วันนี้อาหารมื้อกลางวันของค่ายทหารซีเป่ยอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง ทุกคนต่างมีความสุขอยู่กับการได้กินข้าวสวย แม้กระทั่งเื่ที่อวี๋เจิ้นซีหายตัวไปก็ยังถูกพักเอาไว้ด้านหนึ่งก่อน
ข้าวสวยหุงพร้อมกับมันฝรั่งเติมเกลือลงไปเล็กน้อย นี่เป็วิธีการธรรมดาสามัญที่สุด เป็มื้ออาหารที่ยากจนข้นแค้นที่สุด แต่กลับกลายมาเป็อาหารรสเลิศของคนทั้งหมด ภายในกระโจมกู้จวิ้นเฉิน หลี่ต้าน หลี่จงิ เมิ่งเต๋อหลาง และรองแม่ทัพทั้งห้านั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน ทุกคนมีเหล้าหนึ่งถ้วย เป็เหล้าองุ่นที่หลี่ลั่วส่งมาโดยเฉพาะ ห้องใต้ดินของหลี่ลั่วเดิมทีมีเหล้าองุ่นยี่สิบขวด ทุกขวดมีปริมาณหนึ่งร้อยชั่ง ครั้งนี้เขาให้องครักษ์ของจวนฉีอ๋องคนละสองขวด มอบให้จ้าวหนิงฮ่องเต้ในวันเกิดหนึ่งขวดใหญ่ และในคราวนี้ยังส่งมาที่ซีเป่ยห้าขวด นวมกับในเรือนที่เปิดไว้อีกหนึ่งขวด ยามนี้ยังมีเหลืออีกสิบเอ็ดขวด แต่ในหมู่บ้านชานเมืองทางเหนือยังมีเหล้าเก็บไว้อยู่อีกหนึ่งร้อยขวด
ซื้อองุ่นมาในราคาถูก นำเหล้าเจ็ดสิบชั่งกับองุ่นสามสิบชั่งมาหมักรวมกัน จะได้เหล้าทั้งหมดหนึ่งร้อยชั่ง และองุ่นเหล่านี้กับเหล้า ล้วนเป็เงินเพียงไม่กี่อีแปะ ราคาถูกอย่างมาก แต่ของที่ราคายิ่งถูก กลับยิ่งทำสุราอย่างดีออกมาดื่มได้
“เหล้าดี ไม่เคยดื่มเหล้าดีเช่นนี้มาก่อน”
“เป็เหล้าดี แต่ทว่าห้ามดื่มมากเกินไป” กู้จวิ้นเฉินกล่าว “ประเดี๋ยวพวกเ้านำไปคนละกา แต่ให้ดื่มเฉพาะเวลาที่อยากดื่มเท่านั้น แก้เปรี้ยวปาก”
“ขอบพระทัยท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่เสด็จอาตรัสกับข้าว่า เวลาปีใหม่เป็เวลาที่ฝูชิวชอบเข้ามาก่อเื่ที่สุด เพราะฝูชิวไม่มีประเพณีปีใหม่ และไม่มีความสุขหากเราจะฉลองปีใหม่ ดังนั้นทุกคนยังต้องระมัดระวัง” กู้จวิ้นเฉินกล่าวอีก
“พ่ะย่ะค่ะ”
“มา พวกเราดื่มหมดแก้ว ฉลองให้กับปีนี้ที่มีอาหารดีๆ กินในวันขึ้นปีใหม่”
“ดื่ม”
ปัง...
