เหล่าไท่ไท่และหยางมามาคาดไม่ถึงว่าเหอตังกุยจะยอมโอนอ่อนผ่อนตามง่ายเช่นนี้ ทั้งสองจึงตกอยู่ในอาการตะลึงงัน จากนั้นหยางมามาก็ตกลงกับเหล่าไท่ไท่ก่อนเอ่ยตอบ “ในเมื่อคุณหนูสามเข้าใจ เช่นนั้นเวลาเช้าตรู่วันมะรืนก็ได้เ้าค่ะ ข้าจะเรียกรวมตัวคนในตระกูล จากนั้นคุณหนูสามก็ยอมรับผิดที่ “รู้ว่ามีหนูอาละวาดในเรือนซีคั่วแต่กลับไม่บอกใคร” แล้วโขกศีรษะยอมรับผิดกับต่งซื่อเสีย บ่าวจะเป็ตัวกลางเกลี้ยกล่อมให้ เื่นี้ก็จะจบลง”
เหอตังกุยพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่มีวิธีใดดีไปกว่านี้แล้ว ั้แ่พี่สะใภ้เข้ามา ข้ายังไม่มีโอกาสเห็นหรือทักทายนางในฐานะพี่สะใภ้ ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ข้าควรเริ่มต้นทักทายนางสักที การโขกหัวคำนับก็เป็สิ่งที่ควรทำเ้าค่ะ”
เหล่าไท่ไท่วางลูกประคำบนโต๊ะก่อนยิ้มแย้มให้หยางมามาอย่างมีความสุข “ข้าบอกแล้วว่าเสี่ยวอี้ของพวกเราเป็เด็กรู้ความที่สุด ดูตอนนี้สิ คำพูดข้าไม่ผิดแม้แต่น้อย ฮ่า ๆ มีเด็กดีถึงเพียงนี้อยู่ในจวน ลดความยุ่งยากของพวกเราได้มากทีเดียว” ทั้งสองปรึกษากันตลอดบ่ายเพื่อหาทางเกลี้ยกล่อมเหอตังกุยให้ยอมรับผิด “ทำร้ายหลานชายโดยไม่เจตนา” ตอนนี้พวกนางพูดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เหอตังกุยกลับตอบตกลงอย่างรวดเร็ว เหล่าไท่ไท่จะไม่มีความสุขได้อย่างไรกัน
หยางมามาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ใช่เ้าค่ะ คุณหนูสามแบ่งเบาความทุกข์ใจของเหล่าไท่ไท่ได้มากที่สุด” เหอตังกุยยิ้มบางพลางก้มหน้าต่ำ
เหล่าไท่ไท่ทอดตามองหลานสาวผู้รู้ความ เมื่อไตร่ตรองครู่หนึ่งจึงเอ่ยขอร้องเหอตังกุย “เสี่ยวอี้ พี่สะใภ้ของเ้าเป็สตรีเอาแต่ใจ บางครั้งนางอาจมีอารมณ์หงุดหงิด... ตอนเ้าไปขอโทษนางที่เรือนหลิวหลี่ หากนางพูดไม่ดีหรือ...ตีเ้าสองสามครั้ง นั่นก็เพราะนางรักและห่วงใย เ้าอย่าถือสานางเลย รอถึงเวลาที่เหมาะสม ข้าจะเป็คนบอกความจริงแก่นางและให้นางขอโทษเ้าอย่างเงียบ ๆ ก็ถือว่าพวกเ้าสองคนเสมอกันแล้ว ระหว่างพี่สะใภ้และน้องสะใภ้จะได้สนิทสนมกันมากขึ้น เ้าว่าดีหรือไม่”
เมื่อเหล่าไท่ไท่เห็นหลานสาวรู้ความพยักหน้าอีกครั้งก็เอ่ยคำสำคัญที่นางอยากพูด “อย่างไรก็ตาม เ้าไม่สามารถพูดเื่ท่านเทพชราช่วยเหลือคุณชายจูได้ มิเช่นนั้นจะไม่เป็ผลดีต่อตระกูลหลัว เสี่ยวอี้ เ้าเป็ส่วนหนึ่งของตระกูลหลัว ต้องรู้ว่า “หากรุ่งเรืองก็รุ่งเรืองด้วยกัน หากล่มจมก็ล่มจมด้วยกัน” “ต้นไม้ใหญ่เป็ร่มเงาได้ดี” ตอนเ้าแต่งงานก็ต้องพึ่งพาต้นไม้ใหญ่เช่นตระกูลหลัวไม่ใช่หรือ?”
