ป้าบ!
เซียวเฉินควบคุมตัวจี๋เสวี่ยไว้ ทำให้นางขยับตัวไม่ได้ จากนั้นเขาใช้มือฟาดก้นของจี๋เสวี่ยแรงๆ จนส่งเสียงดังฟังชัด
พริบตา ทุกคนต่างปากอ้าตาค้าง
จี๋เสวี่ยก็ตะลึงงัน ถึงขั้นลืมความเ็ปบนก้นไป
“อ๊า...”
จี๋เสวี่ยหน้าแดงในพริบตาและส่งเสียงร้อง
จากนั้นดิ้นออกจากการผูกมัดของเซียวเฉินทันที มองเซียวเฉินด้วยขอบตาแดงก่ำ กัดริมฝีปากแน่น ไม่เอ่ยวาจา
เซียวเฉินมองท่าทางของจี๋เสวี่ยโดยไม่สงสารสักนิด
“ครั้งนี้ข้าสั่งสอนเ้าเล็กน้อย เ้าไปเถอะ”
จี๋เสวี่ยถลึงตาใส่เซียวเฉิน จากนั้นเอ่ยอย่างแค้นเคือง “ข้าจะไม่ปล่อยเ้าไป”
เซียวเฉินยิ้ม “น้อมสนองทุกเมื่อ”
จี๋เสวี่ยหันกายวิ่งออกจากห้องฝึกวิชา เซียวเฉินก็ไม่ใส่ใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์และสายตาของคนภายนอก เขาปิดประตูห้องฝึกบำเพ็ญแล้วเริ่มฝึกวิชาต่อ
ต่อมา สิ่งที่ทำให้เซียวเฉินรู้สึกยินดี คือสตรีผู้นั้นไม่มารบกวนตนเองอีก ส่วนตนเองก็เลื่อนเป็ขั้นตานฟ้าสองชั้นฟ้าระดับสูงสุดใน่เวลาสั้นๆ นี้
ความสามารถเพิ่มขึ้น เซียวเฉินยิ่งมั่นใจ
ผ่านไปครึ่งเดือน เซียวเฉินก็เตรียมออกมา
ถึงอย่างไรเขาก็จำเป็ต้องปรับสมดุลสักหน่อย
แม้ว่าหอฝึกวิชาจะมีประโยชน์ต่อการฝึกปรืออย่างยิ่ง แต่อย่างไรก็ไม่ใช่สถานที่ซึ่งสมควรรั้งอยู่นาน แรงกดดันมหาศาลมีผลร้ายต่อร่างกายไม่น้อย
เซียวเฉินย่างออกจากหอฝึกวิชาโชคชะตา โคจรพลังเสวียนเล็กน้อย พริบตา พลังเสวียนก็ถั่งโถมมาดั่งห้วงมหรรณพและทะลวงขั้นตานฟ้าสามชั้นฟ้าทันที
บรรลุแล้ว!
จุดนี้ แม้แต่เซียวเฉินก็รู้สึกเหนือความคาดหมาย
หลังเซียวเฉินบรรลุ คัมภีร์หงสาานิรวาณก็เลื่อนขั้น แม้ว่าในเวลาสั้นๆ จะไม่มีทางทะลวงนิรวาณขั้นสามได้ แต่นิรวาณขั้นหนึ่งและขั้นสองก็นำความเปลี่ยนแปลงมาให้แก่เซียวเฉินอย่างมหาศาล
บัดนี้เกรงว่ากายเนื้อของเซียวเฉินสามารถเทียบได้กับผู้เข้มแข็งขั้นตานฟ้าห้าชั้นฟ้าขึ้นไป อีกทั้งเขายังรู้แจ้งเคล็ดวิชาชั้นยอด นั่นคือความสามารถในการรักษาตนเอง
อาจเป็เพราะสายโลหิตหงสา ความสามารถในการรักษาตนเองของเซียวเฉินไม่เพียงเหนือกว่าคนธรรมดาหลายเท่า ทว่าความสามารถในการฟื้นฟูยังแข็งแกร่งสุดขีดด้วย เซียวเฉินย่อมไม่คัดค้านในจุดนี้ ถึงอย่างไร ตนเองก็มีอาวุธเทพคุ้มครองชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง!
