คำหวานของบุรุษมีพลังวิเศษ คำที่หรงซิวบอกว่าจะให้นางระบายอารมณ์ แม้ว่าจะมิได้หวังกระไรมาก แต่การได้ยินเขาปลอบโยนนางเช่นนี้ ทำให้ความรู้สึกแย่ที่มีมาตลอดทั้งคืน เบาบางลง
หลังจากแต่งตัวเสร็จ ทั้งสองถูกนำออกจากห้องเล็กนี้ หรงซิวเดินอยู่ข้างๆ มือที่ว่างอยู่ข้างหนึ่ง ค่อยๆ ยื่นเข้ามาโอบเอวนางอย่างแ่เบา
อวิ๋นอี้พยายามขยับตัวหนี เมื่อเห็นว่าไม่สามารถหลุดพ้นได้จึงได้แต่ปล่อยเขาให้เขาโอบนางต่อไป ไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึงห้องหน้าโถงใหญ่
สตรีกลางคนเ่าั้เดินกระฟัดกระเฟียดไปรายงาน แผ่นหลังที่แข็งแรงของพวกนางทำให้อวิ๋นอี้หวาดกลัวนัก
ระหว่างรออยู่นอกห้องโถง หรงซิวถามถึงเหตุการณ์ทั้งหมด
เมื่อพูดถึงเหตุผล อวิ๋นอี้ก็พูดกระไรมิถูก
ทั้งหมดก็เป็เพราะกู่ซือฝานเผลอหลุดปากเื่ตัวตนของนางมิใช่หรือ?
เดิมไทเฮาที่ไม่ชอบนางทุกประการอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้จับจุดนางได้ จะไม่สั่งสอนนางให้หนำใจหรือไร!
อวิ๋นอี้เป็คนเ้าคิดเ้าแค้น เมื่อวานนี้ไทเฮาดูถูกนางอย่างไร นางย่อมต้องพูดทุกคำมิขาดให้หรงซิวฟัง แม้แต่สีหน้าท่าทางก็เลียนแบบทุกท่วงท่า
“เพราะเื่เล็กน้อยเพียงนี้เองหรือ?” หรงซิวตลกกับการแสดงของนาง เห็นสตรีตัวเล็กจ้องมองเขาด้วยความโกรธ รู้สึกเพียงว่านางช่างน่ารักน่าเอ็นดู เอื้อมมือไปดึงแก้มของนางอย่างอดมิได้ “ข้าก็คิดว่าเื่ใหญ่โตกระไร!"
อวิ๋นอี้ถอนหายใจ "ก็มิใช่เื่ขนาดผายลมนี้หรือเพคะ ที่ทำให้เป็ใหญ่โต ข้าบอกฝ่าาไว้เลยนะเพคะ ยายแก่นั่น ... เอ้ย ! ไทเฮา" นางรู้ว่าบุรุษที่ยืนอยู่ข้างหน้านางเป็หลานชายแท้ๆ จึงรีบตบปากตัวเองที่พูดพล่อยๆ ไป "ไทเฮาจงใจแสดงความยิ่งใหญ่ให้ข้าเห็น นางให้ข้าท่องสามความดีสี่คุณธรรมกระไรเทือกนั้น ทั้งยังให้ข้าอ่านต้าจวน ข้าอ่านมิเข้าใจ ข้าจะท่องได้อย่างไร? ท่องมิได้ก็มิให้ไปท่า ฝ่าาบอกทีสิเพคะ ว่ามีคนเช่นนี้ที่ใดกัน เกินไปแล้ว น่าโมโห น่าโมโหนัก มากเกินไปเสียจริง!”
“โชคดีที่กระเพาะปัสสาวะของข้าแข็งแรง มิเช่นนั้นข้าจบเห่แน่!”
“สตรีกลางคนทั้งสี่ท่านนั้นก็ด้วย ไม่รู้ว่ากินกระไรโตมา ถึงได้กำยำตัวใหญ่กันเช่นนั้น?”
“ข้ารู้สึกว่ายังมีกระไรอีกแน่ ไม่แน่ว่าพวกเขาจะรอข้าอยู่ที่ใด ข้าไม่วางใจเลย วางใจไม่ลง!”
นางด่าอยู่ครึ่งวัน เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นสตรีกลางคนเดินมา ก็ยืดคอขึ้น สูดลมหายใจอย่างผยอง แล้วจบหัวข้อการพูด
ทั้งสองถูกพาไปที่ห้องโถงใหญ่
ไทเฮาบนที่นั่งสูง สายตาเป็ประกาย เห็นทั้งสองคนเข้ามาก็มิแปลกใจเลย ซ้ำยังทักทายหรงซิวอย่างปกติ “ซิวเออร์! เ้าเข้ามาทักทายหรือ?”