“ข้ารู้เ้าค่ะ ท่านยายวางใจเถิด ข้าไม่มีทางโกรธพี่สะใภ้และจะไม่พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดแน่นอน” แสงเปลวเทียนที่กำลังจะมอดทำให้บรรยากาศภายในห้องมืดสลัว ใบหน้าของผู้พูดปกคลุมด้วยแสงสว่างอันเลือนราง “นับแต่นี้ไป ไม่ว่าเกิดเื่อันใด ข้าจะไม่เอ่ยถึงความฝันที่ได้พบเทพชราอีก”
เหล่าไท่ไท่ถอนหายใจก่อนตบไหล่เด็กสาวเบา ๆ พลางเอ่ย “เด็กดี เ้าเชื่อฟังเช่นนี้ ต่อไปยายจะตอบแทนเ้าอย่างงาม ตอนนี้เ้าก็เขียนหนังสือได้แล้ว สามารถเรียนรู้บทเรียนเื่มารยาทพร้อมคุณหนูฉยงและคุณหนูเส่าจากมามาในวัง จากนั้นข้าจะขอรองผู้อำนวยการเว่ยให้พวกเ้าเข้าเรียนในสำนักศึกษาโดยเลี่ยงการสอบเข้า วิธีนั้นจะเป็ผลดีต่อพวกเ้าขณะเจรจาสู่ขอในอนาคต”
ชาติก่อนเหอตังกุยไม่เคยไปสำนักศึกษาที่รับทั้งนักเรียนชายและหญิงแห่งนี้ ขณะนางได้ยินหลัวไป๋ฉยงและหลัวไป๋เส่าพูดคุยเกี่ยวกับเื่ราวน่าสนใจของสำนักศึกษาก็ยังอดอิจฉาในใจมิได้ ทว่าตอนนี้นางมีทักษะติดตัว ได้อ่านหนังสือรวมประวัติศาสตร์และหนังสือต่าง ๆ นับไม่ถ้วน แล้วจะให้นางยอมรวมกลุ่มกับสตรีโง่เขลาเ่าั้เพื่อเรียนรู้ทักษะดนตรี ยิงธนู ขี่ม้า คำนวณหรือมารยาทสตรี รวมไปถึงงานเย็บปักถักร้อยได้อย่างไร?
อีกทั้งนางยังต้องแอบออกจากตระกูลหลัวไปทำธุรกิจหาเงินอีก ชาติก่อนนางมีความคิดด้านค้าขายมากมาย ทุกครั้งที่นางบอกจูฉวนก็ล้วนถูกปฏิเสธทันที สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือนางได้พบธุรกิจที่ทำกำไรให้พรรคเฉาเฉาหลายครั้ง ทั้งยังพบว่าโครงสร้างกลยุทธ์ภายในและกลยุทธ์ทางการค้าที่พวกเขาใช้คล้ายคลึงกับความคิดก่อนหน้าของนางอย่างน่าประหลาดใจ ในที่สุดประมุขพรรคเฉาเฉาผู้มีความคิดคล้ายนางก็แปรเปลี่ยนให้พรรคเฉากลายเป็พรรคทรงอิทธิพล ด้วยความมั่งคั่ง พรรคเฉาจึงค่อย ๆ กลายเป็พรรคที่ใหญ่ที่สุดในยุทธภพ
ขณะนี้นางมีความคิดทางการค้ามากมายซึ่งถูกพิสูจน์จากการที่พรรคเฉาเฉาประสบความสำเร็จอย่างมากในชาติที่แล้ว นอกจากนี้ นางยังมีเงินทุนก้อนแรกจากการขายโลงศพไม้จันทน์หอม...ความคิดอยากลองทำเื่ต่าง ๆ จึงเกิดขึ้นเงียบ ๆ ทุกวัน ท่ามกลางธุรกิจค้าขายในชาตินี้ เหอตังกุยต้องค้าขายแข่งกับพรรคเฉา ท้ายที่สุดนางต้องได้รับทั้งความมั่งคั่งและเกียรติยศ
เมื่อหยางมามาได้ยินว่าเหล่าไท่ไท่คิดจะส่งคุณหนูสามไปยังสำนักศึกษาเฉิงซวี่จึงกระซิบถาม “แต่เหล่าไท่เหยียบอกว่าทางสำนักสามารถรับเข้าเรียนได้ไม่เกินสองคน ท่านตัดสินใจส่งคุณหนูรองและคุณหนูสี่ไปเรียนที่นั่นไม่ใช่หรือเ้าคะ?”
