“โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าพวกพี่ไม่อยากลองพวกเราก็จะไม่บังคับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ลองเหรอ ทำไมจะไม่ลองล่ะ ถ้าแกทำให้รอยแผลเป็บนมือพี่ให้หายไปได้ฉันจะช่วยแกจัดการเื่ที่แกจะเปิดคลินิกเอง ถ้าแกทำไม่ได้ งั้นแกเ้าสี่ต้องทำอะไรก็ไปทำซะไป” หวังเซิงพูดยิ้มๆ
“เื่เงินเราต้องจัดการให้ชัดเจน ผมเพิ่งจะเปิดธุรกิจเล็กๆ นี้ของผมลดราคาให้พี่ยี่สิบเปอร์เซ็น ถ้าจัดการให้พี่เรียบร้อยพี่สองก็หาวิธีเอาโสมป่าร้อยปีมาสักสิบต้นก็พอแล้วแล้วก็พี่สามเมื่อก่อนพี่เคยบอกว่านายท่านบ้านพี่มีไท่ซุ่ยอยู่ห้าสิบกิโลหาวิธีเอามาให้ผมสักสิบจิน ถ้าตกลง ผมก็จะเริ่มรักษาให้พี่เดี่ยวนี้แหละ”
“ได้ ฉันตกลง แต่ขอฉันถามแกหน่อยสิ รอยแผลเป็ของพวกเราจะหายไปตอนไหนเหรอจะหายไปได้ขนาดไหน น่าจะบอกกันได้นะ” เจี่ยหยวนกลอกตาพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“แผลเป็หายไปน่าจะเหมือนกับไม่เคยเป็มาก่อน ไม่สิน่าจะเหมือนได้ผิวใหม่เลย ใช่ไหม เ้าสี่” หวังเซิงพูดต่อ
“อืม พี่สามพูดถูก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆอันที่จริงทั้งสองมีจุดประสงค์อะไรกัวไฮว่เองก็รู้อยู่แก่ใจ เ้าผีเหล้าสองคนนี่
“งั้นเอางี้ พวกเราให้เวลาแกสามวัน ถ้าแกทำให้พวกเราหายดีพวกเราจะให้ของที่แก้าไม่ขาดแม้แต่ชิ้นเดียวแล้วก็จะตกลงเงื่อนไขที่แกบอกมาก่อนหน้านี้ด้วย บ้านแล้วก็ใบประกอบอะไรนั่นไม่ใช่ปัญหาเลย” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ
“ใช่ แต่เ้าสี่ ถ้าแกทำไม่ได้แกทำให้เราเสียเวลาพวกเราก็ไม่้าอะไรจากแกหรอก เหล้าในขวดที่บ้านเหลือน้อยเต็มทีแล้วแกเติมให้พวกเราเต็มก็พอแล้ว แกว่าเป็ไง” หวังเซิงพูดยิ้มๆ
เจี่ยหยวนมองหวังเซิงแวบหนึ่ง นี่แหละที่เรียกกันว่ารู้กันทันรู้ไส้รู้พุงพี่ดีจริงๆ
“งั้นเราก็อย่าชักช้า มาเริ่มกันตอนนี้เลยเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “พี่ๆ ทั้งสองคน ผมอยากบอกพี่อีกนิดหน่อย เื่ที่ผมรักษาให้พวกพี่น่ะนอกจากคนสนิทก็อย่าไปบอกคนอื่นนะ อีกหน่อยพอคลินิกเปิดแล้ว ผมจะรักษาแค่วันละสิบคน”
“เ้าสี่ อย่าชักช้าเลย พี่เลื่อนประชุมบริษัทเพื่อมาหาแกเนี่ย เร็วเข้า” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง เขาถกเสื้อเผยให้เห็นลำแขน ทำให้เห็นรอยฟันชัดเจนกัวไฮว่ในตอนนั้นกัดแรงใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย
กัวไฮว่ให้เซวียนต้าจู้เอาน้ำสะอาดมากอ่างหนึ่งใช้ผ้าขนหนูเช็ดบริเวณแขนของทั้งสองให้สะอาด จากนั้นในมือก็มียาเม็ดเล็กๆเม็ดหนึ่ง
