สายตาของหลินเยว่เพ่งมองไปยังจุดแดงๆตรงนั้นอย่างแม่นยำ ทันใดนั้นเขาพลันผ่ามีดลงมา
หลังจากผ่าลงมาแล้วเขาก็ยกมีดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผ่าลงมาอีกครั้ง ยกมีดขึ้นอีกครั้ง......
ทีละมีด... ทีละมีด... ทีละมีดไปเรื่อยๆ...
สุดท้ายสติของหลินเยว่ก็เริ่มไม่ชัดเจนเขาลืมแขนของตัวเองไปแล้ว และลืมมีดในมือของเขาด้วยเช่นกันยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ลืมความมืดเบื้องหน้า สายตาของเขามีแต่สีทึมๆและเหลือเพียงจุดแดงๆ จุดนั้นจุดเดียว
ตอนนี้ในใจของเขาเหลือเพียงความคิดเดียวหากจุดแดงๆ ไม่ดับไป ร่างกายของเขาก็ห้ามทรุดลง
เพราะเหตุใดเบื้องหน้ามีแต่ความมืดสลัวแต่ความเ็ปกลับชัดเจนเช่นนี้ และมันก็ค่อยๆสร้างความทรมานต่อเส้นประสาทของหลินเยว่
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าใด ในที่สุดจุดแดงๆจุดนั้นก็ดับไปท่ามกลางความมืด ร่างกายของหลินเยว่พลันล้มลงทันที แต่ทว่ามุมปากของเขายังมีรอยยิ้มน้อยๆค้างอยู่
ไม่ได้หลับเพราะความเหน็ดเหนื่อยมากจนเกินไปแต่เป็เพราะเขารู้สึกเ็ปจนหมดสติ......
เมื่อหลินเยว่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็เวลาสายของวันถัดมาเขาลืมตาขึ้น ขณะที่คิดจะขยับตัวนั้น ความเ็ปจากตรงแขนขวาก็แผ่กระจายออกมาทันทีเขาจึงต้องยอมรับกับตัวเอง นับั้แ่เขาฝึกผ่าธูปเป็ต้นมานี่เป็ครั้งแรกที่เขาฝึกผ่าธูปจนกล้ามเนื้ออักเสบ แต่ก่อนเขาจะค่อยๆเพิ่มเวลาฝึกทีละ 1 ก้านธูปแต่เมื่อวานเขารู้สึกตื่นเต้นดีใจจึงเพิ่มทีเดียว 3 ก้านธูป นี่ก็เป็การหาเื่ตายชัดๆ เลย!
ดูแล้ว เมื่อวานเขาคงจะตื่นเต้นดีใจมากจนเกินไปจริงๆเงินทองมันก็ทำให้คนตายได้เหมือนกัน!
ในที่สุดหลินเยว่ก็พยายามลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากโชคดีที่เถิงชงในต้นเดือนพฤษภาคมไม่ค่อยเย็นนัก มิฉะนั้นแล้วเขาคงจะไม่สบายอย่างแน่นอน
หลังจากเก็บกวาดทำความสะอาดเศษขี้เถ้าธูปที่กระจายอยู่เต็มห้องเรียบร้อยแล้วหลินเยว่จึงลงไปทานข้าวที่ร้านอาหารใต้โรงแรม เวลานี้ นอกจากไม่สามารถยกแขนขวาได้แล้วร่างกายส่วนอื่นๆ ของเขาก็ไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด อีกทั้งสติและสมองของเขากลับดีมากเสียด้วย
หลินเยว่แอบรู้สึกว่าการฝึกผ่าธูปของเขาทำให้พลังทางด้านจิตใจพัฒนาขึ้นมากอย่างน้อยการทรมานตัวเองเช่นนี้ก็ทำให้ความอดทนของเขาดีขึ้นมากจริงๆและขณะที่เขาใช้พลังพิเศษตาทิพย์ในการมองทะลุระยะไกลเมื่อวานนี้ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่เขา้าคือพลังทางด้านจิตใจหากพลังใจจิตใจและจิติญญายิ่งแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เขาก็จะสามารถมองทะลุทะลวงได้นานมากยิ่งขึ้นซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทั้งสองสิ่งนี้ส่งผลซึ่งกันและกัน แต่ทว่ารายละเอียดเป็อย่างไรนั้นเขายังจำเป็ต้องสังเกตและพิสูจน์ต่อไป