เหล่าไท่ไท่เอ่ยข้างหูหยางมามา “ไม่เป็ไร ปีนี้ให้เสี่ยวอี้ไปเรียนคุณธรรมของสตรีและการเย็บปักถักร้อยที่จวนก่อน เื่เขียนหนังสือให้รอถึงปีหน้าค่อยส่งนางเข้าเรียนอีกครั้ง”
การได้ยินของเหอตังกุยนั้นยอดเยี่ยมยิ่งนัก นางจึงได้ยินการสนทนาของทั้งสองได้ชัดเจน หากจำไม่ผิด โรงเรียนสตรีเฉิงซวี่จะเปิดสอบเข้าอีกครั้งในปีหน้า ทว่าตระกูลหลัวจะขอ “เข้าเรียนโดยไม่ต้องสอบ” ไม่ได้อีก ดังนั้นชาติก่อนเหอตังกุยจึงไม่สามารถเข้าเรียนที่สำนักศึกษาเพื่อชุบทองให้ตัวเองมีค่าได้ แต่กระนั้นนางก็มีความสุขที่ถูกมองข้ามจึงเลือกจะเงียบอย่างชาญฉลาด
หลังทั้งสองกระซิบกระซาบเสร็จก็พลันหันกลับมายิ้มให้เหอตังกุย เหล่าไท่ไท่กระแอมไอในลำคอก่อนเอ่ย “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ในระยะเวลาสองวันนี้ พวกเราจะปิดประตูอธิษฐานให้ตระกูลหลัวและคุณชายจู เมื่อถึงวันมะรืน เสี่ยวอี้ก็ไปที่เรือนหลิวหลี่พร้อมหยางมามา เอ่ยขอโทษพี่สะใภ้ของเ้าเสีย เด็กดี...เ้าไม่ต้องกลัว เสี่ยวหลันนั้นมีคุณธรรม นางรู้ที่มาที่ไปของสิ่งที่อยู่ใต้เตียงคุณชายจู นางจะต้องไม่ทำให้เ้าลำบากใจ”
“ยอดเยี่ยมยิ่งนัก เช่นนั้นก็ทำตามวิธีนี้แล้วกันเ้าค่ะ” เหอตังกุยเอ่ยตอบ ก่อนหันไปถามเหล่าไท่ไท่ด้วยสีหน้ากังวล “หน้าตาท่านยายซีดเซียวนัก หรือโรคเก่าและโรคไขข้อของท่านกำเริบอีกแล้วเ้าคะ?”
หลังเหล่าไท่ไท่จัดการเื่กวนใจแล้วก็เอนตัวลงบนตั่งยาว ก่อนกดขมับพลางเอ่ย “ข้าดูแลร่างกายอย่างดีมาหลายปี โรคเหล่านี้จึงไม่กำเริบนานแล้ว แต่ก็ยังไม่หายขาด ดูสิ เมื่อมีปัญหาร้ายแรงเกิดขึ้นในจวน ข้าก็แทบขาดใจ”
เหอตังกุยเอ่ยด้วยความเศร้าใจ “เป็ความผิดข้าที่เล่นซนปีนหน้าผาจนตกลงมาตาย ทำให้ท่านยายต้องเสียใจ ตังกุยไม่มีทางเลือก นอกจากมอบสิ่งนี้แทนคำขอบคุณ” กล่าวจบก็หยิบบางสิ่งออกจากแขนเสื้อยื่นให้เหล่าไท่ไท่ “ท่านยายได้โปรดลองกินสิ่งนี้ ตอนนั้นข้าตื่นมาในวัดสุ่ยซังแล้วพบว่าร่างกายอ่อนแอมาก แต่หลังจากกินสิ่งนี้ ข้าก็หายเป็ปกติ”
เหล่าไท่ไท่แกะห่อพลันเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “ผลไม้? ลูกพลัมสีม่วงหรือ? เ้าเอามันมาจากที่ใด?”
