มารดาจูฟ่างเคยชินกับการสั่งเสื้อผ้าที่ร้านตัดเสื้อ รูปแบบอาจไม่แปลกใหม่เท่าไรนักแต่เธอเป็ถึงระดับผู้บริหารตัวน้อยคนหนึ่ง การทำงานอยู่ในหน่วยงานจึง้าความสง่างามเคร่งขรึมและไม่แสวงหาว่าการออกแบบจะแปลกใหม่หรือไม่ เลือกใช้วัสดุคุณภาพเยี่ยม ขอเพียงเสื้อผ้าที่ตัดออกมามีเนื้อััดีและเหมาะสมกับสถานะของเธอก็พอ
ตอนนี้ผู้คนนิยมสวมใส่เสื้อคลุมขนสัตว์ มารดาจูฟ่างย่อมจองไว้สองชุดเช่นกัน
เก้าแก่ร้านตัดเสื้อขานเรียก ‘ผู้อำนวยการติง’ ทุกคำ ประจบเสียติงอ้ายเจินสุขกายสบายใจไปทั้งตัวสั่งจองเสื้อนอกถึงสามตัวในอึดใจเดียว
“แบบเสื้อตัวนี้ของร้านคุณใหม่ทีเดียว”
“นี่เป็แบบใหม่ล่าสุดจากหยางเฉิง เสื้อตัวนี้พอคุณใส่ออกไปจะดูภูมิฐานขึ้น”
ติงอ้ายเจินเป็คนจุกจิกและโอหัง แต่ฐานะครอบครัวก็ดีไม่ใช่น้อย สามีภรรยาล้วนเป็ระดับผู้บริหารสามารถสั่งตัดเสื้อคลุมราคาเกือบหนึ่งร้อยหยวนสามตัวในคราวเดียว เถ้าแก่ร้านตัดเสื้อจึงประจบสอพลอด้วยความเต็มใจ
เธอไม่ได้พูดโกหก นี่เป็เสื้อแบบใหม่จากหยางเฉิงจริงๆ
เถ้าแก่ร้านตัดเสื้อยังคงรู้สึกไม่พอใจ ร้านของเธอตัดเสื้อได้ตั้งหลายชุดเด็กสาวเ้าของแผงลอยนั้นช่างตระหนี่ถี่เหนียวเสียจริง
ติงอ้ายเจินทิ้งเงินมัดจำไว้ เถ้าแก่ร้านเสื้อรับรองว่าจะตัดให้เธอก่อนรับสินค้าในอีกหนึ่งสัปดาห์ถัดไป ติงอ้ายเจินเดินไปสักพักก็ได้ยินผู้หญิงจำนวนหนึ่งกล่าวว่าแผงลอยร้านนั้นที่เสื้อผ้าสวยเป็พิเศษนำเข้าสินค้าใหม่อีกครั้งเสื้อคลุมรอบนี้ล้วนสวยงามเหลือเกิน... โอ๊ะ สินค้าแผงลอย มีอะไรดีให้ซื้อกัน
ติงอ้ายเจินไม่คิดแม้แต่จะชายตามอง
ที่ไหนได้พอเดินต่อไป เธอก็เห็นแผงลอยที่มีคนเบียดเสียดกันนั่นแล้ว
ทั้งโจวเฉิงและเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่คนร่างเล็กคนสองคนสะดุดตาถึงเพียงนั้น ติงอ้ายเจินจะเมินเฉยได้อย่างไร?
คู่สามีภรรยาแสนเสน่หาต่อกันและกัน ทิ่มแทงดวงตาของติงอ้ายเจินยิ่งนัก
คนคนนั้นคือเซี่ยเสี่ยวหลานใช่ไหม?
พินิจจนถี่ถ้วน คือเซี่ยเสี่ยวหลานจริงๆ ด้วย!
ทว่าไม่เหมือนเซี่ยเสี่ยวหลานในความทรงจำของผู้อำนวยการติงเท่าไรนักเซี่ยเสี่ยวหลานที่ติงอ้ายเจินเคยพบเจอ สวมเครื่องแต่งกายทำจากผ้าม่อฮ่อมสีน้ำเงินส่วนล่างคือรองเท้าผ้าคร่ำครึ คนก็ร่างกายผ่ายผอมถีบจักรยานคันโตที่บรรจุสินค้าไว้เต็มเปี่ยม
หน้าตาทรงเสน่ห์ชวนเคลิบเคลิ้ม แต่กลับแต่งตัวธรรมดาสามัญความแตกต่างสองขั้วที่แบ่งแยกจากกันอย่างชัดเจนทำให้ลูกชายจูฟ่างของเธอหลงใหลไม่รู้จบ
เมื่อพิจารณาเซี่ยเสี่ยวหลานในตอนนี้อีกครั้ง เสื้อนอกตัวสั้นลายตารางกางเกงยีนส์ขาม้าเล็ก สวมรองเท้าหนังหัวตัดส้นหนาสีขาวแปลงโฉมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ชีวิตสุขสมสดชื่นดีนี่! เดิมทีหากพบกันอีกครั้งบนถนนในซางตูติงอ้ายเจินก็คงไม่โกรธเคืองขนาดนี้ ทว่าข้างกายเซี่ยเสี่ยวหลานยังมีโจวเฉิงผู้สะดุดตาอยู่ด้วยอีกคน!
