ใบหน้ามู่หรงหยิงเผยรอยยิ้มเย้ย มันได้ก้าวมายืนอยู่ไม่ห่างจากเจียงเฉินมากนัก
"มู่หรงหยิง เ้าพร้อมหรือยัง? หากไม่ ข้าจะให้เวลาเ้าเตรียมตัว"
เจียงเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
"เ้าล้อเล่นหรืออย่างไร? สู้กับเ้ายังต้องเตรียมตัวอะไร?"
มู่หรงหยิงหัวเราะเย้ย
เพี๊ยะ!
ตึง!
สิ้นสุดเสียงของมู่หรงหยิง ทุกคนต่างได้ยินเสียงกระทบดังชัดเจน ฝ่ามือของเจียงเฉินกระทบบนใบหน้าของมู่หรงหยิง มู่หรงหยิงที่ตัวสูงใหญ่ถูกตบกระเด็นออกไปนอนกองบนพื้นทันที ใบหน้าของเขาจูบกับพื้น
ทั่วทั้งบริเวณกลายเป็เงียบสงัดในทันใด ผู้คนมองดูมู่หรงหยิงตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้น ในที่สุดสายตาตื่นตระหนกก็จับจ้องไปยังเจียงเฉิน
"มารดามันเถอะ ใครบอกว่านายน้อยคนเล็กของคฤหาสน์เ้าเมืองเป็เพียงแค่ขยะฉีจิงระดับหนึ่ง? ด้วยการตบผู้เชี่ยวชาญฉีจิงระดับแปดเพียงครั้งเดียวก็ทำเขาลุกไม่ขึ้นนี่ เขาจะเป็ขยะไร้ประโยชน์ได้อย่างไร?"
"ร้ายกาจนัก แท้จริงแล้วเจียงเฉินผู้นี้ซ่อนความแข็งแกร่งของเขาไว้โดยตลอดรึนี่?"
"นี่เป็นายน้อยของพวกเราจริงๆน่ะรึ? เหตุใดมันถึงรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็คนอื่นอย่างไรอย่างนั้น"
ในขณะนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็ใครก็ตาม ไม่มีผู้ใดอยากเชื่อในสิ่งที่เห็น พวกเขาต่างรู้จักเจียงเฉินเป็อย่างดี ผลลัพธ์ที่ออกมาเช่นนี้เป็สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด มีเพียงคนเดียวที่ยังคงสงบเยือกเย็นอยู่ และคนผู้นั้นคือบิดาของเขา เจียงเจิ้นไห่นั่นเอง
"เป็ไปไม่ได้ มันเป็ไปไม่ได้! มันเป็ไปได้อย่างไรกัน?"
คนที่ตกตะลึงมากที่สุดคือมู่หรงหยิงที่นอนกองอยู่บนพื้น เขากำลังมึนงง การตบของเจียงเฉินทำให้ตัวมันเข่าอ่อน พลังปราณทั่วร่างปั่นป่วน มันไม่มีกำลังกระทั่งลุกขึ้นยืน
"พี่หยิง"
ชายหนุ่มอีกสองคนแห่งตระกูลมู่หรงก้าวมาหาอย่างรวดเร็ว ทั้งสองพยุงแขนของมู่หรงหยิงขึ้นมาคนละข้าง จ้องมองเจียงเฉินอย่างตื่นตระหนก
เมื่อนึกถึงเื่เดิมพันระหว่างตัวมันกับเจียงเฉิน มู่หรงหยิงรู้สึกราวกับฆ่าตัวตาย หากไม่มีการเดิมพันอย่างมากตัวมันก็เสียเพียงแค่ชื่อเสียง แต่ตอนนี้ ตัวมันได้ทำให้ชื่อเสียงของทั้งตระกูลมู่หรงต้องเสียหายยับเยิน
"เจียงเฉิง!"
เจียงเฉินะโเรียกออกมาดังก้อง ยามรักษาการณ์นามเจียงเฉิงไม่กล้าที่จะละเลยแม้แต่น้อย เขาได้ก้าวมาอยู่ตรงหน้าเจียงเฉิน
"นายน้อย มีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ?"
