หลายวันมานี้ สวี่ฮุ่ยเป็แบบนี้ทุกวัน พอถึงเวลาอาหารก็จะออกจากบ้านไป
เมื่อก่อนเธอไม่กินข้าวที่บ้าน กู่ซิ่วไม่เคยสนใจ
ไม่กินก็ยิ่งดี จะได้ประหยัดข้าวบ้าน
แต่ที่คุณย่าลู่แสดงความเอ็นดูต่อสวี่ฮุ่ยวันนี้ ทำให้กู่ซิ่วรู้สึกไม่สบายใจ ไม่กล้าทำตัวร้าย ๆ กับสวี่ฮุ่ยเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังมีแผนการใหม่
ตราบใดที่ประจบยัยเด็กเวรนั่นได้ ครอบครัวพวกเธอก็จะได้เกี่ยวข้องกับสกุลลู่ได้
สกุลลู่มีอิทธิพลกว้างขวาง คนที่คบค้าสมาคมด้วยต้องเป็คนร่ำรวยหรือมีอำนาจมากแน่ ๆ
ขอแค่ได้เข้าไปอยู่ในแวดวงคนร่ำรวยนี้ ด้วยความสามารถในการเข้าสังคมของเธอกับลูกสาวคนเล็ก ต้องหาสามีรวย ๆ ในแวดวงให้ลูกสาวได้แน่
บางทีลูกเขยรวย ๆ ที่หาได้ อาจจะมีชาติตระกูลสูงส่งกว่าสกุลลู่เสียอีก ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าใครจะเหยียบหัวใคร
กู่ซิ่วพูดกับสวี่ฮุ่ยอย่างอ่อนโยนราวกับพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก “ฮุ่ยฮุ่ย กินข้าวแล้วค่อยออกไปข้างนอกสิ”
เธอตัดใจเอ่ย “ไข่ตุ๋นชามนี้ ลูกกับน้องสาวแบ่งกันกินนะ”
สวี่ฮุ่ยพูดอย่างเ็า “เก็บไว้ให้ลูกสาวสุดที่รักของแม่กินเถอะ”
“กินของบำรุงเยอะ ๆ เธอจะได้มีแรงะโออกมาแว้งกัดหนูได้ตลอดเวลา”
กู่ซิ่วหัวเราะแห้ง ๆ “เดี๋ยวแม่จะไปว่าเธอเอง”
สวี่ฮุ่ยแค่นเสียงเหอะอย่างดูถูก กู่ซิ่วคิดว่าเธอโง่หลอกง่ายเหรอ
เมื่อไปถึงภัตตาคารเหอเซิ่ง เถ้าแก่เนี้ยใจดีก็แบ่งอาหารสองอย่างที่ลู่ฉี่เสียนสั่งไว้ให้สวี่ฮุ่ยเป็สองส่วนแล้ว
ส่วนเล็ก ๆ สวี่ฮุ่ยกินเอง ส่วนที่เยอะกว่าเ้าของร้านใส่กล่องข้าวใบใหญ่ให้ เผื่อเธอจะนำไปให้คุณปู่กับหลาน ๆ ที่ยากจนสี่คนนั้น
สวี่ฮุ่ยกินข้าวไปพลางมองนาฬิกาข้อมือเพชรรูปดอกเหมยฮวา[1] ไปพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
นี่เป็ของที่พี่ลู่ซื้อให้เธอ
หลังจากกินข้าวเสร็จ สวี่ฮุ่ยนำอาหารที่เก็บไว้ให้ครอบครัวคุณปู่สี่คนไปส่งให้แล้วโทรหาลู่ฉี่เสียนเพื่อขอบคุณเขาที่ซื้อนาฬิกาให้เธอ
ปรากฏว่าลู่ฉี่เสียนไม่อยู่ที่ทำงาน ออกไปทำคดี สวี่ฮุ่ยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
แต่เมื่อนึกภาพว่าถ้าจับสัตว์น้ำมีค่าได้ แล้วเอาไปขายที่เมืองเอกมณฑล ค่อยเซอร์ไพรส์ลู่ฉี่เสียนตอนนั้น สวี่ฮุ่ยก็ดีใจขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อกินอาหารดี ๆ จนชินแล้ว จู่ ๆ ต้องมากินอาหารธรรมดา ๆ สวี่เยว่ก็ปรับตัวไม่ได้เลย
สวี่เยว่ฝืนกินข้าวคลุกไข่ตุ๋นไปครึ่งชามก็ออกจากบ้านไปหาจูฉีเจี้ยน
เธอทนไม่ได้ที่เห็นยัยงั่งนั่นสบายใจ เธอจะทำให้มันอยู่อย่างตายทั้งเป็!
งั้นก็ต้องใช้จูฉีเจี้ยนหมาขี้ประจบตัวนั้นจัดการยัยงั่งนั่นซะ!