เมืองหลวงของแคว้นจีนนั้นห้ามไม่ให้จุดพลุดอกไม้ ยกเว้นเสียแต่ว่าจะเป็วันสำคัญ อย่างเช่นวันไหว้พระจันทร์ วันปีใหม่[1] ชาวบ้านของแคว้นจีนคุ้นเคยกับประเพณีการโต้รุ่ง[2] แม้ว่าจวนสกุลหลี่และจวนโหวจะได้แยกเรือนกันแล้วก็ตาม ไม่เอ่ยว่ายามนี้อาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ตามเหตุผลแล้วก็ควรจะมาโต้รุ่งด้วยกัน อย่างเช่นคนในจวนสกุลหลี่หากไม่ได้อาศัยอยู่ในจวนโหว เช่นนั้นคนในจวนโหวต้องไปโต้รุ่งที่เรือนสกุลหลี่
ยังดีที่หลี่เหล่าไท่เหฺยแยกเรือนออกมาแล้ว แต่ตามธรรมเนียมแล้วควรไปจวนจงกั๋วกง ไปโต้รุ่งพร้อมกับคนที่นั่น แต่ยามนี้จวนทั้งสองต่างได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาแล้ว แต่ละเรือนมีสมาชิกมาก ไปๆ มาๆ เช่นนี้ไม่สะดวก
ดังนั้นจึงต่างคนต่างโต้รุ่ง หรือต่างฝ่ายต่างเฝ้าอายุของตน
เวลานี้คนทั้งเรือนของจวนโหวล้วนนั่งโต้รุ่งอยู่ที่เรือนว่านโซ่ว ก่อนหน้านี้หลี่เหล่าไท่ไท่เสแสร้งแกล้งทำมามาก หลี่เหล้าไท่เหฺยจึงกำราบ ครั้งนี้โต้รุ่งนางจึงไม่สำแดงฤทธิ์เดชอันใดแล้ว
คนทั้งเรือนรู้สึกเบื่อหน่าย จึงเล่นไพ่ลายดอกกัน ไพ่ลายดอกของสมัยโบราณก็คือไพ่นกกระจอกในยุคปัจจุบันนั่นเอง หลี่หยางซื่อ หลี่เหล่าไท่ไท่ ภรรยาหลี่ฮุย และภรรยาหลี่ฮ่าว สตรีทั้งสี่คนล้อมวงเล่น ภรรยาหลี่หงนั่งอยู่ข้างกายหลี่หยางซื่อ ชวนคุยเป็พักๆ ให้หลี่หยางซื่อหัวเราะไม่หยุด
แพ้ชนะไม่สำคัญ สำคัญที่สุดคืออารมณ์ หลี่หยางซื่อในยามนี้เปลี่ยนไปเป็คนละคน เื่ใหญ่ในจวนโหวมีหลี่ลั่ว เื่ภายในเรือนมีภรรยาหลี่หง เื่การออกเรือนของหลี่หลินก็จัดการเสร็จสรรพแล้ว นางยังมีเื่อันใดมากวนใจอีกเล่า? ดังนั้นเมื่อคนอารมณ์ดี สีหน้าแววตาจึงผ่องใสไปด้วย
หลี่เหล่าไท่ไท่หน้าดำทะมึน เป็นางที่เล่นแล้วเสียเงิน แต่หลี่หยางซื่อกลับได้ดี นางจึงไม่ยินดี “หงเกอเอ๋อร์แต่งงานแล้ว เื่ออกเรือนของหลินเจี่ยเอ๋อร์ก็กำหนดแล้ว ต่อมาคงต้องเป็ฉือเกอเอ๋อร์และหม่านเจี่ยเอ๋อร์แล้ว ภรรยาเ้าใหญ่ เ้าคิดการอย่างไรเล่า?”
