ตลอดทางไปห้องเรียน ยังมีเด็กชายหลายคนสะพายกระเป๋าไปเรียน
เมื่อพวกนางไปถึงห้องเรียน หลินจวินเซิงกำลังยืนต้อนรับพวกนักเรียนอยู่ด้านหน้าประตู
ครั้นเห็นน้องหกกับพวกหนิวซื่อ ั์ตาของเขามีความผิดหวังแล่นผ่าน
“แม่หนู พี่สาวเ้าไม่มาส่งหรือ!” หลินจวินเซิงยิ้มพลางลูบหัวน้องหก
“ท่านพี่มีธุระเ้าค่ะ ท่านบอกว่าจะไม่ออกจากเรือนครึ่งปี จะใช้เวลาบำเพ็ญตนอยู่ในเรือน ต่อไปจะไม่ให้คนััตัวส่งเดชและอาศัยโอกาสนี้มาเอาเปรียบเ้าค่ะ ท่านพี่บอกว่านี่คือการบำเพ็ญตนอย่างหนึ่ง” น้องหกรู้สึกเขินอายเล็กน้อย หลังจากรายงานเื่ของพี่สาวเสร็จเรียบร้อยก็ไปยืนข้างกายของหลินจวินเซิง
เมื่อถูกสายตากลมโตจ้องมาอย่างเคารพนับถือ หลินจวินเซิงรู้สึกตนเองมีประโยชน์มาก “ตอนนี้เ้ายังไปริมแม่น้ำอีกหรือไม่?”
“ข้าไม่ไปแล้วเ้าค่ะ อาจารย์” เมื่อถูกจี้โดนความเ็ปในอดีต น้องหกรีบพูดแย้งขึ้นมาอย่างรู้สึกอับอาย
หนิวซื่อเมื่อเห็นนางมาถึงแล้วได้รับความรักจากหลินจวินเซิง นางจึงรู้สึกชื่นชมมาก นางกังวลเื่ที่เด็กหญิงเข้าเรียนมาตลอดว่าเข้าไปแล้วจะถูกคนรังแกซึ่งเื่นี้ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น ดูเหมือนนางจะสามารถกลับเรือนไปได้อย่างสบายใจแล้ว
“อาจารย์ ศิษย์ช่วยท่านดีกว่าเ้าค่ะ สั่งข้ามาได้เลย” เมื่อเห็นหลินจวินเซิงงานยุ่ง น้องหกจึงเสนอตัวเข้าไปช่วยเหลือ
“ได้ๆ มายืนต้อนรับนักเรียนใหม่ตรงนี้มา” หลินจวินเซิงต้องรับมือกับผู้ปกครองที่มาสอบถาม ดังนั้นเมื่อมีน้องหกมาเสนอตัวแบ่งเบาภาระไป เขาเต็มใจที่จะมอบงานให้นางกับอาเซิงช่วยกันทำ
หลังจากเด็กๆ ทั้งสองรับงานไป ต่างทำงานกันอย่างดี แม้น้องหกจะไม่ค่อยหนักแน่นสักเท่าใด แต่ด้วยความปากหวาน ผู้ใดพบเห็นล้วนยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู
“ท่านลุงท่านป้าเชิญทางนี้เ้าค่ะ ท่านอาจารย์อยู่ด้านในเ้าค่ะ มีเื่ใดสอบถามสามารถเข้าไปหาได้เลย ส่วนเสี่ยวหลินตามข้ามา เด็กผู้หญิงมาทางนี้ เด็กผู้ชายไปทางนั้นนะ...”
