ตอนที่ 6 บททดสอบแห่งปัญญา
สองวันเต็ม... คือระยะเวลาที่คณะอพยพผู้รอดชีวิตลากสังขารผ่านดินแดนอันไร้ชีวิตต่อไป ซุปเห็ดและน้ำต้มเปลือกไม้หลิวได้มอบพลังให้พวกเขาพอจะก้าวเดินต่อได้ แต่เรี่ยวแรงนั้นก็ถูกความหิวโหยและความสิ้นหวังกัดกินไปทีละน้อยในทุกย่างก้าว สภาพร่างกายที่อ่อนล้าจนถึงขีดสุดสะท้อนออกมาผ่านดวงตาที่เหม่อลอยและฝีเท้าที่หนักอึ้งราวกับผูกติดไว้ด้วยโซ่ตรวน เด็กๆ เลิกร้องไห้เพราะไม่มีแม้แต่แรงจะเปล่งเสียงออกมา ความเงียบอันน่าหดหู่เข้าปกคลุมขบวนเดินทางหนักหนายิ่งกว่าครั้งไหนๆ
แต่แล้ว... ในยามที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็สีม่วงอมส้มที่งดงามแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้า ท่ามกลางความเวิ้งว้างของทุ่งหญ้าแห้งแล้งที่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นจุดสิ้นสุด... สายตาของใครคนหนึ่งก็พลันเห็นบางสิ่ง
แสงไฟสลัวๆ ดวงหนึ่ง... ไม่สิ... หลายดวง!
"นั่น... นั่นมันอะไร?" ชายคนนั้นพึมพำเสียงแหบพร่า ขยี้ตาตัวเองเพราะไม่แน่ใจว่ามันคือภาพลวงตาที่เกิดจากความหิวโหยหรือไม่
"แสงไฟ... ข้าเห็นแสงไฟ!" อีกเสียงหนึ่งะโขึ้นมา คราวนี้ดังกว่าเดิม
คำว่า "แสงไฟ" เป็เหมือนน้ำทิพย์ที่ชโลมลงบนจิตใจที่แห้งผากของทุกคน ความเหนื่อยล้าทั้งหมดที่สะสมมาหลายสัปดาห์พลันมลายหายไปในบัดดล ถูกแทนที่ด้วยพลังเฮือกสุดท้ายที่มาจากก้นบึ้งของจิตใจ ทุกคนเร่งฝีเท้าที่แทบจะก้าวไม่ออก มุ่งหน้าตรงไปยังแสงสว่างริบหรี่นั้นราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
ภาพของหมู่บ้านเล็กๆ ที่ประกอบด้วยบ้านเรือนไม้เก่าๆ ไม่กี่สิบหลังค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้น มันตั้งอยู่อย่างสงบเสงี่ยมกลางหุบเขาเล็กๆ ที่พอจะมีต้นไม้สีเขียวให้เห็นอยู่บ้าง บนป้ายไม้เก่าๆ ที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน สลักอักษรไว้ว่า.. หมู่บ้านซีเฟิง..
ทันทีที่คณะอพยพผู้มีสภาพไม่ต่างจากขอทานเดินทางมาถึงปากทาง ชาวบ้านในหมู่บ้านซีเฟิงก็พากันออกมาดูด้วยความสงสัยระคนใ แต่เมื่อเห็นสภาพอันน่าเวทนาของเด็กๆ และคนชรา ความสงสัยก็แปรเปลี่ยนเป็ความเห็นใจ
ชายชราผู้หนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็หัวหน้าหมู่บ้านก้าวออกมาเบื้องหน้า เขามีใบหน้ากร้านแดดแต่แววตากลับเปี่ยมด้วยความเมตตา "พวกท่าน... เดินทางมาจากไหนกันรึ?"
