ลู่ชิงตื่นขึ้นมายามเหม่าของอีกวันจึงรีบเข้าไปในมิติ เพื่อหยิบพวกเนื้อสัตว์และผักที่จะใช้ทำเป็มื้อเช้าวันนี้ โดยไม่ลืมที่เดินไปหยิบเอาพวกแปรงสีฟันและยาสีฟัน เพื่อให้ทุกคนได้ใช้ทำความสะอาดช่องปาก ลู่ชิงกลัวว่าแค่บ้วนปากด้วยเกลือมันจะไม่สะอาด ในเมื่อมีของให้ใช้เราก็ต้องใช้จะปล่อยให้เสียของได้อย่างไร เช้านี้ลู่ชิงอาสาเป็คนปรุงอาหารเอง โดยนางจะทำข้าวต้มกุ้งให้ทุกคนได้ทาน ขณะที่กำลังเตรียมของอยู่ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังของนาง
ฟางซินตื่นมาก็เห็นบุตรสาวกำลังเตรียมวัตถุดิบทำมื้อเช้าอยู่ เมื่อนางได้พูดคุยกับสามีถึงเื่ที่เกิดขึ้นกับชิงเอ๋อร์ คงเป็ลิขิตของ์นางไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จะให้ขับไล่นางออกไปสตรีคนนั้นก็ไม่ได้ทำผิด นางไม่ได้เข้ามาอยู่ในร่างของชิงเอ๋อร์เองแต่เป็ท่านเทพที่พานางมา เพื่อใช้ชีวิตที่เหลือแทนชิงเอ๋อร์ของนางต่างหาก ฟางซินจึงคิดว่าค่อย ๆ เรียนรู้กันไปต่อจากนี้ก็แล้วกัน
“ทำไมถึงได้ตื่นมาแต่เช้าเช่นนี้เล่า นี่กำลังเตรียมทำมื้อเช้าอยู่หรือมีอะไรให้ช่วยไหม”
“ไม่เป็ไรเ้าค่ะท่านแม่ ข้าเองก็ชอบทำอาหารเหมือนกันมื้อเช้านี้จะลงมือปรุงเอง ท่านแม่คอยเป็ผู้ช่วยให้ข้าได้หรือไม่เ้าคะ”
ลู่ชิงหันไปคุยกับมารดาแกมขอร้อง ให้นางยืนเป็ผู้ช่วยในการเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำอาหารเช้าของวันนี้
“อืมได้ จะให้ทำอะไรบ้างเ้าบอกมาได้เลย และมีวัตถุดิบอย่างอื่นอีกหรือไม่” ฟางซินจำต้องยอมบุตรสาวด้วยเห็นความตั้งใจที่จะทำอาหาร
“ท่านแม่ช่วยล้างกระดูกหมูและผักพวกนี้ให้สะอาด จากนั้นหั่นผักใส่ชามไว้ให้ข้าเ้าค่ะ ส่วนกุ้งก็ต้องดึงเอาเส้นสีดำด้านหลังมันออกมาด้วยนะเ้าคะ ประเดี๋ยวข้าจะไปติดเตาไฟก่อน” ท่านแม่ก็นำทุกอย่างไปล้างให้สะอาดและเตรียมไว้ในชามให้เรียบร้อย ส่วนตนเองก็ติดเตาไฟทั้งสองเตาและนำหม้อใส่น้ำขึ้นตั้งไว้เช่นกัน
“ขอบคุณท่านแม่เ้าค่ะ ที่เหลือเดี๋ยวข้าจัดการเองท่านแม่ไปพักผ่อนต่อเถิดเ้าค่ะ” มันยังเช้าอยู่มากลู่ชิง จึงอยากให้มารดาไปพักต่ออีกสักหน่อย
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกไว้จะรอชิมอาหารฝีมือของเ้านะ” ฟางซินพูดจบก็เดินออกจากห้องครัวไป
เมื่อท่านแม่ออกไปแล้วลู่ชิงก็มาจัดการมื้อเช้าต่อ โดยต้มน้ำซุปหนึ่งเตาส่วนอีกเตาก็ต้มน้ำลวกกุ้งและเจียวกระเทียมใส่ชามไว้ ส่วนข้าวนั้นเข้าไปหุงในมิติเรียบร้อยแล้ว เพราะห้างในมิติสามารถเสียบปลั๊กใช้ไฟฟ้าได้ ทำให้ประหยัดเวลาไปได้มากทีเดียว