เด็กชายร้องเรียกชื่อแต่ละคน จนคนที่ถูกทักทายชอบมาก อาเซิงเป็คนหนักแน่น ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมทั้งยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ เด็กน้อยพวกนั้นจึงเชื่อถือพวกเขามาก มีความสามารถ...พี่ชายข้างบ้านคิด ดังนั้นทั้งสองคนร่วมมือกันทำงานได้ไม่เลวเลย หลินจวินเซิงเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนรับแขกได้ดี จึงวางใจในการตอบคำถามพวกผู้ปกครองพวกนั้น
“ฮ่าๆ มีเด็กผู้หญิงมาเรียนด้วยหรือนี่”
ขณะที่น้องหกร้องทักทายอยู่นั้น มีเสียงแหลมเล็กดังขึ้นมา
คิ้วของอาเซิงขมวดแน่น จากความรู้สึก เสียงนี้คล้ายจะไม่ค่อยดีกับพวกเขาเท่าใดนัก รู้สึกเหมือนมาหาเื่เลย
“โอ้ แม่หนูกิ่งไม้นี่เอง ดูสิแขนขาผอมเล็กนี่ บีบแล้วคงไม่มีเนื้ออะไรเลย”
น้องหกกับอาเซิงหันไปมอง คนที่มาเป็จ้าวชุนฮวานี่เอง
คนที่เดินนำมาคือเด็กชายอายุประมาณสิบขวบชื่อโก่วจื่อ อายุเท่านี้มาเรียนถือว่าไม่เด็กแล้ว อีกทั้งร่างกายของโก่วจื่อนั้นแข็งแรงมาก ปกติแล้วเพื่อนๆ ที่เล่นกับพวกเขามีจำนวนไม่น้อย ในหมู่บ้านนี้โก่วจื่อถือเป็พี่ใหญ่ของเด็กๆ
เนื่องจากความขัดแย้งของครอบครัวจ้าวชุนฮวาและเฉินเนี้ยนหราน จึงทำให้โก่วจื่อเอาความเกลียดไปลงที่น้องหกและอาเซิงเช่นกัน
เด็กชายมองไปทางน้องหกด้วยความท้าทาย โก่วจื่อพูดออกมาเสียงเย็น “เด็กผู้หญิงตัวเท่ากิ่งไม้เช่นนี้ ข้าจับสองทีก็สามารถทำให้นางลงไปนอนกองกับพื้น เหอะ เด็กน่าเกลียด หน้าตาน่าเกลียดแล้วยังทำอะไรแปลกๆ”
จู่ๆ ก็ถูกเหยียดหยาม น้องหกจึงกรีดร้องแล้วออกตัวจะวิ่งพุ่งเข้าใส่
“เข้าเรียน เข้าเรียนแล้ว” ทันใดนั้นเอง หลินจวินเซิงซึ่งอยู่ด้านในเรียกพวกเด็กที่จะทะเลาะกันได้ทันเวลา การเข้าเรียนทำให้หลีกเลี่ยงการทะเลาะกันได้
แน่นอนว่า หลังจากเลิกเรียนแล้ว อาเซิงกับน้องหกกลับบ้านกันในวันแรก น้องหกเดินกลับบ้านด้วยฝีเท้าที่ไม่มั่นคง
“เฮ้ แม่นางตัวแสบ ไม่ไหวก็บอกกับนายหญิงเถิด หากเ้าเป็เช่นนี้ต่อไปเกิดเื่ใหญ่ขึ้นมาจะทำอย่างไร?” อาเซิงเห็นน้องหกที่ถูกต่อยหนักๆ ทนมองไม่ไหว
ตอนเลิกเรียน โก่วจื่อนั้นลากน้องหกเข้าไปที่เปลี่ยวแล้วต่อยนางหนักๆ หากไม่ใช่เขาวิ่งไปได้ทันเวลา เกรงว่าแม่นางตัวแสบคงถูกต่อยจนเละไปแล้ว แม้จะเป็เช่นนั้น แม่นางตัวแสบกลับห้ามไม่ให้เขาบอกเฉินเนี้ยนหราน
