ตอนนี้นอกจากตระกูลมู่แล้วมีใครอีกบ้างที่อวิ๋นจื่อสามารถไว้ใจได้?
เสด็จแม่ไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่ หลังจากการตายของเสด็จแม่ ตระกูลซูก็หายไปจากเมืองอวิ๋นเมิ่ง เมื่ออวิ๋นจื่ออายุครบห้าปี ท่านตาของนางก็ลาออกจากตำแหน่งขุนนางและไปใช้ชีวิตอย่างสันโดษ นางไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอท่านตาอีกหรือไม่ในชีวิตนี้
ชิงซีเป็คนช่างสังเกต เมื่อเห็นว่าแววตาของอวิ๋นจื่อเต็มไปด้วยความอดทนอดกลั้น นางจึงถามเบาๆ ว่า “เ้ามีอะไรในใจหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อกระซิบ “ชิงซี ข้าอยากไปเมืองฉินโจวเพื่อพบท่านตา”
ชิงซีไม่รีบร้อนให้คำตอบ เมืองหยงโจวอยู่ห่างจากเมืองฉินโจวไม่น้อย ทั้งยังเป็เส้นทางที่นางไม่คุ้นเคย ถ้าจะไปจริงๆ ต้องวางแผนให้รัดกุม
เมื่อคำนึงถึงส่วนนี้ ชิงซีก็กล่าวว่า “อาจื่อ ข้าเกรงว่าคงไม่เหมาะที่จะเดินทางไปเมืองฉินโจวใน่เวลานี้ แต่ข้าสามารถส่งข่าวไปยังตระกูลซูในเมืองฉินโจวเพื่อรายงานว่าเ้าปลอดภัยดี”
เมื่อได้ยินชิงซีพูดเช่นนั้น อวิ๋นจื่อก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ สถานการณ์ในเมืองอวิ๋นเมิ่งขณะนี้ยังไม่แน่ชัด ไม่ว่าผู้ใดเป็ฝ่ายกุมอำนาจในเขตพระราชฐานชั้นในและเมืองอวิ๋นเมิ่ง คนที่พวกเขา้ากำจัดย่อมหนีไม่พ้นนางและน้องชาย
ท้ายที่สุดแล้วกองกำลังชางอู๋หลิงยังคงอยู่ในมือนางหรือไม่?
อวิ๋นจื่อไม่ถามคำถามใดๆ เพิ่ม “ขอบคุณชิงซี ตอนนี้อาจื่อมีนามว่าปี้เหยียนแล้ว ชิงซีจะเรียกอาจื่อต่อหน้าผู้คนไม่ได้อีกต่อไป”
ชิงซีพยักหน้า “ข้าจะจัดแจงให้เ้าได้ไปอยู่ที่หอคณิกา ปี้เหยียนต้องจำเอาไว้ว่าตระกูลมู่ของเราจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องเ้า แต่เ้าจะต้องไม่ประมาท ในหอคณิกาย่อมเป็ไปไม่ได้ที่ตระกูลมู่จะยื่นมือเข้าไปจัดการทั้งหมด เ้าต้องพึ่งพาตัวเองเป็ส่วนใหญ่ เข้าใจหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อพยักหน้า ด้วยเหตุผลบางอย่างคำพูดของหญิงสาวที่มีดวงตาสดใสราวกับเด็กทำให้นางไว้วางใจ
ไร้เดียงสา แต่ล้ำลึกดุจมหาสมุทร
นี่อาจเป็คำเปรียบเปรยที่ชัดเจนที่สุดเกี่ยวกับตัวตนของประมุขตระกูลมู่
ถ้าชิงซีรู้ว่าอวิ๋นจื่อประเมินตนเองเช่นนี้ นางคงไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไร
แท้จริงแล้วชิงซียังเด็ก นางอายุยังน้อยแต่เพราะเกิดเหตุพลิกผันในชีวิต นางจึงมาที่นี่ โชคดีที่มีคนคอยช่วยเหลือ นางจึงเข้าตระกูลมู่โดยไม่ได้ตั้งใจและกลายเป็ประมุขตระกูลมู่ที่ลึกลับที่สุด
ก่อนหน้านี้แทบไม่มีใครได้เห็นรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของนางเลย แม้แต่สมาชิกของตระกูลมู่ก็เช่นกัน
คิดดูแล้วย่อมไม่ง่ายเลย นางเฝ้ารอใครสักคนมานานนับปี ในที่สุดนางก็ได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
‘ข้าค่อยๆ คุ้นชินกับชีวิตที่สะดวกสบายในโลกมนุษย์แล้ว หากต้องกลับไปจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใด?’