เหตุใดจะไม่ยินดีเล่า!
หลังจากเซียวเฉินกลับถึงที่พักก็พบว่ามีกระดาษข้อความถูกวางไว้บนโต๊ะ บนกระดาษแผ่นนั้นมีอักษรตัวเล็กๆ งดงามหนึ่งแถว
“เซียวเฉิน กลับมาแล้ว มาหาข้าที่หอสุ่ยเยวี่ยนะ ลงนาม มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์”
เซียวเฉินยิ้มพลางเดินออกไป
ณ หอสุ่ยเยวี่ย เซียวเฉินเดินมาช้าๆ ทว่าในเวลานี้เองพลันมีเสียงฝ่าอากาศที่ทำเอาเซียวเฉินมือไม้ปั่นป่วน พริบตาก็เกิดสายลมคลั่งม้วนตลบ
“ใครน่ะ?”
เซียวเฉินหันหน้าไปมองด้วยสายตาโกรธเคือง
จี๋เสวี่ยหน้าแดงนิดๆ ดวงตาโตเปล่งประกาย มองเซียวเฉินอย่างมีโทสะ สะบัดแส้ัชาดในมือ
“เ้าสารเลว ยังกล้ามาที่หอสุ่ยเยวี่ยอีก ไสหัวไปเสีย!”
เซียวเฉินรีบหลบหลีกพลางเอ่ย “ขาอยู่บนตัวข้า ข้าอยากไปที่ใดแล้วเกี่ยวอะไรกับเ้าด้วย? หรือว่าบ้านเ้าเป็คนเปิดสถานศึกษาชางหวง?”
พอโจมตีไม่โดน จี๋เสวี่ยก็มีโทสะจนกระทืบเท้า
“อย่างไรข้าก็ไม่อนุญาตให้เ้ามาที่นี่ เื่ที่เ้าแย่งสถานที่ฝึกวิชาของข้าไป ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเ้าเลย ตอนนี้เ้ายังมีหน้ามาสถานที่ที่ข้าอยู่อีก หรือเ้ายังคิดจะแย่งข้าอีก!” ระหว่างที่เอ่ยวาจา จี๋เสวี่ยก็สะบัดแส้ร่ายรำ ปลดปล่อยพลังเสวียน ประหนึ่งัคืนสู่สมุทร ไร้จุดอ่อนให้โจมตี
ตูม!
เซียวเฉินถูกะเืจนถอยหลัง ฝ่ามือเจ็บแปลบ
แต่เขากลับใ
นางบอกว่าหอสุ่ยเยวี่ยเป็ที่พักของนางหรือ? แล้วเหตุใดศิษย์พี่มู่หรงจึงให้ตนเองมาที่นี่?
นี่มันเื่อะไรกัน!
คนทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือด เซียวเฉินไม่ได้ลงมือ ทว่าเป็ฝ่ายรับมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้นเกรงว่าจี๋เสวี่ยคงพ่ายแพ้ไปนานแล้ว
ตูม!
ูเาหินจำลองแตกเป็เสี่ยงๆ และกลายเป็เศษหินปลิวว่อนภายใต้การโจมตี
ในที่สุดก็ทำให้คนในห้องใ
“ใครมาโอหังที่หอสุ่ยเยวี่ย?” เสียงตวาดอ่อนหวานพลันดังขึ้น ครู่ต่อมา เงาร่างชดช้อยสายหนึ่งก็ปรากฏตัวขัดจังหวะเซียวเฉินและจี๋เสวี่ย
จี๋เสวี่ยเห็นมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็วิ่งไปหาด้วยสีหน้าไม่ได้รับความเป็ธรรมและอยากจะร้องไห้ทันที นางชี้เซียวเฉินแล้วกล่าว “พี่มู่หรง เ้าสารเลวนี่รังแกข้า รีบทุบตีเขาเร็วเข้า”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์และเซียวเฉินสบตากันแล้วต่างอึ้งงัน
เดิมทีเซียวเฉินนึกว่าเขาเข้าใจผิด แต่เมื่อมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ปรากฏกายขึ้น เขาจึงรู้ว่าเป็เื่จริง ที่แท้หอสุ่ยเยวี่ยไม่เพียงมีมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์อาศัยอยู่ แต่ยังมีจี๋เสวี่ยอยู่อีกคนด้วย!