ซึ่งเขารู้ว่านางกลัวนายหญิงจะเป็กังวล ดังนั้นจึงไม่บอก แต่เื่เช่นนี้ไม่พูดออกมาจะดีจริงๆ หรือ! อาเซิงรู้สึกว่าหากมีเื่ใดล้วนไม่ควรปกปิดนายหญิง
“อาเซิง หากเ้าบอกท่านพี่ ข้ากับเ้าขาดกัน ข้าไม่อยากให้ท่านพี่เป็ห่วงั้แ่วันแรกที่เข้าเรียน อีกอย่าง เื่ที่โก่วจื่อทำร้ายข้า ข้าจะเอาคืน เหอะ เขากล้ารังแกข้า ข้าจะกัดเขากลับไป”
น้องหกกำหมัด ครั้งหน้านางจะต้องคว้าโอกาสไว้ แล้วต่อยกลับไป ท่านพี่เคยพูดไว้ว่าคนอื่นตบเราครั้งหนึ่งเช่นนั้นจะต้องกัดกลับ
เมื่อเห็นท่าทางราวกับเด็กตัวแสบ อาเซิงจึงไม่ได้พูดอะไร
ทั้งสองคนกลับเรือน คราแรกเฉินเนี้ยนหรานไม่ได้สนใจ ระหว่างนั้นนางมองสถานการณ์ออกเล็กน้อยแต่แกล้งทำเป็ไม่รู้เื่ เื่บางเื่น้องหกไม่ยอมพูดกับนาง นางจะแกล้งทำเป็ไม่รู้
นางเชื่ออาเซิงซึ่งเป็คนหนักแน่น มีเขาอยู่คงไม่ทำให้น้องหกเสียเปรียบเกินไปนัก อีกทั้งน้องหกไม่สามารถเติบโตอยู่ภายใต้ปีกของนางตลอดไป เป็ลูกของครอบครัวคนจนต้องเรียนรู้ที่จะเติบโต
แม้จะไม่ค่อยออกจากเรือนเท่าใด แต่สองสามีภรรยาหนิวซื่อได้สร้างกำแพงให้สูงขึ้นมาอีกสักเล็กน้อย เช่นนี้จึงทำให้เฉินเนี้ยนหรานออกมาเดินเล่นได้สะดวก
เมื่อเฉินเนี้ยนหรานตั้งครรภ์ได้สามเดือนครึ่ง เรือนข้างๆ ก็สร้างเสร็จแล้ว แต่เ้าของเรือนไม่เคยมาเชิญดื่มสุรา จุดนี้ทำให้ผู้คนแปลกใจนัก
โชคดีที่ไม่นานจากนั้น ป้าฝูคนนั้นเอ่ยออกมาว่า เพราะพวกนางมาช่วยเ้านายดูแลเรือน ส่วนสุราแสดงความยินดีนั้น ต่อไปเ้านายมาอยู่แล้วค่อยดูว่าจะเลี้ยงหรือไม่ พวกเขาที่เป็คนดูแลเรือนไม่รับผิดชอบด้านนี้ แต่เงินเดือนนั้นจ่ายให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
จากคำพูดนี้ คนในหมู่บ้านล้วนรู้กันอย่างชัดเจนแล้วว่า ที่ครอบครัวฝูมาพักอาศัยที่นี่เพียงแค่มาช่วยดูแลเรือนเท่านั้น ตอนนั้นเองคนในหมู่บ้านต่างพากันคาดเดาว่าเ้านายของครอบครัวฝูนั้นจะเป็ผู้ใด
แม้แต่เฉินเนี้ยนหรานเองบางครั้งก็ทายว่าเ้านายของครอบครัวฝูคือผู้ใด
นางทายไปทายมาก็ไม่มีทางทายถูกว่า เ้าของเรือนนี้จะเป็คนที่ตนรู้จัก
ตอนที่ตั้งครรภ์ได้ห้าเดือน นางได้ยินข่าวจากหนิวซื่ออย่างไม่ได้ตั้งใจว่า
คุณชายห้าออกเรือนแล้ว!