“ข้าได้ปรึกษากับท่านพี่แล้วเ้าค่ะ ฉือเกอเอ๋อร์ไว้ปีหน้าสอบเข้าหน้าพระที่นั่งแล้วค่อยพูดกันก็ไม่สาย ถึงเวลานั้นมีตัวเลือกให้เลือกมากมายเ้าค่ะ” ภรรยาหลี่ฮุยกล่าว
“สามารถสอบเข้าจิ้นซื่อได้ถือเป็เื่ดี อย่าให้ถึงเวลานั้นแล้วสอบไม่ได้เล่า นี่จะเป็การเสียเวลาแล้วหรือไม่?” คำพูดนี้ของหลี่เหล่าไท่ไท่ ช่างน่าขยะแขยง น่าตายนัก
ภรรยาหลี่ฮุยคุ้นชินมานานแล้ว “ต่อให้เป็จวี่เหรินเช่นเดียวกับต้าเกอเอ๋อร์ ซื้อตำแหน่งเล็กๆ ก็ดีเ้าค่ะ อย่างไรเสียย่อมดีกว่าไม่มี” ภรรยาหลี่ฮุยพูดอย่างใจกว้าง และเจตนาทำให้ผู้อื่นโมโหเช่นกัน แต่ในใจนั้นไม่ยินดีเสียแล้ว มาแช่งให้บุตรชายของนางสอบไม่ได้เสียนี่ ไม่ได้การแล้ว ต้องไปไหว้เ้าแม่กวนอิม ขอให้เ้าแม่กวนอิมปกป้องคุ้มครอง ไม่เช่นนั้นจะทำให้เหล่าไท่ไท่หัวเราะขบขันเอาได้
“พูดถึงต้าเกอเอ๋อร์ พวกเขาคิดจะกลับมาเมื่อไรเล่า?” หลี่หยางซื่อถาม
หลี่เหล่าไท่ไท่หัวเราะออกมาครั้งหนึ่ง “ใช่ว่าพวกเขาอยากกลับมาก็จะกลับมาได้เมื่อไรกันเล่า? ยังต้องให้ราชสำนักจัดการมิใช่หรือไร? แต่ลั่วเกอเอ๋อร์ของพวกเราเป็ว่าที่พระชายาฉีอ๋อง ขอให้ฉีอ๋องช่วยย่อมง่ายดาย”
“ท่านย่าอาจจะยังไม่รู้ หากขุนนางที่ประจำอยู่ข้างนอกจะกลับเมืองหลวงยังต้องสอบกับทางกรมขุนนางด้วยเ้าค่ะ” ภรรยาหลี่หงกล่าว “ลั่วเกอเอ๋อร์อายุยังน้อย ไยจึงไปสอนให้เขาเล่นพรรคเล่นพวกเล่าเ้าคะ?”
สีหน้าของหลี่เหล่าไท่ไท่ดำทะมึนลง ซ้ำภรรยาหลี่หงยังมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า เต็มไปด้วยความเป็มิตร นี่แหละหนาที่ว่ายื่นมือออกมาไม่ตบคนหน้ายิ้ม สะใภ้ของหลี่หยางซื่อคนนี้ไม่ง่ายดายเลย เห็นท่าทางลำพองใจของหลี่หยางซื่อในยามนี้ หลี่เหล่าไท่ไท่รู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจ “พูดขึ้นมาแล้วบิดาของภรรยาหลี่หงถูกโยกย้ายกลับมาเมืองหลวงปีนี้เช่นกัน นี่ก็เดือนหนึ่งแล้ว ตำแหน่งขุนนางอันใดเรียบร้อยดีแล้วหรือไม่?”
พูดถึงเื่นี้ขึ้นมา ภรรยาหลี่หงหนักใจอยู่บ้าง ยังไม่รู้ว่าจะรั้งตำแหน่งขุนนางใด ทว่าคนในครอบครัวกลัดกลุ้มเป็อีกเื่หนึ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นย่อมต้องหนักแน่นพอ ดังนั้นภรรยาหลี่หงจึงกล่าวเพียงว่า “บิดาของข้ากล่าวว่าเป็ขุนนางมานานหลายปี ยังไม่เคยได้พักผ่อนเลยเ้าค่ะ จึงฉวยโอกาสนี้พักผ่อนจริงๆ จังๆ เ้าค่ะ”
“ถูกต้องแล้ว บิดาของเ้าคิดเช่นนี้ดีแล้ว เมื่อพักผ่อนได้ก็ควรพักผ่อนให้ดี รอจนกระทั่งตำแหน่งขุนนางของกรมมขุนนางลงมา ก็ไม่มีเวลาให้พักผ่อนแล้ว” หลี่เหล่าไท่เหฺยกล่าว
หลี่เหล่าไท่ไท่ร้องฮึขึ้นครั้งหนึ่ง “ไอโยว วันนี้ดวงไม่ดี ไม่เล่นแล้ว”
“ข้าเห็นท่านมือขึ้นยิ่งนัก ยังทำเงินได้อีก น้องสะใภ้สามเสียอีกที่แพ้มากกว่า” หลี่หยางซื่อกล่าว ผู้ใดไม่รู้บ้างเล่าว่าภรรยาหลี่ฮ่าวจงใจทิ้งไพ่ดีๆ ให้หลี่เหล่าไท่ไท่ “พูดขึ้นมาแล้วน้องสามไม่ได้กลับบ้านมาหนึ่งปีแล้ว ปีหน้าควรจะกลับมาได้แล้วกระมัง?”