เหอตังกุยตอบด้วยรอยยิ้ม “มันคือพุทรา ไม่ใช่ลูกพลัมเ้าค่ะ ท่านยายรีบกินสิเ้าคะ” นางดันพุทราไปที่ปากของเหล่าไท่ไท่เหมือนก่อนหน้านี้ที่นางบังคับเหล่าไท่ไท่กินยา เหล่าไท่ไท่ไม่เคยถูกป้อนยาเช่นนี้มาก่อน สาวใช้ย่อมไม่กล้าทำเช่นนี้กับนาง บรรดาหลานสาวของนางก็ไม่เคยป้อนอะไรให้นางกินอย่างสนิทสนมเช่นนี้แม้แต่คนเดียว เหล่าไท่ไท่จึงรู้สึกว่าการทำเช่นนี้เป็การแสดงถึงความใกล้ชิดและความรักของหลานสาวที่มีต่อนาง นางจึงรีบกินพุทราม่วงรสชาติแปลกประหลาดขนาดเท่าไข่ไก่ทันที
“อ๊ะ เหล่าไท่ไท่ ใบหน้าของท่านมีเืฝาดแล้ว ดวงตาก็มีชีวิตชีวามากขึ้นด้วย” เมื่อหยางมามาเห็นสีหน้าเหล่าไท่ไท่เปลี่ยนแปลงก็ประหลาดใจราวดูมายากล “เป็ไปได้อย่างไร? เหล่าไท่ไท่รู้สึกอย่างไรบ้าง? คุณหนูสาม มันคือพุทราอันใดกันแน่? ท่านเอามาจากที่ใด”
ทันใดนั้นเหล่าไท่ไท่ก็ไม่รู้สึกมึนศีรษะและแน่นหน้าอกแล้ว จึงเอ่ยด้วยเสียงมีเรี่ยวแรง “ข้ารู้สึกสบายขึ้นมาก เสี่ยวอี้ มันคือพุทราอันใด?”
เหอตังกุยเอ่ยอธิบาย “ในคืนที่ข้าฟื้นจากความตาย ชายที่ไม่สามารถเอ่ยนามได้ผู้นั้นมอบ “ยาฟื้นคืนชีพ” ให้แก่ข้า ข้ากลืนยาเม็ดนั้นทันที หลังข้าฟื้นก็เก็บพุทรากำนั้นใส่ไว้บริเวณอกเสื้อ”
หยางมามาเบิกตากว้าง “ท่านจะบอกว่า...เป็พุทราที่เทพหนานจี๋เซียนเวิงมอบให้หรือ?”
เหอตังกุยพยักหน้า “ใช่เ้าค่ะ ท่านผู้นั้นบอกว่านี่คือพุทราป่า เกิดในลานบ้านที่เขาอาศัย กินสามผลจะสามารถรักษาได้ร้อยโรค กินหกผลจะอายุยืนยาว กินเจ็ดผลจะ...”
“จะเป็เช่นไร?” เหล่าไท่ไท่และหยางมามาเอ่ยถามอย่างพร้อมเพรียง
“อ้อ” เหอตังกุยเกาแก้มพลางเอ่ยอย่างจนใจ “ตอนเขาพูดประโยคนั้น ข้าก็กินยาแล้วตื่นขึ้นมาโดยบังเอิญ จึงไม่ได้ยินประโยคสุดท้ายเ้าค่ะ”
“เ้าบอกว่ามีพุทรา ‘หนึ่งกำ’ ใช่หรือไม่” เหล่าไท่ไท่นั่งตัวตรงพลางถาม “ทั้งหมดมีกี่ลูกหรือ?”
