เมื่อเฟิงซื่อเห็นว่าหลินต้าเหอยังไม่อยากยอมรับเท่าไร นางจึงกอดอกแล้วจ้องหลินต้าเหอเขม็งพลางบ่นเขา “เ้าน่ะต่อให้ตายก็คงไม่เปลี่ยน อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าพี่ของเ้าหาช่องเข้าหาเ้าไม่หยุดในตอนที่ข้าไม่อยู่ เพื่อเอาสูตรไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนของฟู่อินจากเ้า!”
เมื่อหลินต้าเหอรู้ว่าความแตกแล้ว เขาจึงก้มหน้าลงด้วยใบหน้าขึ้นสีแดง
เฟิงซื่อกล่าวต่อ “และข้ายังรู้ด้วยว่าต้าหลางเองก็มาหาเ้าสองรอบแล้ว เพราะอย่างนั้นบอกข้ามาตามตรง ต้าหลางมาหาเ้าทำไม?”
หลินต้าเหอหยุดกระแสของเฟิงซื่อไม่ได้ เพราะเฟิงซื่อเองก็ปีกกล้าขาแข็งขึ้นมากหลังจากแยกบ้านออกมาอยู่กันเอง เสียงของหลินต้าเหอค่อยๆ เบาลง “ข้าไม่ทำตามที่เขาบอกอยู่แล้ว แล้วสูตรที่ว่านี่ แม้แต่อาเฟินและอาฟางที่ติดตามนางมาตลอดก็ยังไม่รู้ แล้วข้าจะไปรู้ได้ยังไง? ต้าหลางน่ะพยายามกล่อมข้า บอกว่าบ้านสองนั้นเป็บ้านที่ใกล้ชิดกับพวกเขาที่สุดในทุกเื่ ดังนั้นแล้วจึงมิควรตีตนออกห่างจากกัน และบอกว่าหากเขาได้ดีเมื่อไร เขาจะแบ่งปันแน่…”
“เฮอะ! หลินต้าซานนั่น เห็นดูเงียบๆ แต่ในใจช่างต่ำทรามนัก! ดูท่าเขาจะอยากได้สูตรของฟู่อินจริงๆ!” เฟิงซื่อสบถไม่หยุด แล้วจึงยื่นมือไปจิ้มหน้าผากหลินต้าเหอ “เ้าเองก็อย่าเผลอทำอะไรพลาดพลั้งไปเชียว เพราะเ้าก็รู้ดีว่าอาเฟินและอาฟางรักหลินฟู่อินมากแค่ไหน หากทั้งสองรู้ว่าเ้าทำอะไรไม่เข้าท่าลงไป ก็รอดูได้เลยว่าพวกนางจะยอมมองเ้าเป็พ่ออยู่หรือไม่!”
หลินต้าเหอนึกถึงหลินเฟินและหลินฟางแล้วหน้าก็หมองลง ครอบครัวของเขามีชีวิตที่ดีเช่นนี้ได้เพราะได้หลินฟู่อินช่วยดึงขึ้นมา เขาเองก็เป็ผู้นำของบ้าน ดังนั้นแล้วจึงรู้ดีว่าลูกๆ ของเขาเคารพฟู่อินมากเพียงใด
แน่นอนว่าเขาเองก็ขอบคุณนาง หลินต้าเหอที่ถูกมองเป็ไอ้ขี้แพ้มาทั้งชีวิต แต่ตอนนี้กลับกลายเป็คนที่ในหมู่บ้านมีแต่คนอิจฉา เขามีความสุขจนกลัวว่าเขาจะตื่นจากฝันเลยทีเดียว
หลินต้าเหอคิดดูแล้ว จึงกำหมัดแล้วให้คำสัตย์ต่อเฟิงซื่อ “เ้าอย่าได้กังวล!”
เฟิงซื่อเห็นว่าเขาเข้าใจแล้ว จึงหยุดคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าว “ส่วนเื่หลินต้าหลาง ขอบอกเ้าไว้เลยนะ ต้าเหอ อย่าได้ไปยุ่งกับเขา ตอนนี้บ้านเรามีหลินซานหลางแล้ว ข้าเห็นซานหลางเขียนตัวหนังสืออยู่ เขียนได้ดูดีกว่าคำว่าปีใหม่ที่ต้าหลางเขียนให้บ้านเก่านั่นเสียอีก! จะให้ไปคาดหวังกับต้าหลางน่ะ ไม่สู้หันกลับมาหาซานหลางดีกว่า!”