หลี่ต้าเกอในฐานะตัวแทน ก้าวออกไปแล้วประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม "พวกเราเป็ผู้อพยพหนีภัยแล้งมาจากทางเหนือขอรับท่านผู้ใหญ่บ้าน เดินทางมาหลายเดือนแล้ว เสบียงหมดสิ้น หนทางก็ตีบตัน ได้โปรดเมตตาให้พวกเราได้พักพิงและขอน้ำดื่มสักเล็กน้อยเถิดขอรับ"
ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจยาว มองไปยังชาวบ้านของตนที่ยืนอยู่ด้านหลัง แล้วพยักหน้าช้าๆ "หมู่บ้านของเราก็ไม่ได้อุดมสมบูรณ์นัก แต่การจะปล่อยให้พวกท่านอดตายอยู่หน้าบ้าน ก็ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์พึงกระทำ... เข้ามาข้างในก่อนเถิด เรามีข้าวต้มร้อนๆ พอจะแบ่งปันให้พวกท่านได้ประทังความหิว"
น้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจไหลอาบแก้มของเหล่าผู้อพยพ พวกเขาก้มหัวขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะเดินตามชาวบ้านเข้าไปในหมู่บ้านราวกับผู้ที่เพิ่งฟื้นจากความตาย
ค่ำคืนนั้น โรงนาเก่าๆ หลังหนึ่งถูกจัดให้เป็ที่พักพิงชั่วคราว ชาวบ้านซีเฟิงนำข้าวต้มร้อนๆ ที่แม้จะใสไปบ้าง และหมั่นโถวคนละลูกมาแบ่งปันให้ สำหรับผู้ที่อดอยากมาหลายวัน นี่เป็ดั่งอาหารจากสรวง์
ระหว่างที่ทุกคนกำลังพักผ่อนและซึมซับความกรุณาที่ได้รับ หลี่ซานกลับไม่ได้พักเลย สายตาของแพทย์ในตัวนางสังเกตเห็นว่าชาวบ้านซีเฟิงหลายคนก็มีอาการเจ็บป่วยซ่อนอยู่ บ้างก็ไอเรื้อรังไม่หาย บ้างก็มีผื่นคันตามิั เด็กบางคนมีน้ำมูกไหลตลอดเวลา และคนชราหลายคนก็เดินขากะเผลกด้วยอาการปวดข้อ
หัวใจของนางเปี่ยมด้วยความรู้สึกขอบคุณ และนางรู้ดีว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะตอบแทนน้ำใจของพวกเขาได้ คือการใช้ความสามารถของนางช่วยเหลือพวกเขา
รุ่งเช้าวันต่อมา ขณะที่คนอื่นๆ ยังคงพักฟื้นร่างกาย หลี่ซานก็เดินสำรวจไปรอบๆ หมู่บ้าน ในอกเสื้อของนาง พู่กันหยกสั่นะเืเบาๆ พร้อมกับเรืองแสงอ่อนๆ ทุกครั้งที่นางเข้าใกล้พืชสมุนไพร มันทำหน้าที่เป็ดั่งเครื่องนำทางและสารานุกรมเคลื่อนที่ชั้นยอด
นางเห็นเด็กคนหนึ่งกำลังไออย่างรุนแรงจนหน้าดำหน้าแดง ผู้เป็แม่ได้แต่ลูบหลังให้ด้วยความเป็ห่วง หลี่ซานเดินเข้าไปอย่างนอบน้อม
"ท่านป้าเ้าคะ ลูกของท่านไอรุนแรงเช่นนี้มานานแล้วหรือยัง?"
ผู้เป็แม่หันมามองนางอย่างแปลกใจ "ใช่จ้ะคุณหนู เป็มาหลายสัปดาห์แล้ว กินยาต้มรากไม้ของท่านหมอเฒ่าก็ไม่ดีขึ้นเลย"
หลี่ซานแอบใช้พู่กันหยกสแกนดูอาการของเด็กอย่างรวดเร็ว หลอดลมอักเสบ มีเสมหะเหนียวข้น ข้อมูลปรากฏขึ้นในใจ นางกวาดตามองไปรอบๆ และพู่กันก็ชี้ทางไปยังต้นโลควอท (ต้นปี่แป่) ที่ขึ้นอยู่หลังบ้านหลังหนึ่ง
"ท่านป้า ลองเก็บใบปี่แป่แก่ๆ สักสี่ห้าใบมาล้างให้สะอาด แล้วต้มกับน้ำผึ้งเล็กน้อย ให้ลูกของท่านดื่มเช้าเย็นนะเ้าคะ มันจะช่วยขับเสมหะและบรรเทาอาการไอได้"
ผู้เป็แม่มองนางอย่างลังเล แต่เมื่อเห็นแววตาที่จริงจังและมั่นใจของเด็กสาว นางก็ตัดสินใจที่จะลองดู
จากนั้นหลี่ซานก็เดินไปหาชายชราที่กำลังนวดหัวเข่าของตนเองอยู่ "ท่านลุงปวดเข่ามากหรือเ้าคะ?"
"โอ๊ย... ปวดจนแทบจะเดินไม่ไหวแล้วล่ะคุณหนู ยิ่งอากาศชื้นๆ ยิ่งปวด"
ภาวะข้ออักเสบจากความเย็นและความชื้นสะสม พู่กันหยกวินิจฉัย นางมองหาสมุนไพรที่้าแล้วชี้ไปยังพุ่มไม้เล็กๆ ที่มีใบเรียวแหลม "ท่านลุง ลองเก็บใบของต้นอ้ายเยว่ (โกฐจุฬาลัมพา) มาตำแล้วพอกที่หัวเข่าดูนะเ้าคะ ความร้อนของมันจะช่วยไล่ความเย็นและความชื้น ทำให้เืลมไหลเวียนดีขึ้น"
การกระทำของหลี่ซานอยู่ในสายตาของชาวบ้านตลอดเวลา ในตอนแรกพวกเขาเพียงมองด้วยความสงสัย แต่เมื่อแม่ของเด็กที่ไอได้ต้มยาใบปี่แป่ให้ลูกดื่ม แล้วอาการไอก็ทุเลาลงอย่างน่าอัศจรรย์ และเมื่อชายชราได้พอกยาที่หัวเข่าแล้วรู้สึกอุ่นสบายและปวดน้อยลง...