ชิงซีหาวยาวๆ และกล่าวอย่างเขินอายเล็กน้อยว่า “อาจื่อไปพักผ่อนเถอะ เป็เพราะข้าไม่รอบคอบจนหลงลืมไปว่าเ้าเดินทางมาไกลและรั้งตัวไว้เสียนาน ไปพักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะคุยกับเ้าอีกครั้งในภายหลัง”
อวิ๋นจื่อกล่าวเสียงทุ้ม “ไม่เป็ไรเ้าค่ะ เป็อาจื่อเองที่รบกวน”
ชิงซีตอบรับด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นนางก็เรียกคนมาจัดการที่พักให้อวิ๋นจื่อ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนางจึงไปพักผ่อน
…
เมื่ออวิ๋นจื่อตื่นขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงอาทิตย์ก็ลอยสูงเหนือยอดไผ่เสียแล้ว
ทันทีที่นางลุกขึ้น สาวใช้ตัวน้อยก็เข้ามาปรนนิบัตินางทันที
สาวใช้คนนี้ได้รับการอบรมมาเป็อย่างดี นางทำหน้าที่ของตัวเองเงียบๆ โดยไม่ถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม
อวิ๋นจื่อถามเบาๆ ว่า “มีข่าวจากท่านประมุขหรือไม่?”
สาวใช้ตัวน้อยพยักหน้าและกล่าวว่า “ท่านประมุขสั่งไว้ว่าให้คุณหนูพักผ่อนให้ดี หาก้าสิ่งใดเพิ่มเติมคุณหนูสามารถร้องขอจากนายน้อยได้โดยตรง”
อวิ๋นจื่อไม่ถามอะไรอีก
หลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว อวิ๋นจื่อก็ออกจากห้องและตรงไปที่ลานเล็กๆ เพื่อเดินเล่นย่อยอาหาร
หลังจากเดินได้ครู่หนึ่ง สาวใช้คนเดิมก็กลับมารายงานว่านายน้อยกำลังรออยู่แล้ว
ชิงซีหายไปไหน?
แล้วมู่ชิงซ่งมาทำอะไรที่นี่?
อวิ๋นจื่อตามสาวใช้เข้าไปในห้องโถงใหญ่ และเห็นมู่ชิงซ่งนั่งอยู่ที่นั่นด้วยท่าทีกังวล
เมื่อเห็นท่าทีของเขา อวิ๋นจื่อจึงกล่าวเชิงหยอกล้อว่า “คุณชายมู่เป็อย่างไรบ้าง? กำลังคิดถึงคนรักของท่านหรือ?”
มู่ชิงซ่งเรียกสติของตัวเองกลับมา เขายิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “แล้วเ้ามีคนรักหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อก้มหน้าลง “ข้าแค่หยอกเล่น ก่อนหน้านี้คุณชายมู่บอกข้าว่ากำลังหารือเื่การแต่งงาน แต่ดูเหมือนคุณชายจะไม่ค่อยยินดีนัก”
มู่ชิงซ่งกล่าวว่า “ท่านแม่ไม่ชอบสตรีที่ข้าหมายปอง และข้าก็ไม่ชอบสตรีที่ท่านแม่เลือกให้”
อวิ๋นจื่อพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “แล้วท่านประมุขคิดเห็นอย่างไร?”
มู่ชิงซ่งพูดอย่างเศร้าใจ “ท่านประมุขไม่สนใจเื่นี้อยู่แล้ว”
อวิ๋นจื่อไม่สามารถกล่าวอะไรได้อีก
มู่ชิงซ่งกล่าวว่า “ลืมเื่นี้ก่อนเถิด วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อพาเ้าไปเดินเล่น เ้ามีที่ที่อยากไปหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อลดสายตาลงและกล่าวว่า “พาข้าไปหอคณิกา”
มู่ชิงซ่งกล่าวว่า “เ้าไม่ต้องกังวล เ้ามาถึงเมืองหยงโจวแล้ว ช้าเร็วย่อมได้ไปที่นั่นแน่ ความตั้งใจของท่านประมุขคือให้เ้าได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เสียก่อน เ้าคิดเห็นอย่างไร?”
