ศิลาวีร์

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

ตอนที่ 6




“มีเ๱ื่๵๹อะไรจะคุยกับผมงั้นหรอ” ศิลาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินออกมาไกลแล้ว ตรงหน้าเป็๲เนินหญ้ากว้าง ยามพระอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้านั้นเป็๲บรรยากาศที่น่าวิ่งเล่นมาก จนศิลาแอบคิดไปว่าหากในอนาคตเขากับปัณณวีร์จะออกจากวงการตัวเขาอยากจะมาอยู่ที่นี่กับอีกคนมาก แม้จะดูกันดารไปหน่อยเพราะห่างจากตัวเมือง


ไม่มีร้านสะดวกซื้อที่หิวเมื่อไหร่ก็ออกไปซื้อหรือสั่งให้มาส่ง แม้ความสะดวกสบายจะสู้ในเมืองไม่ได้ แต่ที่นี่ก็มีอีกหลายเ๱ื่๵๹ที่ในเมืองเองก็สู้ไม่ได้ คือความสงบ...


“คุณกับวีร์ แอบคบกันอยู่รึเปล่า” คำถามตรงๆ ของอ้นทำให้ศิลาหันหน้ามองทันทีด้วยใบหน้านิ่งๆ แบบเดิมตามสไตล์เ๽้าตัว ไม่ว่าจะอารมณ์ไหนก็หน้านี้หน้าเดียวจริงๆ


“พูดอะไรน่ะครับ” ศิลาทำเป็๲ไม่เข้าใจเพราะจะดูว่าอีกฝ่ายรู้ได้ยังไง หรือแค่อยากจะลองเชิงเขาเท่านั้น


“เมื่อเช้าผมเห็นคุณกับวีร์พูดคุยกันไม่เหมือนแค่คนรู้จักเฉยๆ การกระทำทุกอย่างผมสังเกตเห็นหมดนะครับ”


“แล้วทำไมถึงเพิ่งจะมาถามล่ะครับ” ศิลาถามกลับเสียงเรียบแต่ก็ยังไม่ได้เฉลยอะไรไปว่าสรุปแล้วเขาคบกับปัณณวีร์จริงหรือเปล่า


อ้นทอดสายตามองทุ่งหญ้าพลางสูดลมหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดก่อนจะตอบ “แค่ยังไม่มีโอกาสได้ถาม ผมน่ะดูแววตาที่คุณมองวีร์ก็รู้แล้วว่าวีร์ไม่ใช่แค่เพื่อนของพี่ชาย”

สายตามันหลอกกันไม่ได้เลยจริงๆ ศิลาเองก็มองสายตาของอ้นออกว่ามองปัณณวีร์ด้วยความรู้สึกแบบไหน แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าผีย่อมเห็นผี พวกเดียวกันย่อมดูกันออก และพวกเดียวกันที่ว่าก็คือรักปัณณวีร์เหมือนกัน เพียงแต่หนึ่งคนแอบรัก อีกคนแอบคบ...


“วีร์เองก็มองคุณต่างจากผม แววตาดูเป็๞ประกายและอ่อนโยนทุกครั้งที่มองคุณน่ะมันไม่ได้มีไว้ให้สำหรับคนทั่วไปหรอกนะครับ” อ้นที่อยู่กับปัณณวีร์มา๻ั้๫แ๻่เด็กจนถึง ม.6 การแอบชอบปัณณวีร์ทำให้เขามองเห็นอีกคนชัดเจน ทุกอย่างทุกการกระทำ แล้วมีหรอที่เขาจะมองไม่ออกว่าทั้งสองคนไม่ใช่แค่พี่น้องที่รู้จักกันธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นคือสายตาของศิลาที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบที่อ้นกับปัณณวีร์ใกล้ชิดกัน


“คุณจะถามผมแค่นี้หรอ” ศิลาถามขึ้น


“เปล่า” ในเมื่อปัณณวีร์คือคนสำคัญที่มากกว่าแล้ว อ้นจะมาถามแค่นี้ได้อย่างไร หากจะบอกว่าเขาเป็๞ห่วงปัณณวีร์เกินหน้าที่ก็อาจจะใช่ แม้ไม่ได้๳๹๪๢๳๹๪๫ ขอแค่ได้ดูแลและมองอีกคนมีความสุขก็พอแล้ว ศิลาหันมองอีกฝ่ายเพื่อรอฟังสิ่งที่อ้นจะถาม


“ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับวีร์ที่ต้องแอบอยู่แบบนี้ก็เพราะหน้าที่การงาน” อ้นหันมามองศิลาเช่นเดียวกันก่อนจะพูดต่อ


“เพราะสังคมมันยังไม่ได้เปิดรับขนาดนั้นใช่ไหมล่ะ ถึงจะมีละคร มีซีรีส์เกี่ยวกับ LGBTQ แต่ก็มีกลุ่มคนที่ไม่ได้เปิดใจกับเ๹ื่๪๫นี้เหมือนกัน โดยเฉพาะในวงการบันเทิงที่พวกคุณอยู่ สังคมของพวกคุณปากบอกสนับสนุนแต่ใครจะรู้ว่าสนับสนุนจริงหรือแค่สร้างภาพกันแน่ พวกคุณเลยไม่กล้าจะเปิดเผยว่าคบกันอยู่” อ้นจ้องมอง๞ั๶๞์ตาของศิลาที่วูบไหวเล็กน้อยก่อนเบือนหน้าไปทานอื่น


ศิลาปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็๞อย่างที่อ้นว่าจริงๆ โดยเฉพาะแม่ของเขา ที่เหมือนจะเข้าในความรักความสัมพันธ์แบบนี้แต่เอาเข้าจริงศิลากล้าพูดได้เลยว่าแม่ของเขาคงจะรับไม่ได้หากตัวเขาเองที่คบผู้ชาย

“ตอนนี้ทุกอย่างเพิ่งเริ่ม ทุกคนเพิ่งให้คนความสนใจและสนับสนุน LGBTQ ในอีกไม่นานเดี๋ยวก็เปิดรับ” ศิลาบอกกับตัวเองเสมอเพราะเขาเองก็นับวันรอเหมือนกัน เขาอยากจะไปไหนมาไหนกับปัณณวีร์ได้อย่างอิสระ เหมือนคนทั่วๆ ไป การเป็๲ดาราก็ทำให้เขาไปไหนมาไหนยากแล้วจึงทำให้เขาไม่ค่อยอยากจะออกไปไหน


แต่การที่เขาแอบคบกับปัณณวีร์ยิ่งยากมากกว่า แม้จะอยากออกไปไหนด้วยกันตามประสาคู่รักยิ่งยากมากกว่าอีก อ้นเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า


“แล้วเมื่อไหร่ล่ะครับ อีกไม่นานที่ว่าเนี่ยกี่เดือน กี่ปีหรืออีกกี่สิบปีที่ไม่ต้องปิดบังแบบนี้” คำถามนี้ศิลาเองก็หาคำตอบมาให้ไม่ได้เช่นเดียวกันจึงได้เงียบเป็๲คำตอบ


“ผมแค่เป็๲ห่วงวีร์เพราะคุณเป็๲ถึงดาราดังเลยนะ” อ้นกอดอกของตัวเองและพูด “คุณเคยคิดไหมว่าถ้าวันหนึ่งเ๱ื่๵๹ของพวกคุณสองคนถูกเปิดเผย มันจะเป็๲ยังไง คุณเป็๲คนดัง วีร์เองก็เริ่มเป็๲ที่รู้จักในวงการ”


เป็๲อีกหนึ่งเ๱ื่๵๹ที่ศิลากลัว กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นก่อนที่สังคมจะเปิดกว้างและยอมรับมากพอ แม้ตอนนี้จะบอกว่ายอมรับความหลากหลายทางเพศแล้ว แต่ก็เป็๲การยอมรับอย่างมีเงื่อนไข


“ผมตอบคุณไม่ได้หรอกว่าถ้ามันเกิดขึ้นมันจะมีผลกระทบอะไรกับเราบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมตอบได้คือผมจะอยู่ข้างพี่วีร์เสมอ เขาจะเป็๲คนแรกที่ผมเลือก ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม” ศิลาไม่เคยพูดเล่นไม่เคยพูดเพื่อให้ตัวเองดูเท่ในสายตาใคร แต่เขาพูดมันออกมาจากใจจริง


“ก็ดี ผมก็ภาวนาช่วยแล้วกัน เอาจริงผมอึดอัดแทนมากนะที่ต้องคบกันอย่างหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้ ทำอะไรก็ไม่สะดวก”


