เล่มที่ 1 บทที่ 26 ผู้นำตระกูลหาน
หานโม่ไม่ทันได้ดึงออกแล้วบอกกับเขาว่านางไม่้า แต่ก็ได้ยินเสียงของตี้เฉินเอ่ยขึ้นมาก่อน "เอาล่ะ ข้าคงต้องไปแล้ว เ้าอย่าคิดถึงข้ามากจนเกินไปเล่า ข้าเองก็มีธุระที่ต้องทำเช่นกัน หากเ้าคิดถึงข้ามากเกินไป มันจะรบกวนข้าถึงขั้นจามจนเสียเื่เสียราวได้ แต่ข้ายกโทษให้เ้าได้เสมอ เด็กดี"
หานโม่ขนลุกไปทั้งตัวเพราะน้ำเสียงราวกับกำลังกล่อมเด็กของตี้เฉิน นางเงยหน้าขึ้นมาและพูดอย่างไม่คิดว่า "ความเชื่องมงายล้าสมัยจากไหนกัน ผู้ใดบอกหรือว่าหากคิดถึงใครคนหนึ่งแล้วคนๆ นั้นจะต้องจามด้วย?”
รอยยิ้มบนริมฝีปากของตี้เฉินยิ่งชัดเจนขึ้น "ความหมายของเ้าคือ เ้าจะคิดถึงข้าหรือ?”
หานโม่ "......" ความสามารถในการบิดเบือนข้อมูลของคนผู้นี้นั้นช่างเก่งกาจยิ่ง!
“ฮ่าฮ่า เอาล่ะ ข้าไปแล้ว ดูแลตัวเองด้วย” ครั้งนี้ตี้เฉินตั้งใจจะไปจริงๆ แล้ว
คนทั้งคนอันตรธานหายไปราวกับสายลมที่พัดผ่านมาหอบหนึ่ง เขามาอย่างไร้ร่องรอยและจากไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน
หานโม่มองไปยังทิศทางที่ตี้เฉินหายไป รูม่านตาหดลงเล็กน้อย
ความเร็วของตี้เฉินผู้นี้ ช่างรวดเร็วเหลือเกิน!
เมื่อหันกลับมามองดูแหวนที่อยู่บนนิ้วนาง หานโม่ก็เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงค่อยๆ บรรจุสิ่งของต่างๆ ลงในแหวนโค่งเจียน
ของแบบนี้ช่างมีประโยชน์จริงๆ หลังจากที่นางตรวจสอบพื้นที่ข้างในแล้วก็พบว่ามันเหมือนกับที่ตี้เฉินพูดเอาไว้ทุกอย่าง ทันใดนั้นหานโม่ก็เริ่มครุ่นคิดว่าต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถขยายพื้นที่เพิ่มได้
เมื่องานประมูลจบลง หานโม่จึงเดินออกมาจากโรงประมูลพร้อมกับฝูงชนที่เข้าร่วมงาน นางกำลังจะเดินจากไปพร้อมกับหูเลี่ยงและคนอื่นๆ แต่สายตาก็เห็นร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นที่ประตูด้านหน้าโรงประมูลเสียก่อน
ถึงจะบอกว่าคุ้นเคย แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกคุ้นเคยมากเป็พิเศษ
คนผู้นี้ในความทรงจำของหานโม่คนเก่าค่อนข้างที่จะพร่าเลือนอยู่บ้าง
สิ่งที่ทำให้หานโม่จดจำคนตรงหน้าได้ก็คือรูปร่างหน้าตาของเขาที่มีความคล้ายคลึงกับหานซินและคนอื่นๆ ในตระกูลหานอยู่ห้าถึงหกส่วน
ผู้นำตระกูลหาน หานเฉินต้ง
ภายในดวงตาของหานโม่วาววับและเผยรอยยิ้มเหยียดหยัน
ในอดีตนั้นหากเ้าของร่างเดิม้าเข้าพบผู้นำตระกูลนั้นนับว่าเป็เื่ที่ยากยิ่งกว่าปีนขึ้นฟ้าเสียอีก ไม่คิดเลยว่าตอนนี้เป็เพราะเซียนหลิงเฉ่าจะทำให้ผู้นำตระกูลหานออกมาพบนางได้ด้วยตนเอง