ั้แ่ที่เจียงเฉินมอบให้เขาสิบเหรียญทอง เขาถือว่าเจียงเฉินเป็บุรุษที่ใจกว้าง ในใจของเขา เจียงเฉินเป็ผู้ที่เขาควรตามรับใช้ ดังนั้นเป็เื่ธรรมดาที่เขาจะปฎิบัติต่อเจียงเฉินด้วยความเคารพ
"ช่วยข้าเคลื่อนย้ายโลงศพที่เป็ของพี่ชายข้าไปยังเบาะนั่งของตระกูลมู่หรง จากนั้นจงตามพวกมันไปยังคฤหาสน์ หากว่าโลงศพนี่ไปไม่ถึงคฤหาสน์ เช่นนั้นผู้คนตระกูลมู่หรงทุกคนจะถูกเรียกว่าเต่าหัวหด"
น้ำเสียงของเจียงเฉินดังฟังชัด ทำให้ทุกคนได้ยินคำพูดของเจียงเฉินอย่างชัดเจน
พรวด!
โลหิตสดๆ พุ่งออกมาจากปากมู่หรงหยิง แทบจะเป็ลมอยู่ตรงนั้น ในภายหลังตัวมันคงได้ฆ่าตัวตายเป็แน่ มันรู้ว่าครั้งนี้มันมากเกินไป มีคนมากมายอยู่ที่นี่ ไม่อาจบิดพลิ้วการเดิมพันได้
ทันใดนั้น มู่หรงหยิงตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากว่าพาโลงศพกลับไปยังตระกูลมู่หรง แน่นอนว่ามู่หรงเจิ้นจะต้องถลกหนังตัวมันทั้งเป็ หากว่าไม่กลับไป ผู้คนตระกูลมู่หรงก็จะถูกเรียกขานว่าเต่าหดหัว แน่นอนว่ามู่หรงเจิ้นจะต้องถลกหนังมันเช่นกัน
"ขอรับ นายน้อย"
เจียงเฉิงตอบรับ ไม่ว่าจะให้เขาทำอะไร ขอเพียงแค่นายน้อยมีความสุขก็เป็พอ จากนี้ต่อไป ไม่ว่านายน้อยสั่งอะไร เสมือนราชโองการที่เขาจะต้องทำตาม
ฮ่าห์!
ด้วยการะโออกมา เจียงเฉิงแบกโลงศพด้วยตนเอง ตัวเขาเป็ผู้เชี่ยวชาญฉีจิงระดับหก การแบกโลงศพด้วยตัวคนเดียวเป็เรื่ืองง่ายดาย
"หลีกไปๆ"
โดยไม่พูดอะไรอื่น เจียงเฉิงได้แบกโลงศพไปตั้งที่เบาะนั่งบนเกี้ยวหาม แม่นางมู่หรงน้ำตาไหลพรากเมื่อพบว่าสามีของนางนอนแน่นิ่งในโลงศพ 'ดูเหมือนว่านอกจากนางจะตะกละแล้ว ความคิดของนางจะต้องมีบางสิ่งที่ผิดเพี้้ยน สตรีเช่นนี้ไม่ใช่บุตรีของมู่หรงเจิ้นอย่างแน่นอน'
"มู่หรงหยิง พวกเ้าได้รับตัวเ้าบ่าวเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ไสหัวไปจัดพิธีแต่งงานต่อได้แล้ว คฤหาสน์เ้ามืองจะไม่ต้อนรับคนจากตระกูลมู่หรงอีกต่อไป เ้าพ่ายแพ้ต่อข้า จงอย่าได้มาเสนอหน้าต่อหน้าข้าอีก ไม่เช่นนั้นแล้ว ข้าจะทุบตีเ้าทุกครั้งที่พบเ้า ตอนนี้ไสหัวไป!"
เจียงเฉินโบกมือไล่ราวกับไล่แมลงวัน ไม่แสดงความสุภาพแม้แต่น้อย
อ๊าาาาาาาาาาาาาา!!!
พรวด!
มู่หรงหยิงเงยหน้าขึ้นฟ้าและะโออกมา เืได้ทะลักออกมาจากปากของมู่หรงหยิงอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้น ตาของมันก็ปิดลงและเป็ลมอยู่ที่ตรงนั้น
"แล้วพวกเราจะเอาอย่างไรกัน?"
