เจิ้งเทียนหู่ยังคงฮัมเพลงอารมณ์ดี ไม่อาจรู้ซึ้งถึงชะตากรรมตัวเองในเวลาอันใกล้ได้ ในจังหวะนั้นเอง อยู่ๆ ร่างของหญิงสาวปริศนาพลันปรากฏตรงหน้าเจิ้งเทียนหู่จังๆ เธอสวมชุดกระโปรงสีขาวพลิ้วไหวท่ามกลางราตรีอันมืดมิด แสงจันทร์สลัวอาบไล้เงาสตรีเบื้องหน้าเขา!
อนิจจา... เจิ้งเทียนหู่ผู้โง่เขลาหารู้ไม่ สตรีชุดขาวเป็เจิ้งหยวนนั่นเอง เจิ้งเทียนหู่ต้องเห็นเธอเป็คนแรกแน่ เว้นเสียแต่ว่าเขาจะตาบอด
เจิ้งเทียนหู่มองภาพเบื้องหน้าอย่างเหลือเชื่อ เสียงขาดหายไปเหมือนโดนคนบีบคอ
ทันใดนั้นเอง อยู่ดีๆ หมอกควันพลันพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้น ท่ามกลางหมอกหนามีสตรีคนหนึ่งยืนอยู่ ทั้งที่เป็คืนอับแสง พอมองเห็นเธอสลัวๆ แต่ก็ยังชัดเจนพอว่าเธออยู่ตรงหน้าเขาใกล้มากเพียงใด เธอสวมชุดกระโปรงยาวสีขาว ผมยาวเฟื้อยปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง แต่ไม่อาจปิดใบหน้าขาวซีดและรอยเืที่ใบหน้าซีกล่างได้! เธอค่อยๆ เอียงคอ ร่างกายขยับกึกกักอย่างคนไร้ชีวิต
และเบนสายตาอาฆาตแค้นหมายทิ่มแทงร่างเจิ้งเทียนหู่
เจิ้งเทียนหู่พลันขนลุกชันไปทั้งตัว หูแว่วเสียงดังอื้ออึง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงข่าวลือผีเฮี้ยนของกระท่อมมุงหญ้าในหมู่บ้าน เห็นว่าเคยมีสะใภ้สาวอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน เขาไม่เคยเชื่อข่าวลือไร้สาระนั่นสักครั้ง แต่พอเจอเช่นนี้... หรือมันจะเป็ความจริง? ชั่วขณะนั้นเองกระแสลมเย็นพลันพัดมาจากข้างหลัง
หนาวสะท้านอึมครึม น่ากลัวเสียจนเขาเข่าเปลี้ย ล้มพับลงไปกองกับพื้น
“ผู้ชาย… คิกๆ มีผู้ชายมางั้นเหรอ…” เสียงประหลาดเล็กแหลมเสียดแก้วหูเหมือนลอยมาจากทุกทิศทาง ซ้ำร้ายยังมีเสียงสะท้อนดังกังวานรอบใบหู ทะลวงเข้าไปในสมองเขาราวกับงู ทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อ้าปากแม้แต่นิดเดียว!
ผะ... ผี!
เจิ้งเทียนหู่อยากร้องะโ แต่ดันร้องไม่ออก เขาคิดจะตะเกียกตะกายวิ่งหนีไป ทว่าเข่ากลับอ่อนเปลี้ย เอาเท้ายันพื้นกี่ครั้งก็ลุกไม่ขึ้นสักที
“ช่วย—ช่วย—” เขาอยากเรียกคนมาช่วย แต่ทว่าอยู่ๆ ประตูข้างหลังกลับถูกลมพัดจนกระแทกปิดเสียงดังสนั่น
เจิ้งหยวนแอบขอบคุณ์ที่ให้ความร่วมมือ ทว่าเจิ้งเทียนหู่กลับใกลัวจนแทบร้องไห้ จากนั้นเขาก็เห็นผีสาวลอยเข้ามาหาท่ามกลางดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา ใช่ ลอยเข้ามาหา! เธอยื่นมือขาวซีดเผือด
กระทั่งเล็บยังดำปี๋ออกมา! หูแว่วได้ยินเสียงผีสาวร่ำไห้คร่ำครวญดังสะท้อนเป็ระลอก
“ฮือ... ฮือ....”
แม้จะได้ยินเสียงร่ำไรรำพัน แต่ผีสาวเบื้องหน้ากลับกำลังฉีกยิ้มอยู่ เธอแสยะปากกว้างเผยให้เห็นของเหลวสีแดงสดที่อาบไปทั่วทั้งปาก!