เธอชอบใช้จูฉีเจี้ยนจัดการสวี่ฮุ่ยที่สุด
บนโลกนี้จะมีความเ็ปอะไร ทรมานยิ่งกว่าผู้ชายที่ตัวเองแอบชอบ ทุ่มเททุกอย่างเพื่อศัตรูหัวใจ ทำร้ายตัวเองอย่างไม่ปรานีจนตายล่ะ?
น่าเสียดายที่ยัยงั่งไม่ได้รักจูฉีเจี้ยนแล้ว ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นมันเ็ปเจียนตาย
ส่วนเธอ ก็แค่นั่งสงบเสงี่ยมแสร้งทำเป็ดอกบัวขาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
วันรุ่งขึ้นหลังจากจูฉีเจี้ยนได้รับการประกันตัว เขาก็ไปสอบถามเื่การจัดสรรงานของตัวเองที่มหาลัยในเมืองเอกด้วยความหวังอันริบหรี่
อาจารย์ที่รับผิดชอบการจัดสรรงานบอกเขาว่าหัวหน้าลู่จากสถานีตำรวจประจำมณฑลมาที่มหาลัยเป็การส่วนตัวและนำประวัติอาชญากรรมของเขามาใส่ในแฟ้มประวัติ
สำนักงานศึกษาธิการมีกฎว่านักเรียนที่ประพฤติผิดทางอาญาจะไม่ได้รับสิทธิ์ในการจัดสรรงาน ดังนั้นมหาลัยจึงไม่ได้จัดสรรงานให้เขา แล้วยังไล่เขาออกอีกด้วย
แม้จูฉีเจี้ยนจะพยายามอ้อนวอนแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
เมื่อกลับมาจากมหาลัย จูฉีเจี้ยนก็จมอยู่กับความสิ้นหวังหลายวันและต้องลงไปทำงานที่นา
ไม่งั้นเขากับคุณย่าจะเอาอะไรกิน? หรือจะให้กินขี้เหมือนหมาจริง ๆ?
หลังจากทำงานหนักในนามาทั้งเช้า พอกินข้าวเที่ยงเสร็จ จูฉีเจี้ยนก็นอนกลางวัน ตื่นมาก็แบกจอบออกไปทำงานที่นาอย่างเซื่องซึม
เพิ่งเดินออกจากหมู่บ้านก็เห็นสวี่เยว่ยืนอยู่ใต้ต้นหลิว
จูฉีเจี้ยนรู้ว่าเธอรอเขา
ทั้งสองคนเดินตามกันไปยังที่เปลี่ยวไร้ผู้คน
สวี่เยว่ถามอย่างห่วงใย “นายได้บรรจุโรงพยาบาลไหน?”
จูฉีเจี้ยนพูดอย่างหดหู่ “ฉันถูกยกเลิกสิทธิ์การจัดสรรงาน แล้วยังโดนโรงเรียนไล่ออกอีก”
สวี่เยว่ใ “ทำไมล่ะ?”
จูฉีเจี้ยนจึงเล่าสาเหตุให้สวี่เยว่ฟังด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก
สวี่เยว่แอบยินดีในใจ มีเื่นี้ เธอก็หลอกใช้จูฉีเจี้ยนได้ง่าย ๆ เลยไม่ใช่เหรอ?
สวี่เยว่พูดอย่างเคียดแค้น “พี่สาวฉันร้ายกาจจริง ๆ แค่เพราะนายชอบฉัน เธอก็ใส่ร้ายนาย ทำลายอนาคตของนาย เราปล่อยเธอไปไม่ได้นะ!”
จูฉีเจี้ยนอยากฆ่าสวี่ฮุ่ยจะแย่ แต่ปัญหาคือไม่มีความสามารถพอ
เขาพูดเสียงขมขื่น “เธอมีเพื่อนเป็ตำรวจ เราสู้ไม่ไหวหรอก”
ดวงตาของสวี่เยว่ฉายแววอาฆาต “ทำไมต้องสู้กับพี่สาวฉันล่ะ?” เธอกระซิบข้างหูจูฉีเจี้ยน
จูฉีเจี้ยนเบิกตากว้างขึ้นทีละน้อย “ฉันอยากแก้แค้นพี่สาวเธอ แล้วทำไม...ถึงให้ฉันจัดการพ่อเธอ?”
สวี่เยว่ขยิบตาให้เขาอย่างมีเลศนัย “นายทำตามที่ฉันบอก ฉันจะทำให้พี่สาวฉันอยู่อย่างตายทั้งเป็ นี่ไม่เท่ากับแก้แค้นให้นายแล้วเหรอ?”
จูฉีเจี้ยนยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
[1] ดอกเหมยฮวา หมายถึง ดอกบ๊วย เป็โลโก้ของแบรนด์นาฬิกาทิโทนิ