๆ เช่นกัน หานอวิ๋นซีจึงรู้สึกไม่สบายใจและรีบออกไปทันที
โดยไม่คาดคิดว่าหลงเฟยเยี่ยกำลังดื่มชาในสวนด้านนอก เมื่อเห็นนางเปิดประตูด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน พร้อมกับเสื้อผ้าและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง หรือแม้กระทั่งรองเท้าที่ไม่ได้สวม เขาก็รู้สึกรังเกียจอย่างมากและพูดอย่างไม่พอใจว่า “ให้เวลาเ้าครึ่งชั่วยาม ไปจัดการตัวเองให้ดีแล้วค่อยออกมา!”
“ได้สิ สัญญาว่าจะไม่ทำให้ท่านอับอายอย่างแน่นอน” หานอวิ๋นซียิ้มแล้วรีบปิดประตูอีกครั้ง
เวลาครึ่งชั่วยามในการจัดการตัวเอง เพียงพอสำหรับนางที่จะแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนสักพัก
ทว่าในไม่ช้าหานอวิ๋นซีก็ตระหนักได้ว่านางคิดง่ายเกินไป ทรงผมของคนสมัยก่อนนั้นซับซ้อนมากจนนางไม่สามารถแกะออกได้ ต้องใช้เวลานานกว่าจะคลายมวยผมเมื่อวานได้ ด้วยความสิ้นหวัง นางจึงทำได้เพียงหวีผมเป็ทรงองค์หญิงเกาหลี แบ่งผมหน้าม้าให้เอียงเป็สามส่วนและเจ็ดส่วน
นางอยากจะหาเครื่องประดับผมเพื่อมาประดับตกแต่ง แต่น่าเสียดายที่เครื่องประดับที่มาเป็สินสอดทองหมั้นนั้นเป็ของที่ไม่ได้มาตรฐาน หานอวิ๋นซีรู้ดีว่าหากสวมสิ่งนี้ออกไป ไม่ใช่แค่นางที่จะขายหน้า จวนฉินอ๋องเองก็จะขายหน้าเช่นกัน ช่างมันเถอะ อย่างไรหากสวมมันไปก็คงไม่ดีอยู่แล้ว ไม่ใส่มันเสียเลยจะดีกว่า
หานอวิ๋นซีเปิดประตูออกมาเกือบจะวินาทีสุดท้าย นางสวมชุดยาวสีน้ำเงินที่ยิ่งขับผิวขาวของนางให้ดูผ่องยิ่งขึ้น ทรงผมที่เรียบง่ายก็เข้ากับชุดได้อย่างดี แม้ว่าจะไม่มีเครื่องประดับราคาแพงมาช่วยเพิ่มสีสันก็ตาม ทว่ากลับดูหรูหราและประณีต เป็ที่สะดุดตาของผู้คนไม่น้อย
เป็ความจริง ที่คนสวยไม่จำเป็ต้องตกแต่งสิ่งใดเพิ่มเติม ความเรียบง่ายคือสิ่งที่สวยงามที่สุด
“เสร็จเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอ๋องตรวจสอบได้เลย” หานอวิ๋นซีพูดอย่างอารมณ์ดี
หลงเฟยเยี่ยมองนางอยู่เป็เวลานาน จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“เ้าคนขี้เหนียว พูดสักคำมันจะตายหรือไง?” หานอวิ๋นซีพึมพำ แล้วรีบเดินตามไป โดยที่นางไม่เคยรู้เลยว่าหลงเฟยเยี่ย ไม่เคยมองหญิงสาวนานกว่าสามวินาที
หลงเฟยเยี่ยอยู่ข้างหน้าและหานอวิ๋นซีเดินตามอยู่ข้างหลัง พยายามรักษาระยะห่างกับเขาไว้หนึ่งก้าว เมื่อวานตอนที่เข้ามามีผ้าคลุมหน้าเ้าสาวบังไว้จึงมองเห็นไม่ชัดเจน ตอนนี้เพิ่งจะค้นพบว่าลานดอกบัวเต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ ลำธารเทียมและป่าไผ่เป็ที่เงียบสงบและสวยงามดุจฤาษีสถาน