เหอตังกุยพูดด้วยความขลาดกลัว “หลังข้าตื่นนอนคืนนั้นก็ทั้งหนาวและหิว พุทราเ่าั้น่ากินไม่น้อย ข้าจึงหยิบกินหนึ่งลูก พลันรู้สึกถึงผลลัพธ์น่าอัศจรรย์ ข้าไม่อยากรับผลประโยชน์จากมันเพียงคนเดียว จึงนำอีกเก้าลูกที่เหลือแช่ไหเหล้าเข้มข้นตามวิธีถนอมอาหารที่คนผู้นั้นบอก”
“เหล้านั้นอยู่ที่ใด?” เหล่าไท่ไท่กุมมือทั้งสองของเหอตังกุย
“ทางนั้นเ้าค่ะ” เหอตังกุยชี้อีกด้าน “เมื่อครู่ข้าใช้แรงทั้งหมดย้ายไปไว้ตรงนู้นเ้าค่ะ จากนั้นก็ได้ยินมามาและท่านยายเรียก ข้าจึงวางมันไว้บนทางเดิน...” เหอตังกุยพูดไม่ทันจบ เหล่าไท่ไท่และหยางมามาก็รีบบึ่งไปย้ายไหเหล้าสีน้ำตาลมาวางบนโต๊ะ
“ข้าเพิ่งกินไปหนึ่งลูก” เหล่าไท่ไท่เอ่ยด้วยความเหนื่อยล้า “ฮู้ ตอนนี้เหลืออีกแปดลูก…เ้าก็เหลือเกินจริง ๆ ไหหนักเช่นนี้ ควรให้พวกข้าช่วยย้าย หากเ้าทำแตกจะทำอย่างไร?”
“คนผู้นั้นบอกว่าชาติที่แล้วข้าเป็คนดีแต่ถูกคนอื่นฆ่าตาย ด้วยเหตุนี้จึงได้รับรางวัลและค่าตอบแทน แต่ของจาก์ไม่สามารถนำมาสู่โลกได้ตามใจ ดังนั้นพุทราเหล่านี้จึงถูกปิดผนึก จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อข้ากินเข้าไป หากต้องแบ่งปันให้คนอื่น ข้าต้องอดอาหารและจุดธูปเป็เวลาสามวัน จากนั้นต้องท่องบทสวดปัญญาปารมิตาหฤทัยสูตรที่คนผู้นั้นมอบให้จำนวนร้อยรอบ จึงจะมอบให้คนอื่นกินได้ มิเช่นนั้นหลังจากกินแล้วอาจกลายเป็พิษจนถึงแก่ชีวิตได้”
เมื่อเหอตังกุยเห็นเหล่าไท่ไท่ใจนหน้าเปลี่ยนสีจึงตบหลังนางเบา ๆ พลางเอ่ยปลอบโยน “พุทราที่ท่านกินได้รับการแปรรูปตามธรรมชาติ ตอนนี้ท่านรู้สึกดีขึ้นมากแล้วไม่ใช่หรือ ทั้งยังสามารถย้ายไหเหล้าน้ำหนักกว่าสิบจินได้ ชายผู้นั้นบอกว่าพุทราเป็สมบัติล้ำค่าที่สุดในโลก เพื่อป้องกันไม่ให้คนชั่วโลภมาก เขาจึงเพิ่มเวทมนตร์ต้องห้ามเข้าไป หากข้าไม่ได้สมัครใจส่งพุทราแต่กลับถูกคนอื่นแย่งชิง พวกนั้นจะต้อง...เอ่อ...จะต้องตายเ้าค่ะ” เมื่อเหอตังกุยเห็นเหล่าไท่ไท่ใหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้งจึงเอ่ยปลอบใจต่อ “ท่านยายวางใจเถิดเ้าค่ะ ข้ามอบให้ท่านเป็ของขวัญด้วยความสมัครใจ ท่านไม่เห็นข้าย้ายไหมาที่นี่หรือเ้าคะ?”
เหล่าไท่ไท่รีบเอ่ยถาม “แต่ขั้นตอนสุดท้าย...เ้าไม่ได้ย้ายเข้ามาเอง จำเป็ต้องย้ายใหม่อีกครั้งหรือไม่?”