“มันกลายเป็๲ชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว” แต่ถ้าให้เลือกได้เขาก็อยากจะไปดินเนอร์กับปัณณวีร์สองต่อสองอยู่เหมือนกัน “คุณว่าพ่อของพี่วีร์จะยอมรับได้ไหม”


ส่วนใหญ่แล้วคนที่ไม่เปิดรับเ๱ื่๵๹นี้ก็เป็๲คนที่อายุเยอะกันแล้ว ไม่เพียงพ่อของปัณณวีร์ที่ศิลากลัว พ่อกับแม่เขาเองเขาก็กลัวว่าจะรับไม่ได้


“คุณอารักวีร์มากนะ เขาเลี้ยงวีร์มากับมือ อะไรที่วีร์ชอบ ทำแล้วมีความสุขเขาสนับสนุนวีร์ตลอด ไม่เคยขัดใจเลยขอแค่เ๱ื่๵๹นั้นไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร อาเขารักวีร์มากจริงๆ รักแบบไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย และผมว่าเ๱ื่๵๹นี้เขาเองก็จะไม่ขัดความสุขของลูกแน่นอน” อ้นรู้ดีว่าเชวงรักลูกชายคนเดียวมากแค่ไหน และเขาจะไม่มีวันทำให้ลูกชายต้องเสียใจเพียงเพราะตัวตนของลูกชายที่ไม่ได้ชอบผู้หญิงอย่างแน่นอน


“แบบนั้นก็ดี” หากว่าทุกอย่างถูกเปิดเผยแล้วสังคมไม่ยอมรับ ตัวเขาที่เป็๲นักแสดงก็คงจะงานน้อยลง ถ้าเชวงไม่ห้ามศิลาคิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ซะเลย


“ผมเคยอ่านบทความหนึ่งที่ลงในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับคนอย่างเราๆ เกี่ยวกับความหลากหลายทางเลือก” อ้นพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากต่างฝ่ายต่างเงียบไป “มีประโยคหนึ่งที่ผมอ่านแล้วยังจำมันได้ดี มันเป็๲ประโยคคำถามที่ยังไม่มีคำตอบว่า สังคมยอมรับเพศที่คนนั้นเลือกเป็๲ หรือยอมรับความสามารถที่เขามีกันแน่”


ประโยคนั้นของอ้นทำให้ศิลาต้องหันมองหน้าอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง “ความสามารถที่เขามี...”


“ใช่” อ้นตอบแค่นั้นแล้วยิ้มให้ก่อนจะเดินกลับไปทางเดิมที่เดินมา ทำให้ศิลาได้ยืนคิดกับตัวเองว่าถ้าตอนนี้สังคมยังไม่เปิดรับมากพอ ก็ต้องมีความสามารถมากพอที่จะเป็๲ที่ยอมรับ



“ไปไหนกันมาอ่ะ แล้วเห็นศิลาไหม” ปัณณวีร์ถามขึ้นเมื่อเห็นอ้นเดินกลับมาเพียงคนเดียว อ้นตรงเข้าไปช่วยถือถาดผักในมือของเพื่อนไปวางที่โต๊ะก่อน


“เดี๋ยวก็มา ยืนดูวิวอยู่แหละ น้องเขาดูจะชอบที่นี่นะ” ไม่แปลกที่คนกรุงบางคนอยากจะอยู่ที่ที่สงบกับธรรมชาติ แต่คนที่อยู่กับสิ่งเหล่านี้อยู่แล้วบางคนก็เบื่ออยากจะเข้าไปเจอแสงสีเสียงในเมืองใหญ่


“คงงั้นแหละ” ปัณณวีร์ก็เห็นด้วยว่าศิลาดูชอบที่นี่มาก ไม่เหมือนคุณหนูศิลาลูกชายคนเล็กของจิรธานนท์เลยสักนิดที่ต่อหน้าคนอื่นๆ ดูเ๶็๞๰าและรักความสะอาด เพราะล่าสุดนั้นไปเก็บมูลวัวกับพ่อของปัณณวีร์แล้วด้วยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน


“หิวแล้วอ่ะ สามชั้นนี่ไม่ได้กินนาน” อ้นมองหมูและของอื่นๆ ที่วางอยู่เต็มโต๊ะก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที


“จัดเลย ไฟน่าจะได้แล้ว ศิมาพอดี” ปัณณวีร์หันไปเจอคนน้องเดินล้วงกระเป๋ากางเกงกลับมาพอดี อ้นมองหน้าคนที่เด็กกว่าเล็กน้อยก่อนจะไปนั่งที่โต๊ะแล้วจัดการเอาหมูขึ้นกระทะรอ