ตลอดทางก็ไม่เห็นคนรับใช้เลย จนกระทั่งไปถึงประตูลาน ในที่สุดก็เห็นเหล่ามามา[1]คนหนึ่ง ซึ่งมองจากเครื่องแต่งกายก็รับรู้ได้ว่าเป็คนใกล้ชิดของอี้ไท่เฟย
เห็นได้ชัดว่าเหล่ามามารู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นหลงเฟยเยี่ย ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับอย่างรวดเร็วและทำความเคารพ “ถวายบังคมฉินอ๋องเพคะ”
หลงเฟยเยี่ยเพิกเฉยต่อนางและเดินไปข้างหน้า แม้ว่าหานอวิ๋นซีจะมีชื่อเหมือนหวังเฟย แต่กลับไม่เคยคาดหวังให้ใครมาทำความเคารพกับนาง นางเดินตามหลงเฟยเยี่ยไป และทำเหมือนไม่มีใครอยู่
ทว่าเหล่ามามากลับหยุดนางไว้และพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า “หวังเฟย ตามปกติแล้ว ไท่เฟยจะต้องตรวจสอบผ้าตกสีแดง และยังต้องส่งไปยังพระราชวังเพื่อให้ไท่เฮาตรวจสอบ”
ผ้าตกสีแดง เป็สิ่งที่ใช้ในการตรวจสอบว่าเ้าสาวบริสุทธิ์หรือไม่ในคืนวันแต่งงานในห้องหอ และไม่ใช่ว่าหญิงสาวทุกคนจะเป็สีแดงในคืนแรก มีหญิงบริสุทธิ์ไม่น้อยที่ตายเพราะสิ่งนี้!
หากหานอวิ๋นซีไม่สามารถมอบสิ่งนี้ให้ได้ ก็ต้องยอมรับว่านางอยู่คนเดียวในห้องว่าง หรือไม่ก็ต้องยอมรับว่าตนเองไม่บริสุทธิ์
อย่างแรกจะทำให้นางถูกเยาะเย้ยจากทุกคนและก็จะเสียหน้า ในขณะที่อย่างหลังจะมีโทษถึงตาย และจะเกี่ยวข้องกับตระกูลหานทั้งหมดด้วยเช่นกัน
ทันทีที่เข้าไปในพระราชวัง ประตูนั้นลึกราวกับมหาสมุทรและทุกย่างก้าวล้วนอันตราย เช้าวันแรกของการอภิเษก จึงไม่ใช่เื่เล็กน้อย
เมื่อคืนนางไม่ได้นอนด้วยซ้ำ จะไปเอาผ้าตกสีแดงมาจากไหน?
“หวังเฟย โปรดมอบของสิ่งนั้นให้หม่อมฉันด้วย” เหล่ามามาเร่งเร้า
เมื่อมองไปที่หลังของหลงเฟยเยี่ยที่ไม่ขยับเขยื้อน หานอวิ๋นซีก็ลังเลอยู่พักหนึ่ง ถึงอย่างไรมันก็เป็ปัญหาอยู่ดี เอาล่ะ มาสู้กัน!
ดังนั้น นางจึงก้มศีรษะลงและแสร้งทำเป็เขินอายว่า “ท่านอ๋อง ของสิ่งนั้นอยู่ที่ท่านหรือไม่?”
-----------------------
[1] มามา (嬤嬤) เป็สรรพนามที่ใช้เรียกนางกำนัลรับใช้าุโที่เคยแต่งงานแล้ว ทางราชสำนักจะคัดเลือกแม่ม่ายที่ไม่มีลูก อายุประมาณ 40-50 ปี เข้ามาเป็นางกำนัลรับใช้เชื้อพระวงศ์ที่มีตำแหน่งสูงอย่างฮองไทเฮา ฮองเฮา พระชายา หรือเป็แม่นมให้กับพระโอรสพระธิดาที่เกิดแต่องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาและพระชายา นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมดูแลสั่งสอนเหล่านางกำนัลรับใช้ทั่วไปได้ รวมถึงสอนเื่การแต่งตัวแต่งหน้า อบรมมารยาทและพิธีการในวังหลวง