ผ่านไปไม่นาน หวงจงหยวนก็นำคนของตระกูลหนิง เฉิงจาง เข้ามาที่โถงหลักของตระกูลหวง
คนจากสามตระกูลล้วนแต่เป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภามีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสอง เป็คนสำคัญอันดับสองของตระกูลหนิวตระกูลเฉิงและตระกูลจาง ตำแหน่งค่อนข้างสูง
หนิวเจิ้นเยว่แห่งตระกูลหนิวเฉิงหยวนกงแห่งตระกูลหยวน จางกู่ซงแห่งตระกูลจาง
เมื่อเห็นทั้งสามคนดวงตาคนตระกูลหวงทุกคนก็ฉายแววคาดไม่ถึงในตระกูลของพวกเขาเองทั้งสามคนนี้เป็รองเพียงผู้นำตระกูล ตำแหน่งสูงมากวันนี้มาที่ตระกูลหวงพร้อมกัน ย่อมไม่ใช่เื่เล็กแน่
หนิวเจิ้นเยว่ เฉิงหยวนกงจางกู่ซงสามคนเข้ามาในห้องโถงหลัก ท่าทางหยิ่งยโสสายตากวาดมองใบหน้าของสมาชิกตระกูลหวง ในมือของหนิวเจิ้นเยว่ถือเทียบเชิญฉบับหนึ่งสายตาของเขาหยุดอยู่ที่เสวียนเทียนครู่หนึ่ง
ทั้งสามมีท่าทียโสและไม่มีความเกรงใจสายตาของหนิวเจิ้นเยว่ละออกมาจากร่างของเสวียนเทียนแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านผู้นำตระกูลหวง ในอำเภอเป่ยโม่พวกเราตระกูลหนิว เฉิง จางสามตระกูลมีธรรมเนียมที่สืบต่อกันมา ทุกปีตอนสิ้นปีแต่ละตระกูลจะส่งลูกหลานรุ่นหลังคนหนึ่งมาเข้าร่วมการประลองและจะมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะการประลองยุทธ์เพื่อเป็กำลังใจกระตุ้นการฝึกฝนของลูกหลานรุ่นหลังพอดีกับ่สิ้นปีเป็เวลาแห่งการเฉลิมฉลอง พวกเราตระกูลหนิว เฉิง จางสามตระกูลแต่ละตระกูลยังได้วางเดิมพันออกมานิดหน่อยพนันกันว่าลูกหลานของใครจะได้อันดับหนึ่ง คนที่ชนะก็ได้เดิมพันเหล่านี้ไปในอำเภอเป่ยโม่ นอกจากตระกูลหนิว เฉิง จางสามตระกูลแล้วก็ไม่มีตระกูลอื่นที่มีคุณสมบัติร่วมการประลองทายาทรุ่นหลังนี้แต่ตระกูลหวงของท่านนั้น หลายปีมานี้เติบโตรวดเร็ว ได้กลายเป็เ้าผู้ครองหมู่บ้านตระกูลหนึ่งเข้มแข็งมีอำนาจ มีคุณสมบัติอยู่ในระดับเดียวกันกับตระกูลหนิว เฉิง จางของพวกเราดังนั้นพวกเราสามตระกูลจึงตกลงเทียบเชิญตระกูลหวงมาเข้าร่วมการประลองทายาทรุ่นหลังปีนี้เพื่อประกาศให้ทั้งอำเภอและทุกคนรู้ทั่วกัน ท่านผู้นำตระกูลหวงตระกูลหวงของพวกท่านจะหดหัวเป็เต่าในกระดองปฏิเสธการประลองครั้งนี้หรือจะใจกล้าให้สมเป็ลูกผู้ชายตอบรับคำท้าครั้งนี้เล่า?”