คนหนึ่งหยิบเสื้อผ้า อีกคนหนึ่งรับเงิน ผู้ชายหล่อเหลาผู้หญิงสะสวยดูแล้วคือคู่สามีภรรยากิ่งทองใบหยกที่น่าชมเหลือเกิน
แต่ไม่ใช่เซี่ยเสี่ยวหลานลั่นวาจาว่าจะไม่ทำธุรกิจแล้วหรอกหรือจะกลับไปเรียนหนังสือไม่ใช่หรือไร?
ติงอ้ายเจินตักเตือนเธอว่าอย่าเกาะจูฟ่าง ทว่าอาจารย์จากเซี่ยนอีจงมาหา และประกาศว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคือต้นกล้าชั้นดีที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตบหน้า [1] ติงอ้ายเจินเสียดังเพียะเมื่อกลายเป็นักศึกษาหญิง ย่อมไม่ถือว่าเกาะจูฟ่าง และสามารถดูแคลนงานจำพวกบริกรที่ซึ่งตอนแรกติงอ้ายเจินตั้งใจจะนำมาใช้กำจัดเซี่ยเสี่ยวหลานให้พ้นทางได้จากวันนั้นเป็ต้นมา เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ส่งสินค้าให้ภัตตาคารหวงเหอจริงๆ
ติงอ้ายเจินยังเคยเห็นอยู่ไกลๆ เปลี่ยนคนเป็หญิงชนบทที่ดูซื่อสัตย์สุจริตจูฟ่างบอกว่าคือมารดาของเซี่ยเสี่ยวหลาน
จูฟ่างไม่ได้พบเซี่ยเสี่ยวหลาน อีกทั้งไม่กล้ารบกวนการเรียนของเธออยู่บ้านเฝ้าคะนึงหาฝ่ายเดียวอย่างสุดซึ้ง
ก่อนหน้านี้อย่างน้อยยังสอบถามสถานการณ์จากมารดาของเซี่ยเสี่ยวหลานได้ แต่สองวันที่แล้วทางนั้นตัดขาดการส่งปลาไหลโดยสมบูรณ์แจ้งเพียงไม่มีสินค้าแล้ว จูฟ่างกลับบ้านไปโหยหวนคร่ำครวญติงอ้ายเจินนั้นสงสารลูกชายอย่างยิ่ง
จิ้งจอกก็จิ้งจอกเถอะ หากสอบติดมหาวิทยาลัยจริง เธอจะอดกลั้นความไม่ยินดี และยอมรับเซี่ยเสี่ยวหลานเป็สะใภ้ไว้
ติงอ้ายเจินหลงคิดว่าตนเองเสียสละอย่างใหญ่หลวง เพื่อลูกชายแล้วจิตใจเปี่ยมรักของมารดาถึงยอมถดถอย
ชั่วพริบตาก็เจอเซี่ยเสี่ยวหลานผู้มุมานะศึกษาเล่าเรียนตามคำบอกเล่าตั้งแผงลอยบนถนนกับผู้ชายคนอื่น ดูภาพนี้สิ!
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยพูดว่าชอบพอกับจูฟ่างด้วยซ้ำผู้อำนวยการติงกลับเกิดความโมโหที่ลูกชายของตนถูกสวมหมวกเขียว [2] ให้ ตรรกะของติงอ้ายเจินตื้นเขินนักเธอจู้จี้รังเกียจเซี่ยเสี่ยวหลานที่มีภูมิลำเนาชนบทได้ เซี่ยเสี่ยวหลานก็ต้องยอมรับและรับฟังอย่างเคารพนบนอบ
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกลับไม่ปฏิบัติตามบทละครของเธอไม่เสแสร้งน่าสงสารหรือแสดงตัวเป็ผู้บริสุทธิ์ ทั้งยังตบหน้าผู้อำนวยการติงดังผัวะด้วยวาจาเชือดเฉือน
ติงอ้ายเจินโดนเด็กสาวชนบทตบหน้าเสียฟันร่วงเืกบปากจูฟ่างอยู่ที่บ้านราวกับทำจิติญญาหล่นหายไป คนเป็แม่จะทำอย่างไรได้?