“เ้าสี่ แกควรจะเช็ดแอลกอฮอล์หน่อยไม่ใช่เหรอ นี่มันความรู้พื้นฐานฉันว่าแกอย่าทำเลยดีกว่า รีบเอาเหล้ามาให้พวกเราเร็ววันนี้เราสามคนมากินเหล้ากันสักหน่อย” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ
“พี่สอง จะรีบไปไหนล่ะ ให้เวลาเ้าสี่มันหน่อยสิ ให้เ้าสี่มันค่อยๆ รักษาถ้าเ้าสี่รักษาพวกเราให้หายดีแล้ว ตอนนั้นหน้าเราก็จะมีออร่านะจากฝีมือของเ้าสี่แล้วเนี่ย เป็หนึ่งเหนือกว่าทั้งหัวซย่าอีกนะ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ
กัวไฮว่ไม่ได้สนใจว่าทั้งสองคนพูดอะไรกันในมือก็ไม่รู้ว่ามีมีดเล็กอันวิจิตรั้แ่เมื่อไหร่ ไม่สิน่าจะเป็ดาบเฟยเจี้ยนแบบเล็ก จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เกลี่ยผงยาในเม็ดยานั่นออก
“นี่น่าจะพอแล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆแล้วเอายาไปโปะบนแขนของหวังเซิงและเจี่ยหยวน จากนั้นก็มีความรู้สึกชาแล่นจากแขนทั้งสองข้างตรงไปยังสมองของทั้งสองคน
“เ้าสี่ ทำให้อีกสิ สบาย สบายจริงๆ” เจี่ยหยวนร้องะโเสียงดัง
“ใช่ เ้าสี่ แกใช้ยาอะไรเนี่ย สบายจังเลย หวังเซิงร้องะโออกมาเช่นกัน”
“พี่ๆ สองคนไม่ต้องร้องซะฟินขนาดนี้ก็ได้มั้ง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆเขาเอาผ้าก๊อซห่อแขนของทั้งสองเอาไว้ “พรุ่งนี้ตอนเที่ยงค่อยเอาผ้าก๊อซออกนะถ้ามีคำถามอะไรก็โทรมาหาน้องได้เลย แต่ผมขอเตือนทั้งสองคนไว้นะรีบเตรียมเงินค่ายาไว้เลย ถ้ารักษาหายแล้วแต่เงินไม่มาผมไม่สนหรอกนะว่าพี่จะเป็พี่สองหรือพี่สาม”
“ให้ตาย เ้าสี่ ถ้าแกรักษาแขนให้พี่หายดีจริงๆ ต่อไปพี่จะเรียกแกว่าพี่” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง “แกก็เตรียมเหล้าเอาไว้เลยพรุ่งนี้ตอนเที่ยงพวกพี่จะมาเอาเหล้า”
“พี่สอง พี่ตื่นเต้นแล้วสิ ในเมื่อวันนี้พวกเราอยู่นี่งั้นเราก็อยู่กินข้าวสักมื้อที่บ้านน้องสี่สิ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ “เื่กินน้องไม่ต้องยุ่งเดี๋ยวฉันจะไปที่อู่เฉินไปสั่งข้าวกลับมาสองสามอย่างส่วนเื่เหล้ายกให้เป็หน้าที่แก” พูดเสร็จหวังเซิงก็ลากเจี่ยหยวนก็วิ่งออกไป
“อวี้เอ๋อร์ เดี๋ยวเธอบอกพวกเขานะว่าใช้ยาแล้วห้ามดื่มเหล้ากล้ามาหยอกเมียฉันได้ยังไง ดูถูกพวกเขาไม่ได้เชียวนะ” กัวไฮว่มองพี่ชายตัวดีทั้งสองของตนเองแล้วพูดยิ้มๆ
“เสี่ยวเฟย โทรมามีอะไรเหรอ” ในขณะที่กัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์กำลังรอให้เจี่ยหยวนกับหวังเซิงเอาอาหารกลับมานั่นเองเขาก็ได้รับสายจากมู่หรงเฟย