ส่วนมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ หลังจากเห็นว่าคนที่สู้กับจี๋เสวี่ยคือเซียวเฉินก็ปวดศีรษะ เซียวเฉินคือคนที่นางเรียกมา คิดไม่ถึงว่าไม่ได้พบนางก็ต่อสู้กับจี๋เสวี่ยทันที
“เสวี่ยเอ๋อร์ นี่คือสหายของข้า”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์บอกจี๋เสวี่ยยิ้มๆ
จี๋เสวี่ยเบิกตาโตมองมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ทันที แล้วมองเซียวเฉินอีก จากนั้นเอ่ยว่า “พี่มู่หรง เ้าไม่ช่วยข้าแล้ว เ้ากับเขารวมหัวกันรังแกข้า”
“เสวี่ยเอ๋อร์ ข้าเรียกเขามาช่วยเ้า”
จี๋เสวี่ยส่ายศีรษะทันที มีท่าทางแค้นเคือง
“ข้าไม่้าความช่วยเหลือจากเขา ถึงตายข้าก็ไม่้าให้เขาช่วย ฮึ” ว่าแล้วก็หันกายเดินกลับห้องของตนเอง แถมยังปิดประตูอย่างแรง
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มองเซียวเฉินแบบขออภัย
“เซียวเฉิน ขอโทษนะ เสวี่ยเอ๋อร์มีนิสัยทำตามใจตนเอง เ้าอย่าใส่ใจเลย”
เซียวเฉินโบกไม้โบกมือ เอ่ยยิ้มๆ “ไม่เป็ไร ข้าก็ไม่ได้เห็นเป็ครั้งแรก ชินเสียแล้ว”
คราวนี้ถึงตามู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ใบ้าง
“พวกเ้าเคยเจอกันหรือ?”
เซียวเฉินผงกศีรษะ “อืม ในหอฝึกวิชาโชคชะตา” เซียวเฉินเล่าเื่ที่ตนเองได้พบกับจี๋เสวี่ยเป็ครั้งแรกให้มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ฟัง หลังฟังจนจบ นางอดถลึงตาใส่เขาไม่ได้
“มิน่าเล่า ตอนที่เสวี่ยเอ๋อร์เห็นเ้าจึงเหมือนสิงโตน้อยคลุ้มคลั่ง นางยังเป็หญิงสาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่กลับถูกเ้าทั้งโอบทั้งกอดแถมตีก้น หากเป็เ้า เ้าจะทำอย่างไร”
เซียวเฉินเกาศีรษะ จากนั้นยิ้มกล่าว “ตอนนั้นข้าไม่ได้ใส่ใจ ข้าจะไปขอโทษนางแล้วกัน”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เอ่ย “ไม่ต้องขอโทษ ข้าเรียกเ้ามาเพราะมีเื่้าความช่วยเหลือจากเ้าพอดี เื่ของเสวี่ยเอ๋อร์”
เซียวเฉินเอ่ย “เื่อะไร”
“เ้าทิ้งเมล็ดเพลิงแห่งหงสาไว้ในร่างของเสวี่ยเอ๋อร์ได้หรือไม่?”
เซียวเฉินมีสีหน้างุนงง
“ทิ้งเมล็ดเพลิงไว้? หมายความว่าอย่างไร?”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กล่าว “ร่างกายของเสวี่ยเอ๋อร์มีปัญหา คือมีคุณสมบัติเย็นจัด ทุกเดือนนางจะมีอาการหนาวสั่นและเ็ปจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ อาจารย์ใหญ่บอกว่ามีเพียงเพลิงหยางบริสุทธิ์เท่านั้นที่สะกดข่มได้ แล้วร่างของเ้ามีสายโลหิตหงสา มีอัคคีเทพหงสาติดตัว ย่อมสามารถกำราบคุณสมบัติร่างกายที่เย็นจัดของเสวี่ยเอ๋อร์ได้ ดังนั้น...”