พอหม้อน้ำซุปเริ่มเดือดก็ใส่สามเกลอลงไป ตามด้วยกระดูกหมูและซุปก้อนรสหมูไปอีกสองก้อน ปรุงเพิ่มด้วยซีอิ้วขาวกับเกลือเล็กน้อย จากนั้นรอให้น้ำซุปเดือดอีกครั้งคอยช้อนฟองทิ้งเพื่อให้น้ำซุปใสน่ากิน และต้มต่อให้ได้ความหวานจากกระดูกหมู จะทำให้ได้รสชาติกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น
ผ่านไปอีกสองเค่อลู่ชิงตักน้ำซุปขึ้นมาชิมดูก็พยักหน้ากับตัวเอง ดีใจที่ฝีมือการทำอาหารยังใช้ได้เหมือนเดิม ตอนนี้ฟ้าเริ่มสว่างขึ้นมากพอสมควร และนางก็ได้ยินเสียงเปิดประตูแสดงว่าทุกคนตื่นนอนแล้วสินะ ลู่ชิงไม่รอช้าจัดแจงตักข้าวสวยใส่ชาม ที่มีขนาดกลางวางกุ้งตัวโต ๆ โรยต้นหอม ผักชี ขึ้นฉ่ายตักน้ำซุปราดลงไป ปิดท้ายด้วยกระเทียมเจียวหอม ๆ เท่านี้ก็พร้อมทานลงท้องแล้ว
“น้องเล็กเ้าทำอะไรเป็มื้อเช้างั้นหรือ กลิ่นมันหอมมากจนลอยออกไปถึงด้านนอกเลยเชียว” ลู่เสียนที่ได้กลิ่นหอมของอาหาร จึงเดินตามมาถึงในห้องครัว
“ข้าทำข้าวต้มกุ้งเ้าค่ะ รบกวนพี่รองช่วยยกออกไปที่โต๊ะให้หน่อยนะเ้าคะ” ลู่ชิงถือโอกาสไหว้วานพี่รอง ยกถาดข้าวต้มออกไป
“ท่านพ่อท่านแม่พี่ใหญ่ทานข้าวได้แล้วขอรับ น้องเล็กทำมื้อเช้าน่าทานมาก ๆ เลยนะ” ลู่เสียนยกถาดข้าวต้มออกมา ก็รีบะโเรียกทุกคนมาชิมอาหารฝีมือลู่ชิงทันที
“น้องเล็กเ้าทำอาหารได้น่าทานมากเลย” ลู่จื้อชมน้องสาวอีกคน
“เอาล่ะ ๆ นั่งลงทานข้าวกันได้แล้ว หลังจากนี้พวกเราจะได้พูดคุยว่าจะทำอะไรเพื่อหาเงินดี” ลู่เวินรีบบอกให้ทุกคนนั่งลงทานมื้อเช้าก่อนที่จะคุยเื่อื่นกัน
“ซู้ด อื้อ!! อร่อยมาก!! ชิงเอ๋อร์ข้าวต้มนี่อร่อยมากจริง ๆ” ลู่เสียนที่ทนกลิ่นหอมของอาหารไม่ไหว ตักข้าวต้มเข้าปากไปก็ร้องออกมา ด้วยความอร่อยจากอาหารฝีมือของลู่ชิง
“ฝีมือทำอาหารของเ้าไม่เลวเลยจริงๆ” ฟางซินยังอดที่จะเอ่ยชมไม่ได้เช่นกัน
“น้องเล็ก ทานข้าวต้มร้อน ๆ ยามที่อากาศเย็นเช่นนี้ มันช่วยให้ท้องอุ่นได้มากเลย พี่ใหญ่ชอบอาหารฝีมือเ้ามาก”
“ขอบคุณเ้าค่ะพี่ใหญ่ที่ชอบอาหารฝีมือข้า ไว้จะทำให้พวกท่านทานทุกมื้อเลยดีไหมเ้าคะ”
“แน่นอนว่าต้องดีอยู่แล้วล่ะ ฮ่า ๆ ๆ” ลู่จื้อยิ่งชอบใจกับคำพูดของลู่ชิง
“อื้ม น้องเล็กทำอาหารอร่อยแบบนี้ ถ้าหากพวกเราทำไปขายคงได้เงินไม่น้อยทีเดียว ท่านพ่อท่านแม่คิดว่าอย่างไรขอรับ” ลู่เสียนคิดไปถึงการค้าขายแล้ว