ไม่ง่ายเลยกว่าติงอ้ายเจินจะฟื้นฟูจิตใจให้กับตนเองได้เมื่อพบว่าเซี่ยเสี่ยวหลานพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่งความโกรธเคืองทำให้เธอสูญเสียเหตุผลพุ่งตัวเข้าไปแหวกลูกค้าหญิงสองคนที่จะจ่ายเงินให้แยกจากกัน
“เซี่ยเสี่ยวหลาน เธอมันหน้าไม่อาย มั่วสุมกับผู้ชายกักขฬะเธอไม่ละอายใจต่อลูกชายฉันหรือไง?”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สนแม้แต่เงยหน้าด้วยซ้ำ โพล่งโต้แย้งทันที
“ลูกชายคุณเป็ใคร ทำไมฉันต้องละอายต่อเขา?”
พอเงยหน้าขึ้นมอง โอ๊ะ นี่ไม่ใช่มารดาของจูฟ่างหรือ?
ทั้งที่ดูถูกเธออย่างเห็นได้ชัด เซี่ยเสี่ยวหลานนึกว่าสองคนคงจะไม่มีการพบเจอกันแล้วอย่างไรเสียเธอไม่ส่งปลาไหลที่ภัตตาคารหวงเหออีกต่อไป การแสดงอารมณ์ของผู้อำนวยการติงช่างน่าดูชมเสียเหลือเกินราวกับจะกินเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าไปทั้งตัวทีเดียวเชียว
ติงอ้ายเจินโมโหจนแทบบ้า!
ผู้อำนวยการติงแสนสง่างามจะยังมีเหตุผลได้ที่ไหนกันเล่า ตอนนี้เธอคือเสือดาวตัวเมียที่ถูกยั่วแหย่จนโกรธจัดจึงอดใช้วาจาเผ็ดร้อนรุนแรงในการเหยียดหยามเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้
“พวกคุณซื้อเสื้อผ้าของนังจิ้งจอกคนนี้ คงไม่กลัวติดเชื้อความดัดจริตสินะเมื่อก่อนเพื่อขายปลาไหลให้ภัตตาคารเธอยั่วยวนลูกชายของฉันซึ่งเป็คนจัดซื้อเสียไม่เป็อันจะกินตอนนี้ไม่เห็นค่าธุรกิจขายปลาไหลแล้ว ไม่ทันไรก็ตกผู้ชายใหม่ ผู้ชายคนนี้ทำอะไรล่ะถึงออกเงินทองให้เธอได้ หรือว่าช่วยเธอดึงดูดผู้หญิงพวกนี้มาซื้อเสื้อผ้า?! เธอชอบคนอื่นเขา แล้วเขาจะขอเธอแต่งงานจริงหรือ? ไม่มีงานการเป็ชิ้นเป็อัน พวกชนบทล้าหลัง!”
ติงอ้ายเจินเริ่มการโจมตีแบบไม่สนใจใครหน้าไหนแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้อารมณ์มั่นคงอะไรนัก มีคนเหยียดหยามเธอเช่นนี้ เธอจะต้องเอาคืนเสียหน่อย
อดทนลำบากยากเข็ญรอคอยความเปลี่ยนแปลงอย่างงั้นหรือ? มีความแค้นเธอก็ต้องชำระในทันทีสิ!
เธอโบกกางเกงยีนส์ในมือแล้วฟาดเข้ากลางใบหน้าของติงอ้ายเจิน “พูดไม่น่าฟังก็ไม่ต้องพูด! แก่เพราะกินข้าวเฒ่าเพราะอยู่นาน เพื่อขายของเล็กน้อยให้ภัตตาคาร ฉันถึงกับต้องเอาตัวเองประเคนให้? ขนาดธรณีประตูตระกูลจูสูงส่ง ฉันยังไม่แลเลย!”
ติงอ้ายเจินโดนเธอฟาดจนงุนงง โจวเฉิงกลัวว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะขุ่นเคืองจนทำให้ตนเองได้รับาเ็เขาจึงรีบร้อนกอดเธอไว้
“อย่าลดตัวลงไปทำแบบเขา เธอใจเย็นลงก่อน”
เซี่ยเสี่ยวหลานแข็งขืนบิดไปบิดมา แผดเสียงใส่โจวเฉิง “เขามีสิทธิอะไรมาพูดว่าเธอคือผู้ชายกักขฬะกัน?”
โจวเฉิงรู้สึกดีใจทันที เซี่ยเสี่ยวหลานโกรธเพื่อเขาหรือ?