หนิวเจิ้นเยว่ไม่รักษากิริยา ท่าทีหยิ่งยโสพูดจบมือก็ยกขึ้น โยนเทียบเชิญในมือไปทางหวงหย่วนเฉิง
หวงหย่วนเฉิงยื่นมือไปรับเทียบเชิญที่พุ่งมาอย่างรวดเร็วไว้ในมือ
“ลูกหลานของพวกเ้าตระกูลหนิงเฉิง จางแม้ว่าจะแข็งแกร่งพลังวัตรก็แค่ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง ลูกชายของข้าหวงเวยปีนี้ก้าวขึ้นชั้นเบิกนภา ตระกูลหวงไหนเลยจะกลัวพวกเ้าสามตระกูลการประลองทายาทรุ่นหลังปีนี้ ตระกูลหวงของข้าชนะแน่แล้ว”
หวงหย่วนเฉิงยังไม่ทันได้พูดหวงิซานก็ตอบรับด้วยอารมณ์เดือดดาลไปแล้ว
แต่หวงหย่วนเฉิงไม่ได้ตำหนิหวงหย่วนเฉิงเกือบจะเดินมาถึงบั้นปลายชีวิตแล้ว เวลาที่เหลืออยู่มีไม่มากตำแหน่งผู้นำตระกูลหวง วันหนึ่งก็ต้องตกอยู่ในมือของหวงิซาน ครั้งนี้ตระกูลหนิวเฉิง จางมีท่าทีรุนแรงมา หวงิซานย่อมไม่อาจแสดงความอ่อนแอให้เห็น นั่นจะเป็การบั่นทอนความน่าเกรงขามของตระกูลหวง
“ฮ่าๆๆๆ...!”
หนิวเจิ้นเยว่หัวเราะเสียงดังขึ้นมา พูดว่า “ดี! ตอบรับได้มั่นอกมั่นใจดีแต่ในเทียบเชิญมีรางวัลของการประลองทายาทรุ่นหลังปีนี้ กับเดิมพันที่แต่ละตระกูลลงปีนี้อยู่ถ้าถึงเวลาที่ตระกูลหวงแพ้ หวังว่าจะยังมั่นอกมั่นใจแบบนี้นะ ฮ่าๆๆๆ...พวกเราไป!”
พูดจบ หนิวเจิ้นเยว่ไม่แม้แต่จะกล่าว ‘ขอตัว’ ก็หันกายเดินออกไปนอกโถงหลัก เฉิงหยวนกงกับจางกู่ซงก็ทำท่าได้ใจ มองสมาชิกตระกูลหวงหนึ่งทีตามหลังหนิวเจิ้นเยว่ออกไปจากตระกูลหวง
หลังแผ่นหลังของหยิวเจิ้นเยว่ เฉิงหยวนกงจางกู่ซงทั้งสามคนหายไป หวงฉีซานก็พูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ การประลองทายาทรุ่นหลังครั้งนี้ของรางวัลกับเดิมพันคืออะไรหรือ?”
หวงหย่วนเฉิงเปิดเทียบเชิญออกมาดูแล้วเงียบไม่พูดคำใด ส่งเทียบเชิญไปทางหวงฉีซาน
หวงฉีซานรับเทียบเชิญไปอ่าน อุทานขึ้นว่า “เดิมพันคือหมู่บ้านหนึ่งแห่ง? ในมือตระกูลหวงของพวกเรามีเพียงหมู่บ้านหวงปั้วเพียงแห่งเดียวเท่านั้นพวกเราลำบากไม่น้อยกว่าจะตั้งตัวในอำเภอเป่ยโม่ ปักหลักมั่นคงในหมู่บ้านหวงปั้วนี้ได้ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา ตระกูลหวงเราแม้กระทั่งฐานที่มั่นก็ไม่เหลือเลยน่ะสิ?”