เสียงกระซิบกระซาบก็เริ่มดังขึ้น
"เด็กสาวจากคณะอพยพคนนั้น... มีความรู้เื่ยาจริงๆ ด้วย!"
"นางแค่มองดูก็รู้แล้วว่าต้องใช้สมุนไพรอะไร เก่งกว่าหมอบางคนเสียอีก!"
"นางคือหมอหญิงน้อยเทวดาแน่ๆ!"
ข่าวลือเื่ "หมอหญิงน้อยผู้รักษาโรคได้" แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านซีเฟิงอย่างรวดเร็ว และในที่สุด มันก็เดินทางไปถึงหูของ ท่านหมอเฒ่าจาง หมอพื้นบ้านเพียงคนเดียวของหมู่บ้านแห่งนี้
ท่านหมอเฒ่าจางเป็ชายชราวัยเจ็ดสิบปี ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลา ผมและเคราขาวโพลน แต่ดวงตากลับยังคงสดใสและเปี่ยมด้วยปัญญา เขาสวมเสื้อผ้าผ้าฝ้ายสีมอซอ นั่งอยู่ในกระท่อมเล็กๆ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นสมุนไพร ความรู้ของเขาไม่ได้ลึกซึ้งนัก ส่วนใหญ่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษและประสบการณ์ที่สั่งสมมานานหลายสิบปี เมื่อได้ยินข่าวลือ เขาก็รู้สึกทั้งทึ่งและกังขาอยู่ในที
"หมอหญิงน้อยรึ? อายุเพียงเท่านั้น จะไปมีความรู้อะไรกัน" เขาพึมพำกับตัวเอง แต่ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจที่จะไปพิสูจน์ให้เห็นกับตา
บ่ายวันนั้น ท่านหมอเฒ่าจางก็เดินทางมายังโรงนาที่พักของคณะอพยพด้วยตนเอง เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้น ทุกคนต่างรีบลุกขึ้นคารวะด้วยความเคารพ
"สวัสดีเ้าค่ะ ท่านหมอเฒ่า" หลี่ซานที่กำลังบดสมุนไพรอยู่รีบลุกขึ้นคำนับอย่างนอบน้อม
ท่านหมอเฒ่าจางมองสำรวจเด็กสาวร่างบางั้แ่หัวจรดเท้า แววตาของเขาคมปลาบราวกับจะมองทะลุเข้าไปถึงข้างใน "ข้าคือจางซ่ง ผู้ดูแลการเจ็บไข้ของคนในหมู่บ้านนี้ ได้ยินมาว่าเ้ามีความรู้เื่ยา และได้ช่วยรักษาชาวบ้านของเราไว้หลายคน?"
หลี่ซานยิ้มอย่างถ่อมตน "ข้าเพียงใช้ความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่เคยศึกษามาเ้าค่ะ เห็นพวกเขาทุกข์ร้อนก็อยากจะช่วยเหลือเท่าที่ทำได้"
"ความรู้เล็กน้อยรึ?" ท่านหมอเฒ่าจางแค่นเสียงเบาๆ "ข้าถามเ้าหน่อยเถิด เมื่อเช้านี้เ้าไปบอกให้ภรรยาของอาหลิวที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ กิน 'หวู่เจียผี' เพื่อระงับอาการปวดท้องใช่หรือไม่?"
นี่คือบททดสอบแรก! หัวใจของหลี่ซานเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ตอบกลับไปอย่างฉะฉาน "ใช่เ้าค่ะ หวู่เจียผีมีฤทธิ์บำรุงม้ามและไต ขับความชื้น และระงับปวดได้ ทั้งยังช่วยบำรุงครรภ์ในไตรมาสแรก ไม่เป็อันตรายต่อทารกในครรภ์เ้าค่ะ"
ท่านหมอเฒ่าจางถึงกับเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย! หวู่เจียผีเป็สมุนไพรที่คนส่วนใหญ่รู้เพียงว่าใช้รักษาอาการปวดข้อ แต่สรรพคุณในการบำรุงครรภ์นั้นมีกล่าวถึงเพียงในตำราแพทย์โบราณที่หายากยิ่ง ไม่ใช่ความรู้ที่หมอพื้นบ้านทั่วไปจะรู้ได้
"น่าสนใจ..." เขาลูบเคราสีขาวของตนเอง "แล้วใบปี่แป่ที่เ้าให้เด็กคนนั้นเล่า เ้ารู้ได้อย่างไรว่าต้องใช้ใบแก่ ไม่ใช่ใบอ่อน?"