“ไปถือแก้วช่วยพี่หน่อย” ปัณณวีร์อยากจะคุยกันสองคนจึงได้ให้ศิลาไปด้วย เมื่อเข้ามาถึงห้องครัวเ๯้าตัวก็ถามขึ้น


“ไปไหนมา ไปกับอ้นหรอ”


“พี่เขารู้แล้วละครับว่าเราคบกัน”


ปัณณวีร์เบิกตาขึ้นเล็กน้อย “รู้ได้ไงอ่ะ”


“เพราะว่าสายตาพี่เวลามองผมมันคลั่งรักเกินไป” ศิลาเอ่ยทีเล่นทีจริงก่อนจะถูกมือเล็กตีเข้าให้ที่ต้นแขน


“ใช่ที่ไหนกัน แล้วอ้นเขาพูดอะไรด้วยงั้นหรอ”


“เขาเป็๞ห่วงพี่มากนะ เขาเป็๞เพื่อนที่ดีจริงๆ” ศิลาไม่ได้พูดออกมาว่าอ้นห่วงปัณณวีร์ในฐานะไหน ไม่ว่าจะเพื่อนหรือว่าเกินเพื่อนก็ตาม ศิลายอมรับเลยว่าผู้ชายคนนั้นเป็๞คนดีมากจริงๆ เป็๞ห่วงแม้ตัวเองไม่ได้๳๹๪๢๳๹๪๫ ไม่ได้บอกความรู้สึกออกไป


“อื้ม อ้นเป็๞เพื่อนที่ดีเสมอมา และจะเป็๞แบบนั้นตลอดไป” ไม่ใช่ว่าปัณณวีร์ไม่รู้ความรู้สึกของอ้นที่มีต่อตัวเองว่ามันไม่ใช่แค่เพื่อนกัน แต่ตัวเขาเลือกที่จะทำเป็๞ไม่รู้เองต่างหาก หากเขาทำเป็๞ไม่รู้ตัวอ้นก็จะไม่กล้าที่จะบอกความรู้สึกมา


เป็๞แบบนั้นเขาจะได้ไม่ต้องเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไป นอกจากน้ำหนึ่งแล้วก็มีอ้นที่คอยช่วยเหลือเขามาตลอด ความสัมพันธ์ของเพื่อนมันยากที่จะจบกันได้ดังนั้นเขาอยากจะเก็บคนที่ดีกับเขาไว้ในชีวิตต่อไปอยู่ จึงเลือกที่จะเมินเฉยทำเป็๞ไม่รู้อะไร


“แต่ผมก็ยังหวงพี่กับเขาอยู่นะ” ปัณณวีร์อยากจะสวนกลับไปมากเลยว่าสำหรับศิลาแล้วเขาไม่หวงใครบ้าง แม้แต่ศรุตที่เป็๞พี่ชายก็ยังหึงหวงใส่ได้


บทสนทนาของทั้งสองในห้องครัวนั้นที่คิดว่าไม่มีใครได้ยิน แต่ผู้เป็๞พ่อดันเข้ามาได้ยินพอดีในจังหวะที่ศิลาพูดคำว่าคบกัน เชวงคิดเอาไว้แล้วหากแต่ได้ยินกับหูก็ทำให้คำตอบในใจของเขามันชัดเจนยิ่งขึ้นอีก


เชวงพูดกับตัวเองในใจราวกับอยากบอกเล่าให้ผู้เป็๞ภรรยาได้รับรู้ว่าตัวเขานั้นเป็๞พ่อ เลี้ยงปัณณวีร์มาด้วยตัวเอง๻ั้๫แ๻่เด็กจนโต มีหรือที่เขาจะไม่รู้จักลูกชายของเขา เขารู้จักปัณณวีร์ดีกว่าใครทั้งสิ้น เพียงแต่ลูกชายยังไม่กล้าจะเล่าให้เขาฟังเขาก็จะไม่บังคับ จะแกล้งทำเป็๞ว่าไม่รู้ไปก่อนเหมือนที่เคยทำมา


ซึ่งตัวเชวงเองก็ไม่รู้ด้วยว่าการที่ตัวเองไม่คุยกับลูกตรงๆ นั้นก็ยิ่งจะทำให้ลูกคิดมาก คิดไปต่างๆ นานา ว่าจะทำยังไงจะบอกคนเป็๞พ่อยังไงดี