ชายหนึ่งคนหนึ่งกล่าวถาม
"กลับสิ อยู่ต่อไปก็จะมีแต่ขายหน้า แบกโลงศพไปด้วย หากว่าท่านผู้นำ้าที่จะกล่าวโทษ เช่นนั้นมู่หรงหยิงจะต้องเป็ผู้รับมันทั้งหมด"
ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งกล่าว
ในที่สุด ขบวนแห่ของตระกูลมู่หรงได้กลับไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่การที่ต้องนำโลงศพมาด้วยทำให้ขวัญกำลังใจของพวกเขาดิ่งลงเหวเมื่อเทียบกับเมื่อตอนที่พวกเขาแห่ขบวนไปยังคฤหาสน์เ้าเมืองเมื่อก่อนหน้านี้
เ้าขยะไร้ประโยชน์แห่งตระกูลเจียงได้มีชื่อเสียงชั่วข้ามคืนหลังจากการต่อสู้ ทุกคนต่างประหลาดใจกับความสามารถของเขา ขณะที่ชื่อเสียงของตระกูลมู่หรงดิ่งลงเหว พวกมันพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์ในการต่อสู้ระหว่างสองตระกูล และผู้ที่จัดการพวกมันได้เป็เพียงเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบห้าขวบปีเท่านั้น
ข่าวลือได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองฟ้าหอม ความบาดหมางระหว่างสองตระกูลได้ถูกยกระดับขึ้นอีกระดับ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า่วันเวลาที่เคยสงบสุขยากที่จะกลับมาตราบที่ความบาดหมางระหว่างคฤหาสน์เ้าเมืองและตระกูลมู่หรงยังไม่ได้ข้อยุติ
เจียงเจิ้นไห่ยุ่งมากขึ้นั้แ่ที่เขาทำลายความสัมพันธ์กับตระกูลมู่หรง กิจการที่ตระกูลเจียงมีมากมายนัก ทั้งตำหนักต่างๆ โรงเตี้ยม ร้านขายโอสถและร้านรวงต่างๆ กิจการเหล่านี้บริหารโดยเจียงลู่หรง แต่ตอนนี้เจียงลู่หรงได้ตายไปแล้ว และเจียงเจิ้นไห่จะต้องจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง
สำหรับเจียงเฉิน เขาเลือกที่จะอยู่ในตำหนักของตนหลังจากเกิดเื่ขึ้น วิสัยทัศน์ของเจียงเฉินอยู่เหนือคนทั่วๆไปมากนัก และในความคิดของเขา วิธีการที่ง่ายที่สุดในการถอนรากถอนโคนศัตรู นั่นคือความแข็งแกร่ง และในโลกนี้เป็โลกที่วัดด้วยความแข็งแกร่ง กำปั้นใครใหญ่กว่า ผู้นั้นเป็ฝ่ายถูก
สำหรับเหล่าผู้ฝึกตนที่ทรงพลัง วิถีบ่มเพาะและทักษะยุทธถือได้ว่าเป็แก่นแท้แห่งการฝึกตน เจียงเฉินได้ทำการบ่มเพาะทักษะร่างแปลงัทำให้เขามีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครๆ แต่วิถีบ่มเพาะเป็เพียงรากฐาน การที่จะเป็ผู้ยิ่งใหญ่ได้นั้น จำเป็ต้องมีทักษะยุทธที่ทรงพลัง
เหมือนดั่งวิถีบ่มเพาะ ทักษะยุทธในโลกต้นกำเนิดเซียนแบ่งออกเป็สี่หมวดหมู่ : มนุษย์ ปฐี ์และเซียน และในแต่ละระดับแบ่งย่อยอีกสามขั้น นั่นคือระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูง
ขอบเขตฉีจิงเป็เพียงขอบเขตพื้นฐาน มีเพียงผู้ที่ถึงขอบเขตฉีไห่แล้วเท่านั้นที่สามารถฝึกทักษะยุทธได้...แต่เจียงเฉินแตกต่างจากคนอื่นๆ เขามีประสบการณ์ในการฝึกฝนทักษะยุทธมามากมาย และทักษะร่างแปลงัทำให้พลังหยวนของเขาอยู่เหนือกว่าใครๆในขอบเขตฉีจิง
ผู้ฝึกตนในขอบเขตฉีจิงจะไม่สามารถฝึกทักษะยุทธได้เพราะพวกเขายังไม่มีพลังหยวนมากพอ และเมื่อไม่มีพลังหยวนมากพอพวกเขาก็ไม่สามารถใช้ทักษะยุทธได้ แต่มันคนละเื่กับเจียงเฉิน
ในชีวิตที่แล้วของเขา ทักษะยุทธที่ทรงพลังที่สุดของเขาคือ 'พลังเก้าสุริยัน' ทักษะยุทธนี้เป็ทักษะยุทธระดับเซียนที่เขาเป็ผู้คิดค้นขึ้นมา มันเป็ทักษะยุทธที่ทรงพลังที่สามารถดูดซับพลังแสงอาทิตย์จากบริเวณรอบตัวเขาทำให้เป็ประโยชน์ต่อผู้ที่ฝึกฝนมันอย่างมาก