หานโม่หันมาพูดไม่กี่คำกับหูเลี่ยงและคนอื่นๆ แล้วก็ให้พวกเขาแยกออกไป
หลังจากที่ฝูงชนด้านหน้าโรงประมูลค่อยๆ เบาบางลง หานโม่จึงเดินเข้าไปหาหานเฉินต้ง
“ท่านผู้นำตระกูลหาน” หานโม่เอ่ยทักทายกลางๆ
หานโม่ไม่อยากเข้ามาทักทายบิดาของเ้าของร่างเดิมด้วยซ้ำ แต่เป็เพราะนางตัดสินใจที่จะเข้าร่วมการประลองของตระกูลหาน ดังนั้นตอนนี้นางจึงไม่อยากผิดใจกับหานเฉินต้ง
หากทำให้เขาขุ่นเคือง จนถึงตอนนั้นเขาคงไม่ยอมให้หานโม่ได้เข้าร่วมการประลองของตระกูลแน่ ในตอนนี้การจะขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดนั้น หานโม่ยังคงไร้หนทางอยู่
แต่ถึงอย่างนั้น หานโม่ก็ไม่ได้เต็มใจที่จะเรียกชายที่อยู่ตรงหน้าว่าท่านพ่อเท่าใดนัก
หานเฉินต้งเองก็ไม่ได้สนใจวิธีการเรียกขานของหานโม่เช่นกัน บนใบหน้าสูงวัยประดับไปด้วยรอยยิ้มใจดีอ่อนโยนและน้ำเสียงที่เขาเอ่ยออกมาก็เป็กันเองอย่างยิ่ง "โม่เอ๋อร์ พ่อมารับเ้ากลับบ้าน”
รับนางกลับบ้าน?
ความเย็นะเืฉายอาบทั่วดวงตาของหานโม่ทันที
เื่รับนางกลับบ้านเป็เื่ไม่จริง ดูท่าเขาคงไปได้ยินมาจากหานซินและคนอื่นๆ ว่าเซียนหลิงเฉ่าของนางขายได้ผลึกิญญามาสิบชิ้นใช่หรือไม่?
คนตระกูลหานทุกคนล้วนเป็คนหน้าเื ความรักของครอบครัวอะไรนั่นจะมาจากที่ไหนกัน?
“ท่านผู้นำตระกูลหานมารับข้าด้วยตัวเองเช่นนี้ ข้าไม่กลับไปก็คงจะดูไม่ค่อยดีนัก ท่านผู้นำตระกูลหาน สาเหตุที่ทำให้ข้าต้องออกมาจากตระกูล เื่ราวพวกนั้นข้าสามารถปล่อยวางได้ หากท่านอยากให้ข้ากลับไปก็ย่อมได้ แต่ข้ามีเงื่อนไขเพียงหนึ่งข้อ”
หานโม่สามารถมองเห็นเจตนาชั่วร้ายภายในใจของหานเฉินต้งได้อย่างชัดเจน แต่นางไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องพูดความกลัวว่าจะมีใครมาแย่งผลึกิญญาไปได้ เพราะนางเก็บเอาไว้ในแหวนโค่งเจียนของนาง ถึงแม้ว่าคนพวกนี้ยืนกรานที่จะแย่งไปแต่แหวนวงนี้ก็รับรู้แล้วว่านางเป็เ้านาย แม้จะต้องไร้วรยุทธ์ไปอีกหมื่นปี พวกเขาก็อย่าหวังว่าจะได้สิ่งที่อยู่ด้านในเลย
แม้ว่าบนใบหน้าของหานเฉินต้งจะยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนใจดี แต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายแวววาวคู่นั้นกลับกวาดมองหานโม่อย่างละเอียดอีกหลายครั้ง
ก่อนหน้านี้เขาได้ยินหานซินพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของหานโม่ ซึ่งอันที่จริงแล้วแล้วหานเฉินต้งไม่ได้กังวลอะไรมากเกี่ยวกับเื่นี้
หานโม่เป็คนไร้ค่ามาตั้งหลายปี ตอนนี้คิดอยากจะกางปีกโผบินทะยานขึ้นฟ้าหรือ?