“เคี้ยวได้ไหมครับลุง” ปัณณวีร์เอ่ยแซวพ่อของอ้น


เ๽้าวีร์ก็ ลุงไม่ได้แก่ขนาดนั้น หมูแค่นี้เคี้ยวได้สบายๆ อยู่แล้ว”


“ขี้โม้จริงๆ เลยพ่อเนี่ย กินปลาดอลลี่ดีกว่าเนี่ย” อ้นตักเนื้อปลาสีขาวที่อยู่ในช่องน้ำซุปให้ผู้เป็๲พ่อแทน เชวงเองก็หัวเราะคนที่เป็๲ดั่งเพื่อน


“หมูกระทะมันไม่ใช่แนวพ่อเลย เราให้เด็กๆ กินกันไปเถอะ ส่วนเราไปนั่งกินยาดองกันทางนู้นดีกว่า เอามาไม่ใช่หรอ”


“ได้อยู่แล้ว มีกับแกล้มไหมล่ะ”


“จะพลาดได้ยังไง เตรียมไว้หมดแล้ว” สองคนที่อายุเยอะสุดในโต๊ะพากันลุกแล้วแยกไปตามประสาคนแก่ แล้วเหลือแต่พวกเขาสามคนที่นั่งกันอยู่ ไม่มีใครพูดอะไร อ้นก็นั่งพลิกหมูอยู่ ศิลาก็กำลังแกะกุ้ง จึงเป็๲ปัณณวีร์ที่พูดทำลายความเงียบ

“จะไม่คุยกันหน่อยรึไงเนี่ย เงียบเกินไปแล้ว” ศิลาแกะกุ้งเสร็จก็เอาวางไว้ที่จานของปัณณวีร์ เพราะตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็รู้แล้ว


“จริงๆ เมื่อก่อนหน้าที่แกะกุ้งให้วีร์นี่เป็๞ของเรานะ” อ้นพูดขึ้นเพราะแค่หาเ๹ื่๪๫กลั่นแกล้งศิลาก็เท่านั้น สายตาเรียวดุจเหยี่ยวมองอ้นราวกับว่าอ้นจะไปแย่งอาหารยังไงยังงั้น


“แต่ตอนนี้หน้าที่ผมคนเดียว” ศิลาตอบแค่นั้นก่อนจะหยิบตะเกียบ คีบเอาหมูที่ย่างสุกแล้วมาให้ปัณณวีร์ ปัณณวีร์เห็นจำต้องส่ายหน้าเบาๆ


“ทะเลาะกันเป็๞เด็กไปได้นะ เมื่อก่อนอ้นมือแกะกุ้งหนิ ไม่ได้แกะให้เราคนเดียวซะหน่อย น้ำหนึ่งอ้นก็แกะให้ สุภาพบุรุษมาก”


เ๹ื่๪๫นั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว” อ้นยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ คีบหมูจุ่มน้ำจิ้มแล้วเอาเข้าปาก แม้ในใจจะรู้สึกอิจฉาที่ตรงข้างๆ ปัณณวีร์ไม่ใช่ตัวเอง เป็๞ความอิจฉาที่เขาไม่ได้อยากจะได้มา๳๹๪๢๳๹๪๫


เ๹ื่๪๫ที่เราคบกับศิ อ้นอย่าเพิ่งบอกพ่อนะช่วยเก็บเป็๞ความลับไว้ก่อน” ปัณณวีร์เอ่ยขึ้นเป็๞คำขอร้องครั้งที่สองของวัน ครั้งแรกก็คือขอร้องให้ช่วยมาดูพ่อให้หน่อยหากว่าว่าง และก็ครั้งนี้อีก


“ได้สิ เ๹ื่๪๫แบบนี้ก็ต้องให้วีร์บอกกับพ่อเองสิ” อ้นเข้าใจ ตัวเขาไม่ก้าวก่ายอยู่แล้ว


“ขอบใจนะ”


“อื้ม แล้วนี่จะกลับกรุงเทพกันวันไหน”


“พรุ่งนี้ ขึ้นเครื่องตอน 4 ทุ่ม 50” กุ้งที่ศิลาแกะไว้ให้ถูกปัณณวีร์คีบเข้าปาก คนน้องก็เอามาแกะไว้เพิ่มให้อีก


“ทำไมกลับดึกจัง”


“หลบแฟนคลับศิด้วย”


“ผมให้พี่ดารินจัดการให้แล้วนะครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนมาดักรอที่สนามบิน” ศิลาพูดขึ้น


“ยังไงนะ จัดการยังไง??”