เมื่อพี่รองพูดจบทุกคนก็หันมามองข้าทันที เหมือนจะเห็นด้วยกับคำพูดของพี่รองที่ว่าทำอาหารขายน่าจะดี หากเป็ของอร่อยคนย่อมซื้อกินได้ไม่ยากอยู่แล้ว
“พวกท่านมองข้าทำไมหรือเ้าคะ? บนหน้าข้ามีอะไรติดอยู่งั้นหรือ” ลู่ชิงที่กำลังทานข้าวต้มเพลิน ๆ จนไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่ถึงกับทำหน้างงที่ทุกคนหันมามองเป็จุดเดียว
“ไม่มีอะไรติดบนหน้าเ้าหรอกชิงเอ๋อร์ เมื่อครู่พี่รองของเ้าแค่บอกว่า ถ้าทำอาหารขายคงจะได้เงินไม่น้อย เ้าคิดว่าการขายอาหารเป็อย่างไร” ลู่เวินเอ่ยถามความเห็นของบุตรสาว
“ทำอาหารขายก็ดีเ้าค่ะ แต่เราจะทำอาหารง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก หรือว่ามีหลายขั้นตอนจนเกินไป ไม่เช่นนั้นทุกคนจะเหนื่อยเอาได้เ้าค่ะเพราะพวกท่านเพิ่งจะแข็งแรง หากต้องทำงานหนักอีกภายในร่างกายจะกลับมาสมบูรณ์ได้ช้านะเ้าคะ” ลู่ชิงคิดว่าขายอาหารก็เป็วิธีหาเงินที่ดีไม่น้อย
หลังจากทานอาหารมื้อเช้ากันเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็มานั่งคุยเื่การทำอาหารไปขายในตัวตำบลหย่งฝู แต่ตอนนี้ครอบครัวมีเงินเก็บอยู่เพียงสามตำลึงเงิน คงไม่พอสำหรับการเริ่มทำการค้าอย่างแน่นอน ลู่ชิงจึงเสนอวิธีการหาเงินทุนก่อนเป็อันดับแรก เงินเก็บของครอบครัวนี้มีน้อยแล้วอย่างไร เพราะในมิติมีของมีค่าใช้ขายแลกเงินได้มากมาย
“ท่านพ่อเ้าคะ ตอนนี้เงินเก็บของบ้านเราคงไม่พอที่จะลงทุนทำอาหารขาย ดังนั้นเราควรจะหาเงินทุนก่อน โดยสองสามวันนี้ท่านพ่อกับพี่ใหญ่พี่รองขึ้นเขาไปวางกับดักสัตว์ตามปกติ พอถึงเวลาเอาไปขายในตำบลข้าจะเอาเครื่องประดับที่มีในมิติออกไปขายด้วยเ้าค่ะ ขอแค่มีเงินมาสำรองในมือมากหน่อยย่อมดีกว่าต้องประหยัด ถ้าคนในหมู่บ้านถามก็บอกพวกเขาไปว่า เราเอาของมีค่าที่ติดตัวมาได้ทั้งหมดไปขาย เพื่อนำเงินมาลงทุนก็พอพวกท่านเห็นด้วยหรือไม่เ้าคะ” ข้าเสนอวิธีการหาเงินก้อนแรกให้ทุกคนฟัง
“ท่านพ่อขอรับ ทำตามวิธีของน้องเล็กก็ดีเหมือนกัน อีกอย่างพวกเรายังไม่ต้องตอบคำถามกับชาวบ้าน ที่ชอบสงสัยว่าเอาเงินมาจากที่ใดอีกขอรับ” ลู่จื้อเห็นด้วยกับน้องสาว เพราะเขาเป็คนไม่ชอบให้คนอื่น มาวุ่นวายเื่ครอบครัวของตนสักเท่าไหร่
“แล้วคนอื่นมีความเห็นอะไรอีกหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ตกลงทำตามวิธีของชิงเอ๋อร์” ท่านพ่อถามท่านแม่กับพี่รองแต่พวกเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย
“น้องเล็ก แล้วเราจะทำอะไรไปขายล่ะที่ตำบลมีคนทำอาหารขาย แต่มักจะสู้พวกเหลาอาหารไม่ได้ บางคนขายได้กับพวกลูกจ้างทั่วไปเท่านั้นไม่ค่อยได้กำไรสักเท่าไหร่นะ” ลู่เสียนที่อยากรู้ว่าจะทำอะไรออกไปขายถามขึ้นมา เพราะเขาเองเคยเห็นพ่อค้าแม่ค้าทำอาหารไปขายอยู่หลายคน แต่ก็ขายอยู่ได้ไม่นานเท่าที่ควร
“ข้าคิดไว้แล้วเ้าค่ะ อาหารชนิดนี้ทำง่ายและอร่อยด้วยกินได้ทุกเพศทุกวัย เมื่อได้กินแล้วจะต้องกลับมาซื้อซ้ำแน่นอนเ้าค่ะ” ลู่ชิงคิดอาหารที่จะทำขายไว้แล้ว
“มันคืออาหารแบบไหนหรือชิงเอ๋อร์ เ้าถึงมั่นใจนักว่าคนจะกลับมาซื้อซ้ำ เพราะน้อยคนที่จะปรุงอาหารให้ได้รสชาติที่ผู้คนชื่นชอบ” ฟางซินก็สงสัยไม่น้อยจึงถามบุตรสาวขึ้นมาบ้าง
“มันก็คือเนื้อหมูทอด สามชั้นทอดและไก่ทอดเ้าค่ะ เราจะหมักเนื้อทั้งสามอย่างเอาไว้ก่อน และค่อยนำไปทอดขายพร้อมกับข้าวเหนียวร้อน ๆ รับรองว่าคนในตลาดต้องมาซื้อทานเ้าค่ะ” อาหารที่ง่ายและอร่อยหากมีสูตรการหมักหมูไว้ทอดโดยเฉพาะ ทำง่ายขายคล่องรสชาติโดนใจใครจะไม่อยากซื้ออาหารของนาง
“เ้าพูดมาเสียเห็นภาพเลยพี่รองอยากจะลองชิมดูเสียแล้วสิ” ลู่เสียนนึกภาพตามที่ลู่ชิงอธิบายให้ฟังก็อยากจะชิมเร็ว ๆ
“แน่นอนว่าพวกเราต้องลองทำและชิมรสชาติเสียก่อนเ้าค่ะ เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดลูกค้าจะได้ประทับใจั้แ่ครั้งแรก ที่ได้ทานอาหารของเราพวกท่านให้คำติชมตามความจริง ยามที่ได้ชิมว่าการหมักเนื้อหมู่และเนื่อไก่แบบไหน ที่ให้รสชาติอร่อยพอดีและลงตัวที่สุด จากนั้นพวกเราจะทำตามสูตรนั้นไปขายเ้าค่ะ” ต้องทำกินเองเสียก่อนถึงจะนำไปทำเป็อาชีพได้
“งั้นพวกเราทุกคนควรช่วยชิงเอ๋อร์ทำ เพื่อเรียนรู้สูตรการหมักเนื้อทั้งสามอย่าง หากมีร้านเป็ของตนเองเมื่อใด พวกเราจะได้ทำมันในห้องครัวเองได้ป้องกันมิให้ใครสงสัย” ลู่เวินกำชับเื่การเรียนรู้และจดจำสูตรอาหาร
“ข้ากับน้อง ๆ เห็นด้วยกับท่านพ่อขอรับ/เ้าค่ะ”
ลู่ชิงรู้สึกว่าพี่รองเหมือนจะชอบชิมอาหารที่อร่อย คล้าย ๆ กับพวกนักรีวิวอาหารของโลกนั้น ทุกคนเห็นด้วยอย่างเป็เอกฉันท์และคิดว่าไม่ต้องเตรียมวัตถุดิบหลายอย่างให้วุ่นวายจนเกินไปอีกด้วย พวกเขาล้วนเฝ้ารอให้ถึงวันที่จะไปทดลองขายอาหารรายการนี้ไม่ไหวเสียแล้ว และครั้งนี้ลู่ชิงจะพาท่านแม่เข้าไปในมิติเป็ครั้งแรก ไม่รู้ว่าหากท่านแม่ได้เห็นพวกอุปกรณ์ตัดเย็บที่มีมากมาย จะตื่นตาตื่นใจเหมือนบิดากับพี่ชายทั้งสองคนบ้างหรือไม่