“ได้ยินว่างานแต่งจัดได้ธรรมดามาก ฮูหยินสกุลโจวบอกว่าให้จัดธรรมดาสักหน่อย แต่คนเช่นนั้น เ้าพูดสิว่าจะธรรมดาเพียงใด คนที่เขาไปสู่ขอเป็ถึงคนของราชวงศ์เชียวนะ จะธรรมดาได้สักเพียงใดกันเชียว! แค่พูดถึงโต๊ะงานเลี้ยงก็จัดไปร้อยกว่าโต๊ะแล้ว เช่นนี้ถือว่าเป็การจัดแบบธรรมดาหรือ เ้าว่ามาสิ หากจัดแบบยิ่งใหญ่ เช่นนั้นจะต้องมีโต๊ะสักเท่าใดกัน?” หนิวซื่อไม่รู้เื่เ้านายของตนกับคุณชายในอำเภอคนนั้น นางแค่พูดเื่ที่ได้ยินจากคนในหมู่บ้านเท่านั้นเอง
แต่เฉินเนี้ยนหรานที่อยู่ข้างกาย ทำเพียงก้มหน้ารับคำเบาๆ หากมองดีๆ จะเห็นว่ามือที่ถือเข็มของนาง มีเส้นเืเขียวปูดออกมา เขา...สุดท้ายก็ได้ออกเรือนกับสตรีร่างกายอ่อนแอที่หมั้นกันั้แ่เด็กสมปรารถนา ดีนัก ช่างดีนัก
“ออกเรือนแล้วหรือ ออกเรือนแล้ว...เป็เื่ที่ดี” เฉินเนี้ยนหรานตอบหนิวซื่อด้วยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“เป็เื่ที่ดีหรือ” หนิวซื่อร้องเหอะออกมาเสียงเย็น “ข้าว่านะ ไม่เห็นจะเป็เื่ดีอย่างไร เ้าไม่ได้ยินคนที่กลับมาจากงานเลี้ยงพูดหรือ งานเลี้ยงออกเรือนนั่น ตอนที่เข้าประตูมา คนของสกุลโจวยังไม่ทันได้ทำพิธีตามปกติเลย ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น เ้าสาวผู้เป็ญาติของราชวงศ์ยังไม่ทันได้เข้าเรือนกลับเห็นเืบนพื้น จากที่ได้ยินมาว่าเป็เืที่กระอักออกจากปาก เ้าว่าในวันมงคลก็เืออกเสียแล้ว เฮ้อ คุณชายห้าคนนั้นเป็คนเก่งกาจนะ น่าเสียดาย คาดว่าคงแต่งคนที่จะมาใช้หลุมศพเข้าเรือนเสียมากกว่านะ”
“กระอักเื? เพิ่งจะเข้ามาก็กระอักเืเลยหรือ?” คิ้วของเฉินเนี้ยนหรานขมวดแน่น ดูเหมือนว่าครั้งนี้โจวอ้าวเสวียนจะ...โชคร้ายจริงๆ
“แน่นอน จากที่ข้าได้ยินมา ตอนเ้าสาวจะแต่งออกก็พะอืดพะอม จากนั้นหายใจไม่คล่อง อึดอัดมาตลอดจนถูกรับมาที่สกุลโจว สุดท้ายมาถึงสกุลโจวยังคงหายใจไม่สะดวก เจอเื่วุ่นวายไปรอบหนึ่งสุดท้ายกระอักเืออกมา หลายคนต่างคาดเดากันว่า เ้าสาวคนนี้แต่งเข้ามาแล้ว ต่อไปคงต้องจัดงานศพเสียแล้ว มิน่าคนในสกุลโจวบอกว่าจัดงานให้ธรรมดา หากเปลี่ยนเป็ครอบครัวข้าแต่งเ้าสาวเช่นนี้เข้ามา คาดว่าข้าคงต้องยิ่งจัดธรรมดาเข้าไปอีก เฮ้อ น่าเสียดายคุณชายห้าที่แสนเก่งกาจ”