อีกไม่กี่วันเขาจะกลับคุนิแล้วและเมื่อผ่าหยกด้านในออกมาเรียบร้อย เขาก็จะกลับบ้านเกิดของตัวเองสักครั้งเขาจะมอบเงินให้บิดามารดาไว้บางส่วน ให้พวกเขาได้มีชีวิตความเป็อยู่ที่ดีขึ้นและที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาจะไปวัดลัทธิเต๋าแห่งนั้น เขาไม่ได้กลับบ้านมา 3ปีแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้วัดลัทธิเต๋าแห่งนั้นจะเป็อย่างไรบ้างตอนที่เขาจากบ้านเกิดมาในตอนนั้น วัดแห่งนั้นก็เก่าโทรมยิ่งนักอีกทั้งยังไม่ค่อยมีผู้คนเข้าไปไหว้พระทำบุญทางวัดจะสามารถคงอยู่ได้จนถึงตอนนี้หรือไม่เขาก็มิอาจทราบได้ ดังนั้นเขาจึงจำเป็ต้องกลับบ้านเกิดในครั้งนี้จริงๆ
เมื่อถึงที่ร้านอาหารหลินเยว่จึงสั่งอาหารปริมาณสำหรับคน 2 คนแล้วก็เริ่มลงมือทานทันทีเขาไม่ได้ขอตะเกียบ แต่กลับขอเป็ช้อนและส้อมแทนเนื่องจากแขนขวาของเขาในตอนนี้ขยับได้เพียงท่ายืดพับง่ายๆ เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงต้องใช้มือซ้ายในการรับประทานอาหาร
พนักงานในร้านอาหารบางคนที่ทำงานร้านอาหารมานานก็เพิ่งจะเคยเห็นคนใช้แขนซ้ายในการทานข้าวผู้รับผิดชอบและพนักงานในร้านต่างแอบมองท่ากินมูมมามของหลินเยว่แล้วยังแอบหัวเราะคุยกัน นินทาหลินเยว่อยู่เป็ระยะๆ
หากเป็คนทั่วๆ ไป เมื่อถูกจับจ้องเช่นนี้ก็คงทานไม่ลงแล้วแต่ทว่าหลินเยว่นั้นไม่ใช่คนทั่วๆ ไป เขาไม่ได้แค่ทานต่อไปเรื่อยๆเพราะเขายังทานอย่างเอร็ดอร่อยเป็พิเศษ เขาไม่ได้ทานข้าวมา 2 มื้อแล้ว การใช้พลังงานไปเยอะขนาดนั้นทำให้เขาลืมไปหมดแล้วว่าคำว่า“ภาพลักษณ์” คืออะไร
เมื่อทานอาหารเสร็จก็เป็เวลาเที่ยงยี่สิบนาทีหลินเยว่ไม่ได้สนใจคำพูดที่ว่าเพิ่งทานข้าวเสร็จห้ามนอนพวกนี้เลย เขาจึงกลับไปนอนบนเตียงแล้วก็นอนกลางวันทันที
การนอนบนเตียงมันช่างสบายจริงๆ!
หลินเยว่รู้สึกสบายจนถึงกับครางอย่างมีความสุขอยู่สักพักแล้วก็หลับไปในที่สุดรอจนกระทั่งเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็เวลาบ่ายสองครึ่งเขาจัดการตัวเองอย่างเรียบง่ายแล้วจึงมุ่งหน้าไปยังถนนหินหยกอีกครั้ง
เมื่อมาถึงถนนหินหยกแล้ว หลินเยว่พบว่าสายตาของทุกๆ คนที่มองเขามามันเปลี่ยนไปอีกครั้งครั้งแรกมีคนบางส่วนที่ใช้สายตาราวกับเจอคนที่โชคดีเหยียบขี้หมานำโชคมองมายังเขาในสายตาเ่าั้ยังแฝงไปด้วยความอิจฉา แต่ที่มากกว่านั้นก็คือความริษยาส่วนครั้งที่ 2 มีเ้าของร้านบางส่วนที่รู้ว่าเขาได้ใช้เงินเป็จำนวนครึ่งหนึ่งของตัวเองในการช่วยคนที่มีสติไม่ดีที่ไม่มีใครยินดีช่วยเหลือผู้นั้นตอนนั้นสายตาของพวกเขาที่มองหลินเยว่เหมือนมองคนซื่อบื้อพวกเขารู้สึกชื่นชมแต่ก็รู้สึกว่าหลินเยว่ซื่อบื้อมากยิ่งกว่าเพราะการกระทำแบบนั้นมันเป็การกระทำที่เหนื่อยแรงแต่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยครั้งที่ 3 ก็คือตอนที่เ้าของร้านทั้งหมดของที่นี่รู้ว่าเขาได้รับบัตรการยอมรับและสิทธิพิเศษเื่ราคาและมีนักธุรกิจบางส่วนรู้ว่าเขาได้รับทั้งสองอย่างนี้สายตาของคนจำนวนมากจึงเต็มไปด้วยความชื่นชมและริษยา แต่ในตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วสายตาทั้งหมดเต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธาและความสงสัย
พวกเขาเลื่อมใสที่หลินเยว่สามารถพนันได้ทุกครั้ง เลื่อมใสว่าเขามีสายตาที่เฉียบคมยิ่งนักแต่พวกเขาก็รู้สึกสงสัยว่าทั้งๆที่เขายังหนุ่มขนาดนี้แต่ทำไมถึงได้มีฝีมือในการพนันหินเฉียบขาดมากเช่นนี้