“พี่ไฮว่ พี่ยังจำที่พี่รับปากกับอาจารย์ทั้งสามท่านที่บ้านมู่หรงหรือเปล่าของที่พี่ให้พวกเขาเตรียมพวกเขาเตรียมเรียบร้อยแล้วนะครับ ของอยู่ที่ผมเนี่ยจะให้ผมส่งให้พี่เมื่อไหร่เหรอ” มู่หรงเฟยถามยิ้มๆ
“มาตอนนี้เลยสิ มากินข้าวด้วยกันพอดีเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
ไม่นาน เจี่ยหยวนกับหวังเซิงก็เดินเข้าบ้านมาก่อนตามด้วยมู่หรงเฟยกับมู่หรงหลง ทุกๆ คนมองหน้ากัน มู่หรงเฟยจำเจี่ยหยวนได้เจี่ยหยวนเองก็รู้สึกคุ้นหน้ามู่หรงเฟย ทุกคนต่างก็หัวเราะเฮฮาขึ้นมา
“เสี่ยวเฟย ไม่ได้เจอแกนานเลยฉันยังจำได้ว่าเคยเจอแกตอนไปที่กองทหารกับพี่เย่า แกก็รู้จักเ้าสี่ของเราด้วยเหรอ” เจี่ยหยวนถามยิ้มๆ
“พี่หมายถึงพี่ไฮว่เหรอ รู้จักครับรู้จัก ครั้งนี้ผมก็มาหาพี่ไฮว่เนี่ยแหละ” มู่หรงเฟยพูดยิ้มๆ “ขอแนะนำให้พวกพี่รู้จักหน่อยนี่มู่หรงหลง ลูกพี่ลูกน้องผมเอง เป็พี่เขยของน้องสี่พวกพี่ ฮ่าๆ”
“พี่ชายของมู่หรงเวยเวย? าาทหารที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในครั้งนั้น? ไอ้น้องหลง หลายปีมานี่แกไปไหนมาล่ะ” เจี่ยหยวนรู้เื่ราวของตระกูลมู่หรงมานิดหน่อยเขาถามขึ้นยิ้มๆ
“เข้าไปก่อนค่อยคุยกันเถอะ” มู่หรงหลงพูดยิ้มๆจากนั้นทุกคนก็เข้าห้องไป
“พี่ไฮว่ พี่ดูหน่อยสิว่าของที่อาจารย์ผมหามาถูกหรือเปล่า ถ้าไม่ถูกผมจะได้รีบไปบอกพวกเขา” มู่หรงเฟยพูดพลางวางของกองใหญ่ไว้บนโต๊ะ
“ตระกูลขุนนางบำเพ็ญเพียรนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆสมุนไพรพวกนี้ดีกว่าของในร้านยาเยอะเลย” กัวไฮว่ไม่ต้องมองเพียงแค่ดมกลิ่นยาก็แยกแยะคุณภาพของยาพวกนี้ได้
“ถูกต้อง ยานี่ถูกหมดเลยนายกลับไปบอกอาจารย์นายนะว่าเจ็ดวันหลังจากนี้คลินิกไม่ของเราจะเปิดกิจการให้ทั้งสามมาเอายาได้เลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “กินข้าว เรามากินข้าวกันก่อน พี่สองพี่สามฉันสั่งข้าวกลับมาแล้วมากินข้าวด้วยกัน”
“ต้าจู้ ไปเอาเหล้ามาห้าแก้ว มีอยู่ในตู้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆจากนั้นต้าจู้ก็ส่งแก้วมาแล้วเทเหล้าใส่แก้วทั้งห้าใบจนเต็ม
“เ้าสี่ น้องสะใภ้ไม่กินเหล้าเหรอ ยังขาดอีกแก้วนึง” เจี่ยหยวนพูดเตือนยิ้มๆ
“พี่หยวน เหล้านี่อวี้เอ๋อร์กิน ไม่มีของพี่กับพี่เซิงเมื่อกี้พวกพี่รีบไปเลยลืมบอกพวกพี่น่ะ วันนี้พวกพี่ใช้ยาไปจะกินเหล้าไม่ได้ไม่งั้นจะกระทบต่อประสิทธิภาพทางยา” อวี้เอ๋อร์พูดพลางเอาแก้วทั้งหาให้กัวไฮว่ต้าจู้ มู่หรงหลง มู่หรงเฟยและตนเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้