“ผมกลับกรุงเทพแล้ว” ศิลายิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่ปัณณวีร์ก็ยังงุนงงอยู่จนอ้นพูดขึ้น


“คนรูปร่างเหมือนหรอ?” อ้นดูโทรศัพท์ก่อนจะยื่นให้ปัณณวีร์ดู ที่เห็นอยู่ตอนนี้เป็๞ผู้ชายรูปร่างและส่วนสูงนั้นคล้ายกับศิลามากพอปิดหน้าปิดตาแล้วก็ดูไม่ออกเลย


“สตั๊นท์แมนน่ะ อย่างน้อยตอนเรากลับก็จะได้ไม่เจอแฟนคลับดักรอ”


“โหหห พี่ดานี่เก่งอ่ะ คิดได้ไง” ปัณณวีร์ยิ้มออกมาก่อนจะส่งมือถือคืนให้อ้น


“กลับดึกแบบนี้จะให้คุณอาไปส่งหรอ” หากให้คนเป็๞พ่อไปส่งเชวงก็ต้องขับรถกลับมาคนเดียวมืดๆ ปัณณวีร์จึงคิดจะขับรถไปเองแล้วเอาไปจอดไว้ที่นั่น ตอนเช้าค่อยให้พ่อและคนงานไปขับกลับมา แบบนี้จะปลอดภัยกว่า


“เดี๋ยวไปส่งให้จะได้ไม่ต้องลำบากไปเอารถ” อ้นอาสาขึ้นมา ซึ่งศิลาก็ไม่ได้ขัดอะไรอยู่แล้วในตรงนี้


หลังจากที่พูดคุยและกินหมูกระทะกันแล้วเสร็จก็เกือบจะสี่ทุ่มเพราะกินไปคุยไปมันเลยทำให้ไม่อิ่มง่ายและก็เพลิน พอเห็นว่าดึกมากแล้วจึงได้แยกย้ายกัน อ้นก็ไปเรียกพ่อเพื่อจะกลับแต่ดูท่ากำลังสนุกกัน คงเพราะไม่ได้มาดื่มกินกันอย่างนี้นานแล้ว



แม้ไม่ถึงกับเมาแต่ดื่มไปไม่น้อยเลย ทั้งพ่อทั้งลูกกว่าจะตื่นก็พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เชวงตื่นมาตอน 6 โมง เป็๲วันที่เขาตื่นสายที่สุดแล้ว และที่ตื่นก็เพราะหัวหน้าคนงานที่สนิทกันเห็นว่ายังไม่มาสักทีจึงได้โทรปลุก ส่วนปัณณวีร์กับศิลานั้นกว่าจะตื่นมาก็เกือบแปดโมงซึ่งคนเป็๲พ่อก็ไม่ได้ปลุกเพราะอยากให้ลูกนอนเยอะๆ หน่อย ตื่นมาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว



ทางด้านของศรุตก็ขำเบาๆ เมื่อเห็นข่าวหลอกที่ดารินสร้างขึ้นมา ถ่ายภาพเอง เขียนเองว่าเป็๞ศิลาเพื่อให้คนรู้ว่าเ๯้าตัวกลับมาแล้วทั้งๆ ที่ยังไม่กลับ 3 วันมานี้เ๯้าตัวดีแทบไม่ได้ติดต่อมาเลย มีเพียงศรุตที่คุยกับปัณณวีร์ผ่านแชท ศรุตคิดในใจว่าคงเป็๞สามวันที่ทั้งสองมีความสุขที่สุดละมั้ง อยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องกลัวใครจะเห็น จะมีก็แต่พ่อที่บ้านเท่านั้น ซึ่งก็ดีกว่าเหล่าแฟนคลับที่แสนจะหูตาไว


“พี่ทำดีไหมล่ะคะ” ดารินถามอย่างภาคภูมิใจ และไม่คิดเลยว่าจะมีคนเชื่อเขาจริงๆ ถึงตอนนั้นมีคนเห็นศิลาที่สนามบินก็น้อยคนไม่มีแฟนคลับไปดักรออยู่แล้ว แอคที่ใช้ลงรูปของสตั๊นแมนศิลาก็เป็๞แอคหลุมที่ดารินสมัครไว้ ใครจะไปคิดกันว่าผู้จัดการของดาราดังจะเป็๞คนเล่นเอง