ภรรยาหลี่ฮ่าวกังวลเื่สามีเช่นกัน แต่อยู่ในครอบครัวสามีนางไร้ซึ่งฐานะ ยามปกติหลี่เหล่าไท่ไท่พูดเช่นใดนางก็ว่าเช่นนั้น อย่างเช่นเื่ของหลี่ฮ่าว แต่ไรมานางไม่เคยสอดมือเข้าไปยุ่ง
หลี่เหล่าไท่ไท่ตวัดสายตามองภรรยาหลี่ฮ่าวครั้งหนึ่ง “เ้าเป็ภรรยาของเ้าสาม เื่ผู้ชายของตนเองต้องควบคุมเสียบ้าง เขามักจะออกไปอยู่ข้างนอกเช่นนี้ไม่เหมาะสม แม้ว่าผู้ชายอยู่ข้างนอกไม่เสียหายอันใด แต่อย่างไรก็ต้องกลับบ้าน”
“เ้าค่ะ สะใภ้ทราบแล้ว” นางจะควบคุมอย่างไรเล่า? จะถามอย่างไร? เื่เช่นนี้กระทั่งเหล่าไท่ไท่ที่เป็มารดายังเข้าไปยุ่งไม่ได้ นางซึ่งเป็ภรรยาคนหนึ่งจะควบคุมได้อย่างไรกัน?
“อย่าเอาแต่รับคำ ทว่าเื่ใดกลับมิกล้าทำ” หลี่เหล่าไท่ไท่กล่าว “ภรรยาผู้อื่นนั้นมีเื่ให้ทำมากมาย แต่สกุลหลี่ของพวกเรานั้นสบายยิ่งนัก ต่อหน้าแม่สามีไม่ต้องมีกฎเกณฑ์ ไม่ว่าเื่ใดล้วนไม่ต้องให้เ้ามาจัดการ ทุกวันนอกจากเื่กินแล้วไม่มีเื่อื่นให้เ้าต้องลงมือทำเองแล้วจริงๆ”
น้อยครั้งนักที่หลี่เหล่าไท่ไท่จะว่ากล่าวภรรยาหลี่ฮ่าว เนื่องจากเมื่อก่อนมีหลี่หยางซื่อให้นางคอยเหน็บแนม ต่อมามีภรรยาหลี่ฮุยให้นางได้พูด แต่ทว่าหลังจากที่หลี่ลั่วมาแล้วนั้น พวกนางคนแล้วคนเล่าล้วนทำการปฏิวัติต่อนางทั้งสิ้น หลี่หยางซื่อเริ่มมีกำลังใจ ภรรยาหลี่ฮุยั้แ่เกิดเื่กับหลี่หม่านครานั้น ก็เริ่มต่อต้านนางเช่นกัน
เวลานี้ยังมีภรรยาหลี่หงเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง สตรีทั้งสามคนนี้มีสติปัญญา พูดจาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้ผู้อื่นเห็นแล้วโมโหแทบตาย
“ช่างดีเหลือเกินที่ท่านย่าไม่ตั้งกฎเกณฑ์” ภรรยาหลี่หงพูดยิ้มๆ ถือได้ว่านางกำลังช่วยภรรยาหลี่ฮ่าวพูดจา “มีท่านย่าเป็ตัวอย่างที่ดี ดังนั้นท่านแม่จึงไม่ได้ตั้งกฎเกณฑ์กับหลานสะใภ้เช่นกัน หลานสะใภ้ขอเป็ตัวแทนของสะใภ้รุ่นหลานขอบคุณท่านย่าเ้าค่ะ”
หลี่ลั่วรู้สึกว่าพี่สะใภ้ใหญ่คนนี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก เหมาะสมที่จะเป็หัวหน้าครอบครัวมากกว่าหลี่หยางซื่อ เขานั่งอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยลาทุกคน “ท่านปู่ เหล่าไท่ไท่ มารดา ป้าสะใภ้ทั้งสองท่าน อาสะใภ้ ร่างกายข้าไม่ไหว ต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อนแล้ว”
“ไปเถิด เด็กน้อยทุกคนล้วนยังต้องพักผ่อนให้มาก ที่นี่มีพวกเราอยู่หลายคนเพียงพอแล้ว” ภรรยาหลี่ฮุยกล่าว แล้วหันไปกล่าวกับหลี่เหล่าไท่ไท่ว่า “ท่านป้า มิสู้ท่านไปพักผ่อนสักครู่เช่นกัน รอจนใกล้เวลาแล้วสะใภ้ค่อยไปเรียกท่านดีหรือไม่เ้าคะ?”