“ดังนั้น นี่คือจุดมุ่งหมายที่เ้าเรียกข้ามาที่หอสุ่ยเยวี่ย”
เซียวเฉินถาม
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ผงกศีรษะ
“ศิษย์พี่มู่หรง ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่ว่าข้าจะช่วยหรือไม่ช่วย แต่จี๋เสวี่ยจะให้ข้าช่วยหรือไม่ต่างหาก เมื่อครู่นางบอกแล้วว่าถึงตายก็จะไม่ให้ข้าช่วย” เซียวเฉินเอ่ยยิ้มๆ
“เซียวเฉิน หากกำราบคุณสมบัติร่างกายที่เย็นจัดของเสวี่ยเอ๋อร์ไม่อยู่ จะมีอันตรายถึงชีวิต” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เอ่ยอย่างกังวล เซียวเฉินเห็นสีหน้ากังวลของนางอยู่ในสายตา
“ศิษย์พี่มู่หรง ข้าจะช่วยเหลือเื่นี้ แต่ก่อนอื่นเ้าต้องเกลี้ยกล่อมจี๋เสวี่ยให้ได้ ข้าไม่อยากช่วยเหลือคนอื่นแล้วยังถูกรังเกียจหรอกนะ แล้วข้าจะได้อะไร”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ้ม
“เ้านี่น้า ไม่ยอมเสียเปรียบเลยสักนิดจริงๆ เสียทีที่พี่สาวเอ็นดูเ้า”
เซียวเฉินหมดวาจา
วิ้ง!
ขณะที่คนทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น หอสุ่ยเยวี่ยพลันมีไอเย็นพวยพุ่งสู่ฟ้า แม้แต่น้ำในสระก็มีไอหนาวและผนึกเป็ชั้นน้ำแข็งบางๆ อุณหภูมิลดลงอย่างต่อเนื่อง
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์สีหน้าแปรเปลี่ยน
“แย่แล้ว เสวี่ยเอ๋อร์มีอันตราย”
เซียวเฉินตามหลังนางบุกเข้าประตูมา เห็นตลอดร่างของจี๋เสวี่ยแผ่ไอเย็นเสียดกระดูก ส่วนิัของจี๋เสวี่ยก็เปลี่ยนเป็สีขาวจัด มีน้ำค้างแข็งบางๆ
“เป็ไอหนาวอันแกร่งกร้าวนัก” เซียวเฉินใ
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เร่งเร้าพลังเสวียนคุ้มครองร่างกายตนเอง จากนั้นพยุงจี๋เสวี่ยทันที แต่ครู่ถัดมา พลังเสวียนบนร่างของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็ถูกไอหนาวบนร่างของจี๋เสวี่ยจู่โจมทำลาย แขนทั้งสองข้างของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ผนึกเป็น้ำแข็ง
“เซียวเฉิน รีบมาช่วยหน่อย” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เอ่ยอย่างร้อนรน
เซียวเฉินพยักหน้า เดินมาหาแล้ววาดฝ่ามือ ปลดปล่อยพลังเสวียน พ่นเปลวอัคคีศักดิ์สิทธิ์หงสาช่วยเหลือมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ออกมา
“ศิษย์พี่มู่หรง เ้าออกไปก่อน ตรงนี้ไว้เป็หน้าที่ข้าเอง” เซียวเฉินเอ่ยช้าๆ
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มองจี๋เสวี่ยอย่างเป็ห่วงแวบหนึ่ง จากนั้นเดินออกไป
“เ้าระวังตัวด้วยนะ”
เซียวเฉินรับคำ หลังจากมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ออกไป เซียวเฉินก็สกัดจุดชีวิตของจี๋เสวี่ยไว้ทันที แล้วถ่ายทอดอัคคีเทพหงสาภายในร่างกายให้จี๋เสวี่ย