ไป๋เฉินที่กำลังครรลองมองเหตุการณ์อยู่ในรถม้า แทบอยากจะะโลงไปและตบหัวร่างทั้งสองนั้นสักป๊าบ
[ สองคนนั้นมันบ้ารึเปล่า? นักฆ่าที่ไหนเขาเปิดเผยตัวให้เป้าหมายเจอะเจอเช่นนี้ พวกมันเป็นักฆ่าจริงๆงั้นหรือ? ]
หากเป็นักฆ่าที่แท้จริงต่อให้ประสบพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ วิธีรับมือคือจะต้องไม่มีผู้ใดปรากฏตัวขึ้นอย่างโจ้งแจ้งในลักษณะที่ทั้งสองกำลังกระทำอยู่ หากพวกเขาปรากฏตัวโจ่งครึ้มเช่นนี้จะถูกเรียกว่านักฆ่าที่แท้จริงได้อย่างไร?
เมื่อเห็นร่างอันเลือนรางทั้งสองปรากฏใกล้ชายผืนป่า ฉินิหยวนที่ซึ่งััได้ถึงจิตสังหารอันแรงกล้าก็ถอยฝีเท้าร่นกลับไปสามก้าวด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด
เพราะเขาััได้ว่านักฆ่าตรงหน้าทั้งสองนั้นมีระดับการบ่มเพาะที่เหนือกว่าปราณปฐีขั้น 8! แต่เขาที่เป็เพียงแค่ปราณปฐีขั้น 4 จะสามารถต่อกรกับนักฆ่าทั้งสองได้อย่างไร!?
ฉินเยว่ฉานเพียงแค่ยิ้มอย่างเ็าโดยที่หางตาเหล่มองไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทิศตะวันออกเฉียงเหนืออย่างไร้ความหวั่นเกรง "แล้วพวกเ้าทั้งสองจะหลบซ่อนไปถึงเมื่อใด? ไฉนไม่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันเสียเลย"
คิ้วของนักฆ่าสองร่างที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าก็ขมวดอย่างหนักในเวลาเดียวกัน 'ฉินเยว่ฉานผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างที่กล่าวไว้ นางสามารถจับััได้ถึงพี่ใหญ่และพี่รองที่กำลังหลบซ่อนอยู่ได้ด้วยซ้ำ'
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ในเมื่อคุณหนูฉินตระหนักถึงการมีอยู่ของข้าแล้ว ข้าจะไม่เล่นละครตบตาให้เสียเวลาอีกต่อไป"
ทันใดนั้นเสียงแหบพร่าดังขึ้นในทิศทางที่สายตาของฉินเยว่ฉานกำลังมอง เผยให้เห็นร่างทั้งสองที่ปรากฏกายขึ้นอย่างพร้อมเพรียง หนึ่งในนั้นเป็ชายร่างสูงโปร่งที่มีกล้ามเนื้อแขนเป็มัดรวมกับพลังปราณที่กำลังปลดปล่อยออกมาอยู่รอบกายและอีกหนึ่งมีข้อมือเหี่ยวย่นราวกับชายชรา
ุ
ไป๋เฉินที่อยู่ในรถม้ากัดฟันอย่างหงุดหงิด เขาอยากจะะโถีบขาคู่ใส่นักฆ่าทั้งสองนั้นให้ตายคาที่เสียให้ได้
[ ไอ้บ้าเอ้ย! หากเ้าโดนรู้ตำแหน่งแล้วเ้าควรจะเปลี่ยนตำแหน่งซุ่มโจมตีและหลบหนีไปให้ไกลที่สุดเพื่อตั้งหลักมิใช่หรอกหรือ? พวกมันจะปรากฏให้เห็นหน้าด้านๆเช่นนี้ได้อย่างไร? ]
[ สาบานว่าพวกเ้าเป็นักฆ่า? นักฆ่าบ้าที่ใดปรากฏตัวให้เป้าหมายเห็นตัวตนเช่นนี้! ]
เมื่อเห็นนักฆ่าทั้งสี่สีหน้าของฉินิหยวนก็กลับซูบซีดยิ่งกว่าเก่า ขาสองข้างของมันสั่นเทาจนแทบจะถอยร่นไปชิดติดกับรถม้าเสียแล้ว
ขณะนี้กลุ่มนักฆ่าทั้งสี่ประกอบไปด้วยผู้ฝึกฝนระดับปราณปฐีขั้น 8 สามคนและปราณปฐีขั้น 9 อีกหนึ่งคน!