หลินต้าเหอก้มหน้าลงแล้วครุ่นคิด ภรรยาเขาพูดถูก ตอนนี้เขามีหลินซานหลางเป็ลูกชายแล้ว แทนที่จะไปพึ่งพาหลินต้าหลาง สู้เขาเอาเวลาไปปั้นหลินซานหลางให้ดีดีกว่า อย่างไรเสียหลินซานหลางก็เป็คนที่จะสืบทอดต่อจากเขา
ส่วนหลินต้าหลางนั้นเป็ผู้สืบทอดของบ้านคนอื่น
คิดเช่นนี้แล้ว ความกังวลใดๆ ที่เคยมีก็หายไป เขามองผู้เป็ภรรยาแล้วกล่าว “สบายใจได้ ข้าจะดูแลเ้าและซานหลางเป็อย่างดีแน่!”
เฟิงซื่อที่กำลังดีใจที่ในที่สุดสามีนางก็เข้าใจได้แล้วว่าอะไรควรไม่ควร แต่เมื่อได้ยินว่าสามีกลับตัดลูกสาวทั้งสองออกจากสารบบไปเลย นางก็โกรธขึ้นมา แล้วตีเขาอย่างรุนแรงพลางะโ “แล้วพวกลูกสาวของเ้าไม่เคยเกิดมาหรือยังไง นี่เ้าไม่สนพวกนางเลยหรือ?”
หลินต้าเหอตะลึงไป รีบกล่าว “พอพวกนางโตขึ้น พวกนางก็ต้องแต่งออก เมื่อพวกนางออกไปแล้ว ข้าก็จะเหลือแต่เ้ากับซานหลางนะ”
เฟิงซื่อรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็คนหัวแข็งที่รักลูกชายมากกว่าลูกสาว นางจึงไม่พูดอะไรอีกแล้วเดินไปเก็บโต๊ะ
หลินฟู่อินพาหลินเฟิน หลินฟางและหลินซานหลางมายังบ้าน แล้วจึงบอกทั้งสามว่านางซื้อบ้านและร้านในเมืองแล้ว
หลินเฟิน หลินฟาง และหลินซานหลางได้ยินแล้วก็ตะลึงจนสมองหยุดทำงานกันไป ผ่านไปสักพักกว่าจะเข้าใจความหมายของคำกล่าวนั้น
บ้านและร้านในเมืองหรือ?
ฟู่อินซื้อพร้อมกันรวดเดียวเลยหรือ?
หลินเฟินรู้สึกราวกับมีพุ่มดอกไม้เบ่งบานขึ้นภายในใจ และความยินดีที่มีให้หลินฟู่อินก็พวยพุ่งเกินกว่าจะกล่าวออกมาเป็คำพูดไหว
นางคิดว่าในเมื่อหลินฟู่อินซื้อบ้านและร้านในเมืองได้เช่นนี้ สักวันหนึ่งนางก็คงทำได้เช่นกัน!
หลังจากที่หลินเฟิน หลินฟางและหลินซานหลางยืนยันกับหลินฟู่อินแล้วว่ามันไม่ใช่มุกตลก ใบหน้าของพวกเขาจึงะเิความดีใจออกมา
โดยเฉพาะหลินซานหลาง เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าหลินฟู่อินตั้งใจจะซื้อร้านในเมืองเพื่อที่เขาจะได้สามารถไปเรียนในเมือง เขาจึงยิ่งดีใจเป็พิเศษ
“ฟู่อิน บ้านน่ะคุ้มแล้ว แต่ร้านนี่ควรจะปล่อยเช่าใช่หรือไม่?” หลินเฟินค่อยๆ สงบใจลง หลินฟู่อินเป็คนดี เป็คนดีมากจริงๆ นางจึงเสนอทางทำเงินเพิ่มให้หลินฟู่อินไป
และเพื่อหลินฟู่อินแล้ว นางจะพยายามช่วยคิดแผนทำเงินให้อย่างเต็มที่
แต่หลินฟู่อินกลับส่ายหน้า “ข้าซื้อร้านทั้งสองนั้นมาเพื่อที่อยู่ด้านหลัง ข้าอยากหาเงินเพิ่ม ทำสีร้านใหม่ แล้วทำให้มันเป็ร้านขายของชำ ไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนเองก็เอาไปวางขายที่นั่นได้ ส่วนที่ยังไม่พร้อมดีก็เก็บไว้หลังร้านได้”
ทั้งสามนึกว่าหลินฟู่อินซื้อบ้านและร้านมาเพียงร้านเดียวเท่านั้น ก็พากันคิดแล้วว่านางยอดเยี่ยม แต่คาดไม่ถึงว่านางได้มาสองร้านต่างหาก สายตาของพวกเขาจึงยิ่งเบิกกว้างขึ้นอีก
ด้วยวัยของพวกเขา แค่เช่าร้านมาทำกิจการในเมืองได้ก็เรียกได้ว่าน่าอิจฉาแล้ว การซื้อนี่ไม่ต้องคิดเลย ยิ่งเป็การซื้อสองร้านพร้อมกันแล้วด้วย
แต่หลินฟู่อินก็ไม่ปล่อยให้พวกเขาเงียบได้นานนัก นางกล่าว “ตอนนี้เราไม่มีสินค้าสำหรับร้านมากนัก เพราะอย่างนั้นเราจะเน้นไปที่ไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนก่อน และข้าอยากได้คนที่ไว้ใจได้มาช่วยข้าดูร้าน หลังร้านนั้นใช้เป็ที่อยู่อาศัยได้ ที่ข้าคิดไว้คือจะให้พี่ซานหลางไปศึกษาที่โรงเรียน แล้วกินอยู่ที่ร้านนั้น ปิดประตูไปเรียนในตอนกลางวัน แล้วกลับมาอยู่หลังร้านในตอนกลางคืน พี่ซานหลาง ท่านอยู่คนเดียวได้หรือไม่?”