“พี่สะใภ้ เหตุใดท่านจึงรู้ว่าเขาทุกข์ใจมาก บางทีเพราะเื่ออกเรือน อาจยิ่งยินดีขึ้นไปอีก ได้กำไรไม่น้อย พวกเ้าเห็นแค่ภายนอก เื่ภายในนั้นเ้าไม่เข้าใจหรอก”
ด้วยความชาญฉลาดของโจวอ้าวเสวียน เขาคงไม่ปรารถนาเป็ขุนนางแต่เลือกเดินในเส้นทางการค้าที่มีโอกาสก้าวหน้ามากที่สุดในอนาคต สามารถทำให้เขาตัดสินใจลงทุนเดินบนเส้นทางการค้า หนทางในภายภาคหน้าจะต้องเรียบง่ายเป็แน่
การออกเรือนกับญาติของราชวงศ์ เพียงจัดเ้าสาวมาวางไว้ในห้อง เื่เล็กเช่นนี้ โจวอ้าวเสวียนทำได้แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อเป็เช่นนี้ เกรงว่าโจวอ้าวเสวียนจะต้องเข้าไปในเมืองหลวงแน่ และหยิบยืมอำนาจของทางเ้าสาวมาช่วยพัฒนาขึ้นไปอีก
เฉินเนี้ยนหรานสามารถคิดได้เลยว่า ในปีนี้เ้าสาวของโจวอ้าวเสวียน แม้จะปางตายแต่คงไม่ตายในตอนนี้ จะอย่างไรก็ต้องมีชีวิตที่ดีสักปีถึงสองปี แน่นอนว่าหลังจากหนึ่งปีสองปีเ้าสาวคนนั้นคงไม่มีคุณค่าให้ใช้ เกรงว่าตอนนี้คงไม่สามารถพูดได้ว่าจะเป็อย่างไร
มือยกขึ้นไปลูบท้องที่นูนขึ้นมา ข้างในนี้เป็ลูกของนางกับโจวอ้าวเสวียน ไม่ เป็ลูกของนาง ไม่ใช่โจวอ้าวเสวียน
เด็กคนนี้จะให้โจวอ้าวเสวียนรู้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่ได้เด็ดขาด! ข่าวนี้ยิ่งทำให้เฉินเนี้ยนหรานแน่วแน่ ไม่สามารถให้เขารู้ถึงการมีอยู่ของลูก
“พี่สะใภ้ พรุ่งนี้เ้าหารถให้ข้าออกไปข้างนอกสักหน่อยสิ ข้าไม่สามารถอยู่บำรุงครรภ์ที่นี่เฉยๆ ได้ ข้าเกรงว่าหากข้าทำได้ไม่ดีจะปกป้องเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้ ไปอยู่ในเขต ข้าจะต้องไปเลี้ยงลูกที่เขต”
หนิวซื่อคิดไม่ถึงว่านางจะพูดว่า้าออกไป จึงมองนางนิ่งค้างอยู่ครู่หนึ่ง “ไปในเขต? เช่นนี้จะต้องเช่าเรือน ในเวลาชั่วครู่เช่นนี้จะหาที่เหมาะสมได้อย่างไร สู้ให้สามีของข้าเข้าไปดูสักรอบ เช่าเรือนดีๆ ได้แล้วค่อยไป อีกอย่างท้องของเ้าใหญ่จริงๆ อยู่ในเรือนไม่ออกไปข้างนอกเลยคงยาก อีกทั้งต่อไปคนตั้งครรภ์ต้องออกกำลังมากสักหน่อย อยู่ที่เขตสามารถตามหาหมอตำแยพวกนี้ง่ายสักหน่อย ไปที่เขตก็ดีเช่นกัน เดี๋ยวข้าจะบอกกับทุกคนว่าเ้าไปเยี่ยมญาติ ส่วนเรือนนี้ข้ากับสามีจะคอยดูแลให้ เ้าวางใจเถิด ที่ดินในปีหน้า ข้าจะให้สามีหาคนมาช่วยลงมือ”