คงจะมิใช่เื่ยากที่นักฆ่าจะสังหารหมู่พวกเขาได้อย่างไร้ปราณี
ข้อมือขาวเนียนยกกระบี่หยกขึ้นชี้ตรงไปยังนักฆ่าทั้งสี่ ฉินเยว่ฉานกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ใครเป็คนส่งพวกเ้ามา?"
นักฆ่าทั้งสี่มองหน้ากันราวกับว่าการเอ่ยถามเช่นนี้เป็เื่ตลกขบขัน "ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! คุณหนูฉินไม่จำเป็ต้องทราบเื่นี้ ข้าเพียงแค่ต้องทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงเท่านั้น"
ปราณสีฟ้าปะทุออกเป็คลื่นวังวน ฉินเยว่ฉานพุ่งตรงไปยังนักฆ่าไร้ความหวาดหวั่นในแววตา นั่นเป็เพราะว่าไป๋เฉินยังคงอยู่ใกล้ๆ นางจำต้องรีบสังหารพวกมันโดยที่มิให้ไป๋เฉินได้รับาเ็แม้นเพียงเส้นผมแค่เส้นเดียวก็ไม่มีข้อยกเว้น
ั์ตาสีดำดุจหมึกส่องแสงเย็นะเื นางกล่าวตะคอกด้วยกลิ่นอายสูงส่ง "เข้ามา!"
"ฝู้!"
เมื่อััได้ถึงรัศมีปราณอันครอบงำจากร่างเพรียวบางสีฟ้าอ่อน นักฆ่าชายชรากลับสดงสีหน้าที่ไม่เชื่อ "ระดับปราณ์!? นางเป็ผู้บ่มเพาะระดับปราณ์แล้ว! พวกเ้าระวังตัวด้วย!"
เมื่อสิ้นสุดคำกล่าวของนักฆ่าชรา หางตาของฉินเยว่ฉานก็ััได้ถึงกระแสลมที่หวีดหวิวเป็แนวโค้งอันงดงามจากมีดสั้นของนักฆ่าหนึ่งในนั้น ร่างอันงดงามชดช้อยพุ่งผ่านด้วยกระแสลมหลบหลีกครั้นปรากฏขี้นเบื้องหน้าฟาดฟันไปยังนักฆ่าทั้งสี่โดยไม่มีความหวาดหวั่น
มีดสั้นทั้งสองของนักฆ่าพลันกำลังบ่ายเบี่ยงเส้นทางจู่โจมฉินเยว่ฉานโดยที่มิได้พูดอันใด ทั้งห้าคนตระหน่ำเข้าหากันบังเกิดวังวนกระแสปราณไปทั่วทั้งผืนป่า
"เชร้ง!"
"เชร้ง"
"เชร้ง!"
ร่างทั้งห้ากำลังพัวพันกันอย่างชุลมุนโดยที่มีฉินเยว่ฉานกำลังไล่ต้อนนักฆ่าทั้งสี่ ซ้ำแล้วนางยังอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบอย่างยิ่ง
แต่ทว่าชายหนุ่มอีกสี่คนที่เป็ผู้คุ้มกันของตระกูลฉินกลับยืนอยู่นิ่งเฉยด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวโดยที่มิได้เข้าไปช่วยเหลือแม้แต่น้อย!
ไป๋เฉินอดไม่ได้ที่จะเหม่อมองอย่างเหยียดหยาม 'เ้าพวกนี้เป็เพียงขยะที่รังแกแต่กับบุคคลที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น แต่เมื่อพบเจอกับศัตรูที่แท้จริงพวกมันกลับมิได้ออกไปช่วยเหลือฉินเยว่ฉานที่ซึ่งเป็คุณหนูน้อยของพวกมันด้วยซ้ำ'
ไป๋เฉินถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ "พวกขี้ขลาดก็ยังคงขี้ขลาดอยู่วันยังค่ำ แม้นจะเป็ผู้คุ้มกันแต่กลับไร้ประโยชน์เสียนี่กระไร"
"เชร้ง!"