คำพูดของหลินฟู่อินทำให้ใจหลินซานหลางสั่นสะท้านขึ้นมา หลินเฟินและหลินฟางเองก็กำหมัดเพื่อกดข่มความดีใจเอาไว้
“ฟู่อิน ข้าเอาด้วย!” น้ำเสียงของหลินซานหลางสั่นสะท้าน เขาเข้าใจดีว่าหลินฟู่อินกำลังมอบโอกาสที่สำคัญที่สุดในชีวิตให้เขา หากพลาดโอกาสนี้ไปแล้ว เขาก็คงเป็ได้แค่ชาวนาไปชั่วชีวิต แต่ในใจของเขาก็มีความ้าอยู่ และเขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้!
เมื่อหลินเฟินและหลินฟางเห็นหลินซานหลางเอาด้วยแล้ว พวกนางก็ตื่นเต้นขึ้นมาจนน้ำตาแทบเล็ด ราวกับพ่อแม่ที่เห็นลูกกำลังบินออกจากรัง
“ซานหลาง ขอเพียงเ้ามีปณิธานที่จะเรียนหนังสือ ต่อให้พวกข้าจะต้องอดข้าว ต่อให้ต้องขายหม้อขายกระทะ พวกข้าก็จะทำเพื่อให้เ้าได้เรียน!” หลินเฟินพูดแทนคนบ้านสองทั้งบ้าน
ทุกวันนี้หลินซานหลางตามสองพี่น้องออกไปทำงานในตอนกลางวัน และกลับมาฝึกเขียนอักษรในตอนกลางคืนเสมอ และเขายังเอาหนังสือเก่าที่หลินต้าหลางไม่หยิบกลับมารื้อฟื้นมานั่งอ่านด้วย ความจริงจังของเขาเป็ที่ประจักษ์ต่อสายตาของสองพี่น้องแล้ว
อีกทั้งหลินซานหลางยังเป็หนึ่งในครอบครัวของพวกนางแล้ว แม้แต่พ่อแม่ของพวกนางเองก็ยังหาโอกาสช่วยเหลือเขาอยู่เสมอ เพราะเขาก็เป็ทายาทตระกูลหลิน
หลินซานหลางไม่กล่าวอะไร แต่ความแน่วแน่ในสายตานั้นทำให้หลินเฟิน หลินฟาง และหลินฟู่อินพากันนับถือเขาขึ้นมา
“ต้องขอรบกวนท่านให้ไปคุยกับท่านลุงสองเื่ของพี่ซานหลางด้วย” หลินฟู่อินกล่าวจบก็หันไปตบบ่าของหลินซานหลาง “พี่ซานหลาง ข้าเชื่อว่าท่านทำได้”
หลินซานหลางเม้มปากแล้วพยักหน้าแรงๆ ตอนนี้เขาอยากวิ่งไปนอนกอดหมอนร้องไห้เพื่อระบายความตื่นเต้นนี้เสียเหลือเกิน เพราะเขาไม่เคยคิดว่าโอกาสได้เรียนหนังสือของเขาจะมาถึงเร็วเพียงนี้
“ฟู่อิน ขอบคุณเ้ามาก! ข้าจะจัดการเื่การเรียนของซานหลางเอง” หลินเฟินปาดน้ำตาแล้วให้คำมั่นกับหลินฟู่อิน ก่อนจะถามต่อ “แล้วอีกร้านล่ะ?”