“ฉันไม่เจอผู้ชายมาหลายปีแล้ว… ฉันอยู่ข้างล่างคนเดียว มันหนาวเหลือเกิน… มาอุ่นร่างกายให้ฉันเถอะนะ?”
“มะ... ไม่ ไม่––”เจิ้งเทียนหู่แทบจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดกรีดร้องปฏิเสธ เขากระเสือกกระสนพยายามหนีอย่างขวัญเสีย แต่กลับค้นพบว่าหนีอย่างไร ก็ไม่พ้นมือที่ผีสาวยื่นออกมา
ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว!
ผีสาวตนนั้นเข้ามาใกล้แล้ว!
เจิ้งเทียนหู่เห็นใบหน้าผีสาวชัดยิ่งกว่าเดิม!
ใบหน้านั่นมันอะไรกัน ดวงตาของเธอแดงก่ำแล้วยังมีเืติด! หน้าขาวซีดไร้เืฝาด เบ้าตาดำลึกโบ๋
ฉายชัดว่าเป็คนตายที่ถูกฝังใต้ดินมานานหลายศตวรรษ!
คนตาย! คนตาย!
ผี!
ชั่ววินาทีที่มือเธอแตะคอเจิ้งเทียนหู่ ััเย็นเยียบเสียดแทงเข้ามาในสมองของเขาราวกับคมมีด เจิ้งเทียนหู่ตัวสั่นเทาทันที ดวงตาเหลือกลอย จนแล้วจนรอดดันเป็ลมหมดสติไป
“ฉันจะทำให้คุณมีความสุ–”
“อ้าว เป็ลมไปซะแล้ว?” ยังไม่ทันได้จบประโยคดี ในเมื่อสถานการณ์เป็เช่นนี้
เจิ้งหยวนในร่างผีสาวจึงย่อตัวลงมาตบหน้าเจิ้งเทียนหู่ เขาไม่ตอบสนองสักนิด
“เจิ้งเทียนหู่? เจิ้งเทียนหู่?” เจิ้งหยวนเรียกเขา
เจิ้งเทียนหู่ยังคงไม่ขยับดังเดิม
“ดูท่าจะเป็ลมไปแล้วจริงๆ” เจิ้งหยวนเดาะลิ้น ก่อนเอ่ยเสียงดูถูก “โคตรขี้ขลาดเลย” บทผีสาวที่เธอบันทึกเสียงไว้ยังเล่นไม่จบเลย มิหนำซ้ำ เธอปิดจมูกด้วยความรังเกียจ เ้าเจิ้งเทียนหู่นี่กลัวจนฉี่ราดด้วย!กลิ่นสาบปัสสาวะหึ่งเลย
“มา… สิ… ฮิๆๆ”
“โอ้โฮ…” เจิ้งหยวนกุมหน้า แม้เธอจะเป็คนอัดมาเอง แต่จำต้องยอมรับว่าเสียงปลอมที่ใช้เอฟเฟ็กต์พิเศษดัด ครั้นได้ยินตอนกลางคืนที่มืดจนมองไม่เห็นรอบข้างแล้วค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว เสียงหัวเราะเลื่อนลอยผิดปกติเสียดแทงแก้วหู ทำเอาคนขนหัวลุกไปหมด
เจิ้งหยวนหยิบโทรศัพท์บนสเกตช์บอร์ดขึ้นมาปิดคลิปเสียง บรรยากาศจึงเงียบสงบลงในที่สุด
เธอมองเจิ้งเทียนหู่บนพื้นและเหยียดยิ้มเยียบ ก่อนเริ่มแผนการถัดไป
คิดว่าเธอจะขู่เจิ้งเทียนหู่แค่นี้จริงๆ หรือ?อย่าล้อเล่นน่า นั่นมันสบายเกินไปด้วยซ้ำ
ผู้ชายคนนี้เป็ตัวต้นเหตุที่ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมกับพี่ชายและพี่สะใภ้เธอในชาติก่อน ชาตินี้ยังลงมือโเี้ทำร้ายพี่ชายเธอ เธอฆ่าเขาไม่ได้ แต่รับรองว่าจะมอบบทเรียนไม่มีวันลืมลงแก่เขา
เจิ้งหยวนดัดนิ้วมือจนข้อต่อดังลั่น จากนั้นออกแรงข่วนคอของเจิ้งเทียนหู่ให้เป็รอยคล้ายถูกเล็บแหลมข่วน เพื่อให้เล็บตัวเองใช้การได้ เธอถึงขั้นลับเล็บตัวเองจนแหลมโดยเฉพาะ!
ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังถอดเสื้อผ้าของเจิ้งเทียนหู่ออก คว่ำหน้าเขาลงแล้วข่วนหลังเขาจนเป็รอยข่วนซ้อนทับกัน ให้ดูเหมือนเขาผ่านศึกรักดุเดือดกับผู้หญิงคนหนึ่งมาหลายยก
หลังข่วนเสร็จ เจิ้งหยวนก็เริ่มเตะต่อยเจิ้งเทียนหู่ ทิ้งรอยฟกช้ำดำเขียวไว้ให้จนสาแก่ใจ
ไม่รู้ต่อยตีอยู่นานแค่ไหน เจิ้งหยวนอัดจนตัวเองเริ่มเหนื่อย และคิดว่าคงพอใช้ได้แล้ว สายตาเธอเลื่อนลงมาจับจ้องกางเกงของเจิ้งเทียนหู่ ในดวงตาฉายแววรังเกียจและขยะแขยง
“แม่เ้า...” เธอสบถด้วยเสียงแ่เบา แต่ยังค้อมตัวลงจับเอวกางเกงของเขาและดึงลงมาอย่างระมัดระวัง
ไม่เพียงถอดกางเกงของเขา เธอยังถอดกางเกงชั้นในด้วย!
เหลือบตามองหว่างขาเจิ้งเทียนหู่รอบหนึ่ง ก็อดจิ๊ปากอย่างรังเกียจไม่ได้ เล็กขนาดนี้ยังกล้าอยากได้พี่สะใภ้เธอ! สติฟั่นเฟือนไปแล้ว! ไม่รู้คืนนี้จะทำเขาใจนนกเขาไม่ขันหรือเปล่า
หากไม่ตั้งคงดียิ่ง คนแบบนี้ไม่สมควรสามารถสืบทอดทายาทได้หรอก!
จัดการเสร็จแล้วเจิ้งหยวนก็ลากเจิ้งเทียนหู่ไปไว้ที่เตียงข้างใน เจิ้งเทียนหู่โดนแม่เลี้ยงมาดีจริงๆ แม้ตัวไม่สูงมากแต่เนื้อแน่น เลยน้ำหนักเยอะ โชคดีที่เจิ้งหยวน่อายุสิบเจ็ดสิบแปดปี เลยพอมีเรี่ยวแรงลากเขาไหว
จากนั้นเจิ้งหยวนค่อยเข้าไปหยิบน้ำหมึกสีแดงออกมาจากในมิติ เธอจุ่มน้ำหมึก เขียนตัวอักษร ‘สี่’ [1] บนร่างของเจิ้งเทียนหู่
และเขียนตัวอักษร ‘สี่’ น้อยใหญ่หลายตัวบนผนังบ้าน
เชื่อว่าตอนฟ้าสว่างคงสร้างภาพน่าประหวั่นพรั่นพรึงให้ผู้คนมากทีเดียว
ครั้นเขียนในบ้านเสร็จ เจิ้งหยวนก็วิ่งออกไปเขียนข้างนอก ทิ้งตัวอักษร ‘สี่’ ขนาดใหญ่มหึมาไว้บนหน้าต่างผุพัง เพราะใช้หมึกเยอะ ตัวอักษรเลยย้อยลงมาเหมือนรอยคราบเื น่าหวาดผวาอย่างยิ่ง และดึงดูดสายตาไม่ต่างกัน ขอแค่มีคนขึ้นเขาพรุ่งนี้ พวกเขาจะต้องสังเกตเห็นที่นี่อย่างแน่นอน
หลังเขียนแล้วยังเหลือหมึกอีกอยู่ไม่น้อย เจิ้งหยวนครุ่นคิดสักพัก ก่อนสาดน้ำหมึกที่เหลือเข้าไปในห้องจนเต็มเตียงและพื้นไปหมด สีแดงสดทุกหยาดหยดแตกกระจายออก ดูเหมือนเืสาดกระเซ็นทั่วทุกสารทิศ
เชิงอรรถ
[1] สี่ หมายถึง ตัวอักษร 囍 ในภาษาจีน แปลว่า ความสุข ความยินดี
เป็สัญลักษณ์มงคลที่นิยมใช้กันมากที่สุดในพิธีแต่งงานของชาวจีน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้