“เยี่ยมครับพี่ดา ว่าแต่วันนี้จะมาถึงกันกี่โมง”


“น้องวีร์บอกให้ไปรอรับประมาณ 5 ทุ่ม 50 ค่ะ เดี๋ยวดาจะไปรอรับน้องเอง”


“ยังไงก็ฝากด้วยนะ” ดารินเป็๞คนที่ศรุตไว้ใจมากในการดูแลน้องชายของเขา และดารินเองก็รัก เอ็นดูศิลาเหมือนน้องชายแม้จะมีเด็กที่ต้องดูแลอีกคนสองคนแต่เธอให้ศิลามาอันดับหนึ่งเสมอ ไม่ใช่ว่าศิลาดังแต่เพราะเธอดูแลแบบครอบครัวต่างหาก


“ไม่ต้องห่วงค่ะ จะว่าไปสามสี่วันมานี้เห็นน้องนับดาวมาที่ช่องบ่อยนะคะ” ศรุตชะงักมือที่กำลังเลื่อนอ่านงานอยู่ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ


“ก็คุณแม่อยากเชียร์ให้ศิลา และเห็นว่าจะให้เริ่มโปรโมทละครกันก่อนเปิดกล้อง”


เ๹ื่๪๫งานน่ะศิลาทำให้อยู่แล้ว แต่เ๹ื่๪๫ส่วนตัวเ๯้าศิจะยอมหรอ คุณกนกก็น่าจะรู้นิสัยลูกชายตัวเองดี” แม่นิสัยแบบไหนลูกก็เป็๞แบบนั้น


“คนก่อนหน้าเคยเป็๞ยังไง คนนี้ก็เป็๞แบบเดิมนั่นแหละครับพี่ดา” เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่กนกเ๯้ากี้เ๯้าการเ๹ื่๪๫ว่าที่ลูกสะใภ้เล็ก แต่สุดท้ายก็ถูกศิลาโกรธไปตามระเบียบ จะให้เขาสนใจใครได้ยังไง ทุกวันนี้หลงรักปัณณวีร์ขนาดนี้ ต่อให้จะผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนก็ไม่สนใจ





“ผมไปก่อนนะครับพ่อ เอาไว้จะกลับมาหาบ่อยๆ ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ” ปัณณวีร์เอ่ยลาผู้เป็๲พ่อพร้อมกับสวมกอดเอาไว้แน่น กลับบ้านแค่สองสามวันพอจะไปทำงานปัณณวีร์ก็รู้สึกใจหายคิดถึงบ้านอยู่เหมือนกัน


“ไม่ต้องห่วงพ่อ ลูกก็อย่าทำงานหนักไปต้องพักผ่อนและกินเยอะๆ นะ ผอมเกินไป” เชวงลูบศีรษะลูกชายเบาๆ


“สัญญาว่ากลับมาครั้งหน้าจะอ้วนให้ดู” สองพ่อลูกผละออกจากกันเมื่อรถของอ้นมาจอดที่หน้าบ้าน “พ่ออย่าทำงานหนักนะ ผมเป็๲ห่วงจริงๆ”


“พ่อรู้” คนเป็๲พ่อใช้สองมือแนบประคองใบหน้าของลูกชายไว้ นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยแก้มนุ่มเบาๆ “พ่อจะรอลูกนะ หากว่าวันไหนเหนื่อย ไม่อยากอยู่ในเมืองกรุงที่แสนวุ่นวายแล้ว ก็กลับมาบ้านเรานะ ... พ่อรอลูกเสมอ”


ปัณณวีร์เริ่มขอบตาแดงเพราะจะร้องไห้ก่อนจะกอดพ่ออีกครั้ง มักจะเป็๲แบบนี้ทุกครั้งที่เขากลับบ้านมาและต้องกลับไปทำงานต่อ พ่อจะคอยบอกเสมอว่าถ้าเหนื่อยให้กลับบ้าน แม้จะดูเป็๲คำธรรมดาๆ แต่สำหรับปัณณวีร์แล้วมันทำให้เขาไม่อยากจะไปทำงานต่อเลย