หลี่เหล่าไท่ไท่เห็นพวกเขาแล้วเวียนศีรษะ ดังนั้นจึงออกไปอย่างอ่อนล้า
ไม่มีนาง บรรยากาศภายในห้องโถงใหญ่พลันดีขึ้นในชั่วพริบตา
หลี่ลั่วเดินออกมาจากในเรือน ลวี่ผิงรีบหยิบเสื้อคลุมกันลมขนสัตว์มาคลุมร่างของเขา ผิงอันส่งเตาพกให้เขาถือเอาไว้ในมือ ด้านนอกเตาพกยังมีผ้าคลุมไว้อีกชั้นหนึ่ง มือทั้งคู่ของเขาสอดเข้าไปด้านในแล้วรู้สึกอบอุ่นยิ่ง
หยวนโม่ถูกรับตัวไปฉลองปีใหม่ที่บ้านสกุลหลี่ หลี่จงิไม่อยู่ ภรรยาหลี่จงิอยู่คนเดียวก็เงียบเหงา หลี่ลั่วจึงให้นางไปอยู่เป็เพื่อน องครักษ์ที่เดิมทีมีอยู่ยี่สิบนาย หลี่ลั่วปล่อยให้กลับบ้านไปสิบนาย ที่เหลืออีกสิบนายอยู่ในระหว่างเทศกาลตรุษจีน ให้รับเงินเดือนเป็สามเท่าของเงินเดือนปกติ แต่หลี่ลั่วไม่อยากยุ่งยาก จึงจัดการให้เสร็จสรรพหลังเทศกาลตรุษจีน องครักษ์ทั้งสิบนายนี้ชดเชยให้คนละสองตำลึงพร้อมข้าวสารห้าสิบชั่ง ขณะเดียวกัน หลี่ลั่วยังให้เหนียนหงและสาวใช้งานเย็บปักถักร้อยตัดเสื้อผ้าใหม่และรองเท้าใหม่ให้พวกเขาอีกด้วย เรือนโฉวงจี๋ในวันปีใหม่ให้พวกเขาได้กินอาหารในคืนข้ามปีดีๆ สักมื้อ มีปลา มีเนื้อ เมื่ออยู่ที่บ้านของตนก็ไม่เคยได้กินดีเช่นนี้
วันหยุดในเทศกาลตรุษจีนของราชสำนัก เหมือนวันหยุดเทศกาลตรุษจีนในยุคปัจจุบัน ล้วนหยุดเจ็ดวัน
แคว้นจีน ปีที่หนึ่งร้อยสาม (รัชศกจ้าวหนิงปีที่เจ็ด)
ฮูหยินตราตั้งรั้งขั้นสี่ขึ้นไป ในวันที่หนึ่งจะต้องเข้าวังหลวงเพื่อคารวะปีใหม่ ดังนั้นวันพรุ่งนี้หลี่หยางซื่อและภรรยาหลี่ฮุยยังคงต้องตื่นแต่เช้า ทว่าพรุ่งนี้โอกาสของหลี่เหล่าไท่ไท่หมดลงแล้ว เพราะหลี่เหล่าไท่เหฺยได้เกษียณอายุราชการแล้ว ตำแหน่งฮูหยินตราตั้งขั้นสามของนางราชสำนักก็เรียกคืนไปแล้วเช่นกัน
หลี่ลั่วไม่ต้องเข้าวัง ดังนั้นจึงนอนตื่นสายอยู่ในเรือนโฉวงจี๋ เช้าวันที่หนึ่ง วันขึ้นปีใหม่ หลี่ฉางเฉิงกลับบ้าน วันที่หนึ่งหลี่ลั่วไม่ได้ออกไปไหน ดังนั้นจึงให้เขาไม่ต้องรีบร้อนกลับมา