หลินเยว่รู้สึกเคยชินกับสายตาทุกรูปแบบแล้ว ดังนั้นเขาจึงเดินบนถนนหินหยกต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่ใส่ใจ ณ เวลานี้ เขายังไม่รู้ตัวว่าตนเองได้ส่งผลต่อคนที่นี่แล้วมีคนจำนวนมากคิดว่าที่หลินเยว่โชคดีสามารถพนันได้นั้นเป็ผลมาจากการที่เขาทำความดีแล้วการที่เป็คนดีจึงทำให้ได้รับผลดีเป็การตอบแทน ดังนั้นั้แ่นี้ต่อไปกระแสการทำความดีของที่นี่จึงได้รับความนิยมมาก ทุกคนคิดจะทำความดีเมื่อทำความดีแล้วจึงจะไปพนันหินหยก ถึงแม้ว่าจะมีคนพนันได้และพนันเจ๊งแต่ทว่าคนที่พนันได้ก็จะบอกกับตัวเองว่าเป็ผลมาจากการทำความดี ดังนั้นเหตุการณ์นี้ยิ่งลือก็ยิ่งดูขลังมากยิ่งขึ้น คนที่ทำความดีก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระแสเช่นนี้จึงถูกบอกต่อกันไปเรื่อยๆจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง
เมื่อเดินถึงแผงของฉินจงฮั่นเขาจึงถูกอีกฝ่ายะโเรียกไว้
“หลินเยว่ ทำไมถึงเดินเร็วขนาดนี้ล่ะ?”การะโเรียกของฉินจงฮั่นทำให้สายตาของทุกๆ คนต่างมองไปที่เขาเป็จุดเดียวเ้าของแผงร้านนี้กล้ารู้จักหลินเยว่ผู้ที่กำลังได้รับความนิยมเป็อย่างสูงบนถนนเส้นนี้ด้วยหรือแล้วดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งสองคนจะสนิทชิดเชื้อกันไม่น้อย
เมื่อได้ัักับสายตาชื่นชมและสงสัยของคนรอบๆตัว ฉินจงฮั่นจึงรู้สึกว่าตัวเองมีหน้ามีตามากเป็พิเศษ เขาจึงยืดอกขึ้นมาทันที
“เฮียฉิน ต้องขอโทษด้วยเมื่อตะกี๊กำลังคิดอะไรเพลินๆ เลยไม่รู้ตัวว่าเดินมาถึงที่นี่แล้วล่ะ”หลินเยว่เดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าขอโทษ แต่สิ่งที่เขาพูดก็เป็ความจริง
“เด็กหนุ่มอย่างคุณกำลังจะหลบเฮียอยู่ใช่ไหมล่ะเหตุการณ์เมื่อวานนี้เฮียได้ยินมาหมดแล้ว หินหยกที่พนันได้ 2.5 ล้านก้อนนั้นเป็ก้อนที่ซื้อมาจากเฮียที่ตลาดผีเมื่อคืนวันก่อนใช่หรือเปล่า?”เมื่อพูดถึงตลาดผี ฉินจงฮั่นจึงรีบกดเสียงต่ำทันที เพราะเหตุการณ์ในตลาดผีมีคนรู้ยิ่งน้อยยิ่งดี
“ทำไมผมต้องหลบเฮียด้วยล่ะ?แล้วหินหยกก้อนนั้นก็เป็ก้อนที่ซื้อจากเฮียจริงๆ แล้วผมก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วด้วย”ขณะที่พูด หลินเยว่จึงหยิบอั่งเปาที่เขาเตรียมไว้ให้ฉินจงฮั่นั้แ่ก่อนหน้านี้ออกมาจากกระเป๋า
“ไอ้หนุ่มนี่ เฮียก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นคุณยังคิดเป็จริงเป็จังอีก เก็บคืนไปเดี๋ยวนี้เลย”เมื่อฉินจงฮั่นเห็นอั่งเปาในมือของหลินเยว่ สีหน้าของเขาจึงดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันทีเขาผลักอั่งเปาในมือของหลินเยว่กลับไป
หลินเยว่ยิ้มน้อยๆแล้วยัดซองอั่งเปากลับไปอยู่ในมือของฉินจงฮั่นพร้อมพูดขึ้น “มันไม่เยอะหรอกนะคิดเสียว่าเป็เงินที่เฮียลดให้ผมในคืนวันนั้นไงล่ะ มีลาภก็ต้องแบ่งปันกันสิอีกอย่าง เฮียทำธุรกิจนี้ก็ไม่ง่ายหรอกนะ”
ฉินจงฮั่นยังคิดจะพูดอะไรต่อแต่กลับถูกหลินเยว่ยกมือขึ้นห้ามไว้ เขาจึงพูดต่อ “เฮียฉิน หากเฮียไม่รับไว้ก็แสดงว่าเฮียดูถูกผมนะ”
กลยุทธ์นี้ถือว่าใช้ได้ผลมากฉินจงฮั่นจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างอ่อนใจพร้อมพูดตอบ “ได้ เฮียจะรับไว้” ขณะที่พูดเขาก็คำนวณน้ำหนักของอั่งเปา หลังจากนั้นจึงขึงตาใส่หลินเยว่ “ไอ้หนุ่มนี่หลอกเฮียนี่มันไม่ใช่จำนวนเงินที่เฮียลดให้เลยนะ เห็นชัดๆ ว่าเยอะกว่าอีก!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้