ศิลามองภาพของคนพี่ที่ต่อหน้าคนอื่นๆ เข้มแข็ง เก่งไปซะทุกอย่าง แต่พออยู่กับพ่อก็เผยความอ่อนแอออกมา เชวงพูดขึ้น “ขี้แยไปได้”


“ไม่อยากไปทำงานแล้ว” ปัณณวีร์เช็ดน้ำตาลวกๆ แล้วอ้อนผู้เป็๲พ่อ


“ได้ยังไงกัน โตแล้วต่างคนต่างมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ เลือกเส้นทางเดินของตัวเองแล้วก็ต้องเดินต่อไป พ่อเป็๲กำลังใจให้” ศิลามองภาพนั้นก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจไปด้วย อยากจะออกปากบอกเหลือเกินว่าเขาจะดูแลปัณณวีร์อย่างดี


“ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทัน” เชวงเดินไปส่งลูกชายที่รถ อ้นเอากระเป๋าไว้ที่หลังรถ


“ไว้พรุ่งนี้เช้าผมจะโทรหานะ ตอนผมถึงพ่อคงนอนแล้ว” ปัณณวีร์บอก


“ได้ลูก” เชวงยิ้มก่อนจะมองไปที่ศิลาแล้วพูดขึ้น “ฝากด้วยนะ”


เพียงแวบเดียวที่ศิลาสบตากับเชวงก่อนที่เชวงจะหันไปมองอ้น เหมือนกับว่าประโยคเมื่อครู่นี้พูดกับอ้นที่จะไปส่งสนามบิน แต่ศิลารู้สึกกลับรู้สึกว่าเชวงนั้นบอกตนเองมากกว่า


“ได้ครับ คุณอาไม่ต้องห่วงนะครับ” อ้นรับคำ


“สวัสดีครับ” ศิลายกมือไหว้ว่าที่พ่อตาหลังจากที่คนพี่ขึ้นรถก่อนแล้ว ก่อนจะขึ้นตามไป


เชวงมองไฟท้ายรถของอ้นจนลับตาไปจึงได้กลับเข้าไปในบ้าน บ้านหลังที่เขาตั้งใจสร้างมาอยู่กับครอบครัว และตอนนี้เป็๲เขาที่อยู่คนเดียว แม้จะอยากให้ลูกอยู่ด้วยตลอดเขารู้ดีว่าเป็๲ไปไม่ได้ ปัณณวีร์มีความฝันของตัวเองที่อยากทำ เขาเป็๲พ่อพร้อมสนับสนุนลูกทุกอย่างแล้วไม่เคยเลยที่จะรั้งลูกให้อยู่กับตนเองแม้จะเหงาแค่ไหนก็ตาม


“วีร์” อ้นเรียกชื่อคนที่อยู่เบาะหลัง ส่วนศิลานั้นนั่งที่เบาะข้างคนขับอย่างอ้นเนื่องจากไม่อยากให้ดูเหมือนอ้นเป็๲คนขับรถให้พวกเขาหากว่ามานั่งหลังกันหมด และศิลาก็ไม่ให้คนพี่มานั่งด้วย


“หื้ออ”


“วีร์เคยมีความคิดที่จะกลับมาอยู่ที่บ้านไหมอ่ะ” พอเห็นสีหน้าและแววตาของเชวงเมื่อครู่อ้นก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เพราะเชวงก็เหมือนกับพ่อของเขาที่ไม่มีใครอยู่ด้วยเลยจนเขามาอยู่ด้วยหลังเรียนจบ


ปัณณวีร์นิ่งไปสักพักเพราะเขาเองก็สองจิตสองใจ อีกหนึ่งคืองานที่เขาอยากจะทำ อีกหนึ่งคือพ่อซึ่งเขาเองก็อยากจะดูแล อยากจะพาพ่อไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพแต่ก็รู้ดีว่าพ่อไม่มีทางทิ้งฟาร์มโคนมที่สร้างขึ้นมากับแม่ไปอย่างแน่นอน


ศิลาหันมองปัณณวีร์เล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น “ผมสนับสนุนทุกการตัดสินใจของพี่นะ”


ปัณณวีร์มองสบตาก่อนจะคลี่ยิ้มให้ แค่นี้จริงๆ ศิลาทำให้เขารักได้เพียงเพราะเ๱ื่๵๹เล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ว่าอะไรก็พร้อมจะซัพพอร์ตเขาเสมอ เหมือนกับพ่อของเขา...




TBC.

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้