“ไม่จำเป็เ้าค่ะ” เหอตังกุยโบกมือก่อนเอ่ย “คนผู้นั้นบอกว่าทั้งหมดขึ้นอยู่กับความ้าของข้า ตราบใดที่ข้าสมัครใจ ไม่ว่าจะมาถึงด้วยวิธีใดก็ไม่สำคัญเ้าค่ะ แต่ท่านยายอย่าลืมให้ข้า ‘จัดการ’ กับพุทราอีกแปดลูกในไหก่อนกินนะเ้าคะ หลังจัดการแล้ว เมื่อกินเข้าไปก็จะเห็นผลภายในสามวันเ้าค่ะ หากเกินกำหนดจะต้องจัดการใหม่อีกครั้ง ท่านยายยังอยากกินอีกสักสองสามผลหรือไม่เ้าคะ? ข้าจะได้ช่วยท่านจัดการอีกครั้ง ”
เหล่าไท่ไท่ลูบไหเหล้าก่อนถอนหายใจพลางเอ่ย “นี่คือสมบัติอันล้ำค่าที่หนานจี๋เซียนเวิงมอบให้ตระกูลหลัว เป็ความโชคดีที่ข้าได้กินหนึ่งในนั้น ข้าจะกินอีกลูกได้อย่างไรกัน? นับจากนี้พวกมันคือมรดกสืบทอดของตระกูลหลัวแล้ว”
เหอตังกุยหัวเราะอย่างอดไม่ได้ เพื่อแก้ไขสถานการณ์จึงไอหลายครั้งเพื่อปกปิดเสียงหัวเราะ หยางมามาเอ่ยด้วยความห่วงใย “คุณหนูสาม ท่านเป็อะไร ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?” ตอนนี้คุณหนูสามเป็กุญแจสำคัญในการสร้างสิ่งล้ำค่าที่เป็มรดกของตระกูล หากนางเป็อะไรไปแม้แต่นิดเดียว พวกเขาจะทำอย่างไร?
เหอตังกุยโบกมือพลางเอ่ย “อาจเป็เพราะเหนื่อยจากการย้ายไหเหล้าเมื่อครู่ จริงสิ ท่านยาย พุทราที่ท่านกินยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีก ความแตกต่างขึ้นอยู่กับบุคคล ดังนั้นสองวันนี้ท่านต้องงดอาหารจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด”
เหล่าไท่ไท่กอดไหพลางเอ่ย “เช่นนั้นพุทราหมักเหล้านี้จะมีไอเทพปะปนหรือไม่?”
เหอตังกุยยิ้มบางพลางตอบ “อาจมีเ้าค่ะ แต่คนที่เคยกินพุทราเท่านั้นจึงจะสามารถดื่มได้ ข้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากคนอื่นดื่มมัน ท่านยายดื่มเล็กน้อยแล้วรีบไปพักผ่อนเถิดเ้าค่ะ ข้าก็จะกลับห้องไปสวดมนต์อธิษฐานให้ตระกูลหลัวและหลานจูเช่นกัน”
หยางมามารีบขวางนางไว้ก่อนเอ่ยอ้ำอึ้ง “ คุณหนูสาม เื่ที่ท่านมอบพุทรา เหล่าไท่ไท่จะให้รางวัลท่านอย่างงามภายหลัง...แต่เื่การไปขอโทษที่เรือนหลิวหลี่นั้น…ยังไม่เปลี่ยนแปลง” นางกลัวว่าคุณหนูสามจะปฏิเสธด้วยเหตุที่นางมีส่วนช่วยมอบของล้ำค่าให้เหล่าไท่ไท่ ตอนนี้เหล่าไท่ไท่คงจะไม่ตำหนิหรือบังคับนางอย่างจริงจัง เพราะอย่างไรนางก็เป็กุญแจสำคัญของมรดกตกทอด แต่หากคราวนี้ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ไม่ว่าด้านไหนก็ล้วนเป็เงื่อนตายที่ไม่สามารถคลายปมได้ มีเพียงคุณหนูสามเท่านั้นที่เหมาะและสมเหตุสมผลที่สุด
เป็ดังคาด หยางมามาได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ข้าไปแน่นอนเ้าค่ะ มามาวางใจเถิด ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไรเพื่อประโยชน์ของตระกูลหลัว พุทราหล่านี้จะเป็ความลับ การมอบพุทราและการขอโทษนั้นแตกต่างกันสิ้นเชิง ไม่สามารถหักล้างได้ มามาดูแลท่านยายให้ดีเถิด ข้าขอตัวเ้าค่ะ."
หยางมามามองแผ่นหลังเหอตังกุยก่อนหันกลับมายิ้มให้เหล่าไท่ไท่พลางเอ่ย “เป็เื่ยากมากที่คุณหนูสามจะคิดถึงส่วนรวมเช่นนี้”
เหล่าไท่ไท่ลูบไหเย็นชืดไปมา ก่อนเอ่ยอย่างมั่นใจ “กินสามลูกจะสามารถรักษาได้ร้อยโรค...หากเป็สามปีก่อน หลัวตู้จ้งคนใจร้ายผู้นั้นคงจะไม่ตายจากไปเร็วเช่นนี้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้