ในการที่จะฝึกฝนทักษะนี้ ต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งและมีพลังปราณมากมายมหาศาลจึงยากต่อการฝึกให้สำเร็จ
ในชีวิตที่แล้ว เจียงเฉินทำการบ่มเพาะทักษะซวนหยวนทำให้เขามีพลังปราณมากมายมหาศาล แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่อาจใช้พลังเก้าสุริยันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นี่สามารถบอกได้ว่าทักษะพลังเก้าสุริยันทรงพลังถึงเพียงใด
ทักษะร่างแปลงัที่เขาทำการบ่มเพาะอยู่ทรงพลังยิ่งกว่าทักษะซวนหยวนมากมายนัก โดยตราประทับแต่ละดวงที่สร้างเสร็จ จะมอบพลังปราณให้แก่เขาจำนวนมาก ด้วยการนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะสามารถฝึกฝนทักษะพลังเก้าสุริยันได้เต็มประสิทธิภาพ
"ช่างน่าเศร้าที่ข้ายังอยู่ในขอบเขตฉีจิง...ทักษะพลังเก้าสุริยันเป็ทักษะยุทธที่ทรงพลังมากที่สุดในโลกนี้ มันจัดอยู่ในหมวดหมู่ทักษะเซียนระดับสูง และกระทั่งผู้ที่อยู่ในขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์บางคนยังไม่สามารถฝึกฝนมันได้"
เจียงเฉินเผยรอยยิ้ม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทักษะพลังเก้าสุริยันทรงพลังอย่างมาก แต่ตอนนี้เขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะฝึกฝนมัน
'แม้ว่าข้าจะไม่สามารถฝึกฝนทักษะพลังเก้าสุริยันในตอนนี้ได้ แต่ข้าสามารถฝึกฝนทักษะยุทธหกดัชนีสุริยันได้ มันเป็ทักษะที่แตกย่อยออกมาของพลังเก้าสุริยัน และมันยังเป็รากฐานของทักษะพลังเก้าสุริยัน พลังของมันเทียบได้กับทักษะยุทธระดับปฐีขั้นสูง'
บนใบหน้าของเจียงเฉินเผยรอยยิ้มกว้าง ทักษะยุทธระดับปฐี แม้ค้นหาทั่วทั้งเมืองฟ้าหอมก็ไม่อาจพบเจอได้ ไม่ต้องพูดถึงทักษะขั้นสูงเลย
ทักษะหกดัชนีสุริยันได้แบ่งออกเป็หกรูปแบบ หนึ่งดัชนีสุริยันเป็รากฐานที่ทรงพลังอำนาจมากที่สุด หกดัชนีสุริยัน ยิ่งดัชนีเพิ่มมากขึ้นพลังของมันก็มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ดัชนีที่หนึ่งเพียงพอที่จะทำลายก้อนหินขนาดใหญ่ ขณะที่ดัชนีระดับสุดท้ายสามารถป้นูเาได้
ในสามวันถัดมา เจียงเฉินยังไม่ออกจากตำหนักของเขา เขายังคงยุ่งอยู่กับการฝึกฝน เจียงเจิ้นไห่เองก็ยุ่งกับการดูแลกิจการไม่มีเวลาที่จะไปรบกวนเจียงเฉิน
ใน่สามวันนี้ เจียงเฉินใช้เวลาส่วนใหญ่กับการบ่มเพาะทักษะร่างแปลงัและฝึกฝนทักษะหกดัชนีสุริยันไปพร้อมๆกัน เมื่อถึง่เวลาบ่ายเขาจะฝึกฝนทักษะหกดัชนีสุริยันและดูดซับพลังแสงอาทิตย์ที่อยู่รอบๆเขา การประสานระหว่างการบ่มเพาะทักษะร่างแปลงัและหกดัชนีสุริยันทำให้พลังปราณและโลหิตของเขาแข็งกล้าขึ้นถึงขีดสุด ราวกับว่าเป็สัตว์อสูรในร่างมนุษย์
ภายในสามวันนี้ เจียงเฉินได้ไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตฉีจิงอีกเพียงก้าวเดียวเขาก็จะสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตฉีไห่ ตราประทับัภายในร่างของเขาก็เริ่มที่จะเห็นเป็รูปร่างแล้ว ในตอนนี้พลังหมัดของเขามีพลังถึงแปดพันจิน มันทรงพลังยิ่งกว่าผู้ที่ทะลวงสู่ขอบเขตฉีไห่แล้วเสียอีก
ฮ่าห์!