“ขอรับท่านย่า ซิวเออร์มาทำความเคารพขอรับ" เขาก้มหน้าโค้งคำนับด้วยความเคารพ
อวิ๋นอี้ไม่ใส่ใจกับการกระทำของชายคนข้างๆ ได้แต่ทำท่าไม่สนใจอยู่ผู้เดียว ที่ไหนได้ ตอนที่ชายหนุ่มก้มตัวลง แขนเสื้อของนางก็ถูกดึงให้คุกเข่าลง อวิ๋นอี้มิได้ทันระวัง
บ้าจริง...
เป็ภาพที่น่าอายนัก
อวิ๋นอี้ล้มลงตอนนั้น เสียงดังไปทั้งห้องโถง
เจ็บนะ!
เข่าข้าเหมือนจะแตกเอาเสียให้ได้!
หรงซิวแค้นนางหรือไร?
นางขมวดคิ้ว หันไปมองคนที่ทำให้นางเจ็บตัว ได้ยินเสียงอันเรียบนิ่งของเขา “อวิ๋นเออร์ก็เคารพท่านย่าเช่นกันขอรับ เพียงแต่นางมิได้พักผ่อนทั้งคืนเพราะท่องบทลงโทษที่ท่านย่าให้เมื่อคืนนี้ขอรับ เพลานี้นางร่างกายอ่อนแอ ล้มลงโดนมิได้ตั้งใจ ขอท่านย่าโปรดอภัยด้วยขอรับ"
ห๊ะ?
อวิ๋นอี้รู้สึกสับสนไม่น้อย แต่รู้สึกว่าการกระทำของเขาช่างยอดเยี่ยม
ไทเฮาบนที่นั่งที่เดิมมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อได้ฟังคำพูดของหรงซิว ก็มองเขาด้วยความดุดัน "ซิวเออร์กำลังตำหนิย่าหรือ?"
"ซิวเออร์มิกล้าขอรับ"
ไทเฮาถอนหายใจ "ว่ากันว่าบุตรเมื่อโตแล้วจะไม่เอามารดา แต่งเมียแล้วจะลืมมารดา ดูท่าแล้วคงจะจริง"
"ท่านย่า..." หรงซิวน้ำเสียงอ่อนลง พูดค่อยๆ "ซิวเออร์มิมีปัญหาใดๆ กับการลงโทษของท่านย่าเลยขอรับ แต่นางเป็ชายาของซิวเออร์ ท่านย่าก็ทราบดีว่านางความจำเสื่อมไม่นานมานี้ จำกระไรมิได้ รวมทั้งกฎเกณฑ์เ่าั้ด้วย นางต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อสร้างความทรงจำใหม่ ต้องบอกว่า สิ่งที่อวิ๋นเออร์ทำผิด เพื่อที่จะป้องกันมิให้นางแสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อหน้าพระองค์ ทำให้ท่านมิพอใจ ซิวเออร์ตัดสินใจแล้วว่าจะให้นางเรียนมารยาทอยู่ในจวนเป็เวลาหนึ่งเดือน ซิวเออร์เชื่อว่าหลังจากนี้หนึ่งเดือน นางจะต้องเปลี่ยนไปแน่นอนขอรับ!"
ถึงเพลานี้อวิ๋นอี้ถึงเพิ่งจะเข้าใจ ว่าเขาอ้อมโลกไปเช่นนั้นเป็เพราะเหตุใด
เรียนรู้มารยาทหนึ่งเดือนในจวนหรือ? มิมีอยู่จริง หรงซิวก็แค่หลอกไทเฮา หากปล่อยให้นางกลับจวนไป สุดท้ายเป็อวิ๋นอี้ที่พูดกระไรก็ต้องฟังมิใช่หรือ?
นางเงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวังและเหลือบมองหรงซิว ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีความคิดที่ฉลาดมากทีเดียว
ส่วนที่เขาจงใจดึงนางลงก่อนหน้านี้ ก็ช่างมันเถิด
อย่างไรก็เหมือนว่าเข่าจะไม่เจ็บแล้ว...
อวิ๋นอี้ยังคิดอยู่ในใจ แล้วก็มีเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ ก้าวเบาๆ เป็จังหวะที่คุ้นเคย
ขณะที่สงสัย ไทเฮาที่นั่งอยู่ก็พูดว่า "ไม่นึกเลยว่า สิ่งที่ซิวเออร์คิดนั้น จะตรงกับความคิดของย่า"
หือ?
อวิ๋นอี้ตะลึงอีกครั้ง แล้วมองไทเฮาอย่างแปลกใจ สัญชาตญาณของนางบอกว่านี่มิใช่เื่ดี
ไทเฮาเพิกเฉยต่อสายตาของนาง ยังคงยิ้มนุ่มนวล แล้วเอ่ยปากออกช้าๆ "พระชายาเจ็ดความจำเสื่อม แม้แต่มารยาทก็จำมิได้ กระนั้นจงเริ่มเรียนใหม่เสีย หลีกเลี่ยงภายภาคหน้าจะสร้างความอับอายให้แก่ราชวงศ์ในที่สาธารณะ"
"ท่านย่าหมายความว่า ให้หลานพาอวิ๋นเออร์กลับจวนไปได้แล้วใช่หรือไม่ขอรับ?" หรงซิวพูดต่ออย่างเป็ธรรมชาติ
ดวงตาสีเข้มของอวิ๋นอี้เป็ประกายขึ้นมาทันใด ราวกับลูกสุนัขเห็นกระดูกอย่างไรอย่างนั้น นางปล่อยมุมชายเสื้อของหรงซิวแล้วยืนขึ้นคำนับกล่าวลา
“จะรีบร้อนกระไร?” ไทเฮาโบกมือ “มิจำเป็ต้องพากลับไปสอนที่จวนหรอก ่นี้เก๋อเก๋อเยาว์วัยในวังหลังก็เรียนมารยาทอยู่ ให้อวิ๋นเออร์ไปเรียนด้วยแล้วกัน!"
หรงซิวไม่เห็นด้วย "เก๋อเก๋อกลุ่มนั้นยังเยาว์วัยนัก..."
"ยังมีพระชายาอีกหลายคนที่เรียนใหม่ด้วย ซิวเออร์เ้าไม่ต้องพูดกระไรแล้ว หรือเ้ากลัวว่าพระชายาของเ้าอยู่ในวังข้า ข้าจะจับนางกินหรืออย่างไรกัน?” ไทเฮาไม่พอใจเล็กน้อย น้ำเสียงต่ำและค่อนข้างดุ
มาถึงตรงนี้ ก็พูดกระไรต่อไปมิได้แล้ว
หรงซิวเป็คนรู้จักหลบหลีก ทำได้เพียงพยักหน้ากล่าวขอบคุณ "ขอพระทัยท่านย่าที่รักและอยากปลูกฝังอวิ๋นเออร์ขอรับ" ปลูกฝัง?
ปลูกฝังบ้ากระไร!
หากนางเป็ต้นกล้าที่อ่อนแอของดินแดนนี้ เกรงว่าระยะเวลาต่อจากนี้ นางคงจะโดนสอนจนต้องหมดอาลัยตายอยาก ถึงขั้นสงสัยในชีวิตเป็แน่
หรงซิวพูดคุยกับไทเฮาสักพัก จนไทเฮา้าพักผ่อน เขาจึงขอลา
อวิ๋นอี้ใช้ข้ออ้างว่าจะไปส่งหรงซิว แล้วลากเขาออกจากวัง
นางโกรธเสียจริง
เดิมคาดหวังว่าหรงซิวมาแล้ว นางจะออกจากวังได้ แต่เพลานี้ กลับไม่สามารถพานางออกไปได้ เขามาอย่างไรก็กลับไปเช่นนั้น
ดูเหมือนว่าหลานชายที่เป็ที่โปรดปรานที่สุดของไทเฮาจะไม่เป็ที่โปรดปรานมากเช่นนั้นอย่างที่เขาพูดกัน
อวิ๋นอี้นางหรี่ตามองดูหรงซิวที่อยู่ตรงหน้านางอย่างเศร้าสร้อย
“เป็กระไรไป?” ถูกนางจ้องมองจนทำตัวไม่ถูก หรงซิวเอามือเรียวลูบหัวนางเบาๆ “เหตุใดจึงมองข้าเช่นนั้น?”
“ลูก...” อวิ๋นอี้ถอนหายใจและส่ายหัว “พ่อผิดหวังในตัวลูกมาก”
หรงซิวงง นางกำลังพูดไร้สาระกระไร
ยังไม่ทันที่เขาจะถามให้ชัดเจน อวิ๋นอี้ก็หันหลังเดินกลับมาแล้ว เขากำลังจะไล่ตามไป เห็นหญิงสาวโบกมือให้เขา
ภาพเช่นนั้น… ทำให้เขายืนนิ่งอยู่กับที่ อารมณ์ในดวงตาของเขาคลุมเครือและเข้าใจยากนัก
อวิ๋นอี้เพิ่งส่งหรงซิว กลับเข้ามาก็เห็นสตรีกลางคนสี่ท่านเดิม
นางปรับอารมณ์ ในเมื่อไม่อาจหนีจากชะตากรรมที่เลวร้ายได้ นางจะพยายามเพลิดเพลินกับมัน จากนั้นจึงกล่าวทักทาย “พวกท่านทำกระไรเ้าคะ…”
ไม่ทันที่นางจะพูดจบ นางรู้สึกว่าขานางลอยอยู่ในอากาศ นางถูกอุ้มขึ้นอีกครั้ง!
อวิ๋นอี้รู้สึกเหนื่อยใจ ทำไมพวกนั้นถึงยกนางขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้?
นาง้าพูดกันด้วยเหตุผล แต่เมื่อมองดูใบหน้าที่น่าเกลียด นางก็หมดอารมณ์จะพูดด้วยแล้ว
แล้วแต่เลยพวกท่าน พวกท่านจะพาข้าไปที่ใดก็ตามใจเถิด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้