‘มู่ชิงซีคิดได้รอบคอบยิ่งนัก หญิงสาวอย่างข้าไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับหอคณิกา ถ้าบุ่มบ่ามเช่นนี้อาจเสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก[1]ก็เป็ได้ การทำความคุ้นเคยกับเมืองหยงโจวย่อมเป็ประโยชน์กับข้ามากกว่า’
เมื่อคิดได้เช่นนี้ อวิ๋นจื่อก็กล่าวเบาๆ ว่า “ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่คุณชายมู่เถิด”
มู่ชิงซ่งกล่าวว่า “สถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองหยงโจวคือถนนหยงอัน ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปเดินเล่นที่ถนนหยงอันดีหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อเห็นด้วย หลังจากสาวใช้ช่วยนางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว นางก็ออกเดินทางไปพร้อมกับคุณชายมู่
อวิ๋นจื่อได้พบกับมู่ชิงซ่งเพียงไม่กี่ครั้ง แต่นางก็รู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดา เมื่อคิดดูแล้วตระกูลมู่จะต้องเข้มงวดในการอบรมสั่งสอนบุตรหลานเป็อย่างมาก มิฉะนั้นพวกเขาจะปลูกฝังบุตรหลานให้มีความสง่างามทัดเทียมกับบุตรหลานของเหล่าขุนนางใหญ่ได้อย่างไร?
ขณะที่อวิ๋นจื่อคิดเื่นี้ นางก็ตระหนักได้ทันทีว่าตระกูลมู่นั้นไม่ธรรมดาอย่างที่แสดงให้คนภายนอกเห็น
บางทีนี่อาจเป็เหตุผลที่เสด็จแม่กำชับให้นางไว้ใจตระกูลมู่อย่างไม่มีเงื่อนไขใช่หรือไม่?
นางอยากรู้คำตอบเป็อย่างยิ่ง
อวิ๋นจื่อพยายามระงับความอยากรู้อยากเห็นไม่ให้แสดงออกทางสีหน้า
มู่ชิงซ่งเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเบาๆ แล้วกล่าวว่า “เ้าไม่ต้องรีบร้อน ในเมื่อตระกูลมู่เลือกที่จะปกป้องเ้า พวกเราจะไม่มีวันยอมแพ้ ส่วนเหตุผลที่ซ่อนอยู่เื้ัเ้าไม่จำเป็ต้องรู้ก็ได้”
อวิ๋นจื่อก้มหน้าลง “ข้าเป็คนใจร้อน ขอบคุณคุณชายที่เตือนสติ”
มู่ชิงซ่งยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นเขาก็พาอวิ๋นจื่อเดินเล่นรอบๆ ด้วยท่าทางปกติราวกับว่าเมื่อสักครู่นี้ไม่มีอะไรเกิด
อวิ๋นจื่อถูกดึงดูดโดยความพลุกพล่านของผู้คนบนถนนและลืมสิ่งที่รบกวนจิตใจของนางไปจนหมดสิ้น ตอนนี้นางกลับมาเป็หญิงสาวอายุสิบห้าอย่างแท้จริง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและในไม่ช้าก็เป็เวลาเที่ยงวัน
มู่ชิงซ่งเลือกภัตตาคารซีฮวาซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหอคณิกา เขาพาอวิ๋นจื่อเดินเข้าไปด้านในด้วยความคุ้นเคย เสี่ยวเอ้อร์ดูเหมือนจะจำมู่ชิงซ่งได้ เขาพาทั้งสองไปที่ห้องส่วนตัวชั้นบนโดยไม่รอคำสั่ง
เมื่อทั้งสองนั่งลง มู่ชิงซ่งก็กล่าวเบาๆ ว่า “ยกอาหารที่ดีที่สุดของที่นี่มาแปดอย่าง”
เสี่ยวเอ้อร์คนนั้นจากไปอย่างร่าเริง
ตอนนี้ภายในห้องจึงเหลือเพียงมู่ชิงซ่งและอวิ๋นจื่อ
อวิ๋นจื่อถามเบาๆ ว่า “คุณชายคงจะคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็อย่างดี”
มู่ชิงซ่งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ถูกต้อง! หากเ้าพบปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ในหอคณิกา เพียงมาที่ภัตตาคารซีฮวาแห่งนี้แล้วแจ้งนามของข้า เมื่อนั้นปัญหาทุกอย่างจะถูกแก้ไขอย่างง่ายดาย”
อวิ๋นจื่อได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขอบคุณชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างจริงใจ
มู่ชิงซ่งกล่าวว่า “เ้าไม่ต้องขอบคุณข้า ท่านประมุขเป็ผู้วางแผนทุกอย่าง ชิงซ่งเพียงทำหน้าที่ของตนเองเท่านั้น”
แม้ว่าอวิ๋นจื่อจะงงงวย แต่นางก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
บางทีนับั้แ่วันนี้ชะตากรรมของนางและตระกูลมู่จะถูกผูกมัดเข้าด้วยกันจนไม่สามารถแยกออกได้
------------------------
[1] “เสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก” เป็สำนวนจีน มีความหมายว่าการสูญเสียซ้ำสองอย่างในครั้งเดียว โดยไม่เพียงจะไม่ได้รับประโยชน์เท่านั้น แต่ยังต้องสูญเสียซ้ำซ้อนอีกด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้