ติงอ้ายเจินพุ่งเข้ามาจะทำร้ายเซี่ยเสี่ยวหลาน โชคดีที่มือดุจคีมเหล็กของโจวเฉิงยับยั้งเธอเอาไว้ได้ทันท่วงที
“เสี่ยวหลานไม่เคยใช้เงินของผมและคุณก็เหยียดหยามเหล่าผู้หญิงที่มาซื้อเสื้อผ้าเกินไปแล้ว พวกเธอจ่ายเงินซื้อสินค้าด้วยความบริสุทธิ์ใจมีเงินก็จ่าย ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ ยังจะเป็เพราะผมได้อีกหรือ?”
เมื่อครู่ติงอ้ายเจินทำสตรีเหล่านี้ฉงนงงงวยกันไปหมด
กำลังเลือกเฟ้นเสื้อผ้าอย่างตั้งใจ กลับมีหญิงบ้าคลั่งพุ่งออกมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยกล่าวว่าเสื้อผ้าที่พวกเธอซื้อติดกลิ่นดัดจริตของจิ้งจอกสาว เงินก็จ่ายแล้วเสื้อผ้าจะไม่เอาได้หรือ?
เดินหน้าก็ลำบากถอยหลังก็ไม่ได้ในขณะที่หญิงคลั่งด่าเซี่ยเสี่ยวหลานสาดเสียเทเสียก็พลางเหมารวมว่าร้ายพวกเธอไปด้วยเช่นกัน
บอกว่าเป็เพราะชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาพวกเธอถึงล้อมเข้ามาซื้อเสื้อผ้าสินะ
เอาเถอะ มีเหตุผลนี้อยู่จริงๆ ทว่าถ้าบอกออกมาอย่างเปิดเผย ทุกคนยังจะรักษาหน้าตาได้อีกหรือ!
ด้วยคำพูดของโจวเฉิง เหล่าผู้หญิงก็หลุดจากความงุนงง คัดค้านไปตามๆ กัน
“ความคิดของคุณสกปรกเหลือเกิน!”
“พูดจาไม่รื่นหูเลย ทำธุรกิจอิสระไม่ใช่คนหรือไม่ได้ขายให้บ่าวบ้านคุณเสียหน่อย คนอื่นเขาเปลี่ยนธุรกิจไม่ได้หรือ?”
“ฉันว่าก็เพราะมีคนปากเสียของคุณอย่างนี่แหละ ต้อนคนอื่นจนทำธุรกิจเดิมต่อไปไม่ได้ถึงเปลี่ยนมาขายเสื้อผ้าสตรีน่ะสิ!”
“คุณนี่ปากคอร้ายกาจกว่าผู้ว่าการประจำเมืองเสียอีก สนฟ้าสนดินแล้วยังยุ่งกับแผงเสื้อผ้าบนถนนด้วย?”
เซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาเย้ายวนใจคน ว่ากันอย่างไม่อายเลยสตรีผู้ไหนไม่้าสะสวยแบบนี้บ้าง?
เซี่ยเสี่ยวหลานมีใบหน้าทรงเสน่ห์ที่ทำให้คนอิจฉาริษยาทำธุรกิจยังคิดเล็กคิดน้อย พูดจนน้ำลายแห้งถึงลดราคาให้สักหนึ่งหยวนสองหยวนเสื้อผ้าสวยงามก็จริง แต่เวลาควักเงินกลับเ็ปใจยิ่งนัก ตามหลักการแล้วพวกเธอควรไม่ชอบเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยซ้ำเมื่อมีคนด่าเซี่ยเสี่ยวหลานก็ควรจะปรบมือเชยชม ทำไมยังเข้าข้างเซี่ยเสี่ยวหลานได้อีก?
แน่นอนว่าเพราะหญิงบ้าคลั่งคนนี้น่ารังเกียจเกินไปแล้ว
ทุกคนพากันวิพากษ์ ติงอ้ายเจินโดนตำหนิจนหน้าหูแดงก่ำ
“ถ้าตัวเธอไม่มีอะไรให้นังจิ้งจอกปอกลอก มันจะเอาอะไรมาชอบเธอกัน?”
โจวเฉิงครุ่นคิดด้วยใบหน้าจริงจังอยู่ครึ่งนาทีเต็มๆ
“...เพราะผมหล่อเหลากว่าลูกชายของคุณ?”
เชิงอรรถ
[1]打脸 ตบหน้า ไม่ได้แปลว่าทำร้ายร่างกายจริงๆ แต่หมายถึง หักหน้า ไม่ไว้หน้า
[2]戴绿帽子 สวมหมวกเขียว หมายถึง ชายที่ภรรยามีชู้