"ใบอ่อนมีขนเล็กๆ ที่อาจทำให้ระคายเคืองคอและไอหนักกว่าเดิมเ้าค่ะ ต้องใช้ใบแก่ที่ขูดขนด้านหลังออกก่อนจึงจะได้ผลดีที่สุด" หลี่ซานตอบอย่างไม่ลังเล
คราวนี้แววตาของท่านหมอเฒ่าจางเปลี่ยนจากความกังขาเป็ความทึ่งอย่างแท้จริง เขามองลึกลงไปในดวงตาของหลี่ซาน "เ้าไปเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาจากที่ใดกัน? เด็กสาว... ข้าเป็หมอมาห้าสิบปี ยังไม่เคยพบเคยเห็นใครที่อายุเท่าเ้าจะมีความรู้ลึกซึ้งถึงเพียงนี้"
หลี่ซานอึกอักไปชั่วขณะ นางจะบอกความจริงเื่พู่กันหยกได้อย่างไร "ข้า... ข้าเพียงโชคดีได้อ่านเจอในตำราเก่าๆ ที่บิดาเคยเก็บไว้เ้าค่ะ"
ท่านหมอเฒ่าจางจ้องหน้านางนิ่ง ราวกับจะค้นหาความจริงในคำพูดนั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วยิ้มอย่างใจดี "เอาเถิด... ตำราเก่าๆ ก็ตำราเก่าๆ ไม่ว่าเ้าจะเรียนรู้มาจากที่ใด ความสามารถของเ้าเป็ของจริง และมันเป็พร์ที่จะช่วยเหลือผู้คนได้อีกมากมาย"
เขาหันไปมองรอบๆ ที่พักอันซอมซ่อ "หมู่บ้านซีเฟิงของเราคงจะเล็กเกินไปสำหรับความสามารถของเ้า แต่หากเ้าไม่รังเกียจ... ข้ามีข้อเสนอ"
ทุกคนโดยรอบต่างเงียบกริบ รอฟังคำพูดของหมอเฒ่า
"มาเป็ผู้ช่วยของข้าเถิด" ท่านหมอเฒ่าจางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง "กระท่อมยาของข้ายังพอมีที่ว่างให้เ้าได้ซุกหัวนอน ครอบครัวของเ้าก็จะได้พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ได้อย่างสบายใจ มาช่วยข้ารักษาผู้คน และข้าเองก็จะสอนความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดที่ข้ามีให้กับเ้าเป็การแลกเปลี่ยน"
หลี่ซานรู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาด! นี่คือโอกาสที่นางใฝ่ฝัน! โอกาสที่จะได้เรียนรู้การแพทย์ในยุคนี้อย่างเป็ระบบ ได้ฝึกฝนความสามารถ และที่สำคัญที่สุด คือการมีที่พักพิงที่ปลอดภัยสำหรับครอบครัว!
นางหันไปมองพ่อและแม่ที่ยืนน้ำตาคลออยู่ข้างๆ ทั้งสองพยักหน้าให้นางด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจ
หลี่ซานไม่ลังเลอีกต่อไป นางคุกเข่าลงแล้วโค้งคำนับท่านหมอเฒ่าจางอย่างนอบน้อมที่สุด "ศิษย์... ศิษย์หลี่ซาน ขอคารวะท่านอาจารย์! ข้าจะตั้งใจศึกษาเรียนรู้จากท่าน และช่วยเหลือท่านอย่างสุดความสามารถเ้าค่ะ!"
รอยยิ้มอันอบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของหมอเฒ่า "ดี... ดีมาก! ลุกขึ้นเถิด... พรุ่งนี้เช้า ให้เ้ามาหาข้าที่กระท่อมยา"
วันนั้นเอง ชีวิตบทใหม่ของหลี่ซานก็ได้เริ่มต้นขึ้นในฐานะผู้ช่วยของท่านหมอเฒ่าจางแห่งหมู่บ้านซีเฟิง นางไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเปิดประตูสู่โลกแห่งการแพทย์โบราณที่ลึกล้ำ แต่ยังเป็จุดเริ่มต้นของการไขปริศนาบางอย่างเกี่ยวกับพู่กันหยกในมือของนาง... ความลับที่อาจจะซ่อนอยู่ในกระท่อมยาอันเก่าแก่ของท่านหมอเฒ่าจางนั่นเอง...