"เชร้ง!"
"เชร้ง!"
นักฆ่าชราอดไม่ได้ที่จะถอยร่นกลับไปถึงสามก้าวเมื่อเห็นว่าระดับพลังปราณของพวกเขามิอาจเอาชนะฉินเยว่ฉานลงได้ "กระบวนท่าของแม่นางฉินแพรวพราวอย่างที่ร่ำลือไว้ ดูเหมือนว่าพวกข้ายากที่จะต่อกรกับท่านได้อีกต่อไป"
"หึ! เข่นนั้นพวกเ้าก็ตายได้!" ฉินเยว่ฉานพ่นลมหายใจอย่างเ็า กระบี่หยกในมือขวาตวัดเป็แนวโค้งแทยงมุมไล่ต้อนนักฆ่าทั้งสี่โดยที่ไม่มีแม้แต่เวลาให้พักหายใจ
หลังจากที่ชายชรากำลังพัวพันอยู่กับฉินเยว่ฉาน นักฆ่าอีกสามคนก็ถอยร่นกลับมาด้วยข้อมือที่ด้านชาจากการปะทะ
ไม่นานนักฆ่าหนึ่งในนั้นส่งเสียงแหบพร่าเมื่อเล็งเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดี "แม้นจะเป็พวกเราทั้งสี่ก็มิอาจปราบปรามผู้ฝึกปราณ์ได้จริงๆงั้นหรือ?"
นักฆ่าร่างบางกระซิบกระซาบเอ่ยถาม "พี่ใหญ่ เราจะทำอย่างไรกันต่อไปดี?"
นักฆ่าชราย่นระยะถอยกลับ พร้อมกับกำลังครุ่นคิดอย่างหนักก่อนจะกล่าว "ไม่จำเป็ต้องยื้อยุดอีกต่อไป ข้าจะหยุดยั้งฉินเยว่ฉานไว้ให้ พวกเ้าควรทำสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จก็เพียงพอ"
"รับทราบ!" เมื่อสิ้นสุดคำตอบกลับ นักฆ่าทั้งสามพุ่งผ่านเข้าหาฉินเยว่ฉานแปรเปลี่ยนเป็รูปแบบปิดกั้นเป็มุมสามเหลี่ยมรอบกาย ทั้งสามเหวี่ยงตัวขว้างมีดสั้นกันอย่างพร้อมเพรียง
"ไม่ว่าจะมาไม้ไหน พวกเ้าก็มิอาจเอาชนะข้าได้!" ฉินเยว่ฉานตะเบ็งเสียง นางเอียงกระบี่หยกฟาดฟันไปยังเส้นทางมีดสั้นเพื่อปิดกั้นการจู่โจมก่อเป็กระแสวังวนพายุงวงช้าง
ในวินาทีนั้นนักฆ่าชรากลับถอยฝีเท้าย่นระยะออกมาจากมุมสามเหลี่ยม มีดสั้นสีดำขลับถูกตวัดเป็แนวโค้งบังเกิดแสงเงาสีดำบ่ายเบี่ยงขว้างไปยังทิศตะวันออก
แต่ทว่ามีดสั้นเล่มนั้นกลับมิได้ตรงไปยังฉินเยว่ฉานแต่อย่างใด หากแต่มันกำลังพุ่งตรงไปในรถม้าที่ไป๋เฉินกำลังนั่งอยู่!
การเหวี่ยงทำมุมของมีดสั้นนั้นเป็การควบคุมด้วยพลังปราณที่ละเอียดอ่อน และชายชราสามารถควบคุมแนวโค้งของการมองเห็นเป็อย่างดี และซึ่งที่ไป๋เฉินกำลังนั่งอยู่ก็เป็หนึ่งในมุมอับสายตาที่มิอาจจะมองเห็นเส้นทางการเคลื่อนไหวของมีดสั้นนั้นได้แม้แต่น้อย!