อาหารกลางวันของจวนโหวนั้นกินที่เรือนหยวนเซ่อ ภรรยาหลี่หงเป็คนดูแลจัดการ คนทั้งครอบครัวกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา
วันที่สองเริ่มเดินทางไปเยี่ยมญาติ หลี่หยางซื่อพาทุกคนไปจวนสกุลหยาง
หยางฮูหยินพร้อมด้วยสะใภ้เสี่ยวหยางฮูหยินออกมายืนรอต้อนรับหน้าประตู หลี่หยางซื่อมีตำแหน่งฮูหยินตราตั้ง และยังมีหลี่ลั่วมาด้วย เ้าบ้านต้องออกมาต้อนรับ
“อากาศเย็นเช่นนี้ พี่สะใภ้หนาวหรือไม่เ้าคะ?” หลี่หยางซื่อรีบส่งเตาพกให้นาง
“ข้ามี เ้าถือของเ้าเถิด พวกเ้าเดินทางมาตลอดทางจึงจะหนาว” หยางฮูหยินกล่าวยิ้มๆ “ภรรยาหลี่หงนี้ข้ายิ่งพิศยิ่งงามแท้ ยังมีหลินเจี่ยเอ๋อร์ของพวกเราก็มีคู่หมายแล้ว ในที่สุดน้องสาวก็หมดทุกข์หมดโศกมีแต่เื่ดีๆ แล้ว”
ปีใหม่วันที่สอง จะมาพูดอันใดทุกข์หรือไม่ทุกข์ หลี่หยางซื่อไม่ชอบฟัง แต่ก็ยังคงยิ้มให้
เมื่อเข้าไปในเรือนหยางเหล่าฮูหยินนั่งอยู่บนตั่ง “รีบเข้ามา ยายจะรอไม่ไหวแล้ว” บนตั่งนั้นยังมีบุตรสาวของเสี่ยวหยางฮูหยิน เสี่ยวหยางฮูหยินคลอดบุตรเมื่อเดือนสิบ เป็ทองพันชั่ง[3] จวนสกุลหยางเป็ครอบครัวง่ายๆ แม้ทุกครอบครัวจะชมชอบบุตรชาย แต่ก็มิได้รังเกียจบุตรสาว อีกทั้งนี่เป็ครรภ์แรก ผลิดอกก่อนแล้วค่อยออกผลภายหลัง ทุกคนต่างยินดีเช่นกัน
[1] วันปีใหม่ (过年) หรือวันตรุษจีนของชาวจีน คือวันที่ 1 เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติ
[2] โส่วซุ่ย (守岁) คือ “ประเพณีการโต้รุ่งในคืนสิ้นปี” หรือที่คนจีนเรียนกว่า “โส่วซุ่ย” ชาวจีนจะไม่นอนหลับกันในคืนวันสิ้นปีเพื่อต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ที่ทำแบบนี้เพราะเชื่อกันว่าจะทำให้พ่อแม่ของตนมีอายุยืนยาว
[3] ทองพันชั่ง (千金) หมายถึง บุตรสาว หรือบุตรีในเรือน คนจีนมักจะเรียกบุตรีว่าทองพันชั่ง