ช่างเพ้อฝันเสียจริง!
ตลอดทั้งชีวิตของเขาไม่เคยเห็นใครที่จะมีความสามารถเช่นนั้นมาก่อนเลย!
แต่ตอนนี้หลังจากที่มองดูหานโม่อย่างละเอียดแล้ว เขาก็พบว่าหานโม่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
ความแตกต่างนั้นไม่ใช่เพียงแค่บรรยากาศรอบๆ ตัวนางเท่านั้น แต่เหมือนว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงจากภายในสู่ภายนอกอีกด้วย
แม้จะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่หานเฉินต้งก็ยังคงมั่นใจในตระกูลหานเป็อย่างยิ่ง
ถึงแม้หานโม่จะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ก็ยังไม่อาจถึงขั้นที่จะสร้างกระแสฟองคลื่นพลิกกลับใดๆ ให้แก่ตระกูลหานได้ ดังนั้นเขาจึงพูดกับหานโม่ตรงๆ อย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยว่า " อันที่จริงไม่จำเป็ต้องมีเงื่อนไขอะไรก็ได้ เ้าคือบุตรสาวตระกูลหาน ความปรารถนาของเ้าตระกูลหานและข้าล้วนเต็มใจอย่างแน่นอน”
เมื่อหานโม่ได้ฟังหานเฉินต้งพูดออกมาเช่นนั้น ภายในใจก็ยิ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยันมากขึ้นไปอีก
นึกแล้วว่าลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น เ้าพวกคนตระกูลหานเ่าั้ที่สามารถแสดงละครได้เก่ง แท้จริงก็ได้รับการสืบทอดมาจากชายชราผู้นี้นี่เอง!
เพื่อผลึกิญญาแล้ว พวกเขาทำได้ทุกวิถีทางจริงๆ!
“ข้าไม่ชอบพึ่งพาผู้อื่น และข้าก็เคยลองมาก่อนแล้วจนรู้ว่าตระกูลหานไว้ใจไม่ได้ ่ระยะเวลาที่ข้าอยู่ภายในตระกูลหานเป็ไปไม่ได้เลยที่ท่านผู้นำตระกูลจะไม่รู้อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นข้าจะไม่ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับตระกูลหานอีกต่อไป ท่านผู้นำตระกูลหาน ผู้ที่จิตใจผ่องใสจะไม่พูดเื่ที่ไม่ดี [1] หาก้าให้ข้ากลับตระกูลหานก็ย่อมได้ แต่การประลองตระกูลหานใกล้เข้ามาแล้ว ข้า้าเข้าร่วมและอยากได้ตำแหน่งในการประลอง”
ภายในดวงตาของหานเฉินต้งเจือไปด้วยความโกรธ เมื่อได้ยินคำพูดของหานโม่ แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครอยู่ที่ประตูทางเข้าโรงประมูลแห่งนี้ แต่หานโม่ก็เคยตบหน้าตระกูลหานต่อหน้าคนอื่นๆ มาก่อนแล้ว และตอนนี้ต่อหน้าเขาผู้เป็บิดา นางก็ยังกล้าตบหน้าตระกูลหานซ้ำอีกครั้ง เป็จริงตามที่หานซินพูดหานโม่กลายเป็คนพยศไปเสียแล้ว!