ยิ่งไป๋เฉินถูกปิดการมองเห็นรอบข้างทั้งหกทิศจากภายในรถม้าด้วยแล้ว แทบจะเป็ไปไม่ได้ที่ไป๋เฉินจะหลบเลี่ยง
"ไป๋เฉิน! ระวัง!"
การแสดงออกของฉินเยว่ฉานซีดขาวราวกับผ้าปูที่นอน นางรีบหมุนฝีเท้าก่อนจะพุ่งผ่านไปยังรถม้าเพื่อปิดกั้นมีดสั้นเล่มนั้น
ชื่อเสียงเรียงนามและความอัจฉริยะของฉินเยว่ฉานนั้นลือไกลไปถึงทั้งสี่เมือง นางเป็บุคคลที่ขึ้นชื่อว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์และมีคำพยากรณ์ทำนายทายทักว่านางจะเป็หนึ่งในผู้ที่เปิดโลกทัศน์ใหม่ในทวีปเทียนหลาง!
ดังนั้นหากไม่มีความจำเป็จะไม่มีผู้ใดอาจหาญที่จะลงมือกับฉินเยว่ฉานและจำเป็ต้องติดทบทวนถึงสามรอบด้วยซ้ำ
แต่ทว่าคำตอบนั้นกลับปรากฏเมื่อรับรู้ได้ว่าเป้าหมายมิใช่นางหากแต่เป็ไป๋เฉิน!
แต่ทว่าก่อนที่ฉินเยว่ฉานจะย่างกรายตีฝ่าวงล้อมออกไปได้ กลับมีนักฆ่าร่างบางสองร่างมาปรากฏขึ้นปิดกั้นเส้นทางก่อนจะฟาดฟันจู่โจมเพื่อสกัดกั้นมิให้หลุดจากกรอบสามเหลี่ยมที่วางไว้ "คุณหนูฉินอย่าได้วอกแวก คู่ต่อสู้ของเ้าคือข้า"
ฉินเยว่ฉานแสดงสีหน้าหวาดกลัวเมื่อเห็นร่างทั้งสอง นางมิได้หวาดกลัวเกี่ยวกับตนเองหากแต่กำลังกังวลว่าไป๋เฉินจะสามารถหลบหลีกกระบวนท่ามีดขว้างนั้นได้หรือไม่
"เชร้ง!"
"เชร้ง!"
"เชร้ง!"
ด้วยความไร้ซึ่งหนทาง ฉินเยว่ฉานทำได้เพียงแค่ะโสั่งเมื่อเห็นว่าฉินิหยวนอยู่ใกล้ชิดกับรถม้ามากที่สุด "ิหยวน เข้าไปช่วยไป๋เฉินเร็วเข้า!"
แต่ทว่าสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขี้น เมื่อฉินิหยวนกลับยืนนิ่งราวกับกำลังอ้ำอึ้งโดยที่มิได้ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย!
"เ้า!" สีหน้าบอบบางของฉินเยว่ฉานเปลี่ยนเป็สีแดงด้วยความโกรธเกรี้ยวพลันะเิพลังปราณกระจายเป็คลื่นกระแสพลังงานเพื่อสลัดนักฆ่าให้ถอยออกไป นางพลิกร่างด้วยท่วงท่าคล่องแคล่วและรีบตรงดิ่งไปยังรถม้าหมายจะปกป้องมิให้มีดสั้นมิให้เข้าไปภายในรถม้าได้
"ฝู้!"
แต่ทว่าทุกสิ่งกลับสายเกินไป เมื่อเส้นโค้งงดงามวนเวียนรอบเกวียนม้าก่อนที่แสงสีดำพุ่งผ่านทะลุทะลวงไปยังม่านไม้ไผ่สานด้วยความเฉียบแหลมในเสี้ยววินาทีนั้น!
"ไป๋เฉิน!"
ฉินเยว่ฉานะโด้วยความสิ้นหวังที่มิอาจเข้าไปช่วยไป๋เฉินได้ทันการณ์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้