ภายในสวน เจียงเฉินสวมชุดสีขาวได้ะโออกมาขณะที่เขาชี้นิ้วไปด้านหน้าและปลดปล่อยลำแสงสีทองพุ่งออกมาจากนิ้วมือของเขาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
ปัง!
ลำแสงสีทองเจาะทะลุก้อนหิน ทิ้งไว้เพียงหลุมขนาดนิ้วชี้และมีควันออกมาจากหลุมนั่น หากว่ามีคนมาเห็นคงตกตะลึงในพลังของมัน
'ข้าทำได้เพียงปลดปล่อยลำแสงสีทองออกมาเท่านั้น...ข้ายังห่างไกลจากพลังแท้จริงของหนึ่งดัชนีสุริยัน และด้วยการโจมตีเมื่อครู่เล่นเอาพลังหยวนภายในร่างของข้าแทบหมดสิ้น'
เจียงเฉินปาดเหงื่อและหายใจหอบ เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาอ่อนล้าหลังจากที่ปลดปล่อยการโจมตีเมื่อครู่ การโจมตีเมื่อครู่เป็รูปแบบลำแสงของหนึ่งดัชนีสุริยัน แม้ว่ามันดูทรงพลัง หากว่าเทียบกับหนึ่งดัชนีสุริยันที่แท้จริง....เขาจำเป็ต้องฝึกอีกมาก
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พลังของมันยังทรงพลังอยู่ดี หกดัชนีสุริยันเป็ทักษะระดับปฐีขั้นสูง และมันเป็เพียงแค่ทักษะพื้นฐานเท่านั้น ใช้เพียงแค่หนึ่งในหกดัชนีหกสุริยันไม่ใช่สิ่งที่ผู้อยู่ฉีจิงหรือฉีไห่จะทำได้
และที่ไม่น่าเชื่อก็คือเจียงเฉินสามารถปลดปล่อยพลังส่วนเล็กๆของหกดัชนีสุริยันได้ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้
เจียงเฉินหยิบยามนุษย์หยวนขึ้นมาและกลืนลงท้อง พลังปราณภายในร่างค่อยๆฟื้นฟูขึ้นมา ยามนุษย์หยวน เป็สิ่งสำคัญของผู้ฝึกตนขั้นต้น ภายในเมืองฟ้าหอมมันมีมูลค่าร้อยเหรียญเงิน
'ยามนุษย์หยวนเม็ดนี้มีความบริสุทธิ์เพียงแค่หกส่วน อีกสี่ส่วนเป็สิ่งเจือปน เป็ขยะในหมู่ขยะของแท้เลย'
เจียงเฉินส่ายหัว คุณภาพยามนุษย์หยวนของคฤหาสน์เ้าเมืองต่ำมาก ประสบความสำเร็จเพียงแค่หกส่วน ทำให้โอสถเสียคุณภาพ ในการปรุงยาหาก้าขจัดสิ่งเจือปนมีนับหมื่นวิธีที่สามารถขจัดสิ่งเจือปนได้ทันที
ก็อก ก็อก ก็อก....
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไม่จำเป็ต้องคาดเดาเจียงเฉินก็รู้ว่าเป็เจียงเจิ้นไห่ เขาเปิดประตูตำหนักอย่างรวดเร็ว พบเจียงเจิ้นไห่ที่มีท่าทางประหลาดใจ
"เฉินเอ๋อร์ ระดับการบ่มเพาะของเ้า!"
รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของเจียงเฉินที่กล้าแข็งขึ้น ดวงตาของเจียงเจิ้นไห่เป็ประกาย ความประหลาดใจบนใบหน้าของเขาหายไปอย่างรวดเร็ว ในสามวันมานี้เจียงเฉินได้ไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตฉีจิงระดับเก้าแล้ว ความเร็วในการบ่มเพาะนี่ มันน่ากลัวยิ่งนัก