คนทั้งหมดได้ยินก็วิตกขึ้นมาเป้าหมายของตระกูลหนิว เฉิง จางสามตระกูลนั้นมองก็รู้ได้ทันที
หวงิซานเองก็วิตกขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนกันเขาไม่คิดว่าเดิมพันจะใหญ่ขนาดเป็หมู่บ้าน ทั้งอำเภอเป่ยโม่มีทั้งหมดสามสิบหมู่บ้านในนั้นมีใหญ่มีเล็ก หมู่บ้านที่ใหญ่หน่อยมูลค่าการค้าประมาณสี่ห้าล้านตำลึงกำไรสุทธิที่ได้ต่อปีมากกว่าล้านตำลึง หมู่บ้านเล็กหน่อยมูลค่าการค้าเท่ากับสองสามล้านตำลึงกำไรสุทธิต่อปีมากกว่าหกแสนตำลึง
ตระกูลหวงมีหมู่บ้านอยู่ในความแห่งเดียวก็คือหมู่บ้านหวงปั้วในอำเภอเป่ยโม่นับว่าเป็หมู่บ้านชั้นบน มูลค่าการค้าประมาณสี่ล้านกว่าตำลึงทุกปีมีกำไรสุทธิถึงล้านตำลึง
การประลองทายาทรุ่นหลังครั้งนี้ ตระกูลหนิว เฉิงจาง แทบจะคว้าฐานของตระกูลหวงไว้ ถ้าตระกูลหวงแพ้ก็สามารถทำลายรากฐานของตระกูลหวงในอำเภอเป่ยโม่ได้กิจการที่ทำมานานปี สลายในชั่ววูบเดียว
พูดได้เลยว่า นี่เป็การต่อสู้ที่ตระกูลหวงแพ้ไม่ได้
สีหน้าของหวงิซานกลับมาเป็ปกติ หางตากระตุกกล่าวว่า “เดิมพันใหญ่มากไม่เป็ผลดีกับตระกูลหวงเรา แต่ถ้าตระกูลหวงชนะ ก็จะได้หมู่บ้านมาอีกสามหมู่บ้านทำให้กิจการของตระกูลหวงขยายมากกว่าสองเท่า เวยเอ๋อร์ก้าวเข้าชั้นเบิกนภาแล้วข้าจะสอนวิชาลับให้เขาบ้าง เทียบกับพลังวัตรในชั้นเดียวกัน ลูกหลานตระกูลหนิว เฉิงจาง ไม่อาจเป็คู่มือของเวยเอ๋อร์ไปได้ พวกเราต้องชนะแน่”
ตระกูลหวงเคยเป็ตระกูลขั้นห้าในตระกูลขนาดคัมภีร์ชั้นปฐีก็มี ตระกูลหนิว เฉิง จางเป็เพียงตระกูลเล็กๆ ขั้นเก้าเท่านั้นในตระกูลนั้น คัมภีร์ยุทธ์ชั้นสูงที่สุดก็เป็เพียงแค่ชั้นนิลขั้นต่ำเท่านั้น
ที่หวงิซานพูดมาก็ไม่ผิดพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งเหมือนกันขอเพียงสอนวิชาลับตระกูลหวงให้แก่หวงเวยเล็กน้อยต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองก็ไม่ใช่คู่มือของหวงเวยร้อยทั้งร้อยย่อมชนะการประลองได้แน่
แต่ว่า ใบหน้าของทุกคนกลับไม่ยินดีหวงฉีซานกล่าวว่า “ถ้าเกิดเปิดเผยตัวตนขึ้นมาถูกคนพวกนั้นรู้เข้าจะแย่เอา พวกเราไม่มีกำลังจะต่อต้านอีกแล้ว”
ดูจากสีหน้าของทุกคนเห็นได้ชัดว่าในใจคิดไม่ต่างกับหวงฉีซาน
พูดถึงคนพวกนั้น สีหน้าของหวงิซานก็เปลี่ยนไปกระทั่งเสวียนหงที่เป็ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งชั้นนภายังพ่ายแพ้ในมือของเขาโดนไล่ล่าสังหารจนเส้นปราณในร่างขาดสะบั้น กลายเป็คนพิการ หากถูกคนผู้นั้นพบร่องรอยเข้าอีกตระกูลหวงก็มีแต่ตายสถานเดียวแล้ว
หวงิซานกล่าวว่า “ตระกูลหนิว เฉิงจางมาท้าทายถึงประตู ถ้าไม่ตอบรับ จะให้ตระกูลหวงหดหัวเป็เต่าในกระดองหรือ? อาณาจักรเสินเตานี้เป็ดินแดนเหนือสุดในแผ่นดินเสินโจว เป็แค่ดินแดนเล็กๆเท่าฝ่ามือห่างจากเขตของตระกูลเสวียนทางตะวันตกของแผ่นดินเสินโจวเป็พันเป็หมื่นลี้อำเภอเป่ยโม่ยิ่งเป็อำเภออันห่างไกล คนผู้นั้นไหนเลยจะรู้เื่ได้ง่ายดาย?”
หวงฉีซานพูดอีก “แต่ว่า...ถ้าเกิด...!”
หวงหย่วนเฉิงยกมือขึ้นหยุดทั้งสองคนที่กำลังโต้เถียงกัน กล่าวขึ้นว่า “เื่มาถึงจุดนี้แล้วเพื่อให้พวกเราตระกูลหวงได้ตั้งหลักอยู่ในอำเภอเป่ยโม่ได้อย่างแท้จริงมีแต่ต้องเป็เช่นนี้ ส่วนคนผู้นั้นจะรู้หรือไม่ คงต้องแล้วแต่ชะตาแล้ว!”
“ท่านตาให้ข้าเป็ตัวแทนตระกูลหวงออกไปสู้เถอะ! ไม่จำเป็ต้องสอนวิชาลับตระกูลหวงให้ข้า” เสียงของเสวียนเทียนดังขึ้น เขาคิดอยู่ครู่ใหญ่แล้ว ก็ยังคิดว่าให้เขาออกไปสู้จะเหมาะกว่า
ความสามารถของเสวียนเทียนตอนนี้ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง หากหวงเวยใช้วิชาลับของตระกูลหวงออกมาถ้าเกิดเสวียนจีรู้ข่าวคราวของเสวียนหงกับตระกูลหวงเข้าจริงๆเช่นนั้นตระกูลหวงก็คงล้มไม่อาจฟื้น เหลือแต่ตายทางเดียวจริงๆแบบนั้นราคาที่ต้องแลกสูงเกินไป ไม่คุ้มจะพนันแม้แต่นิดดังนั้นเสวียนเทียนออกไปสู้เหมาะกว่าหวงเวย
แต่ว่า เมื่อได้ยินเสวียนเทียนพูดเช่นนี้หวงิซานก็ขมวดคิ้วฉับ ขึ้นเสียงว่า “อย่างเ้าน่ะหรือ? จะเอาอะไรไปสู้กับลูกหลานชั้นเบิกนภาของตระกูลหนิวเฉิง จางกัน? หรือเ้าคิดจะใช้วิชาลับของตระกูลเสวียน? ข่าวนี้คงติดปีกบินไปถึงหูคนผู้นั้นเ้าคิดว่ายังทำร้ายตระกูลหวงเราไม่พองั้นหรือยังคิดทำร้ายตระกูลหวงของเราให้หมดตระกูล...!”
“หุบปาก!”
ร่างชราของหวงหย่วนเฉิงพลันลุกยืนขึ้นมาได้ยินเสียง ‘เพี้ยะ’ ดังขึ้นหนึ่งครั้ง ฝ่ามือหนึ่งตบลงบนหน้าของหวงิซาน ตวาดว่า “เ้าลูกโง่ พูดจาเลอะเทอะอะไร”
หวงิซานโดนหวงหย่วนเฉิงตบหนึ่งฝ่ามือบนหน้ามีรอยฝ่ามือรอยหนึ่งประทับอยู่ แต่ว่ายังคงดื้อดึงหน้าหันไปอีกทาง ไม่ตอบคำเห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้สึกว่าตัวเองพูดจาเลอะเทอะ แต่เป็คำพูดที่เก็บกดอยู่ในใจ
“ท่านพ่อโปรดระงับโทสะ!” หวงฉีซานเห็นสถานการณ์ก็รีบเข้ามาประคองร่างของหวงหย่วนเฉิง กล่าวว่า “พี่ใหญ่เพียงแค่พูดเพราะโมโห น้องหงเป็ผู้มีพระคุณของตระกูลหวงถ้าไม่ใช่เพราะน้องหง ตระกูลหวงคงถูกตระกูลอื่นกลืนกินไปนานแล้วเื่ภายหลังใครเล่าจะคาดคิดได้ จะคิดโกรธแค้นเพราะเื่นี้ได้อย่างไร?”
ก่อนหน้านี้ ก่อนที่หวงเยว่จะแต่งงานกับเสวียนหงตระกูลหวงประสบวิกฤติ ในการต่อสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างตระกูลเกือบถูกตระกูลขั้นสี่แห่งหนึ่งกลืนตระกูลไปแต่ว่าได้เสวียนหงช่วยไว้เพราะเื่คราวนั้น เสวียนหงถึงได้พบกับหวงเยว่ทั้งสองรักกันั้แ่แรกพบ แต่งงานเป็สามีภรรยาถึงแม้ว่าผู้าุโในตระกูลเสวียนส่วนหนึ่งจะคัดค้านการแต่งงานครั้งนี้เสวียนหงก็ไม่สนใจ
ถ้าไม่เป็เช่นนี้ด้วยฐานะขอเสวียนหงที่เป็ผู้สืบทอดตระกูลเสวียน ตามปกติหากแต่งงานไม่แต่งกับหญิงจากตระกูลขั้นสองด้วนกันก็ต้องเป็ผู้สืบทอดสายเืตรงของตระกูลขั้นสาม
เสวียนเทียนมองหวงิซานทีหนึ่งในใจตัดสินคนคนนี้ด้วยคำสามคำ “เนรคุณ”
ตระกูลหวงเป็เพียงตระกูลขั้นห้าเมื่อแต่งงานกับสายเืสายหลักของตระกูลเสวียน เรียกได้ว่าฐานะก้าวะโด้วยความช่วยเหลือของตระกูลเสวียน ตระกูลหวงได้คัมภีร์ยุทธ์ชั้นสูงกว่าเดิมจำนวนหนึ่งไปเมื่อเวลาผ่านไป ถ้าเกิดมีคนบรรลุพลังวัตรชั้นปฐีขั้นเก้าตระกูลก็จะได้เลื่อนขั้นเป็ตระกูลขั้นสี่หรือได้รับแม้กระทั่งคัมภีร์ยุทธ์ชั้นนภาถ้าเกิดมีวันหนึ่งตระกูลหวงมีผู้บรรลุเป็ยอดจอมยุทธ์ชั้นนภาขั้นสามก็อาจได้เลื่อนขั้นเป็ตระกูลขั้นสาม
บนแผ่นดินเสินโจวอำนาจอิทธิพลแบ่งออกเป็เก้าขั้น ขั้นหนึ่งคือยอดสุด ขั้นเก้าคือปลายสุด ไม่ว่าจะเป็ตระกูลหรือสำนักก็มีลำดับขั้นนี้เป็เกียรติยศ
ในระดับขั้นเหล่านี้ ขั้นหนึ่ง สองสามเป็กลุ่มอำนาจชั้นบน ขั้นสี่ ห้า หก เป็กลุ่มอำนาจชั้นกลาง ส่วนเจ็ด แปด เก้าเป็กลุ่มอำนาจระดับล่าง อำนาจและอิทธิพลของแต่ละขั้นอันดับ กำลังและอำนาจต่างกันราวฟ้ากับดิน
กลุ่มอำนาจชั้นบนเป็กลุ่มอำนาจของยอดจอมยุทธ์ชั้นนภากลุ่มอำนาจชั้นกลางเป็กลุ่มอำนาจของจอมยุทธ์ชั้นปฐีกลุ่มอำนาจชั้นล่างเป็กลุ่มอำนาจของยอดฝีมือชั้นเบิกนภาส่วนกลุ่มอำนาจของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ไม่นับเข้าเป็ระดับขั้นเหล่านี้
อำนาจแต่ละระดับแบ่งเป็สามขั้นแต่ละขั้นดูจากว่าในตระกูลมีผู้ฝึกยุทธ์ที่บรรลุขั้นสาม หก เก้าของระดับนั้นหรือไม่ เช่นกลุ่มอำนาจขั้นเก้าต้องมียอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นสามอย่างน้อยหนึ่งคนเป็ผู้นำกลุ่มอำนาจขั้นแปดต้องมียอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นหกอย่างน้อยหนึ่งคนเป็ผู้นำส่วนกลุ่มอำนาจขั้นเจ็ดก็ต้องมียอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นเก้าอย่างน้อยหนึ่งคนเป็ผู้นำ
ขั้นหนึ่ง สอง สาม และขั้นสี่ ห้า หกก็แบ่งตามระบบนี้
ดังนั้นระหว่างกลุ่มอำนาจแต่ละระดับขั้นความห่างชั้นระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพลังวัตรสูงสุดก็คือประมาณสามขั้นสรุปก็คือกำลังความสามารถอยู่กันคนละระดับอย่างสิ้นเชิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้