หลังจากฟังสิ่งที่หานโม่พูดจบ ดวงตาของหานเฉินต้งก็ปรากฏร่องรอยของความเหยียดหยามเจืออยู่ในนั้น
พูดมาเสียยืดยาวทำไมกัน แท้ที่จริงแล้วก็แค่อยากได้ตำแหน่งในการประลอง!
ฮึ!
หากเป็ในอดีต หานโม่ไม่จำเป็ต้องมาเสียแรงต่อรองเงื่อนไขเพื่อให้ได้ตำแหน่งในการประลองก็ได้ เพราะว่านางนั้นมีพร์เหนือผู้อื่น
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว แม้ว่านางจะสามารถนำเซียนหลิงเฉ่ากลับมาได้ นางก็ยังเป็คนไร้ค่าคนหนึ่งเหมือนเดิม และในตระกูลหานคนไร้ค่าไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการประลอง!
ท้ายที่สุดแล้วไม่ใช่ว่านางต้องขอร้องเขาหรอกหรือ?
ความคิดของหานเฉินต้งเปลี่ยนไป การต่อรองเงื่อนไขของหานโม่ แสดงให้เห็นว่าความมั่นใจในตัวเองของนางได้แปรเปลี่ยนเป็การขอร้องวิงวอนแทนแล้ว เมื่อคิดได้เช่นนี้ ภายในใจของหานเฉินต้งจึงรู้สึกเบาสบายขึ้นมาก
เขายิ่งแสดงละครมากขึ้นไปอีก "นี่เ้าพูดอะไรกัน เหตุใดเ้าไม่พูดมาว่าเ้าเป็บุตรสาวของข้าหานเฉินต้งเล่า บุตรสาวของข้าจะไม่สามารถเข้าร่วมการประลองได้เชียวหรือ? ข้ารับปากเ้าเลยว่าต้องได้"
มุมปากของหานโม่บิดโค้งขึ้น แอบเผยรอยยิ้มประชดประชันเล็กน้อย
ใช่แล้ว บุตรสาวของหานเฉินต้งสามารถเข้าร่วมการประลองได้ แต่แล้วทำไมอยู่ๆ หานเฉินต้งถึงยอมรับเงื่อนไขนี้กัน?
หรือกลัวว่านางจะขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขอีก?
ตำแหน่งเดียวเท่านั้น เงื่อนไขของนางมีแค่เื่การประลองแค่เื่เดียว ไม่แน่ว่าหากเขาไม่ยอมรับแล้วนางอาจเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเป็สิ่งอื่น ไม่แน่ว่าตระกูลหานอาจสูญเสียอะไรบางอย่างก็เป็ได้ แม้ว่าสำหรับตระกูลหานแล้วนั่นคือขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัว [2] แต่หานเฉินต้งไม่ได้้าเสียสิ่งใดไปให้กับหานโม่เลยแม้แต่น้อย
แท้จริงแล้วก็เป็จิ้งจอกเฒ่า [3]!
หานโม่มองหานเฉินต้งอย่างเย้ยหยันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่หานเฉินต้งกลับทำท่าราวกับว่ามองไม่เห็นสายตาของนาง เขาเอ่ยเรียกคนให้มาพาหานโม่กลับไปยังจวนตระกูลหาน
........................................................................
เชิงอรรถ
[1] ผู้ที่จิตใจผ่องใสจะไม่พูดเื่ที่ไม่ดี หมายถึง คนที่เที่ยงตรงโปร่งใสจะพูดความจริง ไม่พูดย้อนยอก ไม่ชักแม่น้ำทั้งห้า
[2] ขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัว หมายถึง ส่วนเล็กน้อยในปริมาณมหาศาล หรือ น้อยนิดจนไม่มีค่าพอที่จะพูดถึง
[3] จิ้งจอกเฒ่า หมายถึง คนเข้าเล่ห์เพทุบาย