หยางหนิงตาเหลือก เขาคิดว่าเ้านี่มันจะแค่พูดเฉยๆ แต่พอเห็นเขาถอดกางเกงจริงๆ ก็รีบพูดว่า “ปู่ของเ้าเป็ถึงราชเลขาประจำกรมพิธีการ เ้ากลับมาถอดกางเกงในเรือนรับรองของคนอื่น แบบนี้มันเป็การไม่ให้เกียรติเลยนะ หากเื่นี้แพร่ออกไป ครั้งต่อไปก้นของเ้าคงไม่ได้มีแค่รอยแผลเป็แน่ๆ”
หยวนหรงได้ยินหยางหนิงพูด ก็รีบแต่งตัวให้เรียบร้อย สีหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เดินขึ้นหน้ามา แล้วพูดว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้าจะต้องไม่เข้าใจข้าผิด”
“เ้าเป็พี่น้องร่วมสาบานกับข้าหรือ?” หยางหนิงมองไปที่หยวนหรง
หยวนหรงเข้าใจว่าหยางหนิงกำลังประชดประชันเขาอยู่ ในใจก็แอบคิดว่าเ้าเด็กนี่เดี๋ยวนี้ประชดประชันคนอื่นเป็กับเขาแล้วหรือ? สีหน้าก็ยิ้มแห้งๆ แล้วพูดว่า “น้องชายเ้ายังโกรธข้าอยู่หรือ? เฮ้อ จะโทษเ้าก็ไม่ได้ ท่านองครักษ์เสื้อแพรเพิ่งสิ้นไป ข้าเองก็ไม่เคยเข้ามาช่วยอะไรเลย เื่นี้ข้าผิดจริงๆ”
หยางหนิงแอบคิดว่าการคบกับพวกลูกเศรษฐีพวกนี้ ไม่มีความจริงใจอะไรกันอยู่แล้ว ก็แค่เพื่อนกินเพื่อนเที่ยว บางทีก็ทำเพื่อผลประโยชน์ต่อกันก็เท่านั้น
องครักษ์เสื้อแพรสิ้นไป เชื้อพระวงศ์ขุนนางใหญ่หลายๆ คนที่มาในงานที่ตีตัวออกห่างไปก็มีไม่น้อย จริงๆ หยางหนิงเองก็โกรธไม่น้อย แต่เพราะรู้ว่ามนุษย์ก็เป็แบบนี้ จะไปคิดเล็กคิดน้อยก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
“แล้วมาหาข้ามีธุระอะไร?” หยางหนิงถามเสียงเรียบ
หยวนหรงหัวเราะแล้วพูดว่า “น้องชายเ้ารู้หรือเปล่า ตอนนี้แม่น้ำฉินไหวได้เรือใหม่มาหลายลำเลยนะ?”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?” หยางหนิงยังคงนิ่ง “พี่หยวนชอบกินลมชมวิว ก็ลองไปดูสิ”
หยวนหรงใ ทำไมวันนี้หยางหนิงถึงแปลกไป ไม่เหมือนกับทายาทองครักษ์เสื้อแพรที่เขาคุ้นเคย เขาพูดแบบเขินๆ ว่า “แต่ก่อนน้องชายชอบนั่งเรือเที่ยว ข้าก็คิดว่าจะมาชวนเ้าออกไปนั่งเล่นให้สบายอารมณ์ ที่แท้...!”
“พี่หยวน ท่านพ่อเพิ่งจะสิ้นไป ท่านกลับเริ่มพูดถึงเื่การเที่ยว ไม่คิดว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมหรือ?” น้ำเสียงของหยางหนิงไม่ค่อยดีนัก “พิธีบูชาภูตผีในจวนยังไม่เสร็จสิ้นดี หากข้าออกไปล่องเรือกับท่านตอนนี้ ข้ายังเป็คนอีกหรือ?”
หยวนหรงใ รีบตีไปที่ศีรษะของตัวเอง แล้วพูดด้วยความหัวเสียว่า “โทษข้า โทษข้า ข้าไม่ดีเอง เลอะเลือนไปจริงๆ น้องชายอย่าโกรธข้าเลยนะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ แค่คิดว่าก่อนหน้านี้เ้าถูกจับตัวไปคงใไม่น้อย ตอนนี้ก็ต้องมาเหนื่อยกับงานศพอีก คิดอยากจะให้เ้าได้พักผ่อนแค่นั้น”
“ค่อยว่ากันทีหลังนะ” หยางหนิงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “หากท่านไม่มีเื่อะไรแล้ว ข้าก็ขอตัวก่อน”
หยวนหรงรีบยื่นมือไปจับเขาเอาไว้แล้วพูดว่า “น้องชายอย่าเพิ่งรีบไปสิ”
“มีอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”
“ก็มีเื่นิดหน่อย” หยวนหรงยิ้มแล้วพูดว่า “น้องชายนั่งลงก่อนแล้วค่อยพูดกันนะ”
หลังจากที่หยางหนิงนั่งลง ก็ถามว่า “เื่นิดหน่อย? เื่เล็กนิดหน่อยอะไรกันถึงทำให้เ้าต้องมาหาข้าถึงจวนด้วยตัวเอง?”
“เอ่อคือว่าเื่นี้...!” หยวนหรงหยิบพัดออกมาจากหน้าอกเสื้อ มือซ้ายสะบัดมันออก “น้องชายเจอลอบสังหารที่เรือนรับรองจงหลิงใช่ไหม?” พูดจบเขาก็หุบพัด
หยางหนิงคิดในใจว่านี่มันเดือนสิบแล้ว อากาศก็เริ่มเย็นแล้ว เ้ายังเอาพัดออกมาพัดอีก ไม่หนาวหรือไงกัน
“ที่แท้เ้าก็รู้เื่นี้ด้วย?” หยางหนิงเหลือบไปมองหยวนหรง “ได้ยินมาว่าเรือนรับรองถือเป็เขตพระราชทาน แต่ว่าอยู่ภายใต้การดูแลของกรมพิธีการ ใต้เท้าหยวนราชเลขากรมพิธีการของตระกูลเ้า คนนั้น...!” สายตาของเขาเย็นเฉียบ พูดแบบนิ่งๆ ว่า “เ้าว่า เื่ลอบสังหารในเรือนรับรองนั่น เกี่ยวข้องกับตระกูลเ้าด้วยหรือเปล่า?”
สีหน้าของหยวนหรงเปลี่ยนไป เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วพูดด้วยความใ “เ้าอย่าพูดจาเหลวไหลนะ น้องชาย เ้าพูดแบบนี้ตระกูลหยวนของเรารับมันไม่ไหวนะ”
“ข้าเกือบตายที่นั่น เ้ารู้หรือเปล่า?” หยางหนิงยิ้มแห้ง “รับไม่ไหว ก็ต้องรับ ก่อนผู้บงการตัวจริงจะถูกจับ ข้าก็ต้องถามหาความรับผิดชอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรือนรับรอง ซึ่งก็คือกรมพิธีการ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ตระกูลหยวนของเ้า”
หยวนหรงแบกหน้าที่เหมือนจะร้องไห้แล้วพูดว่า “น้องชาย จวนของพวกเ้าคงไม่ได้คิดแบบนี้ทุกคนใช่ไหม? คงไม่คิดว่าท่านปู่เป็คนส่งคนไปลอบฆ่าเ้าหรอกใช่ไหม?”
“ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ ก่อนที่ทุกอย่างจะชัดเจน ทุกคนคือผู้ต้องสงสัย” หยางหนิงพูดอย่างเรียบๆ “พูดมาเถอะ เื่เล็กน้อยของเ้า ตกลงมันเื่อะไรกัน?”
ตอนนี้หน้าผากของหยวนหรงเต็มไปด้วยเหงื่อ สะบัดพัดในมือเร็วขึ้น “น้องชาย ข้าหยวนหรงขอเอาชีวิตเป็เดิมพัน นักฆ่าพวกนั้น ท่านปู่ไม่รู้เื่ด้วยจริงๆ เ้าเองก็รู้ ท่านปู่ข้ากับท่านปู่ของเ้าเป็เพื่อนกันมานาน เ้าอย่าลืมนะ เมื่อก่อนท่านพ่อของเ้ามาเรียนหนังสือกับท่านปู่ของข้า บ้านของเรานั้นสนิทสนมกันมานาน”
“อ๋อ?” หยางหนิงคิดในใจว่า ที่แท้จวนองครักษ์เสื้อแพรกับตระกูลหยวนยังมีความสัมพันธ์แบบนี้ด้วย
เห็นสายตาของหยางหนิงไม่เป็มิตรนัก หยวนหรงก็ยิ้มฝืนๆ แล้วพูดว่า “ข้าขอพูดตรงๆ เลยนะ ผู้ดูแลอู๋ของเรือนรับรองจงหลิง เขาเป็หลานชายแท้ๆ ของท่านอารองฝั่งแม่ข้า เื่ลอบสังหารครั้งนี้ เขากลัวว่าจะไม่รอด ก็เลยมาที่บ้านของข้า ท่านแม่ก็เลยมาขอร้องท่านปู่ให้ช่วยออกหน้าให้ ขอให้เื่นี้จบเงียบๆ”
“อ๋อ?” หยางหนิงยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า “สุดท้าย ที่เ้ามาในวันนี้ ก็เพราะเื่ของผู้ดูแลอู๋?”
“ที่ข้ามาวันนี้ ก็ต้องมาเยี่ยมเ้าอยู่แล้ว” หยวนหรงรีบพูดว่า “พูดถึงเื่นี้แล้ว ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย” จากนั้นก็เดินเขยิบมาใกล้ๆ แล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า “ผู้ดูแลอู๋อีกปีเดียวก็จะได้ย้ายเข้ามาทำงานในกรมพิธีการแล้ว ก็ถือว่าได้เชิดหน้าชูตาบ้าง แต่ใครจะคิดว่าดันมาเกิดเื่แบบนี้ขึ้นได้” ส่ายหัวแล้วถอนหายใจ “ท่านปู่ไม่มีทางมาที่จวนของเ้าเพราะเื่พรรค์นี้แน่ๆ ท่านแม่รู้ว่าข้ากับเ้าเป็เพื่อนร่วมเป็ร่วมตายกัน ดังนั้น...ดังนั้นก็เลยให้ข้ามาช่วยพูดแทน”
หยางหนิงลูบคางแล้วพูดว่า “อย่างนี้นี่เอง”
“น้องชาย ข้าไม่ค่อยขอร้องอะไรเ้า” หยวนหรงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “แต่ว่าครั้งนี้ท่านแม่บอกว่ามันร้ายแรงมาก ยังบอกอีกว่าหากว่าเ้ากับข้ารักกันเหมือนพี่น้องจริงๆ ไม่มีอะไรที่เป็ไปไม่ได้ ข้าก็คิดว่าเราสองคนก็สาบานร่วมเป็ร่วมตายกัน คิดว่าเื่แค่นี้คงไม่เป็ปัญหาอะไร”
“คุณชายหยวน เ้าพูดง่ายนะ เ้ารู้หรือเปล่า เพราะความสะเพร่าของคนพวกนั้น ข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอด” หยางหนิงพูดอย่างเรียบๆ “ตอนนี้เ้ามาพูดง่ายๆ คำสองคำ ก็จะให้จบเื่นี้เลยหรือ? เ้ากำลังเห็นชีวิตข้าเป็แค่ของเล่นหรือไง?”
“เ้าวางใจ” หยวนหรงได้ยินน้ำเสียงของหยางหนิงไม่ได้จริงจังมาก ก็เลยพูดว่า “กว่าผู้ดูแลอู๋จะมาถึงตรงจุดนี้ได้ก็ไม่ใช่เื่ง่าย เพื่อตำแหน่งหัวหน้ากรมพิธีการ สองปีก่อนถึงขอทำเื่ไปประจำการที่เรือนรับรองด้วยตัวเอง อีกแค่ปีเดียว เขาก็เข้าไปทำงานในกรมพิธีการได้แล้ว หากตอนนี้ต้องมาพังเพราะเื่นี้ มันก็แย่น่ะสิ? ดังนั้น...!” เขามองไปทางซ้ายทีขวาที แล้วก็มากระซิบที่ข้างหูของหยางหนิง แล้วพูดว่า “ขอแค่จวนองครักษ์เสื้อแพรไปถวายฎีกาเื่นี้ให้เบื้องบน จบเื่ตรงนี้ กรมพิธีการออกแรงจัดการเื่นี้เอง แล้วให้มันจบๆ ไป ผู้ดูแลอู๋กับเหล่าทหารไม่ถูกลงโทษ พวกเขาจะยอมจ่ายค่าปลอบขวัญให้เ้า”
“ค่าปลอบขวัญ?” หยางหนิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หมายความว่าไง?”
หยวนหรงยิ้มแบบมีเลศนัย “พวกเขายอมควักเงิน เพื่อเป็ค่าชดเชยที่ทำให้เ้าใ น้องชาย เ้าคิดว่าไง?”
“นี่คือจะติดสินบนข้าหรือ?” หยางหนิงเหลือบไปมองหยวนหรง “เ้าไม่รู้หรือ ว่านับั้แ่ท่านปู่ของข้ามา จวนองครักษ์เสื้อแพรของเรามีกฎ ห้าม...!”
“ข้ารู้ ข้ารู้” ไม่รอให้หยางหนิงพูดจบ หยวนหรงก็ยิ้มแล้วพูด “ห้ามไม่ให้มีการเกี่ยวข้องทางการเงินกับเหล่าขุนนางและคนอื่นๆ”
“ในเมื่อเ้ารู้อยู่แล้ว ทำไมยังเสนอความคิดนี้มาอีก?” หยางหนิงยังคงนิ่ง แต่ในใจกลับคิดว่าผู้ดูแลอู๋กับพวกทหารจะจ่ายคนละเท่าไร
หยวนหรงพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “น้องชายเ้าเข้าใจผิดแล้ว พวกเขาไม่ได้จะติดสินบนเ้า แต่ขอบคุณที่เ้าช่วยชีวิตพวกเขา ได้ยินมาว่าพวกนักฆ่าวรยุทธ์ล้ำเลิศมาก หากไม่ใช่เพราะเ้า พวกเขาก็คงไม่รอด นักฆ่านั่นกล้าเข้าไปฆ่าคนถึงเรือนรับรอง แสดงว่าจะต้องไม่เลิกราแน่นอน ดังนั้นเ้าก็ถือว่าเป็คนช่วยชีวิตพวกเขา กฎของตระกูลฉี มีหนี้ก็ต้องชดใช้ พวกเขาติดค้างเ้า ก็ต้องชดใช้สิ”
“มีหนี้ต้องชดใช้...!” หยางหนิงพยักหน้า “ตระกูลฉีของเรามีกฎแบบนั้นจริงๆ” เขาเอียงตัวไปเล็กน้อย “ผู้ดูแลอู๋รู้กฎของตระกูลฉีด้วยหรือนี่?”
หยวนหรงแอบคิดว่าไม่ได้เจอทายาทองครักษ์เสื้อแพรมาระยะหนึ่ง ทำไมเขาดูเป็ผู้เป็คนมากขึ้น ไม่เพียงท่าทาง คำพูดคำจาก็ดูชัดถ้อยชัดคำมากด้วย ถึงแม้จะสงสัย แต่ก็ไม่ได้มีเวลาให้คิดมากขนาดนั้น เมื่อเข้าใจความหมายของหยางหนิงแล้ว ก็ยื่นมือออกมาห้านิ้ว จากนั้นก็ลดลงสองนิ้ว แล้วพูดว่า “พวกเขายินดีจ่ายเท่านี้” แล้วก็พูดว่า “สามร้อยตำลึง!”
“จวนองครักษ์เสื้อแพรของเราทุกรุ่นใสซื่อมือสะอาด” หยางหนิงพูดเสียงเรียบเฉย “ในเมื่อท่านเหล่าโหวเคยบอกว่าจะไม่มีการไปมาหาสู่กับขุนนางเื่เงินทอง ข้าก็ต้องเคารพกฎของท่าน เด็กๆ ส่งแขกที...!”
“ห้าร้อยตำลึง!” หยวนหรงยกนิ้วขึ้นมาห้านิ้ว ถอนหายใจแล้วพูดว่า “พวกเขายอมจ่ายห้าร้อยตำลึง!”
“หายไปไหนกันหมด?” หยางหนิงมองไปด้านนอก “คุณชายหยวนจะกลับแล้ว ส่งแขก!”
หยวนหรงหางตากระตุก จากนั้นก็ยื่นมือออกไปทั้งสองข้าง “ห้าร้อยตำลึงผู้ดูแลอู๋จะจ่ายให้ ทหารที่เหลือจะออกคนละสองร้อยตำลึง...!”
หยางหนิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า “ท่านพ่อออกรบมานาน ได้รับบำเหน็จรางวัลไม่น้อย ทั้งหมดก็แจกจ่ายให้ทหารในสังกัดหมด ตระกูลฉีของเราไม่ได้สนใจเงินทองขนาดนั้น...คุณชายหยวน ท่านรู้หรือเปล่า เงินเท่าไรข้าไม่สนใจ แต่ว่าเกียรติขององครักษ์เสื้อแพร ข้าจะต้องรักษาเอาไว้”
“หนึ่งพันตำลึง!” หยวนหรงกัดฟันพูด “เ้าเด็กบ้า ได้แค่นี้แหละ เ้าคิดเอาเองเถอะผู้ดูแลเรือนรับรองเล็กๆ จะมีเงินมากมายจากไหนกันเชียว? ให้พวกเขาหาเงินมาให้หนึ่งพันตำลึงไม่ง่ายเลย ต่อให้เหมาเรือที่ดีที่สุดในแม่น้ำฉินไหว บวกกับนอนกับนางเรือก็แค่หนึ่งร้อยตำลึง ปกติยังมีส่วนลดครึ่งหนึ่ง สามสี่ร้อยตำลึงในเมืองหลวงนี่ซื้อบ้านได้หลังหนึ่งแล้วนะ เ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก”
หยางหนิงมองหยวนหรง ยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเขาจ่ายได้แค่นี้จริงหรือ?”
“ได้แค่นี้แหละ” สีหน้าของหยวนหรงไม่ค่อยดีนัก “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เงินหนึ่งพันตำลึงเ้าต้องแบ่งให้ข้าบ้าง ไม่อย่างนั้นที่ข้าเสียเวลาพูดไปก็เปลืองน้ำลาย” เขายกน้ำชาขึ้นดื่ม แล้วชี้ไปที่หยางหนิง “ข้าไม่เคยรู้เลยว่า เ้าจะเขี้ยวขนาดนี้”
หยางหนิงรู้ดีว่า เงินหนึ่งพันตำลึงมันไม่น้อยเลย อีกอย่างเื่ลอบสังหารก็เกิดขึ้นไปแล้ว คนบงการไม่น่าจะใช่พวกของผู้ดูแลอู๋ ต่อให้ถวายฎีกาจนพวกเขารับโทษไปแล้ว ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ทำแบบนี้ดีเสียกว่าได้เงินด้วย แถมยังซื้อใจของหยวนหรงได้
“เงินข้าไม่รีบ เ้าไปที่ๆ หนึ่งกับข้าก่อน” หยางหนิงลุกขึ้น “แค่ทำตามที่บอกก็พอ เื่ของเ้าวันนี้ ถือว่าข้าไว้หน้าเ้า”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้