“งั้นก็ตามนั้น แต่ก่อนอื่น ดูนี่สิข้ามีของดี” เ้าวั่งซูพูดพร้อมหยิบ สุราดอกซ่านฮัวหลัวออกจากแขนเสื้อสองไห พร้อมหัวเราะ
“ในที่สุด! ข้าก็ได้ชิมก่อนคนอื่น!” ในขณะที่จะพูดต่อ ความคิดจากในอดีตก็วิ่งแล่นสลับเข้ามา
“ไปกันเถอะ เฟยเฟย พวกเราจะต้องได้ดื่มสุราดอกซ่างฮัวหลัวเป็คนแรกของปี”
“เ้านี่นะ” ฮวาเฟยฟาอมยิ้ม “ได้สิไปกัน” บรรยากาสที่สนิทสนม ความอบอุ่น นั้นลอยกลับเข้ามาในใจ ความรู้สึกอิ่มเอมปิติก็เอ่อล้น
“เฟยฟา เป็ท่านใช่ไม๊ คนที่อยู่กลับข้า และรอข้ากลับมาเสมอ คือท่านสินะ” เ้าวั่งซูมโนกับตัวเองในใจจนคำพูดของเฟยฟาเอ่ยถามดังขึ้นภาพในใจนั้นจึงตัดไป
“งั้น พวกเราเดินทางไปดื่มไป ก็สุนทรีย์ดี ไปกันเถอะ ยังไม่รู้เมือไหร่เราจะพบเจอกลุ่มผีเสื้อราตรี” ฮวาเฟยฟาเอ่ยยิ้มอ่อนโยน วั่งซูโยนไหซ่านฮัวหลัวให้ฮวาเฟยฟาหนึ่งอัน พร้อมชนกันก่อนเริ่มกระดก
“ว้าว! โห! รสชาตินี่มันที่สุดในใต้หล้าจริงๆ หลานหลี่เซ่อ พลังจักราของเค้าช่างมหัศจรรย์” เ้าวั่งซูเอ่ยชม พร้อมกระดกดื่มต่อ
“เพลาๆ หน่อย ซูซู พวกเรายังต้องไปอีกไกล อืม ว่าแต่นี่มันรสชาติที่วิเศษมาก มันดีกว่า น้ำจากเกล็ดน้ำค้างพันปีที่ท่านพ่อท่านแม่เคยให้ดื่มอีก พลังของหลานหลีเซ่อช่างไม่ธรรมดาจริง เอ๊ะ! ไม่สิ! ต้องพูดว่าเป็พลังจากต้นไม้แห่งชีวิต” ฮวาเฟยฟากล่าวพร้อม ยื่นให้ชิงหลงชิม เมื่อดื่มไปอึก เกล็ดชิงหลงก็เปล่งประกายงดงาม เ้าวั่งซูเลยให้หลิ่งกวางลองดูบ้าง ตาสีแดงสว่างวาบหางทั้งเก้าฟูตั้ง
“อืม เป็เองจริงตามตำนาน สุราดอกซ่างฮัวหลัว คือยาชุบิญญาที่แท้จริง” ฮวาเฟยฟาและเ้าวั่งซูกล่าวพร้อมกัน พร้อมออกเดินหน้าต่อ
“ว่าแต่! พวกเราจะเริ่มจากทิศไหนหล่ะ” เ้าวั่งซูถาม
“ข้ามีผงปีกผีเสื้อราตรีส่วนหนึ่ง” ฮวาเฟยฟาพูดพร้อมเสกขึ้นปรากฏในมือ
“งั้นข้าเอง” เ้าวั่งซูประสานมือปีรามิดกลางอก “มนต์นำทางจงแสดง” แสดงสว่างวาบเปล่งครอบเศษปีกเผีเสื้อราตรีในมือของฮวาเฟยฟา และยิงแสงออกอีกด้านชี้ไปทางป่าดึกดำบรรพ์รกชัฏ
“ทิศตะวันตก อืม และทางที่ชี้ไปคือมืดที่สุดในบรรดาทิศอื่นๆ” เ้าวั่งซูพูดหน้าเซ็ง
“ไปงั้นพวกเราไปกัน ไปหาต้นไม้แห่งชีวิต” เ้าวั่งซูเดินออกนำ ตามด้วยหลิ่งกวาง เฟยฟา และชิงหลง ทั้งสี่เดินหน้าเข้าป่า บรรยากาศในป่านี้ ต้นไม้ทุกต้นเปล่งแสงสว่างสวยงาม และก็มีเสียงหวี่ๆ อื้ออึง คล้ายการสนทนากันตลอด พวกเค้าพึ่งสังเกตเห็นว่าแสงสว่างที่มาจากต้นไม้ มันกะพริบวิบวับคล้ายแสดงความตื่นเต้นปนใ ภพพืชพันธุ์ไร้สิ่งมีชีวิตจากภพอื่นเข้ามาได้ การมาของทั้งสี่คงสร้างความประหลาดใจให้เหล่าพืชพันธุ์ที่นี่ไม่น้อย ยิ่งเดินยิ่งรกและมืดขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศมืดเพราะความหนาของต้นไม้ดึกดำบรรพ์ ที่ปิดกั้นการเข้ามาถึงของแสงสว่าง แต่การเรืองแสงในตัวเองของเหล่าพืชพันธุ์ กลับสร้างความสวยงามแบบพิศวงปนมหัศจรรย์ทุกสิ่งมีชิวิต ที่นี่คือป่า์แห่งพืชพันธุ์จริงๆ
“ข้าว่า มันมืดมากแต่มันก็สว่าง แต่มันก็ยังดูน่ากลัวมากเนอะ บรรยากาศ เอ๊ะ! ดูนั่นสิ หิ่งห้อย เหมือนกลุ่มดาวกระจุกตัวบนท้องฟ้าเลย ช่างงดงาม” เ้าวั่งซูเอ่ย
ทุกคนเงยหน้ามองตาม เหนือหัวสูงขึ้นไป้า
“แสงนั่น ผี้เสื้อราตรี” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
“เอ๊ะ! ผีเสื้อราตรีที่เราเจอ มันเป็สีดำตัวใหญ่ตัดลายขาวเหมือนโครงกระดูกหนิ” เ้าวั่งซูถามสงสัย
“ผีเสื้อราตรีในตอนกลางวัน เรือนตัวจะมีสีดำลายโครงกระดูกสีขาวพาดผ่านถูกเรียกว่า “ผีเสื้อแห่งความตาย” แต่ในยามค่ำคืนเรือนกายจะสว่างเรืองแสง ดั่งผู้นำทางในความมืด “ผีเสื้อราตรี” ซึ่งคล้ายกับผีผาแห่งข้า แต่ต่างกันตรงที่ ผีผาของข้านั้นมีประทีปอนันตกาลนำทางสู่แสงสว่าง แต่แสงของผีเสื้อราตรีหรือผีเสื้อแห่งความตายนั้นนำทางดวงิญญาสู่ความตาย และผีเสื้อชนิดนี้สามารถมีชีวิตอยู่และเคยปรากฏตัวในทุกภพภูมิ เพราะฉะนั้นการปรากฏตัวของพวกมันคือเสมือนยมทูตแห่งความตาย
“ไป! พวกเรารีบตามพวกมันไป” ฮวาเฟยฟาเล่าประวัติ และรีบเรียกทุกคนติดตามกลุ่มผีเสื้อขนาดมหึมา้าหัวไป
กลุ่มผีเสื้อค่อยๆ เคลื่อนตัวคล้ายกลุ่มดาวที่เกาะกุม และโดนการตั้งเค้าพายุพัดพาดวงดาวค่อยๆ เคลื่อนตัว คล้ายว่าจะกระจัดกระจายแตกออก แต่กลับวิ่งกลับหากันเรียงร้อยตามติดเกาะกลุ่ม จึงทำให้ผู้พบเห็นเป็ลักษณะดั่งการเคลื่อนสเก็ดดาวระยิบระยับทอแสงยามเมื่อกระแสลมพัดขยับตามกันไปมาไม่หนีกัน ช่างน่าอัศจรรย์นัก นอกจากผีเสื้อราตรีกลุ่มมหึมาบนท้องฟ้าเหนือหัวที่คนทั้งสี่พยายามวิ่งตามแล้ว ในบริเวณก็ยังมีผีเสื้อราตรีรวมตัวกันเหนือหัวหลายกลุ่มมากมาย
“ดูนั่นสิ มีอีกมากมายเหลือเกิน้านั้น พวกมันจะบินไปหาต้นไม้แห่งชีวิตกันหมดใช่ไม๊” เ้าวั่งซูเอ่ยสงสัยขณะรีบพุ่งทะยานฝ่าป่ารกชัฏไปด้านหน้าไม่ขาดสาย
“ข้ามั่นใจ แต่ข้าไม่มั่นใจว่า มันมุ่งไปเพื่อแค่หาแหล่งพลังชีวิตอย่างเดียวจริงไม๊ เพราะด้วยจำนวนที่มากมายมหาศาลขนาดนี้ ราวกับว่า พวกมันกำลังนำทางสู่ความตายตามหน้าที่หลักของพวกมัน ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจ” ฮวาเฟยฟาพูดพร้อมมุ่งไปด้านหน้าเคียงข้างเ้าวั่งซูไม่ช้าไปกว่ากัน
“นั่น! ดูตรงนั้นสิ! ทางออกชายป่าแล้ว แสงสว่างตรงนั้น” ในขณะที่ทุกคนเร่งมุ่งหน้าสู่ปลายทางออก และพาตัวหลุดพ้นจากพุ่มไม้รกชัฏออกมาความกว้างใหญ่ ยิ่งใหญ่ ทุกคนยืนตะลึงงันกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เป็บริเวณโล่งกว้างโล่งเกือบริมผา มีต้นหญ้าเตี้ยๆ และดอกไม้นานาพันธุ์เปล่งสีเปล่งแสงงดงาม ถัดไปด้านหน้ากินบริเวณไปด้านข้างรอบๆ มีสระน้ำบนก้อนเมฆขนาดใหญ่ น้ำที่ไหลอยู่บนไอหมอกนั้นดูไม่เหมือนน้ำธรรมดาแต่เนื้อเมือกเปล่งแสงสีน้ำเงินขาวระยิบระยับไหล และขยับไปตามผิวน้ำกระเพื่อมเบาๆ พร้อมเปล่งแสงระยิบระยับล้อมรอบเหมือนปราการ และมองตรงไปตรงกลางที่เหมือนลอยอยู่กลางท้องฟ้านั่น
“ต้นไม้แห่งชีวิต” ต้นไม้แห่งชีวิตมีสีขาวโพลนทั้งต้น ั้แ่รากยันลำต้น และใบลำตัวกว้างใหญ่แผ่กว้างไพศาล ความสูงเทียมฟ้า บริเวณ้าต้นไม้แห่งชีวิตมีลำแสงสว่างทอดยาวสาดแสงทะลุจากท้องฟ้าส่องมายังต้นเหมือนสปอตไลท์ หิมะสีขาวล่วงหล่นจากท้องฟ้ามาไม่ขาดสาย หมู่ผีเสื้อแห่งความตายบินเวียนส่องแสงสว่างโชติ่มากมาย เมื่อมองจากตำแหน่งที่ทั้งสี่คนยืนอยู่ ที่เดินผ่านป่าไต่ขึ้นมาสู่ความสูงหน้าผาและมองไปทางต้นไม้แห่งชีวิตจากมุมนี้ เหมือนต้นไม้แห่งชีวิตลอยเปล่งแสงสีขาวเด่นอยู่กลางท้องฟ้า ภาพด้านหลังต้นไม้แห่งชีวิตคือก้อนเมฆท้องฟ้าและดวงจันทร์ดวงใหญ่เต็มดวงที่เปล่งแสงสว่างกลางท้องฟ้า ตรงกลางลำต้นมีหัวใจสีทองโปร่งแสงขนาดใหญ่เต้น ตึ่กๆ ดั่งหัวใจมนุษย์ ใต้ฐานต้นไม้เต็มไปด้วยรากเกาะกุมพันปล่อยยาวมากมายเหลือคณานับ แต่บริเวณตรงกลางมีบันไดทางขึ้นสู่ลำต้นทอดยาวเริ่มจากสระน้ำ และนำขึ้นไปสู่สิ่งที่มีลักษณะเหมือนบ้าน ที่มีประตูทางเข้าตรงกลางโคนฐาน
“ข้าว่า นี่น่าจะเป็ต้นไม้แห่งชีวิตทีแท้จริงแล้วหล่ะ” เ้าวั่งซูเอ่ย
“หัวใจแห่งพฤกษา! ดูนั่นสิ! หัวใจโปร่งแสงสีทองที่ยังเต้นดั่งหัวใจพวกเรา ในตำรากล่าวว่าต้นไม้แห่งชีวิตสีเขียวใหญ่เหมือนต้นไม้พันปีสูงเสียดฟ้า เผยแผ่กิ่งก้านสาขาครอบคลุมยี่สิบส่วนของทั้งภพ แต่ของจริงกลับมีร่างกายสีขาวและหัวใจสีทอง ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าที่กล่าวไว้ในตำรายิ่งนัก” ฮวาเฟยฟาเล่าพร้อมมองอย